"น่าหงุดหงิดจริงๆ" เทียนขับรถกลับบ้านด้วยความน้อยใจ
"ที่ฉันทำไปเพราะตัวเองหรือยังไง...ที่ทำไปก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ชอบก็น่าจะบอกกันดีๆ สิทำไมต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นด้วย" เทียนนั่งบ่นคนเดียวตลอดทางอย่างกับคนบ้า เห็นใครขับรถปาดหรือขับรถไม่ดีก็ตะโกนด่าอยู่คนเดียวในรถตลอด ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "ลั้ลลา ลั้ลลา~" พายุเดินเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะว่าภารกิจแรกของเขาผ่านพ้นไปด้วยดีแม้จะไม่ใช่ฝีมือของเขาทั้งหมดก็เถอะ เจสันเห็นพายุเดินเข้ามบ้านมาก็รีบเดินมาหาเขาทันที "พายุ" เจสันเรียก "ครับ" พายุหยุดนิ่งแล้วยืนตรงตอบเขาอย่างกับทหารเจอครูฝึกอย่างงั้นแหละ "คุณเทียนสั่งไว้ว่าถ้านายมาแล้วให้ขึ้นไปหาที่ห้องทันที" เจสันพูด "รับทราบครับ" พายุตอบแล้วตะเบ๊ะใส่เจสันไปหนึ่งทีก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปหาเทียนที่ห้องนอนตามคคำสั่ง เจสันมองตามพายุด้วยสีหน้างงๆ "นี่มันคิดว่าตัวเองอยู่ในคค่ายทหารหรือไงว่ะ" เจสันพูดแล้วส่่ายหัวให้กับความเด๋อด๋าของพายุ ก๊อกๆๆ "คุณเทียนครับ" พายุเรียก "เข้ามาเลย" เทียนตะโกนตอบ "งานที่ให้ไปทำเป็นยังไงบ้าง" เทียนถามทันทีที่ประตูถูกเปิดออกทั้งที่พายุเองยังไม่่ได้เดินเข้ามาในห้องเลยด้วยซ้ำ "เรียบร้อยดีครับ~ พวกเราจับคนทำได้และก็นำส่งให้คุณปูนปั้นแล้วด้วยครับ" พายุตอบ "นายทำเอง...?" เทียนถาม พายุค่อยๆ ยิ้มแห้งออกมา "แฮร่~ นิดนึงครับ" พายุตอบอย่างไม่โกหก "ว่าแล้วเชียว" เทียนพูดแล้วหัันหน้าหนีอย่างอดไม่ได้ "ตะ แต่ว่าผมเป็นคนพาเขาไปส่งคุณปูนปั้นเองกับมือเลยนะครับแถมยังได้เจอกับคุณหมิงด้วย" พายุตอบ เทียนหันกลับมาหาเขาทันที "หมิงก็อยู่ที่นั่นเหรอ" เทียนถาม "ใช่ครับ ตอนแรกผมคิดว่าคุณหมิงไปหาคุณเทียนที่นั่นแต่ว่าท่าทางของเขาดูสนิทกับคุณปูนปั้นแปลกๆ นี่ถ้าผมไม่รู้ว่าคุณหมิงชอบผู้หญิงผมก็คงคิดว่าพวกเขาสองคนต้องกำลังชอบกันอยู่แน่ๆ" พายุตอบด้วยท่าทางฟินสุดๆ (หนุ่มวาย) "ไร้สาระ!" เทียนพูดออกมาเสียงดังจนพายุตกใจสะดุ้งทันที "ให้ทำงานไม่ได้ให้ไปสอดส่องเรื่องของคนอื่น...เรื่องงานไม่เคยได้เรื่องแต่เรื่องของคนอื่นล่ะรู้ดีไปหมด" เทียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ จากที่ตอนแรกก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วพอเจอพายุพูดว่าหมิงกับปูนปั้นชอบกันเขาก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ "ขอโทษครับ" พายุยืนกุมมือแล้วก้มหน้าขอโทษเทียนทันที เทียนสูดหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ "แล้วสรุปคนที่ทำมันเป็นใครแล้วมันทำแบบนั้นไปทำไม" เทียนถาม "เป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 21 ปีรับจ้างเป็นพนักงานอยู่ที่โรงงานเซรามิกครับ เขาถูกว่าจ้างจากเสี่ยชัชให้มาจัดการร้านของปูนปั้นด้วยเงิน 5,000 บาทครับ" พายุตอบ "แล้วไอ้เสี่ยชัชมันเป็นใครมีความแค้นอะไรกับปูนปั้น" เทียนถาม "ไม่ทราบครับ คุณปูนปั้นเองเขาก็บอกว่าไม่เคยรู้จักคนที่ชื่อเสี่ยชัชมาก่อนตอนนี้ผมเลยยังไม่รู้สาเหตุในการลงมือครั้งนี้ครับ" พายุตอบ "งั้นพรุ่งนี้ไปสืบมาว่ามันเป็นใคร...ให้เวลา 3 วันเอาตัวมันมาหาฉันให้ได้" เทียนพูด "ครับคุณเทียน" พายุตอบ "ออกไปได้แล้วผมจะพักผ่อน" เทียนพูดแล้วเดินไปนั่งที่ปลายเตียง "เอ่อ! แต่ว่าคุณเทียนครับ" ในตอนที่พายุกำลังจะหมุนตัวกลับเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ "อะไรอีก" เทียนถาม "เกรงว่าพรุ่งนี้ผมจะไปสืบเรื่องเสี่ยชัชไม่ได้น่ะครับ" พายุตอบ "ทำไมอีกล่ะ นายนี่มันธุระเยอะจริงๆ" เทียนบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด "ก็พรุ่งนี้ผมต้องไปงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคนโตของคุณไพบูลย์กับคุณเทียนไม่ใช่เหรอครับ" พายุพูด "ฮะ?" เทียนอุทานออกมาด้วยสีหน้างงๆ ทำเขาไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าตัวเองต้องไปงานเลี้ยงอะไรแบบนั้นด้วย พายุเห็นเทียนทำหน้างงเลยรีบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดตารางงานของเทียนให้เขาดู "นี่ไงครับ" พายุพูด เทียนรับโทรศัพท์จากพายุมาตรวจดู "จริงด้วย~ แล้วทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยอะไรเลย" เทียนถาม "น่าจะเป็นเพราะตอนแรกคนที่ต้องไปงานนี้คือคุณซ่งมั้งครับแต่พอท่านเสียไปแล้วพวกคุณหญิงเลยส่งคุณเทียนไปแทน" พายุตอบ "เหรอ" เทียนถาม "ครับ ผมเองก็เพิ่งได้ข้อมูลงานของคุณเทียนมาจากพี่เจสันเมื่อคืนนี้เอง" พายุตอบ เทียนนั่งใช้ความคิดอยู่สักพักเพราะตอนแรกเขาตั้งใจว่าพรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะเข้าไปตรวจกิจการโรงสีที่มุกดาดูแลอยู่สักหน่อยแต่ก็มีงานด่วนเข้ามาซะงั้นแถมเขาเองก็ไมาได้รู้จักคุณไพบูลย์เลยด้วย "งั้นพรุ่งนี้ก็ให้สองคนนั้นไปจัดการเรื่องเสี่ยชัชแทนส่วนนายก็ไปกับฉัน แต่ว่า! ห้ามแต่งตัวประหลาดๆ แบบวันนี้ไปอีกนะ ติดไปแค่เข็มกลัดประจำตระกูลก็พอ" เทียนพูด พายุยิ้มออกมาทันทีด้วยความดีใจที่จะไปออกไปปฏิบัติการปกป้องเทียนข้างนอก "ครับ" พายุตอบ "ติดไปแค่อันเดียวพอนะ" เทียนพูดย้ำอีกครั้งด้วยความหวั่นใจเพราะกลัวว่าพายุจะมีเรื่องมาเซอร์ไพร์สเขาแบบเมื่อเช้าอีก "รับทราบครับคุณเทียน...ฮึๆ" พายุตอบแล้วหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย "ผมขออนุญาตไปเตรียมชุดก่อนนะครับ" พายุพูดแล้วก็รีบสาวเท้าออกจากห้องไปด้วยความเร็วแสง "ขอให้พรุ่งนี้ฉันไม่ถูกไอ้บอดี้การ์ดหน้าโง่คนนี้ทำให้ต้องขายหน้าด้วยเถอะ" เทียนพูดแล้วทิ้งตัวลงนอนทันที "เฮ่อ~เสี่ยชัชเหรอ" เทียนพูดออกมาด้วยความรู้สึกสงสัยเพราะในเมื่อปูนปั้นบอกว่าไม่เคยรู้จักกับเสี่ยชัชมาก่อนแล้วทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงต้องจ้างคนมาทำแบบนั้นกับปูนปั้นด้วย ~นี่ถ้าผมไม่รู้ว่าคุณหมิงชอบผู้หญิงผมก็คงคิดว่าพวกเขาสองคนต้องกำลังชอบกันอยู่แน่ๆ~ อยู่ดีๆ คำพูดของพายุก็ดังขึ้นมาในหัวของเทียนซะงั้นจนเขาต้องรีบเด้งตัวขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ "ไม่ใช่ๆๆ ไอ้หมิงมันชอบผู้หญิงและมันก็บอกแล้วด้วยว่าไม่ได้คิดอะไรกับปูนปั้น...คนอย่างไอ้หมิงไม่มีทางโกหกเราแน่นอน" เทียนพูดแล้วตบแก้มเรียกสติตัวเองไปหลายครั้ง ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ ร้าน Happy Time "สรุุปคือที่เสี่ยชัชเขาจ้างคนมาพ่นสีที่ร้านก็เพื่อเตือนให้พี่รู้ตัวว่าไม่ว่ายังไงพี่ก็หนีเขาไม่ได้ใช่ไหม" ปูนปั้นถาม หมิงพยักหน้าตอบด้วยความรู้สึกผิด "แล้วพี่คิดจะบอกผมเมื่อไหร่อ่ะ!...หรือว่าต้องรอให้ร้านไฟไหม้ไปซะก่อน" ปูนปั้นถามอย่างหัวเสียเพราะความเสียหายครั้งนี้มันไม่ได้มาจากเขาหรือพี่สาวของเขาเลยแต่มาจากพนักงานคนนึงที่เขาเพิ่งรับมาแถมการซ่อมบำรุงร้านก็ใช้เงินไปไม่น้อยแม้ครั้งนี้จะโชคดีที่เทียนจ่ายให้แต่เขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเอาเงินไปคืนเทียนทั้งหมดและมันไม่ใช่แค่ครั้งนี้เกิดครั้งหน้าเสี่ยชัชเล่นใหญ่ทำมากกว่าจ้างคนมาพ่นสีล่ะเขาจะไม่เดือดร้อนไปด้วยเหรอ "พี่ขอโทษนะ เดี๋ยวพี่จะไปจากที่นี่เองส่วนค่าซ่อมร้านทั้งหมดพี่จะทยอยหามาคืนให้นะ" หมิงตอบ "ไปจากผมแล้วพี่จะไปทำอะไร แม่พี่ก็ป่วยต้องใช้เงินรักษาอยู่ตลอดส่วนพี่เองตอนนี้ก็มีทั้งหนี้นอกระบบแล้วก็หนี้ของผม ถ้าผมปล่อยพี่ไปแล้วพี่จะไปหาเงินจากไหนมาคืนผม" ปูนปั้นพูด "พี่~ พี่ก็ไม่รู้...แต่ถ้าพี่ยังอยู่ที่นี่เสี่ยชัชต้องทำให้ปูนปั้นลำบากใจอีกแน่ๆ เพราะงั้นถ้าพี่ไปเขาก็จะมาเล่นงานพี่ตรงๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับร้านอีก" หมิงตอบ "เฮ่อ~พี่ติดเงินเขาอยู่เท่าไหร่" ปูนปั้นถาม "เกือบ 2 ล้าน" หมิงตอบออกมาอย่างไม่เต็มเสียง "ฮะ! นี่พี่ไปกู้เขามาตั้ง 2 ล้านเลยเหรอ" ปูนปั้นถามด้วยความตกใจ ตอนแรกเขากะว่าจะช่วยปิดให้เพื่อให้ทุกอย่างจบแล้วค่อยให้หมิงทำงานชดใช้แทนแต่เงินตั้ง 2 ล้านเขาไม่สามารถช่วยหมิงได้จริงๆ "พี่กู้เขามาแค่ล้านเดียวหลังจากที่ขายคอนโดได้พี่ก็ตั้งใจเอาเงินทั้งหมดไปคืนเขาแล้วแต่ว่าพอพี่เอาเงินไปจ่ายเขาเขาก็บอกว่าพี่ขาดส่งไป 2 เดือนยอดดอกเบี้ยมันก็เลยพุ่งขึ้นสูงเป็นพิเศษพอพี่จะคัดค้านเขาก็เอาหนังสือสัญญาออกมามาขู่พี่...ตอนที่เซ็นต์สัญญากู้ยืมพี่ว่าพี่ก็อ่านดีแล้วนะแต่พี่จำไม่ได้เลยว่ามันมีข้อตกลงที่ว่าถ้าขาดส่งหรือส่งช้าแม้แต่วันเดียวทางเขาสามารถคิดดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 3 เท่าได้เลยแต่บนสัญญานั้นมันเป็นลายเซ็นต์ของพี่จริงๆ ดังนั้นพี่เลยจำเป็นต้องยอมรับหนี้สินนี้ไปโดยปริยาย" หมิงตอบ "แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันโกงพี่อ่ะทำไมพี่ไม่ไปแจ้งความล่ะ" ปูนปั้นถาม "พี่เซ็นต์รับข้อตกลงของเขาไปจริงๆ แถมถ้าแจ้งความแม่พี่ก็ต้องรู้เรื่องนี้...พี่ไม่อยากให้เขาต้องมาเครียดไปกับพี่ด้วย" หมิงตอบ ปูนปั้นรู้สึกจนปัญญาจริง เขายกมือขึ้นมากุมขมับแล้วพยายามช่วยหมิงหาทางออก "พี่ไปกู้เขามานานแค่ไหนแล้ว" ปูนปั้นถาม "เกินครึ่งปีแล้ว" หมิงตอบ "ก็แสดงว่าตั้งแต่ที่พี่รู้ว่าแม่ป่วยก็ไปกู้เงินเขามาเลยใช่ไหม" ปูนปั้นถาม หมิงพยักหน้าตอบ "พอพี่รู้ว่าแม่ป่วยต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนที่มีความพร้อมด้านเครื่องมือแพทย์เท่านั้นพี่ก็รีบหาเงินสำรองไว้ทันทีแต่ตอนนั้นพี่มีเงินเก็บรวมแล้วไม่ถึงแสนด้วยซ้ำก็เลยต้องหาหนทางอื่นแทน.ตอนแรกพี่ไปที่ธนาคารแล้วนะแต่วงเงินที่ได้ก็ยังไม่พออยู่ดีพี่เลยต้องหันไปพึ่งพวกเงินกู้นอกระบบแทน จริงๆ พี่ก็ตัดดอกให้เขาทุกเดือนนะมีแค่ช่วงสองเดือนหลังที่พี่ไม่ได้ทำงานแค่นั้นเองที่ขาดส่ง พอพี่ขายคอนโดได้จะเอาเงินไปปิดต้นให้เขาเรื่องมันก็กลายเป็นแบบนั้นไป เสี่ยชัชเขากลัวพี่หนีเลยส่งคนมาเตือนแต่โชคร้ายนั้นดันไปตกที่ปูนปั้นแทนซะงั้้น" หมิงตอบ "งั้นตอนนี้พี่ยังค้างเขาอีกเท่าไหร่" ปูนปั้นถาม "ประมาณ 6 แสนกว่าบาท" หมิงตอบ "นี่เลยเป็นเหตุผลที่พี่ต้องขายทุกอย่างแม้กระทั่งโทรศัพท์ใช่ไหม" ปูนปั้นถาม "ใช่" หมิงตอบ ปูนปั้นกำลังสับสนว่าควรทำยังไงดีเพราะถึงแม้หมิงจะสร้างความเดือดร้อนให้เขาแต่หมิงเป็นพี่ชายและพนักงานที่ดีมากคนนึงซึ่งตอนนี้ที่ร้านเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนเท่านั้นที่เต็มใจทำงานกับปูนปั้น "เฮ่อ~ ผมควรทำไงเนี่ย" ปูนปั้นพูดแล้วฟุบตัวลงไปนอนกับโต๊ะ17:45 น.ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์) ปูนปั้นใช้มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ยังไม่ลืมตา"ฮัลโหลลล~""ทำไมเสียงเป็นงั้นอ่ะนี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอปูน คนอื่นเขามารวมตัวกันแล้วนะ" เอมม่าพูด"ตื่นแล้ว" "เสียงยังงัวเงียอยู่เลย เนี่ยพี่ให้ทางรีสอร์ทเขาจัดโต๊ะให้หน้าหาดแล้วกำลังจะตั้งเตาเลย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินด้วยกันนะ" "รู้แล้ววว เดี๋ยวตายไปนะ""เร็ว ๆ เข้าล่ะ ช้าหมดอดกินนะ" "คร้าบบบ" ปูนปั้นลุกจากเตียงทั้งที่ยังคงง่วงอยู่เพราะก่อนหน้านี้เขาทานยาแก้เมาเรือไป เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูและขอใช้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำจากนั้นก็ออกมาใส่เสื้อผ้าด้านนอก เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสั้นสีขาวมาใส่จากนั้นก็ประทินผิวฉีดน้ำหอมนิดหน่อยก็พร้อมออกไปเจอกับทุกคนแล้ว บรรยากาศตอนเย็นเงียบสงบต่างจากตอนกลางวันมากและช่วงดีที่รีสอร์ทมีพื้นที่หน้าหาดเป็นของตัวเองมันเลยพื้นความเป็นส่วนตัวได้เป็นพิเศษ ปูนปั้นก้าวเท้าออกจากบ้านพักเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งดังแผ่ว ๆ ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่ส่องนำทางให้เขาเดินไปตามหาดทรายขาวนุ่มเท้าในใจได้แต่คิดว่าถ้ามีเทียนอยู่ท
14 กุมภาพันธ์บรรยากาศการเดินทางไปเกาะราชาช่างเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะของเหล่าพนักงานของร้าน Happy Time แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้มาครบทุกคนเพราะบางคนอยากใช้เวลากับคนรักของตนแต่บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังตลอดทาง บ้างก็พากันชี้นกชี้ไม้เอ่ยชมความงามของท้องทะเลไม่ขาดปาก ความใสของน้ำทะเลที่ไล่เฉดสีฟ้าครามและเขียวมรกตเหมาะกับการถ่ายรูปเก็บไว้มาก ๆ เมื่อมาถึงเกาะทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำแล้วนั่งรวมตัวกันอีกทีช่วงเย็นเพื่อไปทานอาหารด้วยกันส่วนปูนปั้นขอแยกกับไปนอนพักก่อนเพราะเขาบอกกับทุกคนว่ารู้สึกเมาเรือตอนแรกเอมม่าก็ว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อแต่เขาก็ปฏิเสธเพราะไมาอยสกให้พี่สาวหมดสนุก ปูนพักเดินเข้ามาในห้องพักด้วยความรู้สึกเหงา เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเห็นรูปตัวเองกับเทียนที่ตั้งอยู่บนหน้าจอก็ยิ่งทำให้คิดถึงเข้าไปใหญ่ ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์เข้า)ปูนปั้นยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าเทียนวิดีโอคอลมาหาเขา เขารีบกดรับด้วยความดีใจ ภาพขอเทียนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ background ด้านหลังเป็นห้องสีขาวและชั้นเอกสารมากมาย
กุ๊กไก่และธูปเดินเที่ยวภายในงานอย่างตื่นเต้น พวกเขาพากันแวะซื้อของอร่อยกินนตลอด ผลัดกันป้อนไปมาจนตอนพุงกางกันไปแล้ว "ไม่เคยมาเลยอ่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเงียบไม่คึกครื้นแบบในกรุงเทพแต่ที่ไหนได้คนเยอะแยะไปหมดเลย ของกินก็อร่อยมากด้วย" กุ๊กไก่มองไปรอบ ๆ งานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"ผมถึงได้บอกไงว่าพี่ควรออกจากกรุงเทพมาเที่ยวที่อื่นบ้าง จะได้รู้ว่าที่ประเทศไทยอ่ะไม่ได้มีดีแค่ในกรุงเทพนะ" "จ้า รู้แล้วจ้าพ่อคูณณณ~" สีหน้าติดรำคาญของกุ๊กไก่เป็นสิ่งที่ธูปได้เห็นเป็นประจำทุกวันแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกไม่โอเคเลยกลับกันเขาดันรู้สึกชอบมันด้วยซ้ำเพราะมันทำให้กุ๊กไก่ดูน่ารักขึ้นมากต่างจากตอนทำงานที่เขามันจะชอบทำหน้าบึ้งตึงเหมือนไร้อารมณ์จนดูน่ากลัวอยู่ตลอดเวลา นี่ถ้าไม่ได้มาลองสัมผัสกับตัวเองเขาคงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างกุ๊กไก่จะมีมุมน่ารัก ๆ แบบนี้ด้วยเหมือนกัน "เฮ้ย! เสื้อผ้าร้านนู้นสวยมากเลยอ่ะ ไปดูกันไหม" กุ๊กไก่ชี้ไปที่ร้านเสื้อม่อฮ่อม"เอาสิ" กุ๊กไก่เดินนำธูปไปที่ร้านเสื้อผ้า"สวัสดีเจ้า บะฮู้ว่าลูกค้าเป๋นตี้สนใจ๋ชุดไหนเจ้า" แม่ค้าสอบถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะมาก ๆ"อันนี้คือชุดม่อฮ่อมใช่ไหมครับ" กุ
มาถึงห้องพักทั้งคู่ก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วขึ้นนอนบนเตียงพักผ่อนจากความเหนื่อยล้ากันอย่างจริงจัง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ดึกมาแล้ว ธูปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนมีคนกำลังทำอะไรกับร่างกายเขาอยู่และภาพตรงหน้าที่เขาเห็นก็คือกุ๊กไก่กำลังทายาและนวดขาให้เขา"พี่ทำอะไรอ่ะ" "ตื่นแล้วเหรอ""อืม""ฉันเห็นนายเดินมาตั้งไกลแถมยังแบกของหนัก ๆ อีกด้วยเลยคิดว่านายคงปวดร้าวไปทั้งตัว""พี่เองก็เดินมาไกลเท่ากับผมนั้นแหละ""แต่ฉันก็ยังสบายกว่านายเยอะ...ทายาเสร็จแล้วก็ไปล้างหน้าเถอะ ฉันสั่งข้าวเอาไว้ให้แล้วจะได้มากินพร้อมกัน" กุ๊กไก่ตอบแล้วก็ลุกออกไป ธูปสังเกตเห็นสีหน้าของกุ๊กไก่แปลกไปไม่ค่อยสดใสร่าเริงเลยรู้สึกเป็นห่วง"ไม่สบายหรือเปล่า" กุ๊กไก่ส่ายหัวตอบแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้ว ธูปไม่ถามอะไรมากเขาลุกไปล้างหน้าแล้วมานั่งที่โต๊ะเพื่อทานอาหารพร้อมกันกับกุ๊กไก่"อร่อยนะเนี่ย" ธูปพูดเสียงแจ๋วแต่กุ๊กไก่กลับไม่ตอบอะไรเลย เขาก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองอย่างเงียบ ๆ จนธูปไม่สบายใจ เขาวางช้อนลงแล้วมองไปที่กุ๊กไป่ชัด ๆ"พี่เป็นอะไร""เปล่า""เปล่าแล้วทำไมไม่คุยกับผม""ฉันแค่เหนื่อยเฉย ๆ""งั
ธูปกับกุ๊กไก่นั่งกันอยู่คนละฝั่ง ซึ่งระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันกุ๊กไก่ยังคงทำหน้าบูดบึ้งไม่คุยกับธูปสักคำส่วนธูปก็เอาแต่จ้องเขาเหมือนอยากจะชวนคุยแต่ก็ไม่กล้า "เลิกจ้องฉันสักทีได้ป่ะ" กุ๊กไก่ทนไม่ไหวหันมาดุธูป "นี่พี่โกรธผมเหรอ" "ฉันไม่ได้โกรธ" "เห็นอยู่ว่าโกรธ" กุ๊กไก่ถอนหายใจแล้วกอดอกหันหน้าไปมองทางวิวทางด้านนอกแทน "ผมขอโทษ...ผมไม่ได้อยากให้เราทะเลาะกันจริง ๆ แต่ที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะว่า-" "เพราะว่านายเบื่อที่ฉันเรื่องมากและก็ขี้งกใช่ไหมล่ะ...ขอโทษนะที่ฉันทำให้ทริปของนายมันพังแบบเนี่ย" "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมแค่อยากให้เราได้มาถึงที่พักไว ๆ จะได้พักผ่อนแล้วก็หาอะไรอร่อย ๆ กินกัน ตั้งแต่เช้าพวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยแถมตอนที่พวกเราเดินหารถมันก็ร้อนมาก ๆ ผมเห็นเหงื่อพี่แตกเต็มตัวไปหมดเกินพี่เป็นลมขึ้นมาผมคงรู้สึกผิดที่พาพี่มาลำบากแบบนี้" น้ำเสียงที่ฟังดูเสียใจของธูปทำให้กุ๊กไก่เย็นลงทันที เขาหันกลับมาหาธูปมองดูใบหน้าที่กำลังฉายแววเศร้าอยู่ "ช่างมันเถอะ ฉันเอง...ฉันเองก็เรื่องมากจริง ๆ นั่นแหละ" "ผมรู้นะว่าพี่ไม่ได้เรื่องมากหรอกแต่พี่แค่เกรงใจผม พี่กลัวว่าผมจะต้องจ
ปูนปั้นตื่นขึ้นมาหลังได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตัวเองตั้งไว้ก่อนนอนเพราะกลัวว่าจะลุกไม่ทันนัดของดาริน เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาปิดเสียงกลัวมันจะดังรบกวนเทียน เขามองดูเทียนที่นอนถอดเสื้อแล้วก้มลงไปจุ๊บที่แก้มของเขาจากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขอลงจากเตียงเทียนก็ดึงเขาลงมากอดไว้ในอกซะแล้ว"แกล้งหลับเหรอ" "เปล่าซะหน่อยแต่พอดีมีคนมาขโมยจุ๊บเลยตื่น""ตื่นแล้วก็ปล่อยผมต้องไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำบุญกับแม่อีก""ไปตั้ง 7 โมงค่อยอาบก็ได้หรอก""ไม่ได้เดี๋ยวไม่ทัน""ก็พี่อยากกอดหนูหนิหน่า" "พอเลย! จะมาอยากกอดอะไร" ปูนปั้นว่าแล้วเอามือไปจับที่เป้าของเทียน"เนี่ย! แข็งแต่เช้าเลยไม่ต้องมาอ้างว่าอยากกอดหรอก""เอ้า~ อ้างที่ไหนก็พี่อยากจริง ๆ""พอ ๆ ๆ ปล่อยเลยจะไปอาบน้ำ" ปูนปั้นว่าแล้วแกะมือของเทียนออกจากตัวเองจากนั้นก็ลุกขึ้นออกจากเตียง"นอนไปเลยแล้วก็เก็บกระเป๋าผมไปใส่รถด้วยหลังจากทำบุญเสร็จจะได้กลับคอนโดกัน""สั่งเป็นแม่เลยนะ รู้เปล่าทุกคนที่นี่ไม่มีใครกล้าออกคำสั่งพี่เลยนะ""ก็ลองดู! ถ้าผมกลับมาแล้วลุงยังไม่จัดการให้เสร็จวันนี้ก็เตรียมกลับไปส่งผมที่บ้านได้เลย""โห่~ ดุจ