ผ่านไปสามวัน…
“พี่วิ” ซาร่าเมื่อเห็นเจ้านายสาวเอาแต่นั่งเหม่อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ทนดูไม่ได้จึงมานั่งข้างๆ “มีอะไรรึเปล่าซาร่า” “พี่วิโอเคมั้ยคะ หลายวันมานี้ซาร่าเห็นพี่เหม่อเหมือนมีอะไรในใจอยู่ตลอดเลย” “ไม่มีอะไรหรอก…” วิเวียนก้มหน้า ปากบอกไม่มีอะไร แต่สีหน้าเธอมันบ่งบอกชัด ความจริงซาร่าไม่ต้องถามก็รู้ เพียงแต่ไม่อยากให้เธอต้องเอาแต่นั่งหมกมุ่น “เฮ้อ… พี่รอคุณชายนั่นอยู่ใช่มั้ยคะ” วิเวียนเงียบไม่มีคำตอบ แสดงว่าเรื่องจริงน่ะสิ ไม่รู้ว่าไอ้คุณชายนั่นคิดอะไร มาตามติดพี่สาวเธอเหมือนจริงจัง แต่อยู่ๆ กลับมาเล่นหายหัวไปปล่อยให้วิเวียนต้องมานั่งกลุ้ม “ไอ้คุณชายบ้านั่น อย่าให้เห็นโผล่มานะ เดี๋ยวซาร่าจะซัดเข้าให้ มาทำให้คนอื่นมีใจแล้วหายหัวไปไหนไม่รู้” ซาร่าบ่นอุบ มันน่าโมโหจริงๆเลยมั้ยล่ะ “เอาน่าซาร่า เค้าคงจะยุ่งกับงาน” “แต่ก็ควรจะบอกกันสักคำสองคำมั้ยล่ะคะ” ทันทีที่ซาร่าสวนไปแบบนั้น แววตาคู่สวยก็สั่นไหวขึ้นมาทันที ลูกน้องสาวพูดมีเหตุผลพอสมควร สีหน้าวิตกของเธอทำเอาซาร่าแทบกลืนนํ้าลายลงคอด้วยความรู้สึกผิด เธอปากมากจนลืมคำนึงถึงความรู้สึกวิเวียนเลย อยากจะตบผีในปากตัวเองสะจริง “เอ่อ… พี่วิอย่าคิดมากเลยนะคะ เค้าอาจจะยุ่งอยู่จริงๆก็ได้” “พี่ไม่ได้คิดมากหรอก แล้วพี่ก็ไม่ได้มีสิทธิ์คิดด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย เราน่ะ ไปทำงานได้แล้วไป” “พี่อยู่คนเดียวได้นะคะ” ซาร่าชักสีหน้าถามอย่างไม่ไว้วางใจ ยังไงการมีเพื่อนคอยคุยด้วยในเวลาแบบนี้ก็ดีกว่าฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว แต่คำถามเธอกลับเปรียบเสมือนคำตลกที่ชักชวนให้คนได้ยินขำลอดออกมา “พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะซาร่า ที่จะอยู่คนเดียวไม่ได้น่ะ” “ก็ซาร่าเป็นห่วงนี่คะ” “พี่ดูแลตัวเองได้หรอกน่า ทำเป็นเล่นใหญ่ไปได้ ไปทำงานได้แล้วไป” วิเวียนยิ้มเอ็นดูให้กับความน่ารักของลูกน้องสาว บางทีซาร่าก็ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ที่คอยจู้จี้จุกจิกจนเธอรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นน้องสาวไปแล้ว “ก็ได้ค่าา” ซาร่าหน้าบึ้งจำใจหันหลังเดินออกไป พอลูกน้องสาวเดินจากไปไกลจนลับตา รอยยิ้มที่ประกบอยู่บนใบหน้าหวานก็เลือนหายในพริบตา พร้อมกับความรู้สึกหลากหลายที่โถมเข้ามา วิเวียนได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความไม่เข้าใจตัวเอง “เฮ้อ…” ทำไมพอเป็นเซบาสเตียนเธอถึงได้อ่อนไหวง่ายขนาดนี้กัน ทั้งที่ก่อนหน้าก็ไม่ใช่ว่าไม่มีชายคนไหนมาจีบ เพียงแต่ว่าเธอไม่เคยรับรักใครมาก่อนในชีวิต แต่พอเจอคนอันตรายแบบเขา หัวใจดวงน้อยกลับสั่นไหว ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซํ้าว่าเขามันอันตรายรึเปล่า แววตาวูบไหวมองออกไปหน้าร้านพร้อมมือกำแก้วนํ้าชาแน่น เวลานี้เธอรู้ตัวแล้วว่า เธอได้ตกไปในหลุมพรางของเซบาสเตียน แล้วอาจจะเผลอตกหลุมรักไปด้วยแล้วก็ได้… . . บริษัท “แหมๆ เดี๋ยวนี้หมกมุ่งกับงานดีจังเนาะ” เซบาสเตียนที่นั่งทำงานถึงกับแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายใส่เพื่อนที่เปิดประตูเดินเข้ามาหน้าตาเฉย ซึ่งมันทำแบบนี้ทุกวันตั้งแต่วันนั้นละ ไม่รู้จะมาทำหาพะแสงอะไรนักหนา “มึงว่างมาก?” “ก็คนมันเกิดมาสบายอ่ะน่ะ” โอทิสสวนตอบอย่างยียวนกวนประสาทใช่เล่น หย่อนก้นนั่งลงบนโต๊ะทำงานเพื่อนสนิทเป็นกิจวัตรประจำวัน “อย่าทำเป็นเมินเพื่อนแบบนั้นดิ นี่กูเห็นว่ามึงไม่ไปหาคุณคนสวยหลายวันละ ทำไมวะ เบื่อแล้วรึไง” “ใครบอก” พอพูดถึงวิเวียนเท่านั้นแหละ จากใบหน้าเคร่งขรึมแสดงถึงความเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที เบื่องั้นหรอ เหอะ… เบื่อก็บ้าละ “เอ้า ก็ปกติกูเห็นมึงเอาแต่ตามติดเค้าทั้งวันทั้งคืนไม่ใช่รึไง” แล้วไหนมาช่วงนี้เอาแต่ทำงานทำการหมกมุ่นอยู่ที่บริษัท วันนั้นยังบ่นจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำคะแนนตัดหน้าอยู่เลย มันก็ต้องงงมั้ยล่ะ “หึ กูมีแผนของกูก็แล้วกัน” “แผนชั่วตามเคยแน่เลย” โอทิสกอดอกมองเพื่อนอย่างมั่นใจ คนอย่างเซบาสเตียนหรอจะทำอะไรดีๆ ดูจากสีหน้ามันก็รู้ว่ามีแต่เรื่องชั่วเท่านั้นแหละที่มันเลือกทำ “จะชั่วไม่ชั่วกูไม่สน แต่แผนนี้กูได้ในสิ่งที่ต้องการแน่” มุมปากหยักยกยิ้มด้วยความร้ายกาจ ทำเอาเพื่อนที่นั่งมองนึกหมั่นไส้ขึ้นมา มันไปเอาความมั่นใจมาจากไหนวะ “ยิ้มได้เลวมากเลยว่ะ” ปัก!! “โอ๊ะ เชี่ย!!” ปากกาที่อยู่ในมือปลิวไปโดนแขนโอทิสจนเกิดร้องอุทานเสียงดัง “รุนแรงจังวะสส” แม่ง ปามาได้ไอ้เพื่อนเวร! “เหอะ สมนํ้าหน้า” คนปาไม่ได้สงสาร แถมยังสมนํ้าหน้าแล้วก้มหน้าทำงานต่อหน้าตาเฉย ปล่อยให้เพื่อนยืนบ่นอุบอยู่ตรงหน้าคนเดียว ไม่นานจึงกลับไปเมื่อเขาทำเป็นหน้ามึนเมินเฉย . . วันต่อมา… เป็นดั่งเช่นเคยที่วิเวียนจะมาเปิดร้านแต่เช้า แต่ช่วงนี้สีหน้าเธอดูไร้ความสดใสเอาสะเลย สองเท้าเรียวก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูร้านพร้อมตั้งท่ากำลังจะเปิด แต่ก็ต้องใจหายวับกับคนข้างหลังที่อยู่ๆก็เดินมากระซิบอยู่ข้างหูเธอ “อรุณสวัสดิ์ครับคนสวย” !!! วิเวียนตกใจรีบหันมองก็พบว่าเป็นชายที่เธอแอบเฝ้ารอมาตลอดหลายวัน “คุณบาส…” “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ ไม่ดีใจหรอที่เจอผม” “ป..เปล่าค่ะ แค่…” “หื้ม แค่อะไรครับ?” “ม..ไม่มีอะไรค่ะ รอแป๊ปนึงนะคะ” วิเวียนรีบหันหน้าหนีคนที่ยื่นหน้าเข้ามาไกล้เธอ พร้อมเปิดประตูร้านอย่างลุกลี้ลุกลน ทำไมเธอต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วยนะ แล้วคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เอาแต่มองเธอไม่หยุด ทำให้หญิงสาวลนเข้าไปใหญ่ “ข..เข้ามาด้านในก่อนค่ะ” เสียงหวานเอ่ยชวนเสร็จก็รีบหันหลังเดินเข้าไปไม่รอให้อีกคนได้ตอบ คิวเข้มขมวดเข้ากันเบาๆ มองตามแผ่นหลังระหงที่ก้าวเข้าร้านไป ก่อนฝีเท้ายาวจะก้าวตามเข้าไป แต่อยู่ๆ คนตัวเล็กก็หยุดเดินกลางคันแล้วหันมาหาเขา “หื้ม มีอะไรรึเปล่าครับ?” “คุณ…. หายไปหลายวันมากเลย…”“อุ้ย… เลอะหมดเลยทูลหัว :)” มือเล็กเตรียมจะเช็ดไวน์ที่หกออกแต่ก็โดนคนโตกว่ารีบจับไว้ทัน เขาชันเข่าขึ้นบนเตียงหนึ่งข้างพร้อมชูคางมนขึ้นแล้วโน้มหน้าเลียปากนุ่มจากส่วนที่เลอะลงมาจากทุกสัดส่วนด้านบนจนถึงสองเต้าตูม “ฮึกกกก….” ลมหายใจของคนที่โดนเล้าโลมเริ่มติดขัดไม่เป็นจังหวะ นิ้วเท้าเบียดเสียดกันด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยได้สัมผัสถึงขั้นนี้มาก่อน ช่วงท้องรู้สึกวูบวาบขึ้นมาดั่งว่ามีผีเสื้อนับพันโบยบินแข่งกัน เกาะอกชิ้นบางถูกเขาปลดออกอย่างง่ายดายตามมาด้วยชิ้นส่วนที่เป็นสิ่งขวางกั้นช่วงล่างโดยเธอไม่อาจห้ามได้ เมื่อร่างกายมันอ่อนระทวยตอบสนองเขาทุกสัมผัส จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ ร่างบางค่อยๆเอนลงนอนราบบนเตียงตามแรงดันจากจูบที่เขามอบให้เธอทั่วทั้งตัว ตอนนี้เธออยู่ภายไต้การควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง อ้าปากงับดูดดูลยอดทับทิมสีนํ้าตาลอ่อนอมชมพูระรื่นอย่างเมาส์มัน ในขณะที่ส่วนล่างก็ถูกเขาควบคุมด้วยนิ้วมือเรียว แม้จะแค่วนเล่นตามกริบกุหลาบแต่กลับสร้างความเสียวสวาทให้กับคนไต้ร่างจนต้องสูดปากครางเสียงหวานอย่างห้ามไม่อยู่ “ซี๊ดดดด อื้มมมมม” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤกษ์แอลกอฮอล์เมื่อครู่หรือความร
ภายในเวลาสั้นๆ ในที่สุดงานวิวาห์ก็ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ประหนึ่งว่าเจ้าของงานต้องการประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้ ภายในงานถูกตกแต่งเต็มไปด้วยดอกไม้ธรรมชาติโทนสีชมพูบาร์บี้ตามที่เจ้าสาวปลื้ม นักข่าวจากสำนักงานดังทั้งหมดมารวมตัวกันในงานวันนี้จนหมด วิเวียนยืนเกรงอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่กำลังจะเปิดออกและนำเธอเข้าสู่โลกใบใหม่ ชุดเจ้าสาวอลังการยิบยับไปด้วยเพชรพลอยตามชายกระโปรงและรอบอก เธอเหมือนพญาหงส์ที่มีเวตมนต์สะกดให้สายตาทุกคู่ที่มองมาพลอยหลงไหลในความสง่า “ลูกสะใภ้ป๊าสวยจริงๆ“ ”ป๊า“ เสียงจากชายวัยกลางที่ดังขึ้นมาจากแผ่นหลังร่างระหงทำให้เธอลดละความเกรงลงบ้าง เบรย์เดนเดินเข้ามายืนเคียงข้างว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้มชอบใจที่แสดงอยู่บนใบหน้า ”พร้อมมั้ยลูก วันนี้ป๊าจะทำหน้าที่พ่อให้หนูเอง“ วิเวียนเผยยิ้มอ่อนพยักหน้าตอบเบาๆอย่างอ่อนน้อม ตั้งแต่ที่เซบาสเตียนพาไปรู้จักกับพ่อเขา เธอก็ถูกเบรย์เดนเอ็นดูเหมือนลูกสาวในไส้มาตลอด ไม่นานประตูบานใหญ่ก็ค่อยๆเปิดขึ้นจนภาพในตาเต็มไปด้วยงานหรูหราที่ถูกจัดอยู่ภายหน้า ผู้คนมากหน้าหลายตารวมถึงคนที่เธอไม่เคยแม้แต่จะพบเจอยืนยิ้มต้อนรับอยู่เบื้องหน้า โ
“คะ…” แววตาวูบไหวหันกลับมามองหน้าเขาแต่ครั้งนี้มันต่างออกไปเมื่อเธอเห็นใบหน้าหล่อของเขาได้ไม่ชัดเหมือนเมื่อครู่ นํ้าสีใสคลอเอ่อออกมาเต็มม่านตาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่แล้วเขาก็นำพาความสับสนเพิ่มเข้ามาให้ เมื่ออยู่ๆเซบาสเตียนก็คุกเข่าลงต่อหน้าเธอพร้อมทั้งนำกล่องแหวนออกมา นี่มันอะไรกัน… “ผมเคยบอกคุณแล้วไงครับ ขาดคุณไปมันจะสมบูรณ์แบบได้ยังไงวิเวียน…” เซบาสเตียนยิ้มอ่อนทั้งมองเธอด้วยแววตาเต็มไปด้วยความหมาย วงแหวนเพชรเม็ดเงาส่องแสงแวววับระยิบระยับภายไต้แสงอาทิตย์ดั่งว่ามันกำลังประกายแสงต้อนรับเจ้าของมัน “ผมเคยบอกคุณว่าถ้าวันไหนที่ผมต้องการคำตอบจากคุณ คุณห้ามปฏิเสธเด็ดขาด…” ”แต่งงานกับผมนะครับ My Lady” หยาดนํ้าตาที่คลอเต็มเบ้าหยดลงพื้นพร้อมเจ้าของของมันที่ปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ฮ..ฮึกก เล่นบ้าอะไรของคุณ” ถ้อยคำดุถูกเปล่งออกมาด้วยนํ้าเสียงสั่นเคลือ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากเซบาสเตียนผู้สร้างเรื่อง เขาไม่รีรอและไม่ต้องให้เธอตอบ รีบสวมแหวนเข้านิ้วนางหญิงสาวพร้อมทั้งโน้มหน้าลงจูบแผ่นหลังมือเนียน ตอนนี้เขาได้จองเธออย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะไม่มีใครหน้าไหนมาแย่งเธอไปจากเขาได้
ปึ้ง! วิเวียนที่นั่งเหม่ออยู่ในภวังค์ความเศร้าถึงกับสดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆซาร่าก็ทุบโต๊ะด้วยแรงโมโหจนเกิดเสียงดังปั้ง หลังจากที่เธอเล่าทุกอย่างให้ลูกน้องสาวฟัง “อะไรกันคะ! จะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ไอ้คุณชายนั่น!” ไม่ยักรู้ว่าคนที่จะโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟแทนที่จะเป็นตัวเธอเองแต่ตอนนี้กลับเป็นซาร่าสะงั้น “ใจเย็นๆซาร่า” “จะให้ใจเย็นได้ยังไงกันคะ พี่วิรู้มั้ยคะว่าตอนนี้ซาร่าอยากทำอะไรมากที่สุด ซาร่าอยากบุกบ้านไอ้คุณชายนั่นแล้วซัดหมัดนี่เข้าเบ้าหน้าหล่อๆที่มาหลอกคนอื่นเข้าให้จนเละเลยค่ะ!” วิเวียนถึงกับยิ้มแห้งกับอารมณ์โทสะของสาวน้อยที่เธอเอ็นดูเหมือนน้องสาวมาตลอด เพิ่งจะเคยเห็นหญิงสาวตัวเล็กๆอารมณ์พรุ่งพร่านแทนเธอได้ขนาดนี้ “พี่วิไม่ต้องห่วงนะคะ พรุ่งนี้ซาร่าจะจัดการทุกอย่างให้พี่เองค่ะ” “หื้ม?” คิ้วบางขมวดอย่างไม่เข้าใจ ดูจากสีหน้าที่มุ่งมั่นของซาร่าแล้วบ่งบอกว่าเธอไม่ได้พูดเล่นๆ ยัยเด็กคนนี้คิดจะทำอะไรกัน แล้วก็เป็นแบบที่เธอพูด เมื่อซาร่ามากดกริ่งหน้าบ้านเธอแต่เช้าตอนตีสี่ วิเวียนที่เพิ่งจะผลอยหลับไปจากการนั่งคิดมากได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเดินงัวเงียมาเปิดประตู “มาค่ะพี่วิ
ถ้อยเสียงเบาแผ่วเอ่ยขึ้นดั่งน้อยใจ เรียกรอยยิ้มซุกซนจากอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างได้ใจ ดูเหมือนว่าแผนชั่วที่เพื่อนเขากล่าวจะได้ผลดีเลยล่ะ “คิดถึงผมหรอครับ” คนโตกว่ายกยิ้มเจ้าเล่ห์โน้มหน้าเข้ามาพูดไกล้อีกคนจนลมหายใจอุ่นรดเข้าสัมผัสผิวเนียน นำพาเสียงหัวใจดวงน้อยลุกขึ้นเต้นแข่งกันตุบตับ “ผมมีงานใหญ่ที่ต้องจัดการน่ะครับ พอรีบเคลียร์เสร็จผมก็รีบมาหาคุณนี่แหละอย่าน้อยใจสิครับ หื้ม” ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมอีกคนทัดหูไปด้วยอย่างอ่อนโยน ทำหัวใจดวงน้อยวูบไหวรีบหลบสายตาที่มองมา “ว…วิไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อยค่ะ” “งั้นก็โอเคครับ เรามานั่งคุยกันดีกว่า ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยนิดหน่อย” ดวงตาวูบไหวเงยมองเจ้าของคำพูด เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงถ้อยเสียงของเขาที่รู้สึกว่าเปลี่ยนไป หรือว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรรึเปล่า “เรื่องอะไรคะ..” “คือว่า… ผมอยากให้คุณไปจัดสถานที่ให้น่ะครับ สถานที่ขอแต่งงาน…” ดวงตาคนฟังเบิ่กกว้างเหมือนตกอยู่ในภวังค์คำพูดของเซบาสเตียน เขาหมายความยังไงถึงคำว่าสถานที่ขอแต่งงาน คำถามมากมายตีกันในหัวเต็มไปหมด ใครกันที่จะแต่งงานหรือว่าเป็นเขา แล้วถ้าหากเป็นเขาล่ะ ทุกอย่
ผ่านไปสามวัน… “พี่วิ” ซาร่าเมื่อเห็นเจ้านายสาวเอาแต่นั่งเหม่อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ทนดูไม่ได้จึงมานั่งข้างๆ “มีอะไรรึเปล่าซาร่า” “พี่วิโอเคมั้ยคะ หลายวันมานี้ซาร่าเห็นพี่เหม่อเหมือนมีอะไรในใจอยู่ตลอดเลย” “ไม่มีอะไรหรอก…” วิเวียนก้มหน้า ปากบอกไม่มีอะไร แต่สีหน้าเธอมันบ่งบอกชัด ความจริงซาร่าไม่ต้องถามก็รู้ เพียงแต่ไม่อยากให้เธอต้องเอาแต่นั่งหมกมุ่น “เฮ้อ… พี่รอคุณชายนั่นอยู่ใช่มั้ยคะ” วิเวียนเงียบไม่มีคำตอบ แสดงว่าเรื่องจริงน่ะสิ ไม่รู้ว่าไอ้คุณชายนั่นคิดอะไร มาตามติดพี่สาวเธอเหมือนจริงจัง แต่อยู่ๆ กลับมาเล่นหายหัวไปปล่อยให้วิเวียนต้องมานั่งกลุ้ม “ไอ้คุณชายบ้านั่น อย่าให้เห็นโผล่มานะ เดี๋ยวซาร่าจะซัดเข้าให้ มาทำให้คนอื่นมีใจแล้วหายหัวไปไหนไม่รู้” ซาร่าบ่นอุบ มันน่าโมโหจริงๆเลยมั้ยล่ะ “เอาน่าซาร่า เค้าคงจะยุ่งกับงาน” “แต่ก็ควรจะบอกกันสักคำสองคำมั้ยล่ะคะ” ทันทีที่ซาร่าสวนไปแบบนั้น แววตาคู่สวยก็สั่นไหวขึ้นมาทันที ลูกน้องสาวพูดมีเหตุผลพอสมควร สีหน้าวิตกของเธอทำเอาซาร่าแทบกลืนนํ้าลายลงคอด้วยความรู้สึกผิด เธอปากมากจนลืมคำนึงถึงความรู้สึกวิเวียนเลย อยากจะตบผีใน