เฌอเบลทำท่าจะเดินหนีเขา คนเจ้าชู้พูดไปเรื่อยพาผู้หญิงอีกคนมาแท้ๆ ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง ร้ายกาจที่สุด
มาร์วินไม่ยอมปล่อยมือออกจากแขนเธอง่ายๆ “พี่มาร์วินเบลเจ็บ ปล่อยได้แล้วเบลจะเข้าไปในร้าน” เขาจับมือเล็กให้เดินไปกับเขา โดยที่พาเธอไปที่ลานจอดรถ ไม่ได้พาเข้าไปในร้าน “พี่มาร์วินจะทำอะไร” เฌอเบลถามเขาเสียงสูงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ มาร์วินไม่ได้ตอบอะไร หยิบกระเป๋าเธอและควานหากุญแจรถ ได้แล้วก็พาคนตัวเล็กเดินไปที่รถ แล้วเปิดประตู ดันตัวเธอให้ขึ้นไปนั่งบนรถสปอร์ตคันหรูของเธอ และรีบวิ่งอ้อมมาด้านคนขับ “พี่มาร์วินจะไปไหน เบลมากับสกายนะคะ เขารออยู่ในร้าน เบลหายไปแบบนี้เขาจะเป็นห่วง” สีหน้าเชาเข้มขรึมขึ้นทันทีที่ได้ยินคนตัวเล็กพูดแบบนั้น “งั้นก็โทรไปบอกเขาสิว่าเบลต้องกลับก่อน ถ้ากลัวเขาจะเป็นห่วงมากขนาดนั้น” “พี่ก็จะโทรไปบอกมาร์กี้เหมือนกัน” ว่าจบก็ออกรถ และหยิบโทรศัพท์กดโทรหาพี่สาวตัวเอง ครืดดด ครืดดด “ฮัลโหลวินนายหายไปไหนเนี่ย” “ผมออกมาแล้วพี่ ฝากรถผมไว้ที่ร้านพี่หน่อยนะ แล้วส่งบิลค่าอาหารรวมกับโต๊ะน้องคนสวยกับเพื่อนเธอมาด้วย ผมจะจ่ายให้เอง” “นายออกไปแล้ว นายไปกับใครวินถ้ารถนายอยู่นี่ เอ๊ะ! รึว่านายออกไปกับคนสวยคนนั้นเหรอ” “ครับ” “แล้วนายจะไปไหน?” “ไปขับรถเล่นหน่อย ผมวางสายนะพี่ กำลังขับรถ”มาร์วินกดวางสายและหันมามองเฌอเบลที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วเหมือนกัน ด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่พอใจเขาอย่างมาก “โทรหาเพื่อนเบลสิ” เฌอเบลไม่โทรแต่ส่งข้อความบอกสกาย ว่าเธอมีเรื่องด่วน เฌอเบล: สกายเบลมีเรื่องด่วนขอตัวกลับก่อนนะเบลจัดการเรื่องค่าอาหารแล้ว ขอโทษด้วยนะสกายที่ออกมาเลย สกาย : ไม่เป็นไร ว่าแต่เบลไม่เป็นอะไรแน่นะ เฌอเบล : อืม! ไม่เป็นไร ไว้เจอกันนะ “คุยนานจัง” มาร์วินละสายตาจากถนนมามองคนตัวเล็กที่ยังพิมพ์อะไรยุกยิกไม่หยุด เฌอเบลหันขวับมามองค้อนใส่เขา อย่างหงุดหงิด “พี่จะไปขับรถเล่นที่ไหนเบลไม่ได้อยากไปด้วยนะคะ” “ก็เบลไม่ยอมมากินข้าวกับพี่แสดงว่าคงชอบขับรถเล่นกับพี่มากกว่า” “คิดไปเอง พี่จะคุยอะไรก็รีบคุย เบลอยากกลับแล้ว” “กับคนอื่นนั่งได้นานสองนาน” “พี่ก็กินข้าวกับคนอื่นได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ” “เบลไม่ชอบงั้นเหรอ รึว่าหึง” “เบลจะหึงพี่ได้ยังไงเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” มาร์วินแอบยิ้ม “ไปพัทยาไหม” ถามเธอไปอีกเรื่อง “พี่มาร์วินเบลไม่อยากไป ทำไมพี่ไม่พาแฟนพี่ไป จะมาบังคับเบลให้ไปกับพี่ทำไม” “ไม่มีแฟนสักหน่อย ที่เจอที่ร้านน่ะพี่สาวแท้ๆ ชื่อมาร์กี้ เขาเป็นเจ้าของร้านที่เบลไปกินข้าวนั่นแหละ รู้แบบนี้แล้วอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างรึยัง” มาร์วินรีบอธิบายไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดนาน “ไม่ค่ะเบลไม่สนใจสักหน่อย สนแค่เบลมากับสกาย แต่พี่ลากเบลออกมากับพี่แบบนี้เบลไม่ชอบ” ปากบอกเขาว่าไม่สนใจแต่พอได้ยินเขาบอกว่าผู้หญิงสาวสวยคนนั้นเป็นพี่สาวก็รู้สึกโล่งอก สบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก “ก็อยากทำให้ถูกใจให้ชอบนะ แต่ปฏิเสธกันตลอด ไม่เปิดโอกาสให้เลย พี่อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร” “เพราะเบลอยากอยู่ให้ห่างๆ พี่แล้วไงคะ เบลเลือกสกายแล้ว พี่ก็ควรหยุด” เฌอเบลเลือกตอบเขาไปแบบนั้นเพราะคิดถึงเรื่องปันปันแล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา มาร์วินหันมามองเธอนิดหนึ่ง แล้วเหยียบคันเร่งส่งรถให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าเร็วว่าเดิม ทว่าเขาเปลี่ยนเส้นทาง พาเธอกลับไปที่เพนต์เฮาส์ของตัวเองแทน “พี่มาร์วินขับช้าๆ หน่อย” เขาขับช้าลง เพราะไม่อยากให้เธอกลัว จนมาถึงที่หมาย “พี่พาเบลมาที่นี่ทำไม” มาร์วินเงียบ ขับรถมาจอดที่จอดรถประจำของเขาด้วยสีหน้านิ่งขรึมจัด “พี่มาร์วิน” คนตัวเล็กเรียกชื่อเขาเสียงดัง เพราะไม่ได้คำตอบและหงุดหงิดมากกับการกระทำของเขา มาร์วินจอดรถเรียบร้อยลงมาเปิดประตู ให้เฌอเบล คนตัวเล็กไม่ยอมลงจากรถ “เบลลงมาเพนต์เฮาส์พี่เอง” “เบลจะกลับบ้าน พี่จะบังคับเบลงั้นเหรอคะ” “จะลงมาดีๆ รึอยากให้อุ้ม” “พี่มาร์วินเบลบอกว่าเบลไม่อยากมา ปกติพี่ บังคับผู้หญิงแบบนี้เหรอคะ” “เราคนแรก คนอื่นไม่เคยมีใครเคยปฏิเสธพี่มาก่อน ไม่เคยมีใครกล้าหยามกันขนาดนี้หรอก เก่งให้จริงเฌอเบล กล้าที่จะบอกว่าเลือกสกายงั้นก็มาพิสูจน์ให้ดูหน่อยว่าเลือกผิดคนรึเปล่า” “พิสูจน์อะไรเลือกเขาก็คือเลือกเขาไง พี่พูดไม่เข้าใจรึไง” เฌอเบลยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ คนตัวโตก็ช้อนอุ้มเธอลงมาจากรถอย่างง่ายดาย “พี่มาร์วิน ปล่อยเบล” “เลิกดิ้น” “พี่ก็ปล่อยเบลสิ” เขาไม่ฟังที่เธอพูดอุ้มคนตัวเล็กขึ้นลิฟต์จนมาถึงห้องเขา วาวเธอลงกดรหัสเปิดประตูและจับแขนเล็กดึงเข้าไปในห้อง “มานั่งก่อนสิ จะดื่มอะไรดี” “ไม่นั่งเบลจะกลับ” “มานั่งคุยกันดีๆ ก่อนไหม” “ไม่คุยเบลไม่รู้ว่าที่พี่ทำอยู่พี่ต้องการอะไรกันแน่ เบลรู้สึกไม่ไว้ใจ และไม่ชอบที่พี่บังคับเบลให้มากับพี่ด้วย ขอกุญแจรถค่ะเบลจะกลับ” “มาคุยเรื่องสกายก่อน” “ตามที่บอกเมื่อกี้ค่ะไม่มีอะไรต้องคุย เฌอเบลเดินไปที่ประตูและพยายามเปิด” เธอหันมามองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ ที่เธอเปิดประตูออกไปไม่ได้ มาร์วินเดินไปเลือกเครื่องดื่มท่าทางสบายๆ และหันมามองคนตัวเล็กชูแก้วขึ้นเป็นเชิงถามว่าเธอจะดื่มด้วยไหม “พี่เปิดประตูให้เบลเลยนะ ไม่งั้นเบลจะโทรหาคุณพ่อ” เฌอเบลถือโทรศัพท์อยู่ในมือชูโทรศัพท์ขึ้นมาให้เขาดู “โทรสิดีเหมือนกัน จะได้คุยกับคุณพ่อเราด้วยเลย โทรเสร็จแล้วมานั่งรอคุณพ่อตรงนี้ก่อนไหม” เขาเดินกลับไปนั่งที่โซฟา ท่าทางสบายๆ ของเขาเหมือนไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอะไรเลย เฌอเบลเห็นว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลกับเขา เลยคิดว่าเธอควรจะคุยกับเขาดีๆ เลยยอมเดินมานั่งที่โซฟา มาร์วินมองคนตัวเล็กที่นั่งลงตรงข้ามกับเขา และรอฟังว่าเธอจะพูดอะไร แต่เธอก็ไม่เริ่มพูดอะไรสักที “ตกลงยังไงกันแน่เรื่องสกาย พี่จะถามเบลแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าเบลตอบเรื่องไม่จริง พี่จะไปถามสกายเอง” “เบลกำลังจะคบกับสกายค่ะ” มาร์วินมองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนสวยตรงหน้า อย่างต้องการจะค้นคว้า “แล้วทำไมถึงไม่คบกับพี่ เราชอบพี่มากกว่าสกายไม่ใช่เหรอ” “พี่คิดไปเองรึเปล่า สกายตามจีบเบลเป็นปีแล้วนะคะ ส่วนพี่เพิ่งจะรู้จักกันแค่ไม่กี่วัน” “เวลาไม่ใช่สิ่งที่จะมาพิสูจน์เบลก็น่าจะรู้” “แล้วทำไม พี่ถึงได้คิดว่าเบลถึงชอบพี่มากกว่าสกายละคะ” “ถ้าชอบสกายมากขนาดนั้นทำไมถึงปล่อยเวลาให้ผ่านไปเป็นปี แล้วเพิ่งจะมาคบกับเขาละจริงไหม” มาร์วินยกแก้วให้เธอ พร้อมกับยิ้มให้ เฌอเบลเจอคนฉลาดและทันเธอไปซะทุกเรื่องแบบนี้ แทบจะไปไม่เป็นเหมือนกัน “พูดมาเฌอเบลเพราะอะไรกันแน่” “เบลไม่อยากมีปัญหากับพี่ปันปันค่ะ” ในที่สุดคงเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ ฉันคงต้องบอกเขาไปตรงๆ “เกี่ยวอะไรกับปันปัน” “พี่ก็รู้ทุกเรื่องไม่ใช่เหรอคะ และเบลไม่อยากข้องเกี่ยวกับทุกคนในวงโคจรของพี่ปันปัน” “ปกติเราไม่สนใจใครไม่ใช่เหรอ และไม่แคร์กับคำพูดคนด้วย แล้วจะสนใจปันปันทำไม” “เพราะพี่ปันปันมันเกินจะอดทนจริงๆ แล้วค่ะ เขาเป็นเพื่อนสนิทพี่ เบลไม่รู้ว่าสนิทกันถึงขั้นไหน แต่ที่แน่ๆ ถ้าเบลเข้าใกล้พี่ พี่ปันปันก็จะมาวุ่นวายกับเบลไม่เลิก ซึ่งเบลก็ไม่ชอบแบบนั้น เบลอยากอยู่ของเบลสงบๆ บ้าง แค่นั้นเลยค่ะ” “ก็เลยจะตัดพี่ออกไป” มาร์วินวางแก้วกอดอกมองจ้องคนสวยตรงหน้าตรงๆ “ก็ตอนนี้พี่เป็นตัวปัญหา ใครจะอยากยุ่งด้วย” เฌอเบลพูดเสียงเบาหลบสายตาเขา “หึ!” มาร์วินหัวเราะและยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดู “มีอะไรตลกนักหนาคะ” “เปล่าแค่เธอน่ารักดี แล้วก็อยากยุ่งด้วยชะมัด” มาร์วินลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของเขา เฌอเบลเงยหน้ามองคนตัวสูงที่เดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับที่เธอนั่งสามปีต่อมา “พี่วินค่ะ” เฌอเบลเดินเข้ากอดคลอเคลียสามีที่นั่งดูหนังอยู่ “หิวเหรอ”เฌอเบลส่ายหน้า มาร์วินยิ้ม “หิวพี่ใช่ไหม”“นี่พี่ เรื่องนี้ตลอดเลยนะคะ”มาร์วินเลิกคิ้ว มองเธอล้อๆ “แล้วมาอ้อนจะเอาอะไรครับที่รัก”“เบลอยากไปเที่ยวบ้านคุณยายพี่เค้ก พี่เดลล่าก็ไป พี่เจ้าน้อยก็ไปค่ะ พี่วินให้เบลไปนะคะ”“ใครจะขับรถไป”“พวกเราขับกันเองสิคะ เอารถไปคันเดียวก็พอค่ะ ไปนอนแค่สองคืน บ้านคุณยายพี่เค้กน่าสนุกออก เบลอยากไป”“พี่ไม่ว่าง”“เบลยังไม่ได้บอกเลยว่าให้พี่ไปด้วย เราจะไปกันเฉพาะสาวๆ ค่ะ”“ไม่ได้แน่ ไอ้ออสตินไม่ยอมหรอก เคเดนก็ไม่ปล่อยเมียมันไปแน่”“ใครบอกละคะ พวกพี่เขาอนุมัติเรียบร้อยแล้วค่ะ เหลือพี่หมีวินคนเดียวนี่แหละนะคะ ให้เบลไปกับพี่ๆ นะคะ แค่ไปบ้านคุณยายเอง นะ นะ”“ทำไมไอ้พวกนั้นมันยอมกันง่ายจังวะ รึว่ามีแผนเมียไม่อยู่หนูร่าเริงกันรึเปล่า” มาร์วินแกล้งพูดให้อีกคนระแวง “อย่าเลยนะ เบลจัดการพี่แน่ๆ”“จัดการยังไงก่อน เราไม่อยู่สักหน่อย จะไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ”“เดี๋ยวเหอะ พี่แต่งงานแล้วนะ”“พี่ล้อเล่น ใครจะไปไหนละ งานยุ่งจะแย่ เมียไม่อยู่ก็นอนบ้านนี่แหละครับ”“พูดแบบนี้แสดงว่าพี่อนุญาตให้เบ
ด้านนนท์ เขาขับรถไปหาปันปันตามที่อยู่ที่มาร์วินให้มา เขาจอดรถเรียบร้อย และพอดีกับที่ปันปันเดินออกมาจากคอนโด นนท์สังเกตเห็นท้องของเธอที่โตมากพอสมควรแล้ว “ปันกำลังจะไปไหน”นนท์เห็นเธอเดินมาที่รถ และขึ้นไปนั่งไม่นานก็ขับออกไป นนท์เลยไม่รอช้ารีบขับรถตามออกไป ปันจะไปไหนกันแน่ ตอนแรกนนท์คิดว่าปันปันจะไปโรงพยาบาล แต่เธอเพิ่งขับรถเลยไปเมื่อกี้ เขาขับรถตามเธอมาเรื่อยๆ จนกระทั่งปันปันเปิดไฟเลี้ยวเข้าไปในโรงแรม @Cherbelle Grand Hotel“ปันมาทำไมที่นี่” นนท์จอดรอและค่อยขับตามเข้าไปห่างๆ ยังไม่อยากให้ปันปันรู้ว่าเขาแอบตาม ปันปันเดินไปทักทายเพื่อนของเธอ และแยกย้ายกัน เพื่อนเธอโทรมาบอกเธอว่าเฌอเบลอยู่ที่โรงแรม และปันปันก็ขับรถมาที่โรงแรมทันที เพราะเธอรู้ว่ามาร์วินอยู่ที่บริษัท ถ้ามาหาเฌอเบลที่นี่เพื่อก่อกวนเล่นสนุกๆ ก็เป็นอะไรที่ควรทำ เพราะมันซะใจดี เฌอเบลไปนั่งที่ห้องอาหารภายในโรงแรม และเริ่มสั่งอาหาร รอจนอาหารมาเสิร์ฟ“ขอโทษนะคะ” ปันปันเรียกพนักงานของโรงแรม “ครับ คุณลูกค้า” พนักงานเดินมาให้บริการเธอด้วยท่าทางสุภาพ “เมื่อกี้ฉันบอกว่าฉันไม่ทานผักชี แล้วทำไมยังใส่มาค่ะ” ปันปันแกล้งโวยวายใส่พนั
เฌอเบลบิดตัวไปมา คว้ามือหาอีกคนโดยที่ยังไม่ได้ลืมตา “เฌอเบลพี่อยู่นี่”มาร์วินยิ้ม ยืนมองคนตัวเล็กอย่างนึกเอ็นดู เขาตื่นสักพักแล้ว และเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ “พี่ตื่นนานแล้วเหรอคะ”“สักพักแล้ว เราลุกไหวไหม”“เบลหายแล้วค่ะ”“หายเพราะกินน้ำพี่งั้นเหรอ”“พี่เลิกพูด”มาร์วินหัวเราะ เดินเข้าไปดึงคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นจากเตียง “วันนี้เราพักผ่อนอยู่บ้านนะ ยังไม่ต้องไปเรียนหรอก แต่พี่ต้องไปทำงานกลับเย็นๆ อยู่ได้ใช่ไหม” “ไม่ได้ค่ะ” เฌอเบลกอดคนตัวโตซบหน้าบนแผงอกแกร่ง มาร์วินยืนอมยิ้มเขาดีใจที่ได้คนขี้อ้อนกลับมา “งั้นเอาไงดีตามพี่ไปบริษัทด้วยไหม”“หน้าเบลดูเป็นไงบ้างคะวันนี้ ยังโทรมอยู่รึเปล่า ถ้าโทรมเบลไม่ไปดีกว่า”“ไหนดูสิ”เฌอเบลเงยหน้าให้คนตัวโตดู มาร์วินยิ้มจุ๊บจมูกเล็ก “เปล่งปลั่งมากแก้มชมพู ปากแดงน่าจูบ แสดงว่าได้เซ็กซ์บำบัดชุดใหญ่ไป หน้าตาบ่งบอกว่าอิ่มมาก”“หยุดเลยพี่น่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ เบลไปอาบน้ำดีกว่า” เฌอเบลเดินสะบัดก้นเข้าห้องน้ำไป มาร์วินได้ส่ายหัวยิ้มตาม เขาเดินเข้าห้องแต่งตัวไปเปลี่ยนชุด เสร็จแล้วมานั่งรอคนสวยอาบน้ำ เฌอเบลเดินออกมาจากห้องน้ำ แวะหอมแก้มคนตัวโตแล้วเดินเข้าห้องแต่งต
เฌอเบลลืมตา ตะแคงตัวขยับเข้าไปหาร่างหนา มาร์วินดึงผ้าห่มคลุมให้ร่างเล็ก คว้าเอวบาง เข้ามากอดแนบชิด “เบลพี่เห็นข้อความในโทรศัพท์ ที่ปันปันคอยส่งมาให้เบลหมดแล้ว ทำไมเบลไม่บอกพี่ ทนฟังปันปันพูดโกหกทำไม มันไม่จริงเลยนะที่ปันบอกว่าพี่ดีใจที่ได้ลูกชายมันไม่ใช่เรื่องจริง ส่วนคุณแม่ท่านไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก ท่านแค่เอ็นดูปันปัน และท่านไม่รู้ด้วยว่าสิ่งที่ท่านใจดีกับปันปันจะโดนปันปันเอาสิ่งเหล่านั้นมาทำร้ายอีกคนอย่างเบล”“เบลอย่าคิดมากเรื่องคุณแม่นะ เรื่องนี้พี่จะคุยกับท่านเอง คุณแม่คงคิดว่าพี่กับเบลเลิกกันไปแล้ว เลยพยายามเชียร์ปันปันเพราะคิดว่าเด็กในท้องปันยังไงก็หลานท่าน”“แต่เบลเชื่อพี่สิ เด็กไม่ใช่ลูกพี่แน่ๆ พี่กับปันไม่เคยมีอะไรกัน พูดรอบที่ล้านพี่ก็จะพูดเหมือนเดิม เบลอดทนหน่อยเถอะนะ รอแค่เด็กคลอดอีกไม่กี่เดือน รอพี่หน่อยได้ไหม พี่อยากดูแลเบลพี่เป็นห่วงมากนะ”“เป็นห่วงอะไรกัน พี่แกล้งเบลสารพัด ให้เบลไปทำงานเยอะแยะ” เฌอเบลต่อว่าพร้อมกับหน้างอใส่เขา “หึ! พี่โกรธเรื่องเคเจ แต่ตอนนี้ไม่ติดใจอะไรแล้ว พี่กับเคเจเจอกัน และเคลียร์กันรู้เรื่องแล้ว”“เจอกันเหรอคะ”“อืม ทำไม”“แล้วมีเรื่องกันรึเ
มาร์วินปล่อยให้คนตัวเล็กนอน ปรับแอร์ในห้องไม่ให้หนาวจนเกิดไป มองคนป่วยอย่างนึกเอ็นดู เขาเดินออกไปด้านนอกลงไปด้านล่างเพื่อหาอะไรดื่ม เขานั่งลงที่บาร์เครื่องดื่มจิบไวน์ ติ้ง!ติ้ง!เสียงดังมาจากโทรศัพท์ในกระเป๋าของเฌอเบล มาร์วินหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาดู ปันปัน : ส่งรูปชุดเด็กปันปัน : ดูสิเฌอเบล ว่าคุณย่าเขาเห่อหลานเขาแค่ไหน ซื้อชุดให้หลานอีกแล้ว มาร์วินมองข้อความที่ปันปันส่งมาหาเฌอเบลอย่างรู้สึกอึ้งไป ไม่คิดว่ามีอะไรแบบนี้ด้วย เขากดรหัสเพราะเขารู้รหัสโทรศัพท์เฌอเบล และเฌอเบลก็รู้เครื่องของเขาด้วยเพราะเราไม่มีอะไรปิดบังกัน แล้วเข้าไปอ่านข้อความทั้งหมด ที่ปันปันคอยส่งมาหาเฌอเบลตลอด เหมือนเป็นการเยาะเย้ย ต่างๆ นานา มาร์วินไล่อ่านข้อความ และพอรู้ว่ารูปเขา บางรูปมาจากคุณแม่เขา ที่คอยถ่ายส่งให้ปันปัน ท่านคงไม่รู้ว่าปันปัน เอารูปพวกนั้นคอยส่งมาเยาะเย้ยเฌอเบล เฌอเบลต้องเจ็บปวดขนาดไหนที่ต้องมารับรู้อะไรแบบนี้ ซึ่งมันไม่ใช่ความเป็นจริงเลย และเขาอ่านจนมาถึงข้อความของวันที่ เฌอเบลหนีเขาออกมาจากเพนต์เฮาส์ของเช้าวันที่เขาทะเลาะกับเธอและมีอะไรกัน ปันปัน: ส่งรูปอัลตราซาวด์ปันปัน : วินเขาดีใจมา
ครืดดด ครืดดด เสียงสายเรียกเข้าโทรศัพท์เขา พี่มาร์กี้โทรเข้ามา เขารีบกดรับสาย “ฮัลโหลครับ”“มาร์วินพวกกระเป๋าแล้วก็ของใช้ ของน้องเบลจะให้พี่เอาไปเก็บไว้ที่ไหน”“อืม…” มาร์วินหันมามองคนตัวเล็กนิดหนึ่ง แล้วลุกขึ้นเดินไปคุยกับพี่สาวที่ระเบียง เฌอเบลมองตามคนตัวสูง ที่ยืนหันหลังถอดเสื้อคุยโทรศัพท์อยู่ เขาหล่อและดูดีที่สุดในสายตาเธอเสมอ เฌอเบลยิ้มกับตัวเอง เอนตัวซบแก้มหนุนแขนตัวเองลงบนโซฟาตะแคงหน้ามองเขาเพลินๆ อยากเดินเข้าไปกอดเขาทางด้านหลังแบบนั้นจัง พอเลยคิดอะไรเนี่ย เฌอเบลรีบขจัดความคิดของตัวเองออกไปและหลับตาลงจนเผลอหลับไป มาร์วินคุยกับพี่สาวนานพอสมควร เพราะต้องเล่าทุกอย่างให้พี่มาร์กี้ฟัง พอคุยเสร็จหันมามองทางเฌอเบล คนตัวเล็กนอนหนุนแขนตัวเองอยู่ ตาสวยหลับพริ้ม “หลับแล้วเหรอ”มาร์วินเดินเข้ามานั่งลงใกล้ๆ มองแก้มใสที่ซูบผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัด มือเรียวนุ่มตอนนี้เล็บที่เคยถูกต้องแต่งสวยงามอยู่ตลอดที่เขาเคยเห็น แต่ตอนนี้ตัดสั้น ไม่ได้แต่งเติมทาสีใดๆ เขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมา มือหนายกขึ้นลูบหัวเล็กเบาๆ ไม่อยากให้เธอลำบากอีก มาร์วินขยับเข้าหาเขาคิดถึง ยังคิดถึงเธอตลอด โน้มหน้าเข้าไปหอมแก้