ตอนนี้พายุมพาคนร้ายมานึงอยู่ที่เก้าอี้แล้วดึงผ้าคลุมสีดำออก
"ต้องปิดปากเขาไว้ด้วยเหรอ" ปูนปั้นถามเพราะเห็นว่ามีเทปปิดปากของเขาไว้อยู่ "ตลอดทางมานี้ไอ้นี่มันร้องโวยวายตลอดเลยครับ พวกผมรำคาญก็เลยเอาเทปแปะไว้ก่อน" พายุตอบ ปูนปั้นถอนห่ยใจออกมาแล้วเดินเข้าไปแกะเทปออกให้เขา "พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ! ประเทศนี้มันมีกฎหมายนะเว้ย คอยดูเถอะผมจะไปแจ้งตำรวจมาจับพวกคุณให้หมดเลย" ผู้ชายคนนั้นต่อว่าทุกคนออกมาอย่างเสียงดังโดยไม่มีความสำนึกอะไรเลย "คุณทำแบบนั้นทำไม" ปูนปั้นถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาโกรธมากนะยิ่งรู้ว่าคนที่อยู่ตรวหน้าเป็นคนมำให้ร้านของเขาเสียหายเขายิ่งรู้สึกโกรธแต่ด้วยความที่เขาอยากเจรจาสอบถามเหตุผลกับคนตรงนั้นเขาเลยต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ก่อน "ผมทำอะไร" ชายคนนั้นตอบตาใสเหมือนกับตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ "คุณมาพ่นสีที่ร้านผมทำไม" ปูนปั้นถาม สีหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหลบตาปูนปั้น "ผมสีอะไร~ ผมไม่ได้" คนร้ายยังคงปฏิเสธทุกอย่างอย่างหน้าตาเฉย "ไม่ได้ทำบ้าอะไร คิดว่าพวกเราจะจับตัวแกมาทั้งที่ไม่มีหลักฐานหรอ" พายุพูด "ผมไม่รู้ ผมไม่ได้ทำ" คนร้ายตอบ "ได้~งั้นเดี๋ยวฉันจะพานายได้ส่งให้ตัำรวจสอบปากคำเอง ดูสิว่าอยู่ต่อหน้าตำรวจแล้วนายยังจะยืนยันคำเดิมอีกไหม" พายุพูดแล้วเดินเข้าไปพยุงคนร้ายขึ้นมา "ไม่ๆๆ อย่านะๆ ผมบอกแล้ว" คนร้ายมีท่าทีหวาดกลัวขึ้นมาทันทีจน พายุปล่อยเขาลงแล้วถอยกลับมทยืนที่เดิม "ผมไมได้อยากทำนักหรอกแต่ว่าผมถูกจ้างมาอ่ะ" คนร้ายพูด "ใครจ้าง" ปูนปั้นถาม คนร้ายหลบตาปูนปั้นเหมือนกลัวที่จะพูดชื่อคนว่าจ้างออกมา "ใครจ้าง!" พายุถามเสียงดัง "คือ...คือ...ผมบอกไม่ได้อ่ะ" คนร้ายยังคงไม่กล้าพูดชื่อคนนั้นก่อนมา "ถ้านายบอกไม่ได้~ ฉันจะให้คนเอาเรื่องที่นายติดยาและแอบพ่นสีใส่หน้าร้านคนอื่นจนถูกดำเนินคดีไปบอกยายนายที่บุรีรัมย์ซะ" พายุพูดจบคนร้ายก็มีอาการตกใจอย่างมากที่พายุรู้ข้อมูลส่วนตัวของเขาจนถึงขนาดว่ารู้ว่าบ้านเกิดของเขาอยู่ที่บุรีรัมม์แถมยังรู้ว่าเขาอยู่กับยายแค่สองคนอีกด้วย "คุณรู้เรื่องนี้ได้ไง" คนร้ายถาม "ฉันรู้เยอะยิ่งกว่านี้อีก...เอาไงให้ฉันไปบอกยายนายตอนนี้เลยไหม" พายุพูด "อย่านะ อย่าให้ยายผมรู้เรื่องนี้เด็ดขาดเลยนะ เธอแก่แล้วพวกคุณอย่าไปยุงกับเธอ" คนร้ายตอบด้วยสีหน้าอ้อนวอนสุดๆ "งั้นก็บอกมาว่าคนที่จ้างนายเป็นใคร" พายุพูด คนร้ายก้มหน้าแล้วเหมือนพยายามคิดอยู่ว่าควรตอบยังไง "เมย์ใช่ไหม" ปูนปั้นถามออกไปหลังจากที่ยืนเงียบมาสักพัก ก่อนหน้านี้เขาทะเลาะกันเมย์อย่างรุนแรงและก็มีแค่เมย์คนเดียวเท่านั้นที่มีปัญหากับเขาเพราะงั้นนอกจากเมย์แล้วเขาก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครอีกที่โกรธแค้นจนอยากจะทำลายเขา "ฮะ?" คนร้ายอุทานออกมา "เมย์...เมย์ไหนอ่ะ" คนร้ายถาม ปูนปั้นกับหมิงหันหน้ามองกันอย่างงงๆ เพราะตอนแรกหมิงเองก็คิดว่าเป็นเมย์เหมือนกัน "ไม่ใช่เมย์เหรอ" หมิงถาม "ไม่ใช่ ผมไม่รู้จักคนชื่อเมย์ที่คุณพูดเลยด้วยซ้ำ" คนร้ายตอบ "งั้นก็พูดมาสิว่าใครเป็นคนจ้างนาย" พายุถาม คนร้ายถอนหายใจออกมาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้แล้ว "เสี่ยชัช" คนร้ายตอบ ปูนปั้นงงไปเลยเพราะตัวเขาเองไม่รู้จักเสี่ยนพคุณเลย ชาวบ้านโดยรอบบริเวณนี้เขารู้จักทุกคนแต่ชื่อเสี่ยชัชเขาเองเพิ่งจะเคยได้ยินครั้งแรกเลย "อย่ามาโกหก ผมไม่รู้จักเสี่ยชัชอะไรของคุณเลยแล้วแบบนี้พวกเราจะมีความแค้นต่อกันได้ไง" ปูนปั้นถาม "ผมไม่รู้ ผมแค่ถูกจ้างมาให้ทำแบบนั้นก็เลยต้องทำ" คนร้ายตอบ "เขาจ้างคุณเท่าไหร่คุณถึงยอมทำเรื่องผิดกฎหมายแบบนี้ได้อ่ะ" ปูนปั้นถาม " 5,000 " คนร้ายตอบ "ค่า 5,000 คุณก็ยอมเขาแล้วหรอ คุณรู้ไหมว่าถ้าผมเอาเรื่องคุณเงิน 5,000 ที่คุณได้มามันโครตไม่คุ้มกันเลย" ปูนปั้นพูดออกไปด้วยความโมโห "คุณมีเงินคุณก็พูดได้ดิ! ผมต้องส่งเงินกลับไปให้ยายทุกเดือนต้องทำงานห่ามรุ่งห่ามค่ำเพื่อหาเงินมาต่อชีวิต อย่าว่าแต่ 5,000 เลยแค่พันเดียวผมก็ยอมแล้ว" คนร้ายตอบ "เรื่องนี้โทษใครไม่ได้ คุณต้องหาเงินผมเข้าใจและที่คุณบอกว่าเงินไม่พอใช้อันนี้ผมก็เข้าใจแต่ที่คุณต้องทำแบบนี้เพราะอยากได้เงินผมไม่เข้าใจ คุณบอกว่าไม่มีเงินแต่คุณกลับไปเล่นยาเสพติดทำเรื่องผิดกฎหมายแล้วแบบนี้คุณยังหวังให้ใครเขาไปเข้าใจคุณอีกอ่ะ" ปูนปั้นพูด "ก็ถ้าผมไม่เล่นผมก็จะไม่มีแรงทำงาน ผมทำงานทั้งเช้าทั้งเย็นร่างกายแทบไม่พักผ่อนถ้าผมไม่เล่นมันผมจะเอากำลังที่ไหนทำงาน" คนร้ายตอบ "มันเป็นข้ออ้างทั้งนั้น!!" ปูนปั้นตวาดกลับไปเสียงดัง "ถ้าคุณถูกตำรวจจับแม้แต่งานก็จะไม่มีให้คุณทำถ้าเป็นแบบนั้นยายคุณจะอยู่ยังไง คุณจะอยู่ยังไง เธอจะเสียใจแค่ไหนที่เห็นหลานตัวเองต้องไปนอนอยู่ในคุก" ปูนปั้นพูด คนร้ายหันหน้าหนีปูนเหมือนไม่อยากฟังที่เขาพูด "ให้ผมเรียกตำรวจเลยไหมครับคุณปูนปั้น" พายุถาม ปูนปั้นมองไปที่คนร้ายและเห็นว่าให้การแสดงออกที่ดูเย็นชานั่นกลับมีแววตาที่ดูสั่นไหวอยู่บ้าง "ปล่อยเขาไปเถอะครับ" ปูนปั้นตอบ "ฮะ!" พายุอุทานออกมาด้วยความสงสัย คนร้ายหันกลับมามองปูนปั้นทันทีด้วยสีหน้าแปลกใจ "ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่กลับมายุ่งกับร้านของผมอีกผมก็จะให้โอกาสคุณ" ปูนปั้นพูด คนร้ายมองหน้าปูนปั้นเหมือนไม่อยากจะเชื่อ "คุณจะปล่อยผมไปจริงเหรอ" คนร้ายถาม "คุณรับปากกับผมได้ไหมละ" ปูนปั้นถาม "ได้ ผมรับปาก! ผมจะไม่กลับมาเหยียบที่ร้านนี้อีกผมจะไม่ยุ่งกับพวกคุณอีก ขอแค่พวกคุณปล่อยผมไปผมสัญญาว่าผมจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม" คนร้ายตอบอย่างกระคือรือร้น ปูนปั้นหันหน้าไปหาพายุแล้วพยักหน้าบอกเขาเป็นสัญญาณว่าให้ปล่อยผู้ชายคนนี้ไปซะ พายุถอนหายใจแล้วเดินไปแก้มัดให้คนร้ายอย่างเสียดาย เขาอยากสั่งสอนคนพวกนี้สักครั้งเพื่อเป็นบทเรียนแต่ก็รู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของปูนปั้นกับคนร้ายเท่านั้นดังนั้นเขาเลยไม่พูดคัดค้านอะไร พอพายุแก้มัดเชือกที่ข้อมูกให้คนร้ายก็รีบลุกแล้วเดินไปที่ประตูทันทีเพื่อหนีออกไปแต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกจาประตูก็ได้หันกลับมามองที่ปูนปั้นอีกครั้ง "ขอบคุณนะ" พูดจบคนร้ายก็รีบวิ่งหนีออกไปเลย "น่าเสียดายจริงๆ" พายุบ่นออกมาเบาๆ "ทีนี่ก็อรื่องของคุณบ้าง" ปูนปั้นหันไปหาพายุ "อะไรครับ" พายุถาม "ทำไมคุณถึงมาช่วยจับคนร้ายให้ผมล่ะ" ปูนปั้นถาม "ก็เป็นคำสั่งของคุณเทียนไงครับ เมื่อเช้าคุณเทียนไม่ได้บอกคุณปูนปั้นเหรอ" พายุตอบ ปูนปั้นนิ่งไปทันทีเพราะนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเผลอพูดจาไม่ดีใส่เทียนไปก่อนหน้านี้ "เป็นอขาอีกแล้วเหรอ" ปูนปั้นพูดกับตัวเองเบาๆด้วยความรู้สึกผิด "เอ่อ~ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ" พายุพูดแต่ปูนปั้นไม่ได้สนใจเขาเลย หมิงเลยต้องหันมาตอบแทน "ขอบใจมากนะพายุ" หมิงพูด "ครับคุณหมิง ผมไปก่อนนะครับ" พายุตอบ หมิงพยักหน้าตอบจากนั้นพายุก็เดินออกจากร้านไปเพื่อแล้วก็ขึ้นรถกลับบ้านไป หมิงหันมามองปูนปั้นที่เงียบไปผิดปกติแถมยังทำหน้าเศร้าอีกด้วย "ปูนปั้น...ปูนปั้น...ปูนปั้น" หมิงเรียกปูนปั้นอยู่หลายครั้งแต่เขาก็ไม่ตอบเลยยกมือขึ้นไปแตะที่ไหล่เขาเบาๆ จนเขารู้สึกตัว "คะ ครับพี่หมิง" ปูนปั้นตอบ "เป็นอะไรหรือเปล่า" หมิงถาม "อ๋อ~เปล่าครับ" ปูนปั้นตอบ "แล้วทำไมถึงเงียบไปล่ะ" หมิงถาม "ผมแค่กำลังคิดว่าเสี่ยชัชเขาเป็นใครทำไมต้องมาทำร้ายผมด้วยก็แค่นั้นน่ะครับ" ปูนปั้นตอบปัดๆ ไปแต่สีหน้าของหมิงกลับแสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกแย่มาก "พี่หมิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ปูนปั้นถามด้วยความเป็นห่วง "พี่ขอโทษนะ" หมิงก้มหน้าตอบด้วยความรู้สึกผิด "ขอโทษ? ขอโทษผมเรื่องอะไรครับ" ปูนปั้นถาม "เป็นเพราะพี่เองอ่ะร้านเลยต้องเป็นแบบนี้" หมิงตอบ "พี่หมิงพูดออกมาให้ชัดเจนหน่อยได้ไหมครับ" ปูนปั้นถามด้วยความสงสัย "พี่ไปกู้เงินจากเสี่ยชัชมาเอง" หมิงตอบ "ฮะ~" ปูนปั้นอุทานออกมาเบาๆ อย่างตกใจ17:45 น.ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์) ปูนปั้นใช้มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ยังไม่ลืมตา"ฮัลโหลลล~""ทำไมเสียงเป็นงั้นอ่ะนี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอปูน คนอื่นเขามารวมตัวกันแล้วนะ" เอมม่าพูด"ตื่นแล้ว" "เสียงยังงัวเงียอยู่เลย เนี่ยพี่ให้ทางรีสอร์ทเขาจัดโต๊ะให้หน้าหาดแล้วกำลังจะตั้งเตาเลย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินด้วยกันนะ" "รู้แล้ววว เดี๋ยวตายไปนะ""เร็ว ๆ เข้าล่ะ ช้าหมดอดกินนะ" "คร้าบบบ" ปูนปั้นลุกจากเตียงทั้งที่ยังคงง่วงอยู่เพราะก่อนหน้านี้เขาทานยาแก้เมาเรือไป เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูและขอใช้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำจากนั้นก็ออกมาใส่เสื้อผ้าด้านนอก เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสั้นสีขาวมาใส่จากนั้นก็ประทินผิวฉีดน้ำหอมนิดหน่อยก็พร้อมออกไปเจอกับทุกคนแล้ว บรรยากาศตอนเย็นเงียบสงบต่างจากตอนกลางวันมากและช่วงดีที่รีสอร์ทมีพื้นที่หน้าหาดเป็นของตัวเองมันเลยพื้นความเป็นส่วนตัวได้เป็นพิเศษ ปูนปั้นก้าวเท้าออกจากบ้านพักเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งดังแผ่ว ๆ ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่ส่องนำทางให้เขาเดินไปตามหาดทรายขาวนุ่มเท้าในใจได้แต่คิดว่าถ้ามีเทียนอยู่ท
14 กุมภาพันธ์บรรยากาศการเดินทางไปเกาะราชาช่างเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะของเหล่าพนักงานของร้าน Happy Time แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้มาครบทุกคนเพราะบางคนอยากใช้เวลากับคนรักของตนแต่บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังตลอดทาง บ้างก็พากันชี้นกชี้ไม้เอ่ยชมความงามของท้องทะเลไม่ขาดปาก ความใสของน้ำทะเลที่ไล่เฉดสีฟ้าครามและเขียวมรกตเหมาะกับการถ่ายรูปเก็บไว้มาก ๆ เมื่อมาถึงเกาะทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำแล้วนั่งรวมตัวกันอีกทีช่วงเย็นเพื่อไปทานอาหารด้วยกันส่วนปูนปั้นขอแยกกับไปนอนพักก่อนเพราะเขาบอกกับทุกคนว่ารู้สึกเมาเรือตอนแรกเอมม่าก็ว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อแต่เขาก็ปฏิเสธเพราะไมาอยสกให้พี่สาวหมดสนุก ปูนพักเดินเข้ามาในห้องพักด้วยความรู้สึกเหงา เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเห็นรูปตัวเองกับเทียนที่ตั้งอยู่บนหน้าจอก็ยิ่งทำให้คิดถึงเข้าไปใหญ่ ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์เข้า)ปูนปั้นยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าเทียนวิดีโอคอลมาหาเขา เขารีบกดรับด้วยความดีใจ ภาพขอเทียนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ background ด้านหลังเป็นห้องสีขาวและชั้นเอกสารมากมาย
กุ๊กไก่และธูปเดินเที่ยวภายในงานอย่างตื่นเต้น พวกเขาพากันแวะซื้อของอร่อยกินนตลอด ผลัดกันป้อนไปมาจนตอนพุงกางกันไปแล้ว "ไม่เคยมาเลยอ่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเงียบไม่คึกครื้นแบบในกรุงเทพแต่ที่ไหนได้คนเยอะแยะไปหมดเลย ของกินก็อร่อยมากด้วย" กุ๊กไก่มองไปรอบ ๆ งานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"ผมถึงได้บอกไงว่าพี่ควรออกจากกรุงเทพมาเที่ยวที่อื่นบ้าง จะได้รู้ว่าที่ประเทศไทยอ่ะไม่ได้มีดีแค่ในกรุงเทพนะ" "จ้า รู้แล้วจ้าพ่อคูณณณ~" สีหน้าติดรำคาญของกุ๊กไก่เป็นสิ่งที่ธูปได้เห็นเป็นประจำทุกวันแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกไม่โอเคเลยกลับกันเขาดันรู้สึกชอบมันด้วยซ้ำเพราะมันทำให้กุ๊กไก่ดูน่ารักขึ้นมากต่างจากตอนทำงานที่เขามันจะชอบทำหน้าบึ้งตึงเหมือนไร้อารมณ์จนดูน่ากลัวอยู่ตลอดเวลา นี่ถ้าไม่ได้มาลองสัมผัสกับตัวเองเขาคงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างกุ๊กไก่จะมีมุมน่ารัก ๆ แบบนี้ด้วยเหมือนกัน "เฮ้ย! เสื้อผ้าร้านนู้นสวยมากเลยอ่ะ ไปดูกันไหม" กุ๊กไก่ชี้ไปที่ร้านเสื้อม่อฮ่อม"เอาสิ" กุ๊กไก่เดินนำธูปไปที่ร้านเสื้อผ้า"สวัสดีเจ้า บะฮู้ว่าลูกค้าเป๋นตี้สนใจ๋ชุดไหนเจ้า" แม่ค้าสอบถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะมาก ๆ"อันนี้คือชุดม่อฮ่อมใช่ไหมครับ" กุ
มาถึงห้องพักทั้งคู่ก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วขึ้นนอนบนเตียงพักผ่อนจากความเหนื่อยล้ากันอย่างจริงจัง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ดึกมาแล้ว ธูปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนมีคนกำลังทำอะไรกับร่างกายเขาอยู่และภาพตรงหน้าที่เขาเห็นก็คือกุ๊กไก่กำลังทายาและนวดขาให้เขา"พี่ทำอะไรอ่ะ" "ตื่นแล้วเหรอ""อืม""ฉันเห็นนายเดินมาตั้งไกลแถมยังแบกของหนัก ๆ อีกด้วยเลยคิดว่านายคงปวดร้าวไปทั้งตัว""พี่เองก็เดินมาไกลเท่ากับผมนั้นแหละ""แต่ฉันก็ยังสบายกว่านายเยอะ...ทายาเสร็จแล้วก็ไปล้างหน้าเถอะ ฉันสั่งข้าวเอาไว้ให้แล้วจะได้มากินพร้อมกัน" กุ๊กไก่ตอบแล้วก็ลุกออกไป ธูปสังเกตเห็นสีหน้าของกุ๊กไก่แปลกไปไม่ค่อยสดใสร่าเริงเลยรู้สึกเป็นห่วง"ไม่สบายหรือเปล่า" กุ๊กไก่ส่ายหัวตอบแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้ว ธูปไม่ถามอะไรมากเขาลุกไปล้างหน้าแล้วมานั่งที่โต๊ะเพื่อทานอาหารพร้อมกันกับกุ๊กไก่"อร่อยนะเนี่ย" ธูปพูดเสียงแจ๋วแต่กุ๊กไก่กลับไม่ตอบอะไรเลย เขาก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองอย่างเงียบ ๆ จนธูปไม่สบายใจ เขาวางช้อนลงแล้วมองไปที่กุ๊กไป่ชัด ๆ"พี่เป็นอะไร""เปล่า""เปล่าแล้วทำไมไม่คุยกับผม""ฉันแค่เหนื่อยเฉย ๆ""งั
ธูปกับกุ๊กไก่นั่งกันอยู่คนละฝั่ง ซึ่งระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันกุ๊กไก่ยังคงทำหน้าบูดบึ้งไม่คุยกับธูปสักคำส่วนธูปก็เอาแต่จ้องเขาเหมือนอยากจะชวนคุยแต่ก็ไม่กล้า "เลิกจ้องฉันสักทีได้ป่ะ" กุ๊กไก่ทนไม่ไหวหันมาดุธูป "นี่พี่โกรธผมเหรอ" "ฉันไม่ได้โกรธ" "เห็นอยู่ว่าโกรธ" กุ๊กไก่ถอนหายใจแล้วกอดอกหันหน้าไปมองทางวิวทางด้านนอกแทน "ผมขอโทษ...ผมไม่ได้อยากให้เราทะเลาะกันจริง ๆ แต่ที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะว่า-" "เพราะว่านายเบื่อที่ฉันเรื่องมากและก็ขี้งกใช่ไหมล่ะ...ขอโทษนะที่ฉันทำให้ทริปของนายมันพังแบบเนี่ย" "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมแค่อยากให้เราได้มาถึงที่พักไว ๆ จะได้พักผ่อนแล้วก็หาอะไรอร่อย ๆ กินกัน ตั้งแต่เช้าพวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยแถมตอนที่พวกเราเดินหารถมันก็ร้อนมาก ๆ ผมเห็นเหงื่อพี่แตกเต็มตัวไปหมดเกินพี่เป็นลมขึ้นมาผมคงรู้สึกผิดที่พาพี่มาลำบากแบบนี้" น้ำเสียงที่ฟังดูเสียใจของธูปทำให้กุ๊กไก่เย็นลงทันที เขาหันกลับมาหาธูปมองดูใบหน้าที่กำลังฉายแววเศร้าอยู่ "ช่างมันเถอะ ฉันเอง...ฉันเองก็เรื่องมากจริง ๆ นั่นแหละ" "ผมรู้นะว่าพี่ไม่ได้เรื่องมากหรอกแต่พี่แค่เกรงใจผม พี่กลัวว่าผมจะต้องจ
ปูนปั้นตื่นขึ้นมาหลังได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตัวเองตั้งไว้ก่อนนอนเพราะกลัวว่าจะลุกไม่ทันนัดของดาริน เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาปิดเสียงกลัวมันจะดังรบกวนเทียน เขามองดูเทียนที่นอนถอดเสื้อแล้วก้มลงไปจุ๊บที่แก้มของเขาจากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขอลงจากเตียงเทียนก็ดึงเขาลงมากอดไว้ในอกซะแล้ว"แกล้งหลับเหรอ" "เปล่าซะหน่อยแต่พอดีมีคนมาขโมยจุ๊บเลยตื่น""ตื่นแล้วก็ปล่อยผมต้องไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำบุญกับแม่อีก""ไปตั้ง 7 โมงค่อยอาบก็ได้หรอก""ไม่ได้เดี๋ยวไม่ทัน""ก็พี่อยากกอดหนูหนิหน่า" "พอเลย! จะมาอยากกอดอะไร" ปูนปั้นว่าแล้วเอามือไปจับที่เป้าของเทียน"เนี่ย! แข็งแต่เช้าเลยไม่ต้องมาอ้างว่าอยากกอดหรอก""เอ้า~ อ้างที่ไหนก็พี่อยากจริง ๆ""พอ ๆ ๆ ปล่อยเลยจะไปอาบน้ำ" ปูนปั้นว่าแล้วแกะมือของเทียนออกจากตัวเองจากนั้นก็ลุกขึ้นออกจากเตียง"นอนไปเลยแล้วก็เก็บกระเป๋าผมไปใส่รถด้วยหลังจากทำบุญเสร็จจะได้กลับคอนโดกัน""สั่งเป็นแม่เลยนะ รู้เปล่าทุกคนที่นี่ไม่มีใครกล้าออกคำสั่งพี่เลยนะ""ก็ลองดู! ถ้าผมกลับมาแล้วลุงยังไม่จัดการให้เสร็จวันนี้ก็เตรียมกลับไปส่งผมที่บ้านได้เลย""โห่~ ดุจ