“แต่ถึงยังไงก็เถอะ คราวหน้าคราวหลังก็รู้จักหน้าที่การงานตัวเองบ้าง”
ชายวัยกลางเมื่อนึกได้ก็หันมาติลูกชาย โตเท่าควายแต่ยังไม่รู้จักรับผิดชอบเวลา แต่มีหรือคนที่ถูกแม่ตามใจมาแต่เด็กอย่างเซบาสเตียนจะฟัง "คราวหน้าก็คงต้องเป็นอันรบกวนท่านเบรย์อีกเช่นเคยน่ะสิครับ" ถ้อยคำสุภาพถูกเอ่ยออกมา แต่มันช่างแตกต่างกับนํ้าเสียงและท่าทางที่โครตจะกวนเส้นประสาทผู้เป็นบิดา หากนี่ไม่ใช่กิจวัตรประจำวันที่ชายวัยกลางต้องเจอ ปากกาที่วางอยู่เบื้องหน้าคงได้ปริวไปโดนเบ้าหน้าลูกชายทันที “เออ ช่างเถอะ พูดไปก็มีแต่เปลืองนํ้าลายกูเปล่า” เบรย์เดนถอนหายใจเฮือกใหญ่ คงจะไปหวังเอาประโยชน์อะไรจากมันไม่ได้ พูดไปก็มีแต่จะเปลืองลมปากเปล่าๆ ความผิดเขาเองที่ปล่อยให้ภรรยาตามใจลูกชายจนเคยตัว แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันรักมันบูชามันเชิ่ดชูเมียยิ่งกว่าเทพเจ้า “ใช่มั้ยล่ะครับ ขนาดป๊ายังฟังแค่แม่เลย เพราะงั้นผมก็จะฟังแต่คำสั่งเมีย” เซบาสเตียนยิ้มกริ่มกับคำตอบตัวเอง ภูมิใจเหลือเกินที่ได้โตขึ้นมากับความคิดแบบนี้ ทำเอาชายวัยกลางเถียงไม่ออกเลยมั้ยล่ะ ก็ที่ลูกพูดมีส่วนไหนบ้างที่ผิด ความจริงทั้งนั้น “เอาเถอะ เห็นหน้าแกแล้วสมองฉันไม่เคยจะโล่ง ดอกไม้นี่แกก็เอาไปให้แม่แกเองแล้วกัน” กล่าวเสร็จเบรย์เดนดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้พร้อมจัดคอเสื้อสูทด้วยท่าทางทรงเสน่ห์ ตัวเลขอายุไม่ได้ทำลายความเป็นเจ้าพ่อของเขาได้เลย “ขอบคุณอย่างยิ่งที่สละเวลามาทำงานแทนผมด้วยนะครับ” เซบาสเตียนยิ้มกรุ่มกริ่มยันนาทีสุดท้ายที่ฝีเท้ายาวก้าวผ่านประตูออกไปจนลับตา วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษจนแทบจะหุบยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ นึกแล้วก็ไปนั่งทำงานหน่อยดีกว่า แล้วค่อยไปเยี่ยมแม่ก่อนที่ดอกไม้สวยๆ จะเหี่ยวเอาสะก่อน “บอสจะไปไหนต่อรึเปล่าครับ” รอยรีบเอ่ยถาม เมื่อเห็นเจ้านายเดินออกมาจากห้องทำงานท่าทางเหมือนทุกครั้งที่ทำงานเสร็จแล้วเตรียมพร้อมเลิกงาน “ไปหาแม่” ทันทีที่ตอบคำถามลูกน้องเสร็จก็เดินออกไปพร้อมช่อดอไม้สีขาวสะอาดตาที่ถืออยู่ในมือทันที “ครับ” รอยรู้หน้าที่ตัวเองดี เมื่อได้ยินคำตอบที่เปรียบเสมือนคำสั่งก็รีบเดินตามหลังเจ้านายออกไปต้อยๆ ไม่นานรถคันหรูก็ถูกขับเคลื่อนเข้ามาจอดกลางสถานที่แห่งหนึ่ง เท้ายาวรีบก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าไป ภายในเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวกระจับกับต้นไม้ล้อมรอบจนสัมผัสได้ถึงความสงบ ทว่าท่ามกลางความสงบนั้นกลับได้รับถึงความวังเวงหดหู่ที่เกิดขึ้นภายในใจ สองฝีเท้าก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้ารูปปั้นหินอ่อนที่ตั้งไว้ไม่ไกลจากทางเดินเข้ามา ซึ่งคือสุสานของผู้เป็นมารดาเขา… เซบาสเตียนนั่งคุกเข่าลงพรางมองรูปปั้นหินตรงหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ ทักทายมารดากับแววตาคู่ที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก “แม่ครับ… ผมเอาดอกไม้ที่แม่ชอบมาให้นะครับ แล้วก็มีเรื่องมาเล่าให้แม่ฟังด้วย…” ช่อดอกไม้สีขาวถูกวางลงเบาๆ ก่อนนํ้าเสียงแผ่วเบาจากอีกคนจะเปร่งขึ้นพร้อมเล่าเรื่องราวชีวิตให้คนที่จากไปฟัง “แม่รู้มั้ยครับ… ว่าผมได้เจอกับผู้หญิงในแบบที่แม่อยากได้เป็นลูกสะใภ้มาตลอด เธอสวยทั้งกายแล้วก็จิตใจ แถมยังอ่อนโยนเหมือนแม่เลยครับ โดยเฉพาะรอยยิ้มที่สามารถเปลี่ยนโลกทั้งใบของคนๆหนึ่งได้…” ชายหนุ่มเล่าไปก็ยิ้มไป เมื่อนึกถึงทีไร ภาพในหัวมันก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานของผู้หญิงคนนั้น หากเขาได้รับการตอบโต้จากมารดาบ้างโดยไม่ใช่แค่ต้องเป็นฝ่ายเล่าอย่างเดียวโดยได้รับคำตอบเป็นความเงียบ… มันจะดีขนาดไหนกันเชียว “แต่น่าเสียดายนะครับ ที่แม่ไม่สามารถอยู่รอจนได้เห็นผมแต่งงานกับผู้หญิงในแบบที่แม่หมายปอง ไว้ผมจีบเธอติดเมื่อไหร่ ผมจะพาเธอมาหาแม่นะครับ…” ดวงตาเริ่มแดงกํ่าคลอเบ้าด้วยนํ้าสีใสที่รินออกมาดื้อๆ ยิ่งพูดเสียงที่ลอดออกมาจากลำคนก็ยิ่งเบาลงเหมือนคนหมดเรี่ยวแรงลงเรื่อยๆ เขาเจ็บปวดเสมอกับการจากลาของมารดา แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแล้วก็ตาม เคร๊ก! ในเวลาเดียวกันที่เเซบาสเตียนก้มหน้าเศร้า ทว่าดูเหมือนแม่จะเป็นใจ ส่งกำลังใจมาให้เขาทันที เมื่อเงยหน้าหันมองตามเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาไกล้ ก็ต้องตาสว่างทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นวิเวียน หัวใจดวงใหญ่พองโตขึ้นมาทันที รีบดีดตัวลุกขึ้นทักทาย “คุณวิ…” คิ้วเข้มขมวดเข้ากันพร้อมแสดงสีหน้าสงสัย เมื่อในมือน้อยๆ กำลังถือช่อดอกไม้บริสุทธิ์อยู่สองช่อ เหมือนว่าจุดหมายที่มาที่นี่จะไม่ต่างกันกับเขาเลย “อ้าวคุณบาส... พอดีว่าวิมาเยี่ยมพ่อกับแม่น่ะค่ะ” วิเวียนยิ้มอ่อนในขณะที่ไขข้อสงสัยให้กับชายตรงหน้า สิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งของผู้หญิงคนนั้นคือ เธอมักจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสดใสเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม นำพาคนรอบข้างอุ่นใจไปด้วยอย่างบอกไม่ถูก ต่างกับเขาที่เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่เก็บอารมณ์ความรู้สึกไม่เก่งเอาสะเลย พูดแล้วก็น่าอายจริงๆ “งั้น…. ผมขอไปเยี่ยมพวกท่านด้วยได้มั้ยครับ” ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะคว้าโอกาสเข้าสู่ตัว “ได้สิคะ” วิเวียนตอบรับเสียงหวาน ก็แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่จะไปไม่ได้ด้วยล่ะ สองคนเดินเคียงคู่กันออกไป หากไม่รู้คงนึกว่าคู่สามีภรรยานำดอกไม้มาเยี่ยมคนจากไปด้วยกัน แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าทุกอย่างเป็นความบังเอิญ หรืออาจจะถูกโชคชะตากำหนดไว้แล้วแต่แรก “ผม… เสียใจด้วยนะครับ” เวลานี้ทั้งคู่นั่งคุกเข่าอยู่ด้วยกันหน้ารูปปั้นหินที่ถูกตั้งติดกันเอาไว้เป็นคู่ เซบาสเตียนกล่าวเสียงเบา พร้อมหันมองหญิงข้างๆ ที่มองตรงไปยันสุสานคู่ของผู้ให้กำเนิด “ขอบคุณนะคะ แต่วิไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ พวกท่านจากวิไปตั้งแต่อายุเก้าขวบ… มันกลายเป็นความเคยชินไปแล้วล่ะค่ะ “ วิเวียนยิ้มอ่อน เธอเรียนรู้ที่จะเติบโตมาด้วยตัวเองตั้งแต่อายุยังไม่ก้าวเข้าสิบขวบ และเธอก็ภูมิใจกับมันอยู่เสมอ ที่สามารถเติบโตมาในทางที่ดีได้ เธอเลือกที่จะใจดีกับโลกใบนี้ แม้มันจะโหดร้ายกับเธอไปบ้างในบางครั้ง ความสดใสของเธอผลอยเรียกรอยยิ้มจากคนข้างๆมาด้วย เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่เต็มไปด้วยพลังบวกขนาดนี้มาก่อน เมื่อเทียบกับความยากลำบากที่วิเวียนเคยเจอมา เรื่องที่เขาท้อแท้อยู่ในทุกวันนี้มันเทียบไม่ได้เลยสักนิด แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังคงไม่เคยขาดรอยยิ้มที่มาจากก้นบึ้งในหัวใจ ทำให้หัวใจดวงใหญ่เต้นตุบตับยิ่งกว่าเดิม เหมือนมันต้องการจะบ่งบอกว่าเจอเจ้าของเข้าให้แล้วจริงๆปึ้ง! วิเวียนที่นั่งเหม่ออยู่ในภวังค์ความเศร้าถึงกับสดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆซาร่าก็ทุบโต๊ะด้วยแรงโมโหจนเกิดเสียงดังปั้ง หลังจากที่เธอเล่าทุกอย่างให้ลูกน้องสาวฟัง “อะไรกันคะ! จะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ไอ้คุณชายนั่น!” ไม่ยักรู้ว่าคนที่จะโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟแทนที่จะเป็นตัวเธอเองแต่ตอนนี้กลับเป็นซาร่าสะงั้น “ใจเย็นๆซาร่า” “จะให้ใจเย็นได้ยังไงกันคะ พี่วิรู้มั้ยคะว่าตอนนี้ซาร่าอยากทำอะไรมากที่สุด ซาร่าอยากบุกบ้านไอ้คุณชายนั่นแล้วซัดหมัดนี่เข้าเบ้าหน้าหล่อๆที่มาหลอกคนอื่นเข้าให้จนเละเลยค่ะ!” วิเวียนถึงกับยิ้มแห้งกับอารมณ์โทสะของสาวน้อยที่เธอเอ็นดูเหมือนน้องสาวมาตลอด เพิ่งจะเคยเห็นหญิงสาวตัวเล็กๆอารมณ์พรุ่งพร่านแทนเธอได้ขนาดนี้ “พี่วิไม่ต้องห่วงนะคะ พรุ่งนี้ซาร่าจะจัดการทุกอย่างให้พี่เองค่ะ” “หื้ม?” คิ้วบางขมวดอย่างไม่เข้าใจ ดูจากสีหน้าที่มุ่งมั่นของซาร่าแล้วบ่งบอกว่าเธอไม่ได้พูดเล่นๆ ยัยเด็กคนนี้คิดจะทำอะไรกัน แล้วก็เป็นแบบที่เธอพูด เมื่อซาร่ามากดกริ่งหน้าบ้านเธอแต่เช้าตอนตีสี่ วิเวียนที่เพิ่งจะผลอยหลับไปจากการนั่งคิดมากได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเดินงัวเงียมาเปิดประตู “มาค่ะพี่วิ
ถ้อยเสียงเบาแผ่วเอ่ยขึ้นดั่งน้อยใจ เรียกรอยยิ้มซุกซนจากอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างได้ใจ ดูเหมือนว่าแผนชั่วที่เพื่อนเขากล่าวจะได้ผลดีเลยล่ะ “คิดถึงผมหรอครับ” คนโตกว่ายกยิ้มเจ้าเล่ห์โน้มหน้าเข้ามาพูดไกล้อีกคนจนลมหายใจอุ่นรดเข้าสัมผัสผิวเนียน นำพาเสียงหัวใจดวงน้อยลุกขึ้นเต้นแข่งกันตุบตับ “ผมมีงานใหญ่ที่ต้องจัดการน่ะครับ พอรีบเคลียร์เสร็จผมก็รีบมาหาคุณนี่แหละอย่าน้อยใจสิครับ หื้ม” ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมอีกคนทัดหูไปด้วยอย่างอ่อนโยน ทำหัวใจดวงน้อยวูบไหวรีบหลบสายตาที่มองมา “ว…วิไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อยค่ะ” “งั้นก็โอเคครับ เรามานั่งคุยกันดีกว่า ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยนิดหน่อย” ดวงตาวูบไหวเงยมองเจ้าของคำพูด เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงถ้อยเสียงของเขาที่รู้สึกว่าเปลี่ยนไป หรือว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรรึเปล่า “เรื่องอะไรคะ..” “คือว่า… ผมอยากให้คุณไปจัดสถานที่ให้น่ะครับ สถานที่ขอแต่งงาน…” ดวงตาคนฟังเบิ่กกว้างเหมือนตกอยู่ในภวังค์คำพูดของเซบาสเตียน เขาหมายความยังไงถึงคำว่าสถานที่ขอแต่งงาน คำถามมากมายตีกันในหัวเต็มไปหมด ใครกันที่จะแต่งงานหรือว่าเป็นเขา แล้วถ้าหากเป็นเขาล่ะ ทุกอย่
ผ่านไปสามวัน… “พี่วิ” ซาร่าเมื่อเห็นเจ้านายสาวเอาแต่นั่งเหม่อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ทนดูไม่ได้จึงมานั่งข้างๆ “มีอะไรรึเปล่าซาร่า” “พี่วิโอเคมั้ยคะ หลายวันมานี้ซาร่าเห็นพี่เหม่อเหมือนมีอะไรในใจอยู่ตลอดเลย” “ไม่มีอะไรหรอก…” วิเวียนก้มหน้า ปากบอกไม่มีอะไร แต่สีหน้าเธอมันบ่งบอกชัด ความจริงซาร่าไม่ต้องถามก็รู้ เพียงแต่ไม่อยากให้เธอต้องเอาแต่นั่งหมกมุ่น “เฮ้อ… พี่รอคุณชายนั่นอยู่ใช่มั้ยคะ” วิเวียนเงียบไม่มีคำตอบ แสดงว่าเรื่องจริงน่ะสิ ไม่รู้ว่าไอ้คุณชายนั่นคิดอะไร มาตามติดพี่สาวเธอเหมือนจริงจัง แต่อยู่ๆ กลับมาเล่นหายหัวไปปล่อยให้วิเวียนต้องมานั่งกลุ้ม “ไอ้คุณชายบ้านั่น อย่าให้เห็นโผล่มานะ เดี๋ยวซาร่าจะซัดเข้าให้ มาทำให้คนอื่นมีใจแล้วหายหัวไปไหนไม่รู้” ซาร่าบ่นอุบ มันน่าโมโหจริงๆเลยมั้ยล่ะ “เอาน่าซาร่า เค้าคงจะยุ่งกับงาน” “แต่ก็ควรจะบอกกันสักคำสองคำมั้ยล่ะคะ” ทันทีที่ซาร่าสวนไปแบบนั้น แววตาคู่สวยก็สั่นไหวขึ้นมาทันที ลูกน้องสาวพูดมีเหตุผลพอสมควร สีหน้าวิตกของเธอทำเอาซาร่าแทบกลืนนํ้าลายลงคอด้วยความรู้สึกผิด เธอปากมากจนลืมคำนึงถึงความรู้สึกวิเวียนเลย อยากจะตบผีใน
“ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ คุณลุงสนใจดื่มชาก่อนมั้ยคะ” วิเวียนรีบยิ้มหวานชวนเบรย์เดนนั่งเป็นการไถ่โทษที่ต้องให้เขารอนาน ส่วนชายวัยกลางเมื่อสายตาสบอยู่บนใบหน้าสวยก็เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เธอสวยและเรียบง่ายจนสบายตาไม่พอแถมยังเพิ่มความสบายใจให้คนมองเข้าไปทวีคุณ ไม่แปลกใจหากลูกชายจะประทับใจในตัวแม่หนูคนนี้นักหนา “เอาสิ” เบรย์เดนไม่ตราหนักใจที่จะยิ้มตอบพร้อมนั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนตามคำชวนของวิเวียน เขารู้สึกถูกชะตากับแม่หนูคนนี้เสียเหลือเกิน แม้กระทั่งท่าทางการรินชาของเธอยังดูเรียบร้อยสบายตาจนเขาประทับใจไม่น้อย “คุณลุงลองชิมดูนะคะ ชานี่เป็นชนิดพิเศษที่ทางร้านคิดค้นทำขึ้นมาเองค่ะ” “งั้นหรอ…” ชายวัยกลางเกิดนึกสงสัย ยกแก้วชาขึ้นจิบก็ต้องขมวดคิ้มเข้มเข้าหากัน เมื่อเพียงมันแตะถึงลิ้นเขาก็รับรู้ได้ถึงชนิดของชาทันที “ชาดอกไม้?” “ใช่ค่ะ คุณลุงเคยดื่มหรอคะ” “ภรรยาลุงชอบทำให้ดื่มอยู่บ่อยๆน่ะ” แววตาเขาดูมีความหมายเมื่อกล่าวถึงภรรยา แต่ก็แอบมีความเศร้าหมองแฝงอยู่ในนั้น จนวิเวียนที่จับสังเกตได้อดไม่ไหวที่จะพลั้งปากถามออกไป “คุณลุงคงจะรักเธอมากเลยสินะคะ..” “รักสิ รักมากเลยล่
“ร้านนี้หรอ” เสียงทุ้มจากชายวัยกลางถามขึ้น ในขณะที่สายตาทอดมองไปยันร้านดอกไม้ที่ถูกตกแต่งประดับประดาสวยงามตรงหน้า เห็นลูกน้องมันมาฟ้องนักหนาว่าเจ้าลูกชายมันหลงเจ้าของร้านดอกไม้นี้หัวปักหัวปำ ก็เกิดนึกอยากจะมาดูให้เห็นกับตาสักหน่อย “ใช่ครับท่าน” “อืม…” เบรย์เดนพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปเยือนในร้าน ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือความคุ้นเคยที่ห่างหายมานานหลายปี… “ยินดีต้อนรับค่ะคุณผู้ชาย” ในขณะที่สายตาคมกำลังทอดมองรอบๆ ก็เกิดเสียงหวานจากสาวน้อยแทรกขึ้นมาต้อนรับ “เชิญเดินดูได้ตามสบายเลยนะคะ” ซาร่าพูดซํ้าพร้อมยิ้มแย้มเป็นมิตร “ได้ข่าวว่าเจ้าของร้านนี้ฝีมือการจัดดอกไม้ดีมากและแตกต่างไปจากใครๆ” “จริงแท้แน่นอนค่ะคุณผู้ชาย อยากได้แบบไหนสามารถบอกได้เลยนะคะ ทางเราทำได้ทุกแบบทุกชนิดค่ะ” “อืม… จะเป็นการรบกวนมั้ยครับ ถ้าผมอยากคุยกับเจ้าของร้านหน่อย” “ไม่มีปัญหาค่ะ คุณลูกค้าเชิญนั่งรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวซาร่าไปตามให้ค่ะ” ดวงตาคู่คมหันกลับไปกวาดมองรอบๆ บรรยากาศที่คุ้นเคยนี้นำพาเขาย้อนคิดกลับไปถึงวันวานเก่าๆ ในวันที่แสงแดดอ่อนๆจากท้องฟ้าสาดส่องลงมาแตะยันพื้นหญ้าเข
รอยถึงกับอ้าปากเหวอ พอเวลาธรรมดาก็เอาแต่ร้องเรียกหาแต่ว่าที่เมีย แต่พอมาเวลาแบบนี้ สันดานนักล่าผู้หญิงที่ติดตัวมาแต่เกิดก็ไม่เคยจางหายเลยจริงๆ ดูจากสายตาที่กำลังล่อเหยื่อให้ติดกับนั่นสิ แหม เดี๋ยวจะฟ้องคุณคนสวยซะเข้าให้! “หืม ให้ผมหรอครับ” คิ้วเข้มขมวดขึ้นข้างนึงเบาๆ เชิงมองหญิงตรงหน้าที่กำลังยื่นแก้วไวน์แดงให้กับเขา “รอบๆนี้คงไม่มีใครหล่อเท่าคุณแล้วแหละค่ะ” ก็แหงสิ เขามันเทพบุรุษ เซบาสเตียนเหยียดยิ้มซุกซนพร้อมยื่นมือไปรับแก้วไวน์โดยไม่ปฏิเสธ ก็ไม่ต่างจากการบ่งบอกว่าเขายอมรับข้อเสนอของผู้หญิงตรงหน้า “เห็นว่าคุณทำหน้าเครียดๆ … ก็เลยอยากจะมาเสนอเป็นที่ระบายให้สักหน่อยน่ะค่ะ” ไม่เพียงแต่พูดเปล่า หญิงสาวรีบเซร่างตัวเองเข้าไกล้เขาพรางทาบฝ่ามือบางลงบนอกแกร่งแล้วลูบไล้ไปมา ส่งสายตาอ่อยสุดฤกษ์ วันนี้ไม่ได้ผู้ชายคนนี้ไปอยู่บนเตียงก็ให้มันรู้ไป “ที่ระบาย… หึ น่าสนใจนะครับ” “ฉันไม้พายนะคะ บอกไว้เผื่อคุณติดใจอยากจะรู้จักขึ้นมา” “ไม้พาย… ชักอยากรู้แล้วสิครับ ว่าไม้พายนี้จะพาผมไปถึงฝั่งได้รึเปล่า” “ไม่ลองจะรู้ได้ยังไงกันล่ะคะ” “ผมกะว่าจะรีบกลับห้องไปนอนพัก แต่ดูเหมือนม