รถคันสีเทาจอดเทียบหน้าบ้านอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับที่ลัญชนาเปิดประตูลงมา ก่อนเพื่อนชายที่มาส่งรีบยื่นหน้าออกมาเอ่ยลา
“ขอบคุณที่มาส่งนะกันต์” “นัญพูดอย่างกับนี่เป็นครั้งแรกที่กันต์มาส่งอย่างนั้นแหละ” “ฮะๆ งั้นเราเข้าบ้านก่อนนะ” “อื้ม เดินดูทางดีๆด้วยล่ะ นัญยิ่งซุ่มซ่ามอยู่” ลัญชนายิ้มพรางพยักหน้าเข้าใจ ชนกันต์มักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอจนเธอชินแล้วแหละ พอลากันเสร็จก็ไม่ลืมที่จะยกมือโบกบ๊ายบายอย่างกับจะไม่ได้เจอกันอีกเป็นชาติ ก่อนชายรูปหล่อจะขับเคลื่อนรถออกไปทันที ทิ้งไว้เพียงหญิงสาวที่ยืนปรับลมหายใจหน้าบ้านหลังเดิม ด้วยหัวใจที่วุ่นวายกว่าที่เคย เมื่ออีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้เธอก็กำลังจะได้เจอคิเลียนอีกครั้ง… ลัญชนาชั่งใจเสร็จก็เดินเข้าบ้านโดยไม่ทันสังเกตเลยว่า ในรถ SUV สีดำคันใหญ่ที่จอดถัดไปห่างออกไปเพียงเล็กน้อย มีสายตาคมเข้มคู่หนึ่งจับจ้องทุกท่วงท่าของเธออย่างเงียบงัน เขานั่งอยู่เบาะหลัง ร่างสูงในชุดเรียบหรูเพิ่งลงจากเครื่องบินต่างประเทศ ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็มาเจอภาพที่ไม่ควรเจอเสียก่อน ผู้ชายคนนั้นคือใคร? แววตาเขาเงียบงัน…แต่ภายในเต็มไปด้วยคำถามปะทุขึ้นไม่หยุด เธอเดินเข้าบ้านไปโดยไม่รู้เลยว่าเขากลับมาแล้ว ไม่รู้เลยว่าเขาเห็นทุกอย่าง และไม่รู้เลย…ว่าเธอได้จุดชนวนบางอย่างในใจเขาเข้าเต็มๆ “ขับเข้าไป” เสียงทุ้มตํ่าสั่งลูกน้องเสียงเรียบ แววตายังคงจับจ้องประตูบ้านที่เพิ่งปิดลงเบื้องหน้า ไม่ถึงนาที เสียงรถยนต์คันหรูก็ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาในรั้วบ้าน “ว๊ายย! ตาคิลกลับมาแล้วเหรอลูก!” เสียงร้องตื่นเต้นของคุณหญิงกัลยาณีดังลั่น เมื่อเห็นลูกชายก้าวเข้ามาในตัวบ้านไม่ถึงสามก้าว พร้อมกับทุกคนในบ้านที่วิ่งกรูกันออกมาต้อนรับคุณชายของบ้านอย่างยินดี “ม๊า ป๊า คิดถึงที่สุดเลยครับ” “โถ่ลูกแม่ โตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ” “ฮะๆ ลูกป๊าโตเป็นหนุ่มหล่อเหมือนป๊าตอนเด็กๆไม่มีผิดหวังเลยจริงๆ” ลัญชนาที่เตรียมตัวกำลังจะขึ้นบ้านก็ต้องหยุดฝีเท้าดังกึกยืนอยู่ตรงหัวบันได หันขวับตามเสียง… แล้วร่างก็เหมือนชะงักค้างไปในทันที เขายืนอยู่ตรงนั้น… พร้อมกับสายตาคมเข้มที่หันมองเธอแว็บหนึ่ง ทั้งบ้านเห่อกันจนแทบลืมหายใจ มีเพียงเธอที่ยืนตัวแข็งทื่อ แววตาวูบไหวเหมือนไม่แน่ใจว่าจะทำสีหน้าแบบไหน เขามองเธอกลับ ไม่พูด ไม่ยิ้ม มีเพียงแววตาเข้มจัดซึ่งยากจะคาดเดาที่จับจ้องอยู่บนใบหน้าสวยจนทำเอาลัญชนาขนลุกซู่ ทว่าไม่รู้ทำไมหัวใจดวงเล็กถึงเริ่มลุกขึ้นมาเต้นแข่งกันเป็นจังหวะอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องคืนนั้น หรือเพราะเขาตอนนี้ที่ดูแตกต่างจากเมื่อก่อนออกไปมาก… จากบุคลิกที่เคยสดใสตามวัยตอนนี้กลับกลายเป็นเงียบขรึมทรงพลังจนน่าเกรงขาม หรืออาจเป็นเพราะเขาได้โตเป็นผู้ใหญ่เต็มวัยแล้วหรือเปล่า… ชายหนุ่มมีโครงหน้าคมชัดมีเสน่ห์ล้นเหลือ ขากรรไกรได้รูปเด่นชัดให้ลุคสุขุมทรงพลัง คิ้วเข้มที่เรียงตัวเป็นระเบียบ ดวงตาลึกและเรียวยาวเปล่งประกายเยือกเย็นแต่ทรงอำนาจ จมูกโด่งสันตรงสมบูรณ์แบบ และริมฝีปากเรียบบางที่ขยับเพียงเล็กน้อยก็สามารถสั่งการหัวใจดวงน้อยให้ตกเข้าไปในภวังค์ได้ง่ายๆ ก่อนเสียงจากใครบางคนที่ดังตามหลังเข้ามาจะดังขึ้น เรียกความสนใจของคนทั้งบ้านรวมถึงเธอด้วย… “คิเลียน” เสียงหวานจากหญิงสาวหน้าตาลูกครึ่งฝรั่งเศสปนไทยดังก้อนขึ้น คนแรกที่รีบเอ่ยทักด้วยความสงสัยอยากรู้ขึ้นมาคือคุณหญิงกัลยาณี “ใครหรอตาคิล” “นี่แฟนผมครับ เพนน่า” เขาพูดด้วยนํ้าเสียงเรียบง่าย แต่กลับแทงลึกเข้ากลางใจคนที่ยืนฟังอยู่หัวบันไดอย่างเธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัวสักนิด หลังจบประโยคแนะนำ เธอเห็นไม่ผิดที่เขาเหลือบมามองเธอแว๊บนึงด้วยแววตาคมเข้มนั่น ก่อนจะหันกลับไปพูดคุยกับป๊าม๊าเช่นเดิม มันหมายความว่ายังไงกัน… “สวัสดีค่ะป๊า ม๊า แล้วก็ทุกคน” “ต๊าย หนูเพนน่า น่ารักน่าเอ็นดูจังเลยลูก เหมาะสมกับตาคิลจริงๆเลย” คุณหญิงกลยาณีก็ดูชอบอกชอบใจเหลือเกิน ทั้งบ้านเต็มไปด้วยเสียงอวดยกย่องว่าที่ลูกสะใภ้จน เพนน่าผู้มาใหม่หุบยิ้มไม่ได้เลยทีเดียว ใช่สิ… ตอนนี้เขาเรียนจบแล้ว พร้อมที่จะกลับมารับช่วงต่อกิจการจากตระกูล จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยนี่… และเธอเองก็ไม่ควรรู้สึกอะไรแบบนี้เลยด้วยซํ้า… หญิงสาวก้มหน้าหลบสายตา รู้สึกเหมือนกลืนบางอย่างไม่ลงคอ เมื่อมันอัดแน่นอยู่กลางอกเธอ… จนเสียงจาก อดิศักดิ์ ชายวัยกลางผู้เป็นพ่อบุณธรรมของเธอเอ่ยเรียกชื่อขึ้น “อ้าวยัยนัญ ไปยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นล่ะลูก ไม่มาทักทายพี่เขาล่ะ เห็นบ่นคิดถึงพี่เขาบ่อยๆไม่ใช่รึไง” ชายวัยกลางกล่าวด้วยถ้อยเสียงปนหัวเราะเบาๆ คงจะดีใจตามปราสาคนแก่เมื่อลูกหลานกลับบ้าน ลัญชนารีบฝืนยิ้มตอบปฏิเสธบ่ายเบี่ยงไปเสียงเบา “เอ่อ… นัญเพิ่งกลับมารู้สึกเนื้อตัวเหม็นเหงื่อมากเลยค่ะ ขอตัวไปอาบนํ้าก่อนนะคะ” พูดเสร็จไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบเพื่อรั้งตัวเธอเอาไว้ ลัญชนารีบหันตัวเดินกลับขึ้นห้องไป เหลือแต่สายตาคนด้านล่างที่มองตามหลังเธอด้วยสีหน้างุนงงโดยเฉพาะชายวัยกลาง เว้นเสียแต่แววตาคมเข้มของเขาที่จ้องเธอราวกับถูกใจอะไรบางอย่างกับสิ่งที่ได้ยิน คิดถึงงั้นหรอ หึ…“นั่นสิครับป๊า นัญยังเด็ก… ตามเล่ห์กลผู้ชายไม่ทันหรอกครับ ไม่มีนั่นแหละดีแล้ว” ชายวัยกลางที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็เกิดหัวเราะลั่นอย่างเอ็นดู “ฮะๆ พี่น้องคู่นี้ยังเป็นห่วงกันเหมือนเดิมเลยนะ ป๊าเห็นแบบนี้ก็หมดห่วงละ แกก็ดูแลน้องมันด้วยล่ะ เดี๋ยวจะเป็นแบบที่แกพูดเอา” คิเลียนหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงฟังดูสุภาพแต่เจืออะไรบางอย่างที่ทำให้ลัญชนาเสียววาบตั้งแต่สันหลังถึงต้นคอ “ป๊าไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะผมจะดูแลน้องแบบที่ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมแน่…” เสียงหัวเราะของผู้เป็นบิดาดังลั่นขึ้นอีกครั้งอย่างชอบใจจนไม่ทันได้สังเกตเลยว่า คำพูดของลูกชายมีน้ำเสียงและความหมายที่ลึกกว่านั้น… เจ้าเล่ห์และอันตราย… ลัญชนาเหลือบสายตาขึ้นไปสบกับสายตาคมโดยไม่ตั้งใจ รอยยิ้มมุมปากที่จางๆบนใบหน้าหล่อเหลาทำเอาเธอเย็นวาบ มันไม่ใช่แค่ยิ้ม แต่มันคือการขู่ในคราบความอ่อนโยน เธอก้มหน้านิ่ง รีบหลบสายตาอย่างเงียบงัน เพราะรู้ดี… ผู้ชายที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตเธอ อาจไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ คิเลียน ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายต่างสายเลือด และดูเหมือนป๊าจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ… ว่าเขากำลังโยนลูกสาวตัวเองเข้าไปในถํ้าของสัตว์ป่าอันตรา
เมื่อถึงเวลามื้ออาหารคํ่า ทุกคนในบ้านก็มานั่งรวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตาที่โต๊ะ อาหารร้อนๆถูกทยอยนำมาเสิร์ฟ บรรยากาศภายในห้องอาหารอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมและเสียงพูดคุย “หนูเพนน่าจะอยู่ทานข้าวกับเราก่อนก็ยังดีเนาะคุณว่ามั้ยคุณศักดิ์” คุณหญิงกัลยาณีตัดพ้อถึงว่าที่ลูกสะใภ้ที่รีบกลับไปก่อนจะได้ทานมื้อคำ่ด้วยกัน พูดจบก็หันไปทางสามีหาเพื่อนสมทบความคิดตนเอง “ไม่รู้สิ” “เหอะ.. คุณมันเคยรู้อะไรบ้าง นอกจากเรื่องยัยนัญ” นํ้าเสียงของชายวัยกลางที่ตอบห้วนสั้นไม่ใส่ใจนัก ทำให้คุณหญิงกลยาณีเกิดขัดใจ แล้วหันเหความหงุดหงิดไปลงที่ลัญชนาที่นั่งเงียบ คำพูดนั้นประหนึ่งตบหน้าหน้าเธอเข้าเต็มแรง ลัญชนาได้แต่ก้มหน้าลงตํ่า จ้องมองข้าวในจานที่ดูน่ากลืนไม่ลง รสชาติทั้งหมดหายไปทันทีที่ได้ยินถ้อยคำจากคนที่เธอเฝ้าหวังจะได้รับความรักมาโดยตลอด… เธอนับถือคุณหญิงเหมือนมารดา… ทว่าคุณหญิงกลับมีแต่ปติกิริยาตอบกลับเธอด้วยความเกลียดชัง ซึ่งลัญชนาเองไม่เข้าใจถึงเหตุผลเหมือนกัน ทั้งที่เธอโตมาภายไต้สายตาของคุณหญิงแท้ๆ… ทว่ากลับไม่เคยได้รับแม้แต่คำพูดดีๆจากหญิงวัยกลางเลยด้วยซํ้า ในขณะที่คนที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงครึ่งว
หลังจากเข้ามาในห้อง หัวใจดวงเล็กยังวุ่นวายเต็มไปด้วยภาพของเขา หากเธอนึกคิดวิธีที่จะไม่ได้เจอหน้าเขาได้คงดี เพราะหากเจอกันขึ้นมา เธอก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ดี ในขณะที่กำลังนั่งนึกคิดหาวิธี ก็เหมือนมีพระเจ้ามาโปรด เมื่อมีเสียงสตาร์ทกำลังจะขับเคลื่อนออกไปดังก้อนเข้ามาผ่านหน้าต่างห้อง ลัญชนารีบลุกขึ้นเดินไปดูก็พบกับรถคันหรูที่เขานั่งมาเมื่อครู่ได้ขับเคลื่อนกลับออกไป หากเธอเดาไม่ผิด เขาต้องไปส่งแฟนสาวคนนั้นแน่ๆ หากไปส่งแล้วไม่กลับมาสักคืนก็คงดีสิ ลัญชนาคิดแล้วก็โล่งใจ ก่อนเสียงเคาะประตูหน้าห้องจะดังขึ้น เรียกสติจากหญิงสาวให้รีบเดินไปเปิดโดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าคนที่ยืนเคาะอยู่จะเป็น… เฮียคิเลียน! ลัญชนาตกใจรีบก้าวถอยหลังเมื่อเขาลอดตัวเข้ามาในห้องเธอ แกร๊ก… เสียงล็อคประตูดังขึ้นตามหลัง ทำเอาหัวใจดวงเล็กลุกขึ้นมาเต้นแรงตุบตับอย่างไม่มีเหตุผล “ฮ..เฮียคิล” ลัญชนาเอ่ยเรียกชื่อคนที่ย่างเข้ามาไกล้เธอเรื่อยๆเสียงตะกุกตะกักเหมือนกลัวอะไร ทำเอาคิเลียนลอบยิ้มมุมปากขึ้น “ไม่เจอกันแค่สามปี… ทำไมทำหน้าห่างเหินกับพี่ชายตัวเองขนาดนั้นล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามช้าๆ ในระยะไกล้ “น…นัญเปล่
รถคันสีเทาจอดเทียบหน้าบ้านอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับที่ลัญชนาเปิดประตูลงมา ก่อนเพื่อนชายที่มาส่งรีบยื่นหน้าออกมาเอ่ยลา “ขอบคุณที่มาส่งนะกันต์” “นัญพูดอย่างกับนี่เป็นครั้งแรกที่กันต์มาส่งอย่างนั้นแหละ” “ฮะๆ งั้นเราเข้าบ้านก่อนนะ” “อื้ม เดินดูทางดีๆด้วยล่ะ นัญยิ่งซุ่มซ่ามอยู่” ลัญชนายิ้มพรางพยักหน้าเข้าใจ ชนกันต์มักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอจนเธอชินแล้วแหละ พอลากันเสร็จก็ไม่ลืมที่จะยกมือโบกบ๊ายบายอย่างกับจะไม่ได้เจอกันอีกเป็นชาติ ก่อนชายรูปหล่อจะขับเคลื่อนรถออกไปทันที ทิ้งไว้เพียงหญิงสาวที่ยืนปรับลมหายใจหน้าบ้านหลังเดิม ด้วยหัวใจที่วุ่นวายกว่าที่เคย เมื่ออีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้เธอก็กำลังจะได้เจอคิเลียนอีกครั้ง… ลัญชนาชั่งใจเสร็จก็เดินเข้าบ้านโดยไม่ทันสังเกตเลยว่า ในรถ SUV สีดำคันใหญ่ที่จอดถัดไปห่างออกไปเพียงเล็กน้อย มีสายตาคมเข้มคู่หนึ่งจับจ้องทุกท่วงท่าของเธออย่างเงียบงัน เขานั่งอยู่เบาะหลัง ร่างสูงในชุดเรียบหรูเพิ่งลงจากเครื่องบินต่างประเทศ ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็มาเจอภาพที่ไม่ควรเจอเสียก่อน ผู้ชายคนนั้นคือใคร? แววตาเขาเงียบงัน…แต่ภายในเต็มไปด้วยคำถามปะทุขึ้นไม่หยุด เธอเ
แสงไฟสีส้มหรี่สลัวจากหัวเตียงกระทบผิวเนื้อที่ชื้นเหงื่อ เสียงหอบหายใจดังสลับกับเสียงเตียงโยกเบาๆ ราวกับบอกเล่าความผิดพลาดของสองคนที่ไม่อาจหักห้ามใจตัวเองได้ ลัญชนานอนนิ่ง ใบหน้าเปื้อนน้ำตา ผมเธอสยายกระจายบนหมอนขาวสะอาดจนดูผิดแปลกกับสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าอยู่ใต้ร่างของคนที่เธอเรียกว่า พี่ชาย มาตลอด เขาไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ ไม่แม้แต่จะเรียกชื่อเธอ กลิ่นเหล้าฉุนราวกับซึมอยู่ในลมหายใจของเขา มือหนาข้างหนึ่งวางทาบที่เอวบางราวกับไร้สติ ปั่ก ปั่ก ปั่ก! “ฮึก… อ๊าา เฮียคิล…ย…หยุดอื้ออ…” เสียงเธอแผ่วสั่นไม่เป็นคำ แทบไม่ต่างจากเสียงกระซิบ ร่างสูงด้านบนไม่ตอบอะไร หนําซํ้ายังกระชับวงแขนแน่นขึ้น ก่อนจะฝังใบหน้าคมลงซอกคอระหง สูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอที่ทำเขาครั่งแทบบ้า ลมหายใจร้อนกระทบผิวจนร่างเล็กสะดุ้ง มือเล็กผลักเขาออกเบาๆแทบจะไม่มีแรงสะท้านถึงเขาเลย ไม่รู้ว่าเป็นร่างกายทรยศที่ตอบสนองทุกสัมผัสเขา หรือเพราะเรี่ยวแรงเธอหมดถึงขั้นไม่เหลือให้ต่อต้านเขากันแน่ ลัญชนาหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาหยดสุดท้ายไหลรินลงข้างแก้ม ขณะที่เสียงหอบของเขาเริ่มถี่ขึ้น จังหวะเคลื่อนไหวรุนแรงเต็มไปด้วยความอัดอั้