"พี่ขอโทษนะ" หมิงรู้สึกผิดมากๆ เพราะจริงๆ ปูนปั้นเองก็เพิ่งมาดูแลร้านอาหารนี้ได้ไม่เท่าไหร่ ปูนปั้นยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอีกเยอะเพราะทุกอย่างมันใหม่ไปหมดสำหรับปูนปั้น ทุกครั้งที่พนักงานกลับบ้านกันหมดแล้วหมิงก็จะเห็นมีแต่ปูนปั้นเนี่ยแหละที่ยังอยู่ที่ร้านนั่งหน้าเครียดตรวจดูทุกอย่างเองคนเดียวทั้งหมดก่อนถึงจะกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าเขาควรทำแบบนั้นในฐานะเจ้าของกิจการแต่มันก็หนักเกินไปจริงๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเขาเพราะนอกจากปัญหาที่ร้านจะมากมายก็ยังมีปัญหาพนักงานอีก ตอนที่หมิงมาทำงานแรกๆ เขามักจะได้ยินพนักงานแอบนินทาปูนปั้นอยู่บ่อยๆ พนักงานหลายคนไม่อต็มใจทำงานกับปูนปั้นแต่ที่ยังทนอยู่ก็เพราะที่ร้านของปูนปั้นให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าที่อื่นดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อเพื่อปากท้องของตัวเองแต่การทำงานก็ไม่ได้คุณภาพตามที่สมควรจะเป็น หมิงรู้สึกเห็นใจปูนปั้นมาตลอดเพราะปูนปั้นดีกับเขามากดังนั้นเขาเลยตั้งใจช่วยงานที่ร้านอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนที่ปูนปั้นเห็นใจรับเขาเข้ามาอยู่ที่ร้านแต่วันนี้เขากลับนำภัยมาให้ปูนปั้นซะงั้นและอีกเรื่องที่หมิงเป็นห่วงก็คือการที่ปูนปั้นต้องอยู่ทำงานคนเดียวดึกๆ มันก็อันตรายสำหรับเขาด้วย
"พี่ก็ไม่ต้องไปไหนหรอก" ปูนปั้นตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้นิดหน่อยเพราะยังนอนหมอบอยู่ที่โต๊ะ หมิงไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ลึกๆ ในใจเขาไม่อยากไปจากร้านอยู่แล้วเพราะการจะเจอเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน (บางคน) ที่ใจดีและเข้ากับตัวเองได้มากขนาดนี้มันเป็นเรื่องที่ยากมาก "ขอเวลาผมคิดหน่อยนะว่าพวกเราจะเอายังไงต่อดี" ปูนปั้นพูด หมิงมองดูปูนปั้นที่มีสภาพอย่างกับคนหมดแรง "ขอบคุณนะ" หมิงตอบออหมาหลังจากเงียบไปนาน ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ วันต่อมา บริษัท Siriyakorn Group ทันทีที่เทียนก้าวขาเข้าไปในบริษัทพนักงานก็ต่างแตกตื่นแล้วมองมาที่เขาเป็นตาเดียวกันหมดเพราะว่านี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเลยที่เทียนกลับเข้ามาที่นี่อีกครั้ง พนักงานใหม่หลายๆ คนก็ยังไม่รู้จักเทียนด้วยซ้ำส่วนสำหรับพายุนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้มาที่บริษัทแห่งนี้ ปกติมีแต่บอดี้การ์ดรุ่นพี่เล่าให้ฟังแล้วว่าบริษัทนั้นใหญ่โตและสวยงามแค่ไหนแต่พอเขาได้มาเห็นกับตาตัวเองจริงๆ มันก็เกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้เยอะเลย "ไปทำห้องทำงานของพ่อฉันก่อน" เทียนพูดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะถึงลิฟต์ "วันนี้คุณหล่งไม่ได้เข้านะครับ" พายุตอบ เทียนหยุดเดินแล้วหันมาหาพายุด้วยความสงสัยเพราะการที่พ่อเขาจะหยุดงานนั้นยากมาก "เห็นพี่เวกัสบอกว่าจะพาคุณหล่งไปหาคุณเอกที่โกดังสินค้าครับ" พายุตอบ "ไปทำไม่ได้" เทียนถาม "ไม่ทราบครับ พี่เวกัสไม่ยอมบอกผม" พายุตอบ "งั้นก็ขึ้นไปที่ห้องทำงานของคุณปู่ก่อนเถอะ" เทียนพูดแล้วหันกลับไปเดินต่อจากนั้นเขายืนหยุดนิ่งอยู่หน้าลิฟต์ไม่ยอมขยับหรือกดลิฟต์เลยจนพายุเองก็งงว่าเขาเป็นอะไรทำไมเขาไม่เข้าไปสักทีล่ะ (หรือว่าคุณเทียนจะกลัวลิฟต์ว่ะ) เทียนยืนรอมาสิบกว่าวิแล้วแต่พายุก็ยังไม่กดลิฟท์ให้เขาดังนั้นเขาเลยค่อยๆ หันหน้ามาหาพายุแล้วมองเขาด้วยสายตาดุๆ "ฮะ...?" พายุงงเพราะไม่เข้าใจความต้องการของเทียน "กดลิฟท์สิ!" เทียนกัดฟันพูดด้วยความหงุดหงิด จริงๆ เขาก็ทำเองได้แหละแต่ปกติแล้วคนดูแลของตระกูลเขาจะถูกฝึกให้บริการงานแบบนี้ทุกอย่างให้เจ้านายดังนั้นปกติแล้วแม้เขาจะยื่นมือไปกดเองทีไรก็จะมีเวกัสที่เร็วกว่าเสมอคอยทำให้ เขาเลยอยากฝึกพายุให้ทำทุกอย่างที่บอดี้การ์ดควรจะทำให้ชินมือเพื่อเวลาไปออกงานกับพวกญาติพี่น้องพายุจะได้ไม่ถูกตำหนิ "อ๋อ~ครับ" พายุตอบแล้วรีบยื่นมือไปกดลิฟต์ให้เทียนทันที พอลิฟต์มาเทียนก็เดินนำเข้าไปคนแรกแล้วรอให้พายุกดเลือกชั้นให้เขาแต่พายุก็ยังคงมึนไม่ทำอะไรอีกเหมือนเดิม "พายุ!" เทียนเรียกเขาที่เอาแต่สนใจกระจกในลิฟต์แล้วส่องดูใบหน้าของตัวเองตลอด "ครับ" พายุตกใจรีบหันกลับมาหาเทียนอย่างเร็วแล้วยกมือขึ้นตะเบ๊ะทันทีด้วยความเคยชินจากการดูหนัง "กดสิ" เทียนพูด "อ๋อ~" พายุพูดแล้วเดินเบียดเทียนเข้ามาใกล้ปุ่มกดทันทีพื้นที่มันก็ตั้งกว้าง เทียนส่ายหัวถอนหายใจแล้วถอยหนีพายุออกมายืนอีกฝั่ง "เอ่อ...ว่าแต่คุณเทียนจะไปชั้นไหนเหรอครับ" พายุหันมาถามเทียน "ฮะ~" เทียนอุทานออกมาด้วยความเหนื่อยใจ "เมื่อกี้นายไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยใช่ไหม...ฉันบอกว่า...ฉัน จะ ไป ห้อง ทำ งาน ของ คุณปู่!" เทียนตอบ "คือผมไม่รู้ว่าห้องทำงานของคุณซ่งมันอยู่ชั้นไหนน่ะครับ ผมเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกเลย" พายุตอบอย่างไม่เต็มเสียงแล้วยกมือขึ้นมาเกาหัวตัวเอง "เฮ่อ~" เทียนถอนหายใจแล้วเดินเข้ามากดมันซะเองเลย "ชั้น 38" พายุพูดออกมาเบาๆ เทียนเหล่มองไปที่พายุเพื่อดูว่าเขาได้พยายามจะจดจำสิ่งที่เขาสอนหรือเปล่า ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจทุกคนแล้วว่าทำไมไม่มีใครอยากให้เขาเลือกพายุมาอยู่ข้างกายเลยเพราะการสอนงานใครสักคนนี่มันยากจริงๆ ถ้าเขาเลือกเอาวิสุทธิ์หรือเวกัสมาป่านนี้เขาคงไม่ต้องมาเหนื่อยแบบนี้หรอก เมื่อมาถึงห้องทำงานเก่าของปู่เทียนก็มองไปรอบๆ ด้วยความคิดถึงทันที ทุกอย่างในห้องนี้ยังเหมือนเดิมแม่ว่าเขาจะไม่ได้เข้ามาดูหลายปีแล้วก็ตาม เทียนเห็นป้ายชื่อบนโต๊ะทำงานเปลี่ยนไปก็เลยเดินเข้าไปกูใกล้ซึ่งมันไม่เหมือนเดิมเพราะเมื่อก่อนมันเป็นชื่อของปู่เขาแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นชื่อของเขาไปแล้ว เขาลูบมันเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาเพื่อมองหาป้ายชื่ออันเก่่าของปู่ว่ายังอยู่ในห้องหรือเปล่าและสุดท้ายเขาก็เจอและเห็นว่ามันถูกวางหัันหน้าเข้าผนังอยู่บนตู้เอกสารเขาจึงเดินไปเอามันออกมาแล้วมองป้ายชื่อนั้นของปู่ด้วยความคิดถึง มันลูบมันเบาๆ แล้วเอากลับมาวางคู่กันกับชื่อของเขาบนโต๊ะทำงาน เทียนเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะแล้วหลับตาลงสูดหายใจเข้าลึกๆ (ต่อจากนี้ผมจะดูแลครอบครัวสิริยากรของพวกเราแทนคุณปู่เองนะครับ) เทียนลืมตาขึ้นมาแล้วหยิบแฟ้มที่วางกองอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดดูที่ละอันส่วนพายุก็นั่งอยู่ข้างหน้าคอยช่วยเขาอีกแรง จริงๆ เอกสารพวกนี้คุณหล่งทำไว้หมดแล้วแต่เขาต้องการให้เทียนมาตรวจสอบและรับรู้ด้วยว่าหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่คุณซ่งเสียชีวิตบริษัทมีงานและการเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้างเพื่อให้เขาเข้าใจทุกอย่างก่อนให้ฐานะประธานบริษัทคนต่อไป ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ 18:30 น. "จะออกไปแล้วเหรอลูก" ดารินถามเพราะเห็นเทียนกำลังเดินลงมา "ครับแม่" เทียนตอบ "ให้เวกัสไปด้วยสิเผื่อมีอะไรมันจะได้ช่วยรับมือให้" หล่งพูด "ไม่เป็นไรครับพ่อ ไอ้พายุมันก็ไปด้วย" เทียนตอบ "พายุมันจะไปทำอะไรได้" หล่งพูด "งั้นเดี๋ยวผมพาบอดี้การ์ดไปด้วยอีกสัก 2-3 คนแล้วกัน วันนี้เวกัสพาพ่อออกไปข้างนอกทั้งวันคงเหนื่อยมากแล้วให้เขาพักผ่อนเถอะ" เทียนตอบ "ก็แล้วแต่แกแล้วกัน" หล่งพูด "คุณเทียนครับบบบ~" น้ำเสียงร่าเริงของพายุทำเอาหล่งหงุดหงิดไม่น้อยเพราะเจ้าเด็กคนนี้ไม่มีมาดของการเป็นบอดี้การ์ดเลยแบบนี้ใครจะไปกลัว "รถพร้อมแล้วครับ" พายุพูด "อื้ม" เทียนตอบแล้วจากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากบ้านไป "คุณดูไอ้พายุสิ! มันเหมือนบอดี้การ์ดตรงไหน...อยู่บ้านใหญ่มาตั้งหลายปีไม่หัดเรียนรู้ท่าทางของบอดี้การ์ดที่ดีมาเลยแบบนี้ใครเขาจะไปกลัวมัน" หล่งพูด "เอาเถอะคุณเดี๋ยวพวกเราก็ค่อยๆ สอนพายุมันไปนะ" ดารินตอบแล้วใช้มือลูบหลังสามีเบาๆ "นี่อะไรเนี่ย" เทียนถามเพราะเห็นว่าพายุเตรียมรถไว้ 2 คันแถมยังเตรียมมอเตอร์ไซค์เพิ่มอีก 2 คันด้วย "ผมจัดคนไปกับเราอีก 5 คนครับเผื่อเกิดเรื่องฉุนเฉิน" พายุตอบแล้วเปิดประตูรถให้เทียน เทียนยิ้มออกมาที่มุมปากอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าพายุตะคิดอะไรแบบนี้ได้ด้วย "ครั้งนี้ถือว่าทำได้ดี" เทียนพูดแล้วขึ้นไปนั่งบน ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ 30 นาทีที่แล้ว ในระหว่างที่พายุกำลังเตรียมรถให้เทียนอยู่นั้นเวกัสก็เดินมาหาเขา "ทำอะไรอยู่ว่ะ" เวกัสถาม "อ่อ ผมกำลังเตรียมรถให้คุณเทียนอยู่ครับ" พายุตอบ "เอาไปแค่นี้เหรอ" เวกัสถาม "ไปกันแค่สองคนเอาไปแค่คันนี้ก็พอแล้วครับ" พายุตอบ "ไม่ใช่ ที่ฉันถามคือไปกันแค่ 2 คนเหรอ" เวกัสพูด "ใช่ครับ" พายุตอบ "จะบ้าหรอ นี่มันงานนอกนะทำไมไปกันแค่สองคนล่ะแล้วถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมาใครจะคอยคุ้มกันคุณเทียน มึงคนเดียวจะไหวเหรอไอ้พายุ" เวกัสพูด "แต่พวกเราแค่ไปงานเลี้ยงเองนะครับ" พายถามอย่างงงๆ เพราะว่างานนี่ไม่ใช่งานอันตรายอะไรเลยนี่หน่า "ไปงานนอกไม่ว่าจะงานเล่นงานใหญ่ล้วนอันตรายกับคนของตระกูลหมด ยิ่งคุณเทียนขึ้นเป็นผู้นำยังไม่ได้มีประสบการณ์มากมายก็ยิ่งเป็นผลดีต่อผู้ประสงค์ร้ายไม่ใช่หรอ โค่นผู้นำตระกูลสิริยากรได้ย่อมเป็นผลดีกับคนอื่นที่ต้องการมาแทนที่ตระกูลเราอยู่แล้วเพราะงั้นมึงจะทำอะไรจะไปที่ไหนมึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้านายทุกคนให้ดี" เวกัสพูด "งะ งั้นเดี๋ยวผมพาคนไปเพิ่มก็ได้ครับ" พายุตอบ เขาไม่ได้คิดเลยว่าแค่ไปงานเลี้ยงธรรมดาเวกัสจะคิดเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้แต่เพื่อความสบายใจของทุกคนเขาเลยตัดสินใจเอาคนไปคุ้มกันเพิ่มดีกว่า ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ ปัจจุบัน "คิดอะไรอยู่ขึ้นรถได้แล้ว" เทียนพูด "ครับ" พายุตอบแล้วรีบวิ่งไปนั่งข้างคนขับทันที วันนี้มีบอดี้การ์ดอีกคนขับรถให้เทียนส่วนพายุก็นั่งอยู่ข้างหน้าข้างคนขับและมีบอดี้การ์ดอีก 4 คนไปรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งกำลังขับตามและคอยระวังหลังให้เทียนอยู่17:45 น.ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์) ปูนปั้นใช้มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ยังไม่ลืมตา"ฮัลโหลลล~""ทำไมเสียงเป็นงั้นอ่ะนี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอปูน คนอื่นเขามารวมตัวกันแล้วนะ" เอมม่าพูด"ตื่นแล้ว" "เสียงยังงัวเงียอยู่เลย เนี่ยพี่ให้ทางรีสอร์ทเขาจัดโต๊ะให้หน้าหาดแล้วกำลังจะตั้งเตาเลย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินด้วยกันนะ" "รู้แล้ววว เดี๋ยวตายไปนะ""เร็ว ๆ เข้าล่ะ ช้าหมดอดกินนะ" "คร้าบบบ" ปูนปั้นลุกจากเตียงทั้งที่ยังคงง่วงอยู่เพราะก่อนหน้านี้เขาทานยาแก้เมาเรือไป เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูและขอใช้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำจากนั้นก็ออกมาใส่เสื้อผ้าด้านนอก เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสั้นสีขาวมาใส่จากนั้นก็ประทินผิวฉีดน้ำหอมนิดหน่อยก็พร้อมออกไปเจอกับทุกคนแล้ว บรรยากาศตอนเย็นเงียบสงบต่างจากตอนกลางวันมากและช่วงดีที่รีสอร์ทมีพื้นที่หน้าหาดเป็นของตัวเองมันเลยพื้นความเป็นส่วนตัวได้เป็นพิเศษ ปูนปั้นก้าวเท้าออกจากบ้านพักเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งดังแผ่ว ๆ ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่ส่องนำทางให้เขาเดินไปตามหาดทรายขาวนุ่มเท้าในใจได้แต่คิดว่าถ้ามีเทียนอยู่ท
14 กุมภาพันธ์บรรยากาศการเดินทางไปเกาะราชาช่างเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะของเหล่าพนักงานของร้าน Happy Time แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้มาครบทุกคนเพราะบางคนอยากใช้เวลากับคนรักของตนแต่บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังตลอดทาง บ้างก็พากันชี้นกชี้ไม้เอ่ยชมความงามของท้องทะเลไม่ขาดปาก ความใสของน้ำทะเลที่ไล่เฉดสีฟ้าครามและเขียวมรกตเหมาะกับการถ่ายรูปเก็บไว้มาก ๆ เมื่อมาถึงเกาะทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำแล้วนั่งรวมตัวกันอีกทีช่วงเย็นเพื่อไปทานอาหารด้วยกันส่วนปูนปั้นขอแยกกับไปนอนพักก่อนเพราะเขาบอกกับทุกคนว่ารู้สึกเมาเรือตอนแรกเอมม่าก็ว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อแต่เขาก็ปฏิเสธเพราะไมาอยสกให้พี่สาวหมดสนุก ปูนพักเดินเข้ามาในห้องพักด้วยความรู้สึกเหงา เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเห็นรูปตัวเองกับเทียนที่ตั้งอยู่บนหน้าจอก็ยิ่งทำให้คิดถึงเข้าไปใหญ่ ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์เข้า)ปูนปั้นยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าเทียนวิดีโอคอลมาหาเขา เขารีบกดรับด้วยความดีใจ ภาพขอเทียนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ background ด้านหลังเป็นห้องสีขาวและชั้นเอกสารมากมาย
กุ๊กไก่และธูปเดินเที่ยวภายในงานอย่างตื่นเต้น พวกเขาพากันแวะซื้อของอร่อยกินนตลอด ผลัดกันป้อนไปมาจนตอนพุงกางกันไปแล้ว "ไม่เคยมาเลยอ่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเงียบไม่คึกครื้นแบบในกรุงเทพแต่ที่ไหนได้คนเยอะแยะไปหมดเลย ของกินก็อร่อยมากด้วย" กุ๊กไก่มองไปรอบ ๆ งานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"ผมถึงได้บอกไงว่าพี่ควรออกจากกรุงเทพมาเที่ยวที่อื่นบ้าง จะได้รู้ว่าที่ประเทศไทยอ่ะไม่ได้มีดีแค่ในกรุงเทพนะ" "จ้า รู้แล้วจ้าพ่อคูณณณ~" สีหน้าติดรำคาญของกุ๊กไก่เป็นสิ่งที่ธูปได้เห็นเป็นประจำทุกวันแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกไม่โอเคเลยกลับกันเขาดันรู้สึกชอบมันด้วยซ้ำเพราะมันทำให้กุ๊กไก่ดูน่ารักขึ้นมากต่างจากตอนทำงานที่เขามันจะชอบทำหน้าบึ้งตึงเหมือนไร้อารมณ์จนดูน่ากลัวอยู่ตลอดเวลา นี่ถ้าไม่ได้มาลองสัมผัสกับตัวเองเขาคงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างกุ๊กไก่จะมีมุมน่ารัก ๆ แบบนี้ด้วยเหมือนกัน "เฮ้ย! เสื้อผ้าร้านนู้นสวยมากเลยอ่ะ ไปดูกันไหม" กุ๊กไก่ชี้ไปที่ร้านเสื้อม่อฮ่อม"เอาสิ" กุ๊กไก่เดินนำธูปไปที่ร้านเสื้อผ้า"สวัสดีเจ้า บะฮู้ว่าลูกค้าเป๋นตี้สนใจ๋ชุดไหนเจ้า" แม่ค้าสอบถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะมาก ๆ"อันนี้คือชุดม่อฮ่อมใช่ไหมครับ" กุ
มาถึงห้องพักทั้งคู่ก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วขึ้นนอนบนเตียงพักผ่อนจากความเหนื่อยล้ากันอย่างจริงจัง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ดึกมาแล้ว ธูปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนมีคนกำลังทำอะไรกับร่างกายเขาอยู่และภาพตรงหน้าที่เขาเห็นก็คือกุ๊กไก่กำลังทายาและนวดขาให้เขา"พี่ทำอะไรอ่ะ" "ตื่นแล้วเหรอ""อืม""ฉันเห็นนายเดินมาตั้งไกลแถมยังแบกของหนัก ๆ อีกด้วยเลยคิดว่านายคงปวดร้าวไปทั้งตัว""พี่เองก็เดินมาไกลเท่ากับผมนั้นแหละ""แต่ฉันก็ยังสบายกว่านายเยอะ...ทายาเสร็จแล้วก็ไปล้างหน้าเถอะ ฉันสั่งข้าวเอาไว้ให้แล้วจะได้มากินพร้อมกัน" กุ๊กไก่ตอบแล้วก็ลุกออกไป ธูปสังเกตเห็นสีหน้าของกุ๊กไก่แปลกไปไม่ค่อยสดใสร่าเริงเลยรู้สึกเป็นห่วง"ไม่สบายหรือเปล่า" กุ๊กไก่ส่ายหัวตอบแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้ว ธูปไม่ถามอะไรมากเขาลุกไปล้างหน้าแล้วมานั่งที่โต๊ะเพื่อทานอาหารพร้อมกันกับกุ๊กไก่"อร่อยนะเนี่ย" ธูปพูดเสียงแจ๋วแต่กุ๊กไก่กลับไม่ตอบอะไรเลย เขาก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองอย่างเงียบ ๆ จนธูปไม่สบายใจ เขาวางช้อนลงแล้วมองไปที่กุ๊กไป่ชัด ๆ"พี่เป็นอะไร""เปล่า""เปล่าแล้วทำไมไม่คุยกับผม""ฉันแค่เหนื่อยเฉย ๆ""งั
ธูปกับกุ๊กไก่นั่งกันอยู่คนละฝั่ง ซึ่งระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันกุ๊กไก่ยังคงทำหน้าบูดบึ้งไม่คุยกับธูปสักคำส่วนธูปก็เอาแต่จ้องเขาเหมือนอยากจะชวนคุยแต่ก็ไม่กล้า "เลิกจ้องฉันสักทีได้ป่ะ" กุ๊กไก่ทนไม่ไหวหันมาดุธูป "นี่พี่โกรธผมเหรอ" "ฉันไม่ได้โกรธ" "เห็นอยู่ว่าโกรธ" กุ๊กไก่ถอนหายใจแล้วกอดอกหันหน้าไปมองทางวิวทางด้านนอกแทน "ผมขอโทษ...ผมไม่ได้อยากให้เราทะเลาะกันจริง ๆ แต่ที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะว่า-" "เพราะว่านายเบื่อที่ฉันเรื่องมากและก็ขี้งกใช่ไหมล่ะ...ขอโทษนะที่ฉันทำให้ทริปของนายมันพังแบบเนี่ย" "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมแค่อยากให้เราได้มาถึงที่พักไว ๆ จะได้พักผ่อนแล้วก็หาอะไรอร่อย ๆ กินกัน ตั้งแต่เช้าพวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยแถมตอนที่พวกเราเดินหารถมันก็ร้อนมาก ๆ ผมเห็นเหงื่อพี่แตกเต็มตัวไปหมดเกินพี่เป็นลมขึ้นมาผมคงรู้สึกผิดที่พาพี่มาลำบากแบบนี้" น้ำเสียงที่ฟังดูเสียใจของธูปทำให้กุ๊กไก่เย็นลงทันที เขาหันกลับมาหาธูปมองดูใบหน้าที่กำลังฉายแววเศร้าอยู่ "ช่างมันเถอะ ฉันเอง...ฉันเองก็เรื่องมากจริง ๆ นั่นแหละ" "ผมรู้นะว่าพี่ไม่ได้เรื่องมากหรอกแต่พี่แค่เกรงใจผม พี่กลัวว่าผมจะต้องจ
ปูนปั้นตื่นขึ้นมาหลังได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตัวเองตั้งไว้ก่อนนอนเพราะกลัวว่าจะลุกไม่ทันนัดของดาริน เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาปิดเสียงกลัวมันจะดังรบกวนเทียน เขามองดูเทียนที่นอนถอดเสื้อแล้วก้มลงไปจุ๊บที่แก้มของเขาจากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขอลงจากเตียงเทียนก็ดึงเขาลงมากอดไว้ในอกซะแล้ว"แกล้งหลับเหรอ" "เปล่าซะหน่อยแต่พอดีมีคนมาขโมยจุ๊บเลยตื่น""ตื่นแล้วก็ปล่อยผมต้องไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำบุญกับแม่อีก""ไปตั้ง 7 โมงค่อยอาบก็ได้หรอก""ไม่ได้เดี๋ยวไม่ทัน""ก็พี่อยากกอดหนูหนิหน่า" "พอเลย! จะมาอยากกอดอะไร" ปูนปั้นว่าแล้วเอามือไปจับที่เป้าของเทียน"เนี่ย! แข็งแต่เช้าเลยไม่ต้องมาอ้างว่าอยากกอดหรอก""เอ้า~ อ้างที่ไหนก็พี่อยากจริง ๆ""พอ ๆ ๆ ปล่อยเลยจะไปอาบน้ำ" ปูนปั้นว่าแล้วแกะมือของเทียนออกจากตัวเองจากนั้นก็ลุกขึ้นออกจากเตียง"นอนไปเลยแล้วก็เก็บกระเป๋าผมไปใส่รถด้วยหลังจากทำบุญเสร็จจะได้กลับคอนโดกัน""สั่งเป็นแม่เลยนะ รู้เปล่าทุกคนที่นี่ไม่มีใครกล้าออกคำสั่งพี่เลยนะ""ก็ลองดู! ถ้าผมกลับมาแล้วลุงยังไม่จัดการให้เสร็จวันนี้ก็เตรียมกลับไปส่งผมที่บ้านได้เลย""โห่~ ดุจ