หลังจากเข้ามาในห้อง หัวใจดวงเล็กยังวุ่นวายเต็มไปด้วยภาพของเขา หากเธอนึกคิดวิธีที่จะไม่ได้เจอหน้าเขาได้คงดี เพราะหากเจอกันขึ้นมา เธอก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ดี
ในขณะที่กำลังนั่งนึกคิดหาวิธี ก็เหมือนมีพระเจ้ามาโปรด เมื่อมีเสียงสตาร์ทกำลังจะขับเคลื่อนออกไปดังก้อนเข้ามาผ่านหน้าต่างห้อง ลัญชนารีบลุกขึ้นเดินไปดูก็พบกับรถคันหรูที่เขานั่งมาเมื่อครู่ได้ขับเคลื่อนกลับออกไป หากเธอเดาไม่ผิด เขาต้องไปส่งแฟนสาวคนนั้นแน่ๆ หากไปส่งแล้วไม่กลับมาสักคืนก็คงดีสิ ลัญชนาคิดแล้วก็โล่งใจ ก่อนเสียงเคาะประตูหน้าห้องจะดังขึ้น เรียกสติจากหญิงสาวให้รีบเดินไปเปิดโดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าคนที่ยืนเคาะอยู่จะเป็น… เฮียคิเลียน! ลัญชนาตกใจรีบก้าวถอยหลังเมื่อเขาลอดตัวเข้ามาในห้องเธอ แกร๊ก… เสียงล็อคประตูดังขึ้นตามหลัง ทำเอาหัวใจดวงเล็กลุกขึ้นมาเต้นแรงตุบตับอย่างไม่มีเหตุผล “ฮ..เฮียคิล” ลัญชนาเอ่ยเรียกชื่อคนที่ย่างเข้ามาไกล้เธอเรื่อยๆเสียงตะกุกตะกักเหมือนกลัวอะไร ทำเอาคิเลียนลอบยิ้มมุมปากขึ้น “ไม่เจอกันแค่สามปี… ทำไมทำหน้าห่างเหินกับพี่ชายตัวเองขนาดนั้นล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามช้าๆ ในระยะไกล้ “น…นัญเปล่าสักหน่อยนี่คะ” เธอตอบโดยเบือนหน้าหนี หลีกเลี่ยงสายตาคมคู่นั้นที่มองเธอเหมือนจะกลืนกิน “งั้นหรอ…” คำตอบของเขาเบาจนแทบเป็นเสียงลมหายใจกระซิบเธออยู่ในระยะประชิด ทว่ากลับแฝงเต็มไปด้วยแรงอารมณ์มหาศาลที่อัดแน่นอยู่ข้างใน เท้ายาวขยับเข้าไกล้ทีละนิด ส่วนเธอเองก้าวถอยหลังตามก้าวเท้าของเขาตามสัญชาตญาณ จนในที่สุดคนตัวเล็กก็จนมุม ฝ่ามือหนาทาบเข้ากับผนัง ล็อคตัวเธอไว้ข้างในแขนสองข้าง แผ่นหลังเนียนแนบกับผนังเย็นเฉียบ หัวใจเต้นแรงเป็นจังหวะซุมบ้าจนแทบจะทลุออกมานอกอก “แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงไม่ออกมาต้อนรับฉัน ปกติเธอจะวิ่งเข้ามากอด… หรือไม่ก็ถามหาของฝากเป็นสิ่งแรกเลยไม่ใช่หรอ” เขาจ้องหน้าเธอด้วยสายตาที่คมลึกจนลัญชนาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตา แต่ถึงอย่างนั้นคิเลียนกลับสามารถอ่านทุกความคิดที่ซ่อนอยู่ในใจของน้องสาวบุญธรรมออกได้ง่ายๆ ใช่… เขารู้ ว่าเธอหลบหน้า และใช่… เขาจำได้ดีว่าเพราะอะไร กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างกายเธอลอยมาติดปลายจมูกเขา ไม่ใช่กลิ่นนํ้าหอม ไม่ใช่กลิ่นปรุงแต่งไดๆ แต่เป็นกลิ่นกายธรรชาติจากตัวเธอ กลิ่นที่เขาจำได้ดี กลิ่นที่ตามหลอกหลอนเขามาตลอดสามปี… สามปีมานี้เขาเองพยายามอยู่ตลอด พยายามที่จะถอยห่าง จะไม่ยื่นมือกลับไปแตะต้องเธออีก เพื่อที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้ข้ามเส้นที่ไม่ควรข้ามเฉกเช่นคืนนั้นอีก แต่วันนี้เพียงเห็นใบหน้าหวานละมุน คิ้วเรียวพอดีกรอบ ดวงตากลมโตแผงประกายอ่อนโยนที่มักทำให้เขาเผลอมองแล้วคิดลึกไปต่อไหนถึงไหน ริมฝีปากเป็นกระจับน่าจับเข้ามาบดขยี้… อีกทั้งยังขนตายาวงอนราวกับตุ๊กตาญี่ปุ่นนั่นก็ทำเอาเขาแทบหักห้ามใจตัวเองไม่อยู่สักครั้ง ทว่าสิ่งที่ทำให้ลมหายใจเขาแทบขาดตอน กลับไม่ใช่เพียงใบหน้าใสน่ารักนั่น แต่เป็นรูปร่างที่เติบโตจนเกินวัยอายุ 20 ต้นๆ ส่วนเว้าส่วนโค้งของหญิงสาวชัดเจนขึ้นทุกมิติ เอวคอดรับกับสะโพกกลมกลึงได้รูป หน้าอกสองเต้าตูมที่ซ่อนอยู่ภายไต้เสื้อตัวบางนั้นเองก็เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนแทบทำเอาลมหายใจเขาติดขัด แล้วผู้ชายที่มาส่งเธอถึงหน้าบ้านนั่นอีก… เหมือนนํ้ามันที่สาดลงบนกองไฟในใจเขาให้ยิ่งลุกโชนมากกว่าเดิมทวีคุณ ความพยายามตลอดสามปีเขาพังทลายลงไม่เป็นท่าเพียงกลับมาเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้… ทุกการกระทำของลัญชนาทำให้คิเลียนรู้สึกเหมือนถูกยั่วยวนอย่างเงียบงัน เขารู้ตัวว่าไม่ควรมอง ไม่ควรรู้สึก แต่ทุกส่วนในร่างกายเธอกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาอยากคว้ามาครอบครองเป็นของตัวเองแค่คนเดียว… กลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอทำให้เขานึกคิดถึงสัมผัสในคืนนั้น… ทั้งรสชาติที่หอมหวานมันแทบทำเขาครั่ง ใบหน้าหล่อค่อยๆโน้มเข้าใกล้ลำคอระหงจนลัญชนารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รดเข้าผิวหนัง หญิงสาวตั้งตัวได้จึงรีบลอดตัวออกมาพร้อมถอยออกห่างเขาตามสัญชาตญาณเหมือนกลัวสัตว์ป่า “น…นัญว่าเฮียคิลกลับมาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวก็จะถึงมื้ออาหารคํ่าแล้ว…” เสียงเธอเบาแผ่วและสั่นเล็กน้อย ไม่กล้าเงยหน้ามองเขาเลยแม้แต่นิดเดียว… มือหนาข้างหนึ่งค่อยๆกำแน่นข้างลำตัว เขาไม่ได้โกรธเธอแต่โกรธตัวเองที่แทบจะคุมความรู้สึกไว้ไม่อยู่ ตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาเลือกจะไม่กลับมา ไม่ใช่เพราะธุระ ไม่ใช่เพราะหน้าที่ แต่เพราะคิดว่าหากไม่ได้เจอหน้าน้องสาวบุญธรรม เขาอาจลบความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ควรมีลงได้บ้าง แต่เปล่าเลย… พอได้เจอเธออีกครั้งเท่านั้น แม้จะอยู่ในระยะไกลกันออกไปเป็นเมรต ผู้หญิงคนนี้ก็สามารถทำให้ความอดทนเขาขาดผึงได้ในเสี้ยววิ… ลัญชนายืนเกร็งไม่รู้ว่าเธอควรจะรู้สึกยังไงดี ส่วนอีกคนเมื่อยืนกำหมัดชั่งใจตัวเองเสร็จก็หันตัวเดินออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรกับเธออีก“นั่นสิครับป๊า นัญยังเด็ก… ตามเล่ห์กลผู้ชายไม่ทันหรอกครับ ไม่มีนั่นแหละดีแล้ว” ชายวัยกลางที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็เกิดหัวเราะลั่นอย่างเอ็นดู “ฮะๆ พี่น้องคู่นี้ยังเป็นห่วงกันเหมือนเดิมเลยนะ ป๊าเห็นแบบนี้ก็หมดห่วงละ แกก็ดูแลน้องมันด้วยล่ะ เดี๋ยวจะเป็นแบบที่แกพูดเอา” คิเลียนหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงฟังดูสุภาพแต่เจืออะไรบางอย่างที่ทำให้ลัญชนาเสียววาบตั้งแต่สันหลังถึงต้นคอ “ป๊าไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะผมจะดูแลน้องแบบที่ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมแน่…” เสียงหัวเราะของผู้เป็นบิดาดังลั่นขึ้นอีกครั้งอย่างชอบใจจนไม่ทันได้สังเกตเลยว่า คำพูดของลูกชายมีน้ำเสียงและความหมายที่ลึกกว่านั้น… เจ้าเล่ห์และอันตราย… ลัญชนาเหลือบสายตาขึ้นไปสบกับสายตาคมโดยไม่ตั้งใจ รอยยิ้มมุมปากที่จางๆบนใบหน้าหล่อเหลาทำเอาเธอเย็นวาบ มันไม่ใช่แค่ยิ้ม แต่มันคือการขู่ในคราบความอ่อนโยน เธอก้มหน้านิ่ง รีบหลบสายตาอย่างเงียบงัน เพราะรู้ดี… ผู้ชายที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตเธอ อาจไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ คิเลียน ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายต่างสายเลือด และดูเหมือนป๊าจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ… ว่าเขากำลังโยนลูกสาวตัวเองเข้าไปในถํ้าของสัตว์ป่าอันตรา
เมื่อถึงเวลามื้ออาหารคํ่า ทุกคนในบ้านก็มานั่งรวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตาที่โต๊ะ อาหารร้อนๆถูกทยอยนำมาเสิร์ฟ บรรยากาศภายในห้องอาหารอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมและเสียงพูดคุย “หนูเพนน่าจะอยู่ทานข้าวกับเราก่อนก็ยังดีเนาะคุณว่ามั้ยคุณศักดิ์” คุณหญิงกัลยาณีตัดพ้อถึงว่าที่ลูกสะใภ้ที่รีบกลับไปก่อนจะได้ทานมื้อคำ่ด้วยกัน พูดจบก็หันไปทางสามีหาเพื่อนสมทบความคิดตนเอง “ไม่รู้สิ” “เหอะ.. คุณมันเคยรู้อะไรบ้าง นอกจากเรื่องยัยนัญ” นํ้าเสียงของชายวัยกลางที่ตอบห้วนสั้นไม่ใส่ใจนัก ทำให้คุณหญิงกลยาณีเกิดขัดใจ แล้วหันเหความหงุดหงิดไปลงที่ลัญชนาที่นั่งเงียบ คำพูดนั้นประหนึ่งตบหน้าหน้าเธอเข้าเต็มแรง ลัญชนาได้แต่ก้มหน้าลงตํ่า จ้องมองข้าวในจานที่ดูน่ากลืนไม่ลง รสชาติทั้งหมดหายไปทันทีที่ได้ยินถ้อยคำจากคนที่เธอเฝ้าหวังจะได้รับความรักมาโดยตลอด… เธอนับถือคุณหญิงเหมือนมารดา… ทว่าคุณหญิงกลับมีแต่ปติกิริยาตอบกลับเธอด้วยความเกลียดชัง ซึ่งลัญชนาเองไม่เข้าใจถึงเหตุผลเหมือนกัน ทั้งที่เธอโตมาภายไต้สายตาของคุณหญิงแท้ๆ… ทว่ากลับไม่เคยได้รับแม้แต่คำพูดดีๆจากหญิงวัยกลางเลยด้วยซํ้า ในขณะที่คนที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงครึ่งว
หลังจากเข้ามาในห้อง หัวใจดวงเล็กยังวุ่นวายเต็มไปด้วยภาพของเขา หากเธอนึกคิดวิธีที่จะไม่ได้เจอหน้าเขาได้คงดี เพราะหากเจอกันขึ้นมา เธอก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ดี ในขณะที่กำลังนั่งนึกคิดหาวิธี ก็เหมือนมีพระเจ้ามาโปรด เมื่อมีเสียงสตาร์ทกำลังจะขับเคลื่อนออกไปดังก้อนเข้ามาผ่านหน้าต่างห้อง ลัญชนารีบลุกขึ้นเดินไปดูก็พบกับรถคันหรูที่เขานั่งมาเมื่อครู่ได้ขับเคลื่อนกลับออกไป หากเธอเดาไม่ผิด เขาต้องไปส่งแฟนสาวคนนั้นแน่ๆ หากไปส่งแล้วไม่กลับมาสักคืนก็คงดีสิ ลัญชนาคิดแล้วก็โล่งใจ ก่อนเสียงเคาะประตูหน้าห้องจะดังขึ้น เรียกสติจากหญิงสาวให้รีบเดินไปเปิดโดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าคนที่ยืนเคาะอยู่จะเป็น… เฮียคิเลียน! ลัญชนาตกใจรีบก้าวถอยหลังเมื่อเขาลอดตัวเข้ามาในห้องเธอ แกร๊ก… เสียงล็อคประตูดังขึ้นตามหลัง ทำเอาหัวใจดวงเล็กลุกขึ้นมาเต้นแรงตุบตับอย่างไม่มีเหตุผล “ฮ..เฮียคิล” ลัญชนาเอ่ยเรียกชื่อคนที่ย่างเข้ามาไกล้เธอเรื่อยๆเสียงตะกุกตะกักเหมือนกลัวอะไร ทำเอาคิเลียนลอบยิ้มมุมปากขึ้น “ไม่เจอกันแค่สามปี… ทำไมทำหน้าห่างเหินกับพี่ชายตัวเองขนาดนั้นล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามช้าๆ ในระยะไกล้ “น…นัญเปล่
รถคันสีเทาจอดเทียบหน้าบ้านอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับที่ลัญชนาเปิดประตูลงมา ก่อนเพื่อนชายที่มาส่งรีบยื่นหน้าออกมาเอ่ยลา “ขอบคุณที่มาส่งนะกันต์” “นัญพูดอย่างกับนี่เป็นครั้งแรกที่กันต์มาส่งอย่างนั้นแหละ” “ฮะๆ งั้นเราเข้าบ้านก่อนนะ” “อื้ม เดินดูทางดีๆด้วยล่ะ นัญยิ่งซุ่มซ่ามอยู่” ลัญชนายิ้มพรางพยักหน้าเข้าใจ ชนกันต์มักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอจนเธอชินแล้วแหละ พอลากันเสร็จก็ไม่ลืมที่จะยกมือโบกบ๊ายบายอย่างกับจะไม่ได้เจอกันอีกเป็นชาติ ก่อนชายรูปหล่อจะขับเคลื่อนรถออกไปทันที ทิ้งไว้เพียงหญิงสาวที่ยืนปรับลมหายใจหน้าบ้านหลังเดิม ด้วยหัวใจที่วุ่นวายกว่าที่เคย เมื่ออีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้เธอก็กำลังจะได้เจอคิเลียนอีกครั้ง… ลัญชนาชั่งใจเสร็จก็เดินเข้าบ้านโดยไม่ทันสังเกตเลยว่า ในรถ SUV สีดำคันใหญ่ที่จอดถัดไปห่างออกไปเพียงเล็กน้อย มีสายตาคมเข้มคู่หนึ่งจับจ้องทุกท่วงท่าของเธออย่างเงียบงัน เขานั่งอยู่เบาะหลัง ร่างสูงในชุดเรียบหรูเพิ่งลงจากเครื่องบินต่างประเทศ ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็มาเจอภาพที่ไม่ควรเจอเสียก่อน ผู้ชายคนนั้นคือใคร? แววตาเขาเงียบงัน…แต่ภายในเต็มไปด้วยคำถามปะทุขึ้นไม่หยุด เธอเ
แสงไฟสีส้มหรี่สลัวจากหัวเตียงกระทบผิวเนื้อที่ชื้นเหงื่อ เสียงหอบหายใจดังสลับกับเสียงเตียงโยกเบาๆ ราวกับบอกเล่าความผิดพลาดของสองคนที่ไม่อาจหักห้ามใจตัวเองได้ ลัญชนานอนนิ่ง ใบหน้าเปื้อนน้ำตา ผมเธอสยายกระจายบนหมอนขาวสะอาดจนดูผิดแปลกกับสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าอยู่ใต้ร่างของคนที่เธอเรียกว่า พี่ชาย มาตลอด เขาไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ ไม่แม้แต่จะเรียกชื่อเธอ กลิ่นเหล้าฉุนราวกับซึมอยู่ในลมหายใจของเขา มือหนาข้างหนึ่งวางทาบที่เอวบางราวกับไร้สติ ปั่ก ปั่ก ปั่ก! “ฮึก… อ๊าา เฮียคิล…ย…หยุดอื้ออ…” เสียงเธอแผ่วสั่นไม่เป็นคำ แทบไม่ต่างจากเสียงกระซิบ ร่างสูงด้านบนไม่ตอบอะไร หนําซํ้ายังกระชับวงแขนแน่นขึ้น ก่อนจะฝังใบหน้าคมลงซอกคอระหง สูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอที่ทำเขาครั่งแทบบ้า ลมหายใจร้อนกระทบผิวจนร่างเล็กสะดุ้ง มือเล็กผลักเขาออกเบาๆแทบจะไม่มีแรงสะท้านถึงเขาเลย ไม่รู้ว่าเป็นร่างกายทรยศที่ตอบสนองทุกสัมผัสเขา หรือเพราะเรี่ยวแรงเธอหมดถึงขั้นไม่เหลือให้ต่อต้านเขากันแน่ ลัญชนาหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาหยดสุดท้ายไหลรินลงข้างแก้ม ขณะที่เสียงหอบของเขาเริ่มถี่ขึ้น จังหวะเคลื่อนไหวรุนแรงเต็มไปด้วยความอัดอั้