Masukบ้านของนานิ
ทานข้าวเย็นเสร็จ พูดคุยถามไถ่สาระทุกษ์สุขดิบกันพอหายคิดถึง ผู้ใหญ่ก็แยกย้ายไปพักผ่อน เด็กๆ ก็พากันไปดวลเกมส์ที่ห้องดูหนังที่ถูกสร้างไว้ให้ลูกชายกับลูกสาวได้ใช้ทำกิจกรรมอย่างดูหนัง ดูบอล ฟังเพลง เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ แม้กระทั่งโต๊ะสนุ๊กเกอร์
สองหนุ่มเล่นเกมส์ไปด้วยจิบเบียร์ไป ส่วนหนึ่งสาวแค่นั่งดูทั้งสองดวลเกมส์ต่อสู้ที่เธอขอยกธงขาวไม่ขอสู้ด้วย ขอเป็นแค่ผู้ชมที่ดีก็พอ ก่อนจะจอยในตอนท้ายในเกมส์ที่คุยกับมิลล์ไว้
“หนูไม่ไหวแล้วพี่มิลล์ หนูเหนื่อย”
“ทุ่มสุดตัวขนาดนี้ไม่เหนื่อยคงแปลก” หลังถอดอุปกรณ์เล่นเกมส์ทุกชิ้นให้เสร็จวยูสึเกะก็หยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดเหงื่อตามขมับให้น้องสาว ขณะปากก็เอ่ยแซวไปด้วย
“ก็หนูอยากชนะอ่ะ”
“ก็ชนะตั้งหลายรอบ”
“เพราะพี่มิลล์ต่อให้เหอะ แต่พี่ยูไม่เคยอ่อนข้อให้หนูเลย” เคืองนิดหน่อย มั่นใส้ด้วย
“ถ้าต่อให้ ชนะแล้วจะภูมิใจงั้นเหรอ”
“นิดหน่อยก็ยังดีป่ะ” นิดหนึ่งให้ระดับสกิลเราใกล้เคียงกันบ้าง แต่นี้มันเหมือนเอานักมวยผิดรุ่นมาต่อยกัน แบบนี้เธอก็แพ้ดิ
“ดึกแล้ว ไปอาบน้ำเข้านอนได้แล้วไป ผู้ใหญ่เขาจะดื่มกันต่อ”
“ค่า ดื่มกันให้สนุกนะคะ พี่มิลล์อย่าดื่มเยอะนะ ขับรถมา”
“เดี๋ยวให้มันนอนนี้แหละ คืนนี้คงดึก”
“ดีค่ะเมาไม่ขับ งั้นหนูไปอาบน้ำเข้านอนแล้วนะคะ”
“อืม”
“ฝันดีนะนานิ” มิลล์ที่ยืนอยู่ข้างยูสึเกะยืนมือมาลูบหัวน้องสาวเพื่อนสนิทด้วยความเอ็นดูพร้อมบอกฝันดี
“..ฝันดีค่ะ”
โบกมือบ๊ายบายทั้งสองหนุ่มแล้วนานิก็เดินออกห้องมาท นานิยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ก่อนยกมือลูบผมตัวเองที่ยังติดสัมผัสอบอุ่นจากมือของมิลล์ ลูบป้อยๆ อยู่ครู่อึดใจ ก่อนจะก็ลดมือลงทาบที่หน้าอกซ้ายของตัวเอง
สัมผัสเล็กน้อยพวกนี้เคยมีอิทธิพลกับหัวใจเธอมากล้น ทว่าตอนนี้หัวใจเธอกลับเงียบสงบ มันเต้น ตุบ ตุบ ตามจังหวะคลื่นหัวใจปกติ ไม่ได้เต้นรัวเร็วด้วยความตื่นเต้นเหมือนที่เคยเป็น…
อาบน้ำอาบท่าเสร็จเตรียมตัวจะเข้านอน แต่ก็ข่มตานอนไม่หลับทั้งที่เวลาก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่าๆ แล้ว
“เขาจะคิดว่าเราวุ่นวายกับชีวิตเขาเกินไปไหม” นั่งพึมพำกับตัวเอง เป็นห่วงเขาแต่ก็ไม่กล้าพิมพ์หา
“เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะนานิ จะมาทำตัวเป็นเมียเขาไม่ได้” บอกกับตัวเองเสร็จก็ล้มตัวลงนอน
พรึ่บ!
หัวถึงหมอนได้เพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง แล้วคว้าเอาโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงมาปลดล็อกหน้าจอ
“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ก็แค่เป็นห่วง” นานิตัดสินใจพิมพ์หาไนท์ ไม่งั้นเธอก็คงนอนไม่หลับ
Nani : พี่
Night : ครับ
พิมพ์ไปหาแค่ชั่วอึดใจก็ขึ้นว่าฝั่งนู้นเปิดอ่านแล้ว ริมฝีปากนิ่มจึงเผยยิ้มพอใจที่ไนท์ยังมีปฏิกิริยาตอบรับไปในทิศทางที่ดี
Nani : เมาไหมคะ
Night : ไม่ดเมา่
“เนี่ยนะไม่เมา” นานิอมยิ้มหัวเราะแล้วจิ้มนิ้วพิมพ์กลับ
Nani : นิ้วเบียดขนาดนี้ ไม่เมาแน่นะคะ
Night : ำไม่าเมา
“ทรงนี้เมาชัดๆ ” แต่คนเมาที่ไหนเขาบอกว่าตัวเองเมา
Nani : แล้วกลับยังคะ?
Night : พึ่วถุลก้อว
“พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกขนาดนี้ ยังบอกว่าไม่เมา เชื่อเขาเลย”
ก่อนหน้านี้แอบหวั่นอยู่ไม่น้อยจากท่าทางของไนท์เมื่อตอนเย็น แต่ตอนนี้โล่งใจที่ไนท์ยังแชทคุยกับเธอเหมือนปกติ
แชทคุยกันก็ไม่ค่อยไม่รู้เรื่อง แถมต้องรอหลายนาทีกว่าฝ่ายนั้นจะตอบมาแต่ละข้อความ แต่ละข้อความที่ตอบกลับมาก็แทบจับใจความไม่ได้ นานิจึงตัดสินใจโทรหาไนท์แทนการแชท
(ฮัลโลลล)
“เสียงพี่ยานมาก” คนในสายไม่ได้ตอบ ได้ยินแค่เสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “ถึงห้องรึยังคะ”
(อืม พึ่งถึง ไอ้ชินมาส่ง)
“งั้นนอนนะคะ ฝันดีค่ะ”
(โทรมาถามแค่นี้?)
“ค่ะ เราก็แค่เป็นห่วง หายห่วงแล้ว หลับได้”
(....)
“..” ปลายสายเงียบ แต่ยังไม่ได้บอกลาเป็นกิจจะลักษณะ คนโทรเลยยังถือสายรอ
….ผ่านไปเกือบนาทีก็ยังเงียบ
“พี่”
(อืม?)
“นึกว่าหลับไปแล้ว”
(ยัง)
“มีอะไรจะคุยต่อไหมคะ”
(มี....)
“ว่าไงคะ”
(..)
“พี่” เรียกอีกครั้งเมื่อไนท์เงียบไป
(…เราเป็นอะไรกับไอ้มิลล์?)
“พี่มิลล์?”
(อือ ไอ้มิลล์ คณะแพทย์ที่มารับเราอ่ะ คนนั้นแหละ)
จะมิลล์ไหนอีกวะ!
“พี่มิลล์เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมของพี่ยูค่ะ”
(งั้นเราก็รู้จักมันนานแล้วสิ)
“ก็ตั้งแต่ประถมเลยค่ะ”
(..)
“เราเป็นแค่พี่น้องกัน วันนี้ที่พี่มิลล์มารับเพราะพี่ยูรู้ว่าเขาอยู่ที่มอ พี่ยูเลยให้มารับเรา คงบังคับให้มารับล่ะมั้ง คงเห็นเราไม่มีเพื่อนนั่งรอด้วย” ไม่รู้เขาอยากรู้ไหม แต่เธออยากบอก อยากอธิบายให้เคลียร์ว่าระหว่างเธอกับมิลล์เป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้นจริงๆ
(..นึกว่ามีแฟนแล้ว)
“เฮ้ย! พี่จะบ้าเหรอ ถ้าเรามีแฟนแล้วจะไปเสนอตัวฮีลใจให้พี่ได้ไง”
(ใครจะไปรู้ คนน่ารักมักใจร้าย)
“ฮ่าฮ่า ไม่คิดว่าพี่จะพูดแบบนี้เป็นกับเขาด้วย สรุปเราน่ารักใช่ไหม” ลองหยั่งเชิงถามกลับ แต่อีกฝ่ายเอาแต่เงียบ ก่อนจะได้ยินเสียงอะแฮ่มเบาๆ
เขากำลังเขินใช่ไหม? เขินแหละ เขินแน่ อุตส่าห์หยอด
“คนน่ารักคนนี้ไม่ใจร้ายนะคะ บอกไว้เผื่อไม่รู้”
(เชื่อได้เหรอ)
“อยากรู้ก็ต้องเปิดใจ”
เดินมาถึงหน้าตึกก็ต้องตกใจเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไอญดา เดย์ ชิน เรนจิ เอิงเอย คิม และลูกพีช อยู่กันครบขนาดนี้คงเตี๊ยมกันมาแล้ว“โว้ มีเดินมาส่งด้วย” “ให้เกียร์ให้ใจ”“อุ๊ย! สร้อยข้อมือสวย”“ประกาศตัวผ่านโซเซียลฉ่ำ”“รูปคู่ก็มา”“เปลี่ยนรูปโปรไฟล์คู่”“My night”ชินเป็นคนแรกที่เปิดแซว จากนั้นคนอื่นก็แซวตามๆ กันมา ไนท์โคลงหัวอมยิ้มขำ มันก็เขินนิดๆ ที่เพื่อนแซว ต่างจากนานิที่โดนแซวจนเขินไม่ไหวหนีมาหลบข้างหลังไนท์ทุกคนลุ้นคู่ไนท์กับนานิมาพักใหญ่แล้ว ว่าเมื่อไหร่ทั้งสองจะเปิดตัวสักที แล้วในวันนี้ก็มาถึงเลยขอแซวหน่อย อีกอย่างไนท์สร้างซีนไว้เสียใหญ่โตเมื่อวาน“เมื่อวาน เล่นไว้ซะใหญ่เลยนะมึง” เหตุการณ์เมื่อวานเป็นที่กล่าวถึงกันมากในโซเซียล มีทั้งรูปและวิดีโอของไนท์กับนานิและก็มิลล์ เพจดังของมหาลัยก็เอาไปใส่สีตีไข่ว่าเกิดศึกแย่งหญิงระหว่างหนุ่มฮอตวิศวะกับหนุ่มตีว่าที่คุณหมอ มีคนมาคอมเมนต์มากมาย บ้างก็บอกว่ากินกันไม่ลงเพราะหล่อกันคนละแบบ จนเกิด #ทีมหมอมิลล์ #ทีมไนท์ แต่หลังจากที่ไนท์กับนานิแชร์สถานะใหม่บนโซเซียล พร้อมกับเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปคู่ของทั้งสองพร้อมกันและเป็นรูป
กริ๊งๆ เสียงนาฬิกาปลุกยามเช้าตรู่ นานิคว้าโทรศัพท์มาปิดนาฬิกาปลุก ในช่วงที่เธอขยับตัวไปเอื้อมโทรศัพท์ก็ทำให้ร่างหนาที่กอดรัดอยู่ด้านหลังขยับตัวตื่นตามไนท์ส่งเสียงอู้อี้ในคออย่างขัดใจนิดหน่อย เนื่องจากเขายังอยากนอนกอดร่างนุ่มนิ่มนี้ต่อ ปกติเขาไม่ใช่คนขี้เซาหรือตื่นสาย แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่มีนานิมานอนด้วยเขาก็ไม่อยากลุกจากที่นอนเลย บวกกับไม่ได้กอดเธอตั้งหลายคืนแล้ว วันนี้เขาเลยไม่อยากลุกจากที่นอนเลย“ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้เรามีเรียนเช้ากันนะ”“อืม” ไนท์ตอบกลับเสียงอืมเบาๆ ในลำคอ แล้วซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอด้านหลังนานิ จมูกโด่งกดหอมไปทั่วจนถึงลาดไหล่ กดริมฝีปากขบเม้มตามผิวเนื้อเนียนในขณะที่ตาสองข้างยังปิดสนิทอยู่“พี่ ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวไปเรียนสาย” นานิย่นคอหนีจมูกปากและลิ้นที่เริ่มไล้เลียไปยังใบหู เมื่อคืนหลังจากให้เกียร์ให้ใจไนท์ก็ให้ตัวเขามาแบบรัวๆ จนเธอแทบจะสลบเหมือดคาเตียง ตื่นเช้ามายังหื่นใส่อีก“พอแล้วค่ะ” เอ่ยเตือนอีกครั้งเพราะเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่มันเริ่มขยายตัวถูไถอยู่ตรงก้นของเธอ ไนท์เป็นคนเครื่องติดง่ายเธอรู้ดี ถ้าห้ามได้ให้รีบห้ามไม่งั้นยาว ปกติเธอก็ไม่ใช่คนเล่นตัวอะไรแต่ตอ
“ยกเลิกตั้งนานแล้วทำไมยังเก็บเอกสารไว้อีกล่ะคะ”“ลืม ลืมจริงๆ เพราะพอยกเลิกก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีก”“โห แบบนี้เราก็ร้องไห้ฟรีสิ” เสียน้ำตาไปเป็นปี๊บ แต่จะว่าร้องไห้ฟรีก็ไม่ใช่เพราะพอเกิดเรื่องนี้เธอกับเขาเลยได้เคลียร์ใจกันเหมือนตอนนั้น ไม่งั้นไม่รู้ว่าเธอจะได้มีโอกาสคุยกันตรงไปตรงมาแบบนี้ไหม“แล้วเราไปรู้ได้ยังไง รู้ตอนไหน” เมื่อกี้ถามไปแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบ“ตอนที่เราหาเอกสารที่ฝากพี่ปรินต์ไง เราหาบนโต๊ะไม่เจอเลยลองค้นในลิ้นชักที่โต๊ะทำงานดู”“งั้นก็วันเดียวกับที่เดย์เจอ” “พี่เดย์ก็พึ่งรู้เหรอคะ?”“อืม เรื่องเรียนตอนพี่ไม่ได้บอกใครเลย พ่อกับแม่ก็ไม่ได้บอก”“โห ใจร้าย ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าคนรอบข้างจะเสียใจตอนรู้ว่าพี่จะไปเรียนต่อ”“คิดสิ แต่ไม่คิดว่าทุกคนจะเสียใจขนาดนี้” เพราะเขาแค่จะไปเรียน เรียนจบก็กลับมาแล้ว ไม่ได้ไปแล้วไปลับเสียหน่อย“ที่พี่ตัดสินใจไปเรียนต่อเพราะไอใช่ไหม”“อืม มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ตอนนั้นคิดแค่ว่าคงอยู่เห็นเดย์กับไอรักกันไม่ได้ เลยอยากหนีไปไกลๆ “ “พี่คงรักไอมาก” “เคย..แค่เคยรัก” ตอนนี้แค่เคยรักเท่านั้นและไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นต่อไอญดาอีกต่อไป ไม่มีเลย เพราะ
ไนท์พานานิขึ้นมาคุยต่อบนห้องเนื่องจากมีอีกหลายเรื่องเลยที่เขาอยากอธิบาย“คุยกันบนเตียงได้ไหม อยากนอนกอดเรา คิดถึง” พอบอกไปแบบนั้นนานิก็มองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ “แค่นอนคุยกันจริงๆ “ พอไนท์ยืนยันแบบนั้นนานิก็ยอมนอนลงในอ้อมแขนแกร่งแล้วหนุนศีรษะไว้ที่อกแข็งๆ ของไนท์ไนท์กดจมูกบนเรือนผมยาวสลวยสูดดมกลิ่นแชมพู กลิ่นครีมอาบน้ำ กลิ่นน้ำหอมกลิ่นคาราเมล เขาโคตรคิดถึงเธอเลย ตอนนี้เหมือนหัวใจเขากลับมาเต้นอีกครั้ง เขาเหมือนต้นไม้ที่ใกล้ตาย ใบแห้งเหี่ยวเฉ่า ทว่าอยู่ๆ ก็มีคนมารดน้ำช่วยชีวิตมันไว้“คิดถึง” ตั้งแต่วันที่เธอขอยุติความสัมพันธ์ เขาก็นอนไม่หลับ อาลัยอาวรณ์ถึงแต่เธอ ร่างนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมละมุนที่คุ้นจมูกที่ได้สูดดมแล้วรู้สึกสบายใจ เธอเป็นเซฟโซนของเขา “เราก็คิดถึงพี่” นานิว่าแล้วกระชับเรียวแขนที่กอดรัดร่างหนาเอาไว้“แล้วรักพี่ไหมครับ?”“รักค่ะ” นานิตอบเสียงเบาและก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาไนท์ตอนพูด ก่อนหน้านี้เธอตะโกนคำว่ารักใส่เขาด้วยความโกรธแต่พอตอนนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้นอีกแล้ว แล้วเขาก็มาถามกันตรงๆ มันก็เกิดขัดเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไนท์ยกยิ้มบางทอดสายตามองคนตัวเล็กในอ้อมกอดด้วยความร
ไนท์ขับมอเตอร์ไซค์พานานิกลับและเพื่อความปลอดภัยของผู้หญิงที่เขารัก ไนท์ก็เสียสละหมวกกันน็อกให้นานิ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นครั้งคราวจากข้างหลัง บ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังร้องไห้ จะหยุดรถกลางรถปลอบก็ไม่ได้ จะขับเร็วขึ้นก็ห่วงความปลอดภัยของเธอ ตลอดทางไนท์ขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความวุ่นวายใจ โชคดีที่คอนโดตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ และในที่สุดเขาก็พาเธอมาก็ถึงจุดหมายพอมอเตอร์ไซค์หยุดนิ่งนานิก็รีบลงทันที เธอซ้อนคันนี้มาหลายครั้งแล้วเลยรู้วิธีลงอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็ปลดล็อกถอดหมวกกันน็อกยื่นคืนให้ไนท์แล้วทำท่าจะไป เห็นแบบนั้นไนท์ก็รีบคว้าตัวนานิไว้แล้วใช้อ้อมแขนแกร่งกอดรัดเธอไว้ในอ้อมกอด “จะไปไหน ไม่ให้ไป”ตุ้บ!กำปั้นเล็กทุบเข้าที่หน้าอกแกร่งในขณะที่สองแก้มยังอาบไปด้วยน้ำตา เธอร้องไห้ด้วยดวงตาแดงก่ำ ใต้ตาบวมแป่ง ใบหน้าเลอะเทอะไปด้วยคราบน้ำตา ร้องไห้จนหยุดสะอื้นไม่ได้ตุ้บๆๆๆ!!เสียงทุบจากกำปั้นเล็กดังต่อเนื่อง ซึ่งไนท์ก็นิ่งให้คนในอ้อมกอดระบายจนพอใจ เขาไม่แน่ใจว่าเธอโกรธเรื่องอะไร แต่รู้ว่าโกรธมากเพราะกำปั้นน้อยทั้งสองข้างทุบมาอย่างไม่ออมแรง“อย่ามาทำเหมือนรัก ถ้าไม่คิดจะรั
แววตาเจ็บปวดแสนเศร้าของนานิเมื่อครู่นี้ทำให้ไนท์สับสนบวกกับคำพูดหลายอย่างทีคุยกับเพื่อนเมื่อเช้าด้วย ‘อย่ามาทำเป็นพระรองแสนดีอีก มึงก็รู้ว่าเป็นพระรองมันเจ็บ เป็นพระเอกกับเขาบ้างสิวะ’‘เขาเป็นของมึงท่องไว้ ถ้ามันอยากได้ก็สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย’ถ้าเราหัวใจตรงกันแล้วทำไมเขาต้องยอมเสียเธอไปให้คนอื่นด้วยวะ รักแรกแล้วไง ใครกลัว รอบนี้เขาจะสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าเรื่องนี้เธอเป็นนางเอกเขาก็จะเป็นพระเอกไนท์วนรถกลับเข้ามาอีกครั้งทั้งที่ขับออกไปเกือบถึงทางออกหน้ามหาลัยแล้ว แต่พอขับเข้ามาก็เห็นนานิกำลังขึ้นรถเบนซ์คันสีดำที่เขารู้ดีว่ามันคือรถของใครมึงอีกแล้วเหรอ?ไนท์ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์ถอดหมวกกันน็อกออกด้วยความรีบร้อน ในใจเดือดปุดๆ ที่เห็นมิลล์มารับนานิ ก้าวตรงไปที่รถของมิลล์แล้วพอเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วเห็นมิลล์โน้มตัวมาหานานิ ท่าทางเหมือนทั้งสองกำลังจูบกัน วินาทีนั้นความโกรธก็พุ่งปรี๊ด ไนท์โกรธเลือดขึ้นหน้ากระชากประตูฝั่งข้างคนขับออกด้วยความโมโห“ทำบ้าอะไรกัน” กระชากประตูเปิดออกก็ลากร่างบางออกมาแล้วตะโกนถามโดยไม่สนนักศึกษาหลายคนที่อยู่แถวนั้นทุกคนต่างพากันมาเมียงมองอย่างให้ความสน







