“ว่าแต่คุณล่ะคะ? "
วิเวียนหันมาถามคนที่มองเธออยู่แล้ว สายตาสองคู่สบเข้ากัน มองดูเขาพร้อมรอฟังคำตอบ เอาแต่พูดถึงเรื่องเธออยู่เรื่อย จนลืมถามไปเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง “ผมมาหาแม่น่ะครับ ท่านจากพวกเราไปเมื่อปีที่แล้ว ผลจากมะเร็งระยะสุดท้าย” เซบาสเตียนอธิบายเสียงอ่อน น่าแปลกที่เขาเกิดอยากแสดงด้านอ่อนแอของตัวเองให้ผู้หญิงคนนี้ได้เห็น เหมือนตอนได้อยู่กับแม่ไม่มีผิด มันรู้สึกอบอุ่นใจจนอยากโผลเข้ากอดเธอเอาไว้ แต่ก็ทำได้แค่คิด จะข้ามขั้นได้ยังไงล่ะ “เสียใจด้วยนะคะ” ดวงตากลมมองดูอีกคนที่แววตาเต็มไปด้วยความหมองใจ แม้เขาจะพยายามยิ้มให้กับเธอ แต่เธอย่อมเข้าใจความรู้สึกนั้นดีกว่าสิ่งอื่นได เมื่อเคยสัมผัสมันมาก่อน กว่าจะทำใจยอมรับได้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่ปากกล่าว “เอางี้มั้ยคะ ใกล้ๆ นี้มีอยู่สถานที่หนึ่ง เวลาวิมาหาพวกท่านแล้วรู้สึกเสียใจ วิจะไปนั่งเยียวยาจิตใจที่นั่นทุกครั้ง" วิเวียนเสนอความเห็น ไหนๆเธอก็คิดไว้ว่าจะไปที่นั่นหลังเยี่ยมพ่อแม่เสร็จอยู่แล้ว สถานที่ที่เยียวยาจิตใจเธอมาตลอด หากวันนี้จะพาเพื่อนใหม่ไปด้วยคนก็คงจะไม่ใช่เรื่องแย่อะไร “ไปสิครับ” เซบาสเตียนรีบพยักหน้ารับ มีหรือเขาจะปฏิเสธ เข้าทางสะขนาดนี้ไม่ไปก็ควายแล้ว “งั้นก็ตามมาเลยค่ะ” วิเวียนยิ้มพร้อมหยัดกายลุกขึ้น แอบตื่นตันใจอยู่เหมือนกันที่จะได้ไปสถานที่แห่งนั้นกับใครบางคนเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาพูดได้เลยว่าเธอตัวคนเดียวมาตลอด ไม่ว่าจะต้องเจอกับปัญหาอะไรก็ตาม เธอเข้มแข็งพอที่จะเยียวยาทุกสิ่งด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากมีใครบางคนเข้ามาช่วยเยียวยา ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดี…. มั้งนะ ร่างระหงสาวเท้าเรียวเดินนำอีกคนเข้าไปในทางเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากที่เดินมา เซบาสเตียนเดินตามหลังหญิงสาวเข้ามาในขณะที่สายตากวาดมองรอบๆ แปลกที่เขาไม่เคยแม้แต่จะสังเกตที่แห่งนี้เลย ไม่นานสองคนก็มาหยุดฝีเท้าอยู่เบื้องหน้าจุดหมาย วิเวียนนั่งลงบนพื้นหญ้าเขียวด้วยท่าทีสบาย เหมือนกับที่เธอพูดว่าสถานที่แห่งนี้กลายเป็นพื้นที่เยียวยาจิตใจสำหรับเธอ เมื่อบรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยความสงบไร้เสียงผู้คน ไร้ความวุ่นวาย จะมีก็แต่เสียงธารนํ้าเล็กๆ ที่ไหลกันลงมาเป็นสายอยู่อีกฝั่งของพื้นหญ้า รอบๆแต่งเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่นับได้ว่ามีมาตั้งแต่ชาติปางได กับแสงแดดอ่อนๆที่สาดส่องลงมาทำให้ได้ฟิลเหมือนในหนังสือการ์ตูนรักไม่มีผิด อีกคนเชยชมบรรยากาศแสนบริสุทธิ์จนพอใจจึงหย่อนก้นนั่งลงข้างๆหญิงสาวที่กำลังหลับตาสัมผัสกับกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกลิ่นไอธรรมชาติรอบๆด้วยรอยยิ้ม สายตาคมจ้องอยู่บนใบหน้านวลจนไม่อาจละไปมองสิ่งอื่นได้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนเธอก็ดูสง่าไปหมด เขายอมรับว่าสถานที่นี้เยียวยาจิตใจได้ไม่น้อยดั่งเธอกล่าว แต่เมื่อเทียบกับรอยยิ้มสดใสนั่น มันเทียบไม่ติดเลยสักนิดสำหรับเขา หากต้องมานั่งอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีเธอ มันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี “น่าแปลกนะครับ ผมคาดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย” เสียงจากเซบาสเตียนเปร่งขึ้นท่ามกลางความเงียบ เรียกคนที่กำลังชมเชยธรรมชาติหันมามองพร้อมรอยยิ้ม “สวยใช่มั้ยล่ะคะ วิชอบบรรยากาศแบบนี้สุดๆ เลยล่ะค่ะ “ วิเวียนเล่าถึงความชอบของเธอด้วยใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เธอชอบอะไรแบบนี้ที่สุดเลยล่ะ ทำเอาอีกคนอดยิ้มตามไม่ได้ “สวยสิครับ แต่สำหรับผม สวยเท่าไหร่ก็คงสู้คุณไม่ได้อยู่ดี… “ แววตาแห่งความหลงไหลจับจ้องอยู่บนใบหน้านวลไม่ละ คำพูดที่มาจากใจจริง สีหน้าเขาไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังล้อเล่น ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นตุบตับไม่เป็นจังหวะ จนวิเวียนต้องหลบสายตาแพรวพราวนั่นก่อนจะโดนมันสะกตสะก่อน เสียงหัวใจนี่ก็ดังตุบตับอยู่เรื่อยไม่มีท่าทีจะหยุด ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินรึเปล่า เจ้าหัวใจบ้านี่ มันไม่ฟังคำสั่งของเธอเลย ท่าทางเขอะเขินของวิเวียนเรียกความเอ็นดูจากคนต้นเหตุได้เป็นอย่างดี ทำไมถึงน่ารักเป็นบ้าขนาดนี้กันวะ ถ้าจับฟัดเลยนี่จะผิดป่ะ “คุณนี่หยอดเก่งนะคะ คงอันตรายน่าดู… “ คนตัวเล็กบ่นอุบอิบโดยไม่ยอมหันกลับมามองหน้าเขา ผู้ชายที่ดูดีมีฐานะแบบเขา เอาแต่มานั่งหยอกเธอแบบนี้คงเจ้าชู้และอันตรายใช่เล่น ทว่าท่าทางการพูดของเธอกลับเรียกเสียงขำจากคนโดนกล่าวหาเฉย “ฮ่าๆ ผมไม่ได้หยอกสักหน่อย มันคือความจริงต่างหากล่ะครับ” เซบาสเตียนตอบด้วยรอยยิ้มเอ็นดู จะทำอะไรก็ดูน่ารักไปสะหมด จนเขาอดความคิดที่นึกจะเกินเลยกับเธอไม่ไหว แม้จะแสดงออกถึงความอ่อนโยนยังไงเขาก็ยังเป็นผู้ชายอยู่วันยันคํ่า “พอเถอะค่ะ คุณกำลังทำวิเสียอาหาร” หญิงสาวเบือนหน้าหนีพร้อมหัวใจที่เต้นตุบตับไม่ยอมฟังสมองที่กำลังสั่งการให้หยุดทำเรื่องน่าอายให้เธอเสียหน้าสักที ในขณะที่อีกคนดูเหมือนจะเงียบไปสักพัก โดยที่เธอไม่รู้ว่าเขากำลังยิ้มกรุ่มกริ่มมองเธออย่างลุ่มหลง ด้วยความแปลกใจที่ชายข้างๆไม่ตอบกลับอะไรจึงหันหน้ากลับมามอง เป็นจังหวะพอดีเป๊ะกับเซบาสเตียนที่ยื่นหน้าเข้ามาไกล้ ทำให้ปากประกบกันแนบชิดโดยบังเอิญ วิเวียนตกใจเบิ่กตากล้าง ตอนนี้เหมือนร่างกายถูกต้องคำสาปไม่ให้ขยับดั่งก้อนหิน ส่วนอีกคนกลับตรงกันข้าม เมื่อได้ลองสัมผัสที่แสนจะนุ่มนวลก็โหยหาที่จะลิ้มลองรสความหวานมันมากขึ้น รีบโฉยโอกาสดันท้ายทอยคนตัวเล็กเข้ามาบดขยี้เรียวปากบางอย่างอ่อนโยน สัมผัสนี้มันช่างน่าติดใจจนเขาไม่อาจละออกได้ ส่วนคนถูกรุกจากแรกๆ ที่แข็งทื่อก็ค่อยๆอ่อนระทวยเหมือนมีเจ้าชายมาแก้คำสาป รสชาติความหวานที่เขามอบให้ทำเธอเคลิ้มตามง่ายๆ เหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง “อื้มมม…”ปึ้ง! วิเวียนที่นั่งเหม่ออยู่ในภวังค์ความเศร้าถึงกับสดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆซาร่าก็ทุบโต๊ะด้วยแรงโมโหจนเกิดเสียงดังปั้ง หลังจากที่เธอเล่าทุกอย่างให้ลูกน้องสาวฟัง “อะไรกันคะ! จะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ไอ้คุณชายนั่น!” ไม่ยักรู้ว่าคนที่จะโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟแทนที่จะเป็นตัวเธอเองแต่ตอนนี้กลับเป็นซาร่าสะงั้น “ใจเย็นๆซาร่า” “จะให้ใจเย็นได้ยังไงกันคะ พี่วิรู้มั้ยคะว่าตอนนี้ซาร่าอยากทำอะไรมากที่สุด ซาร่าอยากบุกบ้านไอ้คุณชายนั่นแล้วซัดหมัดนี่เข้าเบ้าหน้าหล่อๆที่มาหลอกคนอื่นเข้าให้จนเละเลยค่ะ!” วิเวียนถึงกับยิ้มแห้งกับอารมณ์โทสะของสาวน้อยที่เธอเอ็นดูเหมือนน้องสาวมาตลอด เพิ่งจะเคยเห็นหญิงสาวตัวเล็กๆอารมณ์พรุ่งพร่านแทนเธอได้ขนาดนี้ “พี่วิไม่ต้องห่วงนะคะ พรุ่งนี้ซาร่าจะจัดการทุกอย่างให้พี่เองค่ะ” “หื้ม?” คิ้วบางขมวดอย่างไม่เข้าใจ ดูจากสีหน้าที่มุ่งมั่นของซาร่าแล้วบ่งบอกว่าเธอไม่ได้พูดเล่นๆ ยัยเด็กคนนี้คิดจะทำอะไรกัน แล้วก็เป็นแบบที่เธอพูด เมื่อซาร่ามากดกริ่งหน้าบ้านเธอแต่เช้าตอนตีสี่ วิเวียนที่เพิ่งจะผลอยหลับไปจากการนั่งคิดมากได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเดินงัวเงียมาเปิดประตู “มาค่ะพี่วิ
ถ้อยเสียงเบาแผ่วเอ่ยขึ้นดั่งน้อยใจ เรียกรอยยิ้มซุกซนจากอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างได้ใจ ดูเหมือนว่าแผนชั่วที่เพื่อนเขากล่าวจะได้ผลดีเลยล่ะ “คิดถึงผมหรอครับ” คนโตกว่ายกยิ้มเจ้าเล่ห์โน้มหน้าเข้ามาพูดไกล้อีกคนจนลมหายใจอุ่นรดเข้าสัมผัสผิวเนียน นำพาเสียงหัวใจดวงน้อยลุกขึ้นเต้นแข่งกันตุบตับ “ผมมีงานใหญ่ที่ต้องจัดการน่ะครับ พอรีบเคลียร์เสร็จผมก็รีบมาหาคุณนี่แหละอย่าน้อยใจสิครับ หื้ม” ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมอีกคนทัดหูไปด้วยอย่างอ่อนโยน ทำหัวใจดวงน้อยวูบไหวรีบหลบสายตาที่มองมา “ว…วิไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อยค่ะ” “งั้นก็โอเคครับ เรามานั่งคุยกันดีกว่า ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยนิดหน่อย” ดวงตาวูบไหวเงยมองเจ้าของคำพูด เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงถ้อยเสียงของเขาที่รู้สึกว่าเปลี่ยนไป หรือว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรรึเปล่า “เรื่องอะไรคะ..” “คือว่า… ผมอยากให้คุณไปจัดสถานที่ให้น่ะครับ สถานที่ขอแต่งงาน…” ดวงตาคนฟังเบิ่กกว้างเหมือนตกอยู่ในภวังค์คำพูดของเซบาสเตียน เขาหมายความยังไงถึงคำว่าสถานที่ขอแต่งงาน คำถามมากมายตีกันในหัวเต็มไปหมด ใครกันที่จะแต่งงานหรือว่าเป็นเขา แล้วถ้าหากเป็นเขาล่ะ ทุกอย่
ผ่านไปสามวัน… “พี่วิ” ซาร่าเมื่อเห็นเจ้านายสาวเอาแต่นั่งเหม่อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ทนดูไม่ได้จึงมานั่งข้างๆ “มีอะไรรึเปล่าซาร่า” “พี่วิโอเคมั้ยคะ หลายวันมานี้ซาร่าเห็นพี่เหม่อเหมือนมีอะไรในใจอยู่ตลอดเลย” “ไม่มีอะไรหรอก…” วิเวียนก้มหน้า ปากบอกไม่มีอะไร แต่สีหน้าเธอมันบ่งบอกชัด ความจริงซาร่าไม่ต้องถามก็รู้ เพียงแต่ไม่อยากให้เธอต้องเอาแต่นั่งหมกมุ่น “เฮ้อ… พี่รอคุณชายนั่นอยู่ใช่มั้ยคะ” วิเวียนเงียบไม่มีคำตอบ แสดงว่าเรื่องจริงน่ะสิ ไม่รู้ว่าไอ้คุณชายนั่นคิดอะไร มาตามติดพี่สาวเธอเหมือนจริงจัง แต่อยู่ๆ กลับมาเล่นหายหัวไปปล่อยให้วิเวียนต้องมานั่งกลุ้ม “ไอ้คุณชายบ้านั่น อย่าให้เห็นโผล่มานะ เดี๋ยวซาร่าจะซัดเข้าให้ มาทำให้คนอื่นมีใจแล้วหายหัวไปไหนไม่รู้” ซาร่าบ่นอุบ มันน่าโมโหจริงๆเลยมั้ยล่ะ “เอาน่าซาร่า เค้าคงจะยุ่งกับงาน” “แต่ก็ควรจะบอกกันสักคำสองคำมั้ยล่ะคะ” ทันทีที่ซาร่าสวนไปแบบนั้น แววตาคู่สวยก็สั่นไหวขึ้นมาทันที ลูกน้องสาวพูดมีเหตุผลพอสมควร สีหน้าวิตกของเธอทำเอาซาร่าแทบกลืนนํ้าลายลงคอด้วยความรู้สึกผิด เธอปากมากจนลืมคำนึงถึงความรู้สึกวิเวียนเลย อยากจะตบผีใน
“ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ คุณลุงสนใจดื่มชาก่อนมั้ยคะ” วิเวียนรีบยิ้มหวานชวนเบรย์เดนนั่งเป็นการไถ่โทษที่ต้องให้เขารอนาน ส่วนชายวัยกลางเมื่อสายตาสบอยู่บนใบหน้าสวยก็เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เธอสวยและเรียบง่ายจนสบายตาไม่พอแถมยังเพิ่มความสบายใจให้คนมองเข้าไปทวีคุณ ไม่แปลกใจหากลูกชายจะประทับใจในตัวแม่หนูคนนี้นักหนา “เอาสิ” เบรย์เดนไม่ตราหนักใจที่จะยิ้มตอบพร้อมนั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนตามคำชวนของวิเวียน เขารู้สึกถูกชะตากับแม่หนูคนนี้เสียเหลือเกิน แม้กระทั่งท่าทางการรินชาของเธอยังดูเรียบร้อยสบายตาจนเขาประทับใจไม่น้อย “คุณลุงลองชิมดูนะคะ ชานี่เป็นชนิดพิเศษที่ทางร้านคิดค้นทำขึ้นมาเองค่ะ” “งั้นหรอ…” ชายวัยกลางเกิดนึกสงสัย ยกแก้วชาขึ้นจิบก็ต้องขมวดคิ้มเข้มเข้าหากัน เมื่อเพียงมันแตะถึงลิ้นเขาก็รับรู้ได้ถึงชนิดของชาทันที “ชาดอกไม้?” “ใช่ค่ะ คุณลุงเคยดื่มหรอคะ” “ภรรยาลุงชอบทำให้ดื่มอยู่บ่อยๆน่ะ” แววตาเขาดูมีความหมายเมื่อกล่าวถึงภรรยา แต่ก็แอบมีความเศร้าหมองแฝงอยู่ในนั้น จนวิเวียนที่จับสังเกตได้อดไม่ไหวที่จะพลั้งปากถามออกไป “คุณลุงคงจะรักเธอมากเลยสินะคะ..” “รักสิ รักมากเลยล่
“ร้านนี้หรอ” เสียงทุ้มจากชายวัยกลางถามขึ้น ในขณะที่สายตาทอดมองไปยันร้านดอกไม้ที่ถูกตกแต่งประดับประดาสวยงามตรงหน้า เห็นลูกน้องมันมาฟ้องนักหนาว่าเจ้าลูกชายมันหลงเจ้าของร้านดอกไม้นี้หัวปักหัวปำ ก็เกิดนึกอยากจะมาดูให้เห็นกับตาสักหน่อย “ใช่ครับท่าน” “อืม…” เบรย์เดนพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปเยือนในร้าน ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือความคุ้นเคยที่ห่างหายมานานหลายปี… “ยินดีต้อนรับค่ะคุณผู้ชาย” ในขณะที่สายตาคมกำลังทอดมองรอบๆ ก็เกิดเสียงหวานจากสาวน้อยแทรกขึ้นมาต้อนรับ “เชิญเดินดูได้ตามสบายเลยนะคะ” ซาร่าพูดซํ้าพร้อมยิ้มแย้มเป็นมิตร “ได้ข่าวว่าเจ้าของร้านนี้ฝีมือการจัดดอกไม้ดีมากและแตกต่างไปจากใครๆ” “จริงแท้แน่นอนค่ะคุณผู้ชาย อยากได้แบบไหนสามารถบอกได้เลยนะคะ ทางเราทำได้ทุกแบบทุกชนิดค่ะ” “อืม… จะเป็นการรบกวนมั้ยครับ ถ้าผมอยากคุยกับเจ้าของร้านหน่อย” “ไม่มีปัญหาค่ะ คุณลูกค้าเชิญนั่งรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวซาร่าไปตามให้ค่ะ” ดวงตาคู่คมหันกลับไปกวาดมองรอบๆ บรรยากาศที่คุ้นเคยนี้นำพาเขาย้อนคิดกลับไปถึงวันวานเก่าๆ ในวันที่แสงแดดอ่อนๆจากท้องฟ้าสาดส่องลงมาแตะยันพื้นหญ้าเข
รอยถึงกับอ้าปากเหวอ พอเวลาธรรมดาก็เอาแต่ร้องเรียกหาแต่ว่าที่เมีย แต่พอมาเวลาแบบนี้ สันดานนักล่าผู้หญิงที่ติดตัวมาแต่เกิดก็ไม่เคยจางหายเลยจริงๆ ดูจากสายตาที่กำลังล่อเหยื่อให้ติดกับนั่นสิ แหม เดี๋ยวจะฟ้องคุณคนสวยซะเข้าให้! “หืม ให้ผมหรอครับ” คิ้วเข้มขมวดขึ้นข้างนึงเบาๆ เชิงมองหญิงตรงหน้าที่กำลังยื่นแก้วไวน์แดงให้กับเขา “รอบๆนี้คงไม่มีใครหล่อเท่าคุณแล้วแหละค่ะ” ก็แหงสิ เขามันเทพบุรุษ เซบาสเตียนเหยียดยิ้มซุกซนพร้อมยื่นมือไปรับแก้วไวน์โดยไม่ปฏิเสธ ก็ไม่ต่างจากการบ่งบอกว่าเขายอมรับข้อเสนอของผู้หญิงตรงหน้า “เห็นว่าคุณทำหน้าเครียดๆ … ก็เลยอยากจะมาเสนอเป็นที่ระบายให้สักหน่อยน่ะค่ะ” ไม่เพียงแต่พูดเปล่า หญิงสาวรีบเซร่างตัวเองเข้าไกล้เขาพรางทาบฝ่ามือบางลงบนอกแกร่งแล้วลูบไล้ไปมา ส่งสายตาอ่อยสุดฤกษ์ วันนี้ไม่ได้ผู้ชายคนนี้ไปอยู่บนเตียงก็ให้มันรู้ไป “ที่ระบาย… หึ น่าสนใจนะครับ” “ฉันไม้พายนะคะ บอกไว้เผื่อคุณติดใจอยากจะรู้จักขึ้นมา” “ไม้พาย… ชักอยากรู้แล้วสิครับ ว่าไม้พายนี้จะพาผมไปถึงฝั่งได้รึเปล่า” “ไม่ลองจะรู้ได้ยังไงกันล่ะคะ” “ผมกะว่าจะรีบกลับห้องไปนอนพัก แต่ดูเหมือนม