"คุณเทียนมีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับผมหรอครับ" พายุถาม
"ฉันมีคนรู้จักอยู่คนนึงเขาเป็นเจ้าร้านที่นี่" เทียนตอบแล้วยื่นโทรศัพท์ให้พายุดูซึ่งมันเป็นรูปหน้าร้านของปูนปั้นที่มีทั้งตอนปกติและตอนที่เกิดปัญหา "ร้าน Happy Time หรอครับ" พายุพูด "นายรู้จักเหรอ" เทียนถาม "ครับ ผมเคยไปหาเพื่อนแถวนั้นอยู่ 2-3 ครั้งแต่ไม่เคยเข้าไปทานหรอกนะครับ" พายุตอบ "ตอนนี้ที่นี่กำลังถูกคุกคาม มีคนเอาสีสเปรย์ไปพ่นที่หน้าร้านนี้จนดูไม่ได้ ฉันอยากให้นายไปสืบมาหน่อยว่าใครเป็นคนทำแต่นายห้ามบอกเรื่องนี้ให้คนที่บ้านรู้เด็ดขาด เข้าใจไหม" เทียนพูด "ได้ครับคุณเทียน" พายุตอบ "นายสามารถเอาคนไปใช้ได้ 2-3 คนแต่ต้องกำชับพวกนั้นให้ดีว่าอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ไม่งั้นคนที่จะเดือดร้อนก็คือนายเอง" เทียนพูด "ครับ" พายุตอบ "นี่เป็นงานแรกที่ฉันมอบให้นายทำ...อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะ" เทียนพูด "ผมจะทำให้เต็มที่ครับ...เอ่อ~ว่าแต่คุณเทียนมีเวลากำหนดให้ผมไหมครับ" พายุถาม "เร็วที่สุด" เทียนตอบ "ครับ" พายุตอบ "กลับไปพักผ่อนได้แล้วไปพรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงานให้ฉัน" เทียนพูด "ได้เลยครับคุณเทียน รับรองพรุ่งนี้งานเดินผ่านฉลุยแน่นอน" พายุตอบแล้วยกนิ้วโป้งขึ้นมาปาดจมูกตัวเองเพื่อทำเป็นเท่ "ผมไปแล้วนะครับ" พายุพูดแล้วก็รีบออกจากประตูไปทันที พายุยังเป็นเด็กอยู่เลยยังมีความซนและติดดล่นอยู่บ้างแต่ถ้าเขาทำงานได้ดีเรื่องแค่นี้สำหรับเทียนมันไม่ใช่ปัญหาเลย หลังจากพายุออกไปเทียนก็เข้าไปอาบน้ำแล้วกะว่าจะไปตรวจดูบัญชีต่อสักหน่อยแต่พอมาถึงห้องทำงานของแม่เขาก็เห็นว่าแม่กำลังทำทุกอย่างแทนเขาอยู่ "แม่ครับ" เทียนเรียก "อ้าว~ตาเทียน" ดารินตอบ "ผมทำเองดีกว่าครับแม่" เทียนพูด "แม่เรียนบัญชีมาแถมพอแต่งเข้าตระกูลนี้มาก็ช่วยคุณย่ารองทำบัญชีและงานเอกสารมาตลอด เรื่องแค่นี้สำหรับแม่มันสบายมากแต่ลูกไม่เคยทำำต่อให้อยากทำแค่ไหนมันก็ต้องใช้เวลากว่าจะเข้าใจ เพราะงั้นเรื่องนี้ให้แม่จัดการเถอะไม่เกินอาทิตย์เดียวงานทุกอย่างเสร็จแน่นอน" ดารินตอบ "ผมทำให้แม่ลำบากหรือเปล่าครับ" เทียนถาม "มันเป็นงานถนัดของแม่จะลำบากได้ไง" ดารินตอบ "ขอบคุณนะครับ" เทียนพูด "จ่ะ ลูกไปนอนเถอะไป" ดารินตอบ "ฝันดีนะครับ" เทียนพูด "ฝันดีจ่ะ" ดารินตอบ จากนั้นเทียนก็เดินออกมาแล้วกลับไปที่ห้องทันที ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ ในระหว่างที่ทุกคนกำลังทานข้าวเช้าอยู่ธูปก็เดินงัวเงียเข้ามาในบ้านพร้อมกับตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันที "ดูมันสิ ขนาดนี้แล้วยังเที่ยวเล่นเป็นเด็กอยู่ได้" หล่งพูด "ไว้ฉันจะคุยกับลูกให้นะคะ" ดารินตอบ "แล้วนี้งานของคุณจะเสร็จเมื่อไหร่พวกเราจะได้ประชุมแล้วจัดระบบใหม่สักที" หล่งถาม งานที่เขาหมายถึงก็คือการตรวจสอบบัญชีนั่นแหละ ตอนนี้เทียนให้ทุกคนกลับไปดูแลกิจการเดิมก่อนจนกว่าเขาจะตรวจสอบทุกอย่างให้เรียบร้อยจากนั้นค่อยเรียกทุกคนมาหาลือที่หลังว่าจะเอายังไงดี "ใกล้แล้วค่ะ" ดารินตอบ "วันนี้แกจะออกไปข้างนอกเหรอ" หล่งหันมาถามเทียนเพราะเห็นเจสันมารายงานว่าเทียนให้คนเตรียมรถไว้ให้สองคัน "ครับ" เทียนตอบ "มีธุระอะไรทำไมถึงต้องใช้รถถึงสองคัน" หล่งถาม "ไม่มีอะไรมากครับแค่ผมจะออกไปทำธุระข้างนอกกับพายุเฉยๆ แต่ว่าจะไปกันคนละที่ก็เลยจำเป็นต้องใช้รถสองคันก็แค่นั้น" เทียนตอบแล้วหันไปมองที่เจสัน "เรื่องแค่นี้เจสันก็ต้องรายงานพ่อด้วยเหรอครับ" เทียนว่าแขวะเขาจนเขาต้องหลบสายตาเทียนทันที "ก็มันดูแลงานในบ้านใครทำอะไรมันก็ต้องเอามารายงานฉันอยู่แล้ว กินข้าวเถอะ" หล่งตอบเพราะเห็นว่าเทียนเริ่มไม่พอใจเจสันแล้วที่เข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของเขาเลยพูดขึ้นมาเพื่อคัดจบบทสนทนา เทียนยังคงจ้องไปที่เจสันด้วยสายตาคาดโทษก่อนที่จะหันกลับมาทานข้าวต่อ หลังจากทานข้าวเสร็จเทียนก็เดินมาโรงรถทันทีแต่ก็เจอเข้ากับพายุที่ยืนหันหลังในเขาอยู่ "เฮ้ย!" เทียนอุทานออกมาด้วยความตกใจเพราะการแต่งกายของพายุที่เขาเห็นวันนี้คือพายุใส่ชุดสูทสีดำคลุมทับด้วยเสื้อโค้ทสีดำยาวเช่นกันแถมเขายังติดเข็มกัดหงส์สีทองเอาไว้ที่หน้าอกทั้งสองข้างอีกด้วยซึ่งนั่นเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลของพวกเขาและยังมีแว่นตาสีดำกับแว่นขยายอันใหญ่ที่เขาเหน็บไว้ในกระเป๋ากางเกงอีก  "แต่งตัวบ้าอะไรของนายเนี่ย" เทียนถาม พายุรีบหันกลับมาด้วยท่าทางตื่นเต้น "คุณเทียนมาแล้วหรอครับ" พายุพูดแล้วหมุนตัวให้เทียนดูชุดเขาอีกที "ชุดนี้มันอะไรกันอ่ะ" เทียนถาม "ก็ชุดนักสืบแบบสไตล์หรูหราให้สมฐานะตระกูลสิริยากรไงครับ" พายุตอบ เทียนยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองหนึ่งทีอย่างละเหี่ยใจ "ใครบอกให้แต่งแบบนี้" เทียนถาม "ผมแต่งเองครับ" พายุตอบด้วยน้ำเสียงภูมิใจสุดๆ "อากาศร้อนขนาดนี้แต่งออกไปเดี๋ยวก็ได้ตายพอดีหรอก" เทียนพูด "คุณซ่งเคยสอนผมไว้ว่าคนเราเกิดมาเป็นลูกผู้ชายต้องอดทนแต่ถ้าเป็นลูกผู้ชายของบ้านสิริยากรยิ่งต้องอดทนกว่า ดังนั้นเรื่องแค่นี้สำหรับผมมันสบายมากครับ" พายุตอบ "ถามหน่อยเวลานายเห็นคนอื่นๆ ออกไปทำภาระกิจมีใครเขาแต่งตัวแบบนายไหม...แล้วยิ่งติดสัญลักษณ์ตระกูลซะเด่นชัดขนาดนี้ยิ่งไม่ต้องสืบเลย ทันทีที่นายก้าวขาออกจากบ้านคนที่จะตายคนแรกในภารกิจก็คือนายนั่นแหละ" เทียนพูด "งะ งั้นผมต้องไปเปลี่ยนชุดหรอครับ" พายุถาม "ไม่ทันแล้ว ฉันจะไปแล้ว" เทียนตอบแล้วก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถด้วยความเหนื่อยใจ พายุรีบขึ้นรถตามเขาไปทันทีเพราะกลัวเทียนจะโมโหก่อน วันนี้เทียนเอาคนไปด้วยสามคนรวมทั้งพายุแล้วโดยอีกสองคนจะขี่รถอีกคันตามหลังเขาไป เจสันและหล่งยืนมองเทียนกับลูกน้องขับรถออกจากบ้านไปจากหน้าต่างห้องทำงานของเขา "คุณหล่งอยากให้ผมบอกเวกัสให้ตามไปไหมครับ" เจสันถาม "ไม่ต้อง มึงไม่เห็นเหรอว่าเมื่อเช้าไอ้เทียนมันไม่พอใจมึงอยู่ ถ้ามึงไปยุ่งเรื่องของมันตอนนี้มันอาจจะลงโทษมึงก็ได้" หล่งตอบ "ครับ" เจสันตอบ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "วันนี้ฉันจะไปอยู่ที่ร้านนั้นเพื่อสอบถามข้อมูลบางอย่างจากปูนปั้นมาให้ส่วนนายก็ลองคิดว่าววิธีดูว่าจะจัดการอะไรได้บ้าง" เทียนพูด "ครับคุณเทียน" พายุตอบ "ถ้าไม่จำเป็นอย่างปรากฏตัวให้ปูนปั้นเห็นเด็ดขาด เข้าใจไหม" เทียนถาม "เข้าใจครับ" พายุตอบ พายุเป็นบอดี้การ์ดคนแรกและคนเดียวเลยที่เทียนต้องมาขับรถให้เขานั่งเพราะปกติถ้าเขาไม่ได้ไปทำธุระส่วนตัวก็จะมีบอดี้การ์ดมาขับรถให้เสมอ ไม่ใช่ว่าพายุขับรถไม่เป็นแต่เทียนแค่ไม่ไว้ใจให้เขาขับรถให้ก็แค่นั้น "สองคนที่นายเอามากำชับไว้ดีแล้วใช่ไหม" เทียนถาม "ใช่ครับ ผมบอกเขาว่าถ้าเรื่องนวันนี้หลุดออกไปคุณเทียนก็จะตัดหัวเขา..." เทียนหันขวับมาหาพายุทันทีด้วยความตกใจ "เพราะงั้นพวกเขาไม่มีทางพูดออกไปอย่างแน่นอน" พายุตอบพร้อมยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ "ตัดหัวนายน่ะสิ!" เทียนพูดออกมาเสียงดัง "นี่มันยุคไหนแล้วยังใช้คำขู่โง่ๆ มาเตือนกันอีก" เทียนพูดแล้วส่ายหัวออกมา "แตะ แต่พวกเขาก็ดูกลัวกันอยู่นะครับ" พายุตอบ "เฮ่อ~ฉันเอานายกลับไปคืนย่ารองทันไหมเนี่ย" เทียนตัดพ้อออกมาอย่างท้อใจ เขาขับรถมาจอดตรงซอยก่อนหน้าที่จะถึงร้านของปูนปั้นเพื่อให้พายุลงก่อนจากนั้นก็ขับไปจอดที่ลานจอดรถของร้าน ปูนปั้นเห็นรถคันสีดำที่ไม่ค่อยคุ้นตาก็เกิดความสงสัยทันจึงหยุดทุกอย่างแล้วมองดูแต่พอเห็นคนที่เดินลงมาเป็นเทียนเขาก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก "มาทำไมแต่เช้าเนี่ยลุง" ปูนปั้นถาม "คิดถึงอ่ะเลยอยากมาหา" เทียนตอบ ปูนปั้นถอดหายใจแล้วหันกลับไปนั่งเช็คสีต่อ "ทำไมอ่ะ ไม่เชื่อเหรอ" เทียนถามแล้วเดินเข้ามาใกล้ปูนปั้น "ถ้าลุงจะมากวนผมก็กลับไปได้เลยนะ" ปูนปั้นตอบ "เปล่า~ แล้วนี่จะมาทำเองทำไมอ่ะก็ไหนเมื่อวานบอกว่าจะจ้างช่างมาจัดการไง" เทียนถาม "ช่างบอกจะเข้ามาได้ตอนสิบโมงอ่ะผมก็เลยทำไปก่อนแล้วค่อยรอช่างมาทำต่อทีหลัง" ปูนปั้นตอบ แต่ด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวลและซึมมากกว่าเมื่อวานก็ยิ่งทำให้เทียนรู้สึกเป็นห่วงมากว่าเดิม ในระหว่างที่ปูนปั้นกำลังนั่งเช็คสีสเปรย์อยู่เขาก็เกิดอาการมึนหัวและแสบจมูกขึ้นมา "เป็นอะไร" เทียนถามเพราะเห็นปูนปั้นเอามือบีบจมูกและนวดที่ดวงตาเบาๆ "นั่งดมสีกับกลิ่นน้ำยามาตั้งแต่เช้าเลยรู้สึกมึนหัวนิดหน่อย" ปูนปั้นตอบ "ไม่ต้องทำแล้ว" เทียนพูด "ไม่เป็นไรลุงเดี๋ยวทำต่ออีกหน่อยช่างก็มาแล้วแหละ" ปูนปั้นตอบแล้วเริ่มลงมือทำต่อ เทียนรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่ปูนปั้นดื้อไม่ฟังเขา เขาเลยเข้าไปแย่งอุปกรณ์ทำความสะอาดออกจากมือของปูนปั้นแล้วดึงตัวเขาให้ลุกขึ้น "อะไรเนี่ยลุง" ปูนปั้นถามแต่เทียนก็ไม่ตอบ เขาลากปูนปั้นเข้าไปในร้านแล้วถอดผ้ากันเปื้อนผืนนั้นออกให้เพราะมันมีแต่กลิ่นน้ำยาติดเต็มไปหมด "เบาๆ สิลุง" ปูนปั้นบ่นเพราะเทียนทำทุกอย่างเร็วและแรงมากจนเขารู้สึกเจ็บ เทียนโยนผ้าผืนนั้นลงพื้นแล้วดันปูนปั้นให้นั่งลงบนเก้าอี้ "จะทำอะไรก็รู้จักประมาณตัวเองบ้าง" เทียนบ่นแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา "รู้ไหมว่าจะทำงานพวกนี้มันจะต้องใส่หน้ากากกันไว้อ่ะ" เทียนพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ จนปูนปั้นหน้าหงอไปเลย "บ่นเป็นคนแก่ไปได้" ปูนปั้นพูดออกมาเบาๆ แล้วก็หันหน้าหนีไปทางอื่น "ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะอยากจะคุยกับนายเรื่องร้านน่ะ" เทียนพูด ปูนปั้นหันมาหาเขาด้วยความสนใจ "ลุงหาตัวคนทำได้แล้วหรอ" ปูนปั้นถามด้วยแววตาที่ดูมีความหวังสุดๆ เทียนส่ายหน้าตอบเป็นการปฏิเสธทำให้ปูนปั้นหุบยิ้มทันที "แต่คิดว่าอีกไม่นานหรอก" เทียนพูด "อืม" ปูนปั้นตอบด้วยสีหน้าที่ดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ พายุเดินสอบถามกับคนในระแวกนั้นเพื่อดูว่ามีใครพบเห็นสิ่งผิดปกติไหมแต่คำตอบก็เป็นไปในทางเดียวกันคือไม่รู้เรื่อง "คุณพายุครับ" เสียงบอดี้การ์ดที่เขาพามาด้วยดังมาจากด้านหลัง พายุรู้สึกดีใจมากจนอดยิ้มไม่ได้เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครเรียกเขาว่าคุณพายุมาก่อนแต่พอเขาได้มาทำงานอยู่ข้างกายเทียนทุกคนก็ให้ความเคารพเขาทันที พายุรีบหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นว่าทั้งสาวคนกำลังวิ่งมาทางเขาพอดี "อะแฮ่ม~วะ ว่าไง" พายุตอบแล้วทำหน้าเชิดใส่ทั้งสองคน "ผมได้ข้อมูลคนที่มาพ่นสีร้าน Happy Time แล้วครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งพูด "อ๋อ~ดีมาก...ว่าแต่ได้มาจากที่ไหนอ่ะ" พายุถามเพราะตัวเขาเองเดินสอบถามมานับไม่ถ้วนแล้วแต่ก็ยังไม่พบเบาะแสอะไรเลยแต่สองคนนั้นมาถึงที่หลังเขาแท้ๆ แแต่กลับได้ข้อมูลมาแล้เทียนทิ้งตัวลงบนโซฟายกแขนขึันมาก่าวหน้าผากไว้ ้ขาหลับตาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปูนปั้นที่เติมตามเข้ามาก็แยกไปในครัวเทน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วมาให้เขา"กินน้ำก่อนครับ" "ขอบใจนะ" เทียนรับน้ำมาดื่มจนหมดแก้วแล้วเงยหน้ามองปูนปั้นที่ยืนดูเขาอยู่ เขาเอาแก้ววางลงบนโต๊ะกระจกแล้วจับมือปูนปั้นพาเขาให้เข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองก่อนจะกอดกอดแล้วเอียงหัวไปพิงที่หน้าอกของปูนปั้น ปูนปั้นเองก็ยกมือขึ้นมาลูกที่ต้นแขนของเทียนเป็นการให้กำลังใจ"เหนื่อยมากเลยใช่ไหมครับ""วันนี้พี่ทำให้คนมากมายต้องตาย พวกเขาเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาแลกเพื่อพี่และคนในครอบครัว สำหรับพี่แล้วพวกเขาไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดแต่พวกเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวของพี่จริง ๆ บางคนก็เคยเห็นพี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ บางคนก็เคยเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่ พอ...พอพี่ต้องมาเห็นพวกเขาตายไปต่อหน้าต่อตามันก็อดโทษตัวเองไม่ได้" เทียนเริ่มมีน้ำตาคลอออกมาแต่เขาก็พยายามอดทนฝืนเอาไว้เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นมาเห็นมุมที่อ่อนแอของเขา"ลุงทำดีที่สุดแล้ว""ถ้าตอนนั้นพี่ไม่คิดวางแผนให้มันซับซ้อนแล้วจัดการพวกมันตรง ๆ ไปเลยตั้งแต่แรกวันนี้ครอบครัวพี่คงไม่โดนพวกมันเล่นกลับหนักขนาดนี้หรอก ถ
(ร้าน happy time) ธูป หมิงและปูนปั้นปลีกตัวออกมาคุยกันด้านหลังร้านเพราะปล่อยให้เอมม่าทำบัญชีอยู่ที่เคาน์เตอร์และกุ๊กไก่กับพนักงานคนอื่น ๆ เก็บร้านไปก่อน"แล้วนี่เราโอเคใช่ไหม" ธูปถามปูนปั้นด้วยความเป็นห่วง เขาเข้าใจว่าปูนปั้นคงตกใจมากเพราะตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้สีหน้าของปูนปั้นก็ยังไม่ดีขึ้นเลยแถมตัวก็ยังสั่นเล็กน้อย "ผม...ผมกลัวมากจริง ๆ เกิดมาผมไม่เคยเห็นปืนหรือคนยิงกันมาก่อน ตอนนั้นในหัวผมคิดแต่ว่าผมต้องตายแน่ ๆ แต่...อึก...""ใจเย็น ๆ พวกพี่เข้าใจ" หมิงเดินเข้ามาลูบที่หลังของปูนปั้นเพราะตอนนี้เขาแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว"พวกพี่อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เอมม่านะ ผมไม่อยากให้พี่เขาเป็นห่วง""อืม ได้สิ" ธูปตอบ จนถึงตอนนี้ธูปก็เข้าใจแค่ว่าเทียนโดนโอมจับตัวไปเพราะเป็นสายให้กับเกรทและเขาก็ถูกจัดการไปแล้วโดยมีคนของเทียนและเทียนไปช่วยออกมาแต่ยังไม่รู้เลยว่าครอบครัวเพิ่งเกิดปัญหาครั้งใหญ่ พ่อโดนปองร้ายจนเกือบตาย คุณย่าโดนตามล่าจนต้องหนีไปซ่อน "แต่ว่าทำไมพี่เทียนถึงมาส่งปูนปั้นที่นี่แทนที่จะพากลับคอนโดไปปลอบขวัญล่ะ""ไม่รู้ครับ ลุงบอกต้องไปช่วยคนอื่นอีกเลยอยู่กับผมไม่ได้และคิดว่าที่นี่
เทียนวิ่งหน้าตั้งมาที่ห้องนอนของคุณปู่ในใจได้แต่ภาวนาว่าขอให้ทันเพราะถ้าเขาไปไม่ทันในใจคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ "วิสุทธิ์!" เทียนวิ่งเข้าไปประคองร่างของวิสุทธิ์ที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ขึ้นมา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นมา เจ๋งกับเจสันที่วิ่งตามขึ้นมาก็หยุดนิ่งทันทีเมื่อเห็นว่าเทียนขึ้นมาทำอะไร พวกเขาเดินเข้าไปนั่งล้อมอยู่ข้างกายของวิสุทธิ์"อดทนไว้นะรถโรงพยาบาลกำลังมาแล้ว" เทียนให้กำลังใจวิสุทธิ์พร้อมกำมือของเขาไว้แน่น"คุณเทียนครับ...อึก! คุณท่านรักคุณเทียนมากเลยนะครับ...ยะ อย่า...ทำ...ให้คุณท่าน...ผิดหวัง...อ่า...นะครับ" วิสุทธิ์พยายามเปล่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่ ชีวิตนี้ของเขามีเพียงแค่สิริยากรมาตลอดไม่เคยคิดทรยศเลยแม้แต่เสี่ยววินาทีเดียวหลังจากปู่ของเทียนตายไปชีวิตของเขาก็มีอยู่เพื่อช่วยปกป้องเทียนตามคำสั่งเสียของเจ้านายเก่าเท่านั้น "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดแล้วทำใจให้ดี ๆ รอรถพยาบาลมารับพวกเราจะไปหาหมอด้วยกัน พ่อผมยังรอพวกเราทุกคนอยู่ที่นั้น วิสุทธิ์ต้องใจเย็น ๆ นะยังมีพวกคุณย่าอีกถ้าวิสุทธิ์ไม่อยู่ใครจะดูแลพวกคุณย่าแทนปู่ล่ะ ใช่ไหม" เทียนเห็นสีหน้า
ทั้งสามคนวิ่งลงมาจนถึงชั้นถึงก่อนพายุจะทเจ๋งกับเทียนต้องหยุดวิ่งเพื่อหันมาดูเขา"อ๊าาาาา" ลูกน้องของเหรียญชี้ปืนมาทางทั้งสามคนแล้วเดินลงบันไดมา เทียนจ้องมองคนเหล่านั้นด้วยความโกรธจนหน้าสั่นน้ำตาแห่งความเครียดแค้นค่อย ๆ ไหลออกมา"ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญเดินหัวเราะลงมาจากข้างบนตรงเข้ามาหาเทียนทำให้ทั้งพายุและเจ๋งต้องพยายามขยับตัวเข้ามากันเหรียญไว้"หลบไปไอ้ขี้ข้า" เหรียญใช้เท้าถีบแขนข้างที่ถูกยิงของพายุจนเขากระเด็นไปฟุบอีกฝั่ง"อ้าาาา! อืมมมมม" พายุพยายามกดแผลของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด"มึงจะเอาด้วยอีกคนใช่ไหม" เหรียญถามเจ๋งที่ยังคงยืนอ้าแขนกันเทียนเอาไว้"ผมจำเป็นต้องปกป้องคุณเทียน" "ต่อให้มึงต้องตายอ่ะเหรอ""ครับ" "ได้ดิ" เหรียญยกปืนขึ้นมาจ่อที่หน้าของเจ๋งแต่เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่กลัวเลยของเจ๋งก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจเลื่อนปืนขึ้นไปจนมันติดกับหน้าผากของเจ๋งเลย"อย่านะ!" เทียนพูดพร้อมกับผลักไหล่ของเจ๋งให้หลบไปแต่เจ๋งก็ฝืนเกรงตัวเองไว้เพื่อบังเทียนเหมือนเดิม"เจ๋ง!" เทียนไม่พอใจที่เจ๋งขืนเขา"ผมบอกคุณเทียนแล้วว่าพวกเราแค่สามคนทำอะไรเขาไม่ได้หรอกแต่คุณเทียนก็ไม่เชื่อผมเพราะงั้นถ้าวันนี้คุณเทียนมีโ
เทียนช้อนร่างของวิสุทธิ์ขึ้นมาซึ่งวิสุทธิ์เองก็รู้สึกเจ็บจนแทบเจียนตาย "อ๊าาา~" "พวกมันทำอะไรคุณ" เทียนถามด้วยความเป็นห่วงแต่วิสุทธิ์ไม่สามารถตอบออกมาเป็นคำได้เลย เทียนรู้สึกโกรธมากเขากัดฟันแน่นแล้วเงยหน้าไปมองเหรียญที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่แล้วค่อย ๆ วางวิสุทธิ์ลงนอนที่เดิม"ดูท่าคุณเทียนจะโกรธพวกเราแล้วว่ะ ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญหันไปพูดแล้วหัวเราะคิกคักกับลูกน้องของตัวเอง เหรียญลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้เหรียญเรื่อย ๆ"กูไม่เคยมีความแค้นกับมึงทำไมมึงต้องมาทำร้ายคนของกูด้วย วิสุทธิ์เขาอายุมากกว่าพ่อมึงอีกด้วยซ้ำ ไอ้เหี้ย!" เทียนพูด"มึงไม่เคยแต่ใช่ว่าตระกูลของมึงไม่เคยไง" เหรียญตอบ"ฮึ~ มึงคงหมายถึงตอนที่พ่อมึงหักหลังตระกูลกูจนปู่จับได้เลยลบชื่อพ่อมึงออกจากหุ้นส่วนบริษัทสินะ กูจำได้ดีตอนนั้นพวกมึงไม่มีสิริยากรหนุนหลังแล้วก็เลยทำให้ธุรกิจของครอบครัวมึงขาดความน่าเชื่อถือจนเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ พ่อมึงเป็นหนี้รอบด้านแก้ไขปัญหาไม่ได้สุดท้ายก็คลานกลับมาหาตระกูลกูแต่ก็อย่าว่าแหละคนแบบนั้นใครจะอยากช่วยเหลือพอพ่อมึงมืดแปดด้านก็เลยลมควันตัวเองตาย เรื่องนี้ใช่ไหมที่มึงแค้นเข้ากระดูกจนถึงขั้นบุกมาทำลายครอบ
"พวกเราจะไปไหนกันอ่ะลุง" ปูนปั้นถาม เขากลัวมากจนต้องกอดเทียนเอาไว้ตลอดส่วนเทียนก็คอยลูบหลังเขาเบา ๆ เพื่อไม่ให้ปูนปั้นสติแตกไปมากกว่านี้"หนูไปอยู่ที่ร้านก่อนตอนนี้ที่นั่นน่าจะปลอดภัยที่สุด" เทียนตอบ"แต่ว่าคุณเกรทก็ส่งคนไปจับผมมาจากที่นั่นนะ" ปูนปั้นพูด"มีแค่เกรทกับโอมที่รู้จักหนูแต่ตอนนี้สองคนนั้นไม่อยู่แล้วดังนั้นที่นั้นจึงปลอดภัยที่สุดอีกอย่างธูปกับหมิงก็อยู่ด้วย เชื่อพี่เถอะนะ" เทียนพูด"ครับ" ปูนปั้นตอบเอี๊ยดดดดด! (เสียงเบรกรถ)เสียงเบรกรถดังมากจนเอมม่าตกใจจนต้องหันหน้าออกมาดูเพราะคิดว่าเกิดอุบัติเหตุที่หน้าร้านโชคดีที่ตอนนี้ในร้านไม่มีลูกค้าเลยไม่งั้นคงทำให้ลูกค้าตกใจขวัญกระเจิงเป็นแน่ หลังจากเห็นเทียนกับปูนปั้นลงมาจากรถท่าทางอาลัยอาวรณ์กันเอมม่าก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจว่าทั้งคู่เป็นอะไรไปเพราะเธอไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรกับทั้งสองคนไม่งั้นป่านนี้เธอคงไม่สามารถนั่งเฝ้าร้านได้อย่างสบายใจหรอก"แค่แยกกันไปทำงานต้องกอดอะไรกันขนาดนั้นอ่ะ ทำอย่างกับจะตายจากกันอย่างงั้นแหละ" เอมม่าพูดด้วยความสงสัยเพราะสีหน้าแววตาของทั้งคู่ดูเศร้าและหวาดกลัวมาก จากนั้นไม่นานเทียนก็กลับขึ้นรถแล้วก็ออกจากร