โรงแรมหรูใจกลางกรุง
บรรยากาศชื่นมื่นเต็มไปด้วยความอบอุ่น เพราะวันนี้ได้ถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่จัดงานมงคลสมรส เมื่อนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ยกขบวนขันหมากไปสู่ขอลูกสาวเจ้าสัวตระกูลน้ำเมา ที่มียอดขายอันดับหนึ่งของเมืองไทย แต่ใครจะรู้ว่าในบรรยากาศที่แสนอบอุ่นนี้ ภายในห้องที่กำลังจัดเลี้ยงกลับร้อนเป็นไฟ เมื่อสาวสวยนางหนึ่ง กำลังทวงเจ้าบ่าวที่เป็นแฟนของตัวเองคืน เพราะรู้ว่างานนี้เจ้าบ่าวไม่เต็มใจแต่งงานเลยสักนิด
เมริสา กรวีกิจจานนท์ ยืนตัวสั่นอยู่ในห้องทำพิธี เมื่อว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งเป็นแฟนของตัวเองพูดประโยคนี้ออกมา“หยุดเถอะเม ไม่มีใครบังคับผมทั้งนั้น ผมเต็มใจแต่งงาน ผมรักเกษ” คำตอบของชายหนุ่มทำให้เมริสาตัวชา มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อวันก่อนเขายังบอกว่ารักเธออยู่เลย
“ไม่ต้องกลัวนะคะลพ พูดความจริงมาเถอะ ฉันรู้ว่าคุณรักฉัน ที่คุณแต่งงานก็เพราะถูกคุณพ่อบังคับใช่ไหมคะ” เมริสายังคงมั่นใจว่าสาเหตุที่คนรักต้องแต่งงาน เป็นเพราะความต้องการของผู้ใหญ่ ที่อยากรวบสองนามสกุลเอาไว้ด้วยกัน ครอบครัวของเธอก็ขึ้นชื่อเรื่องความร่ำรวย แต่มันติดตรงที่ไม่สามารถเป็นบันไดให้กับครอบครัวคนรักได้ เพราะพ่อของเธอไม่ชอบอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับการทุจริต เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มันเป็นความผิดของเธอเอง ที่ไม่สามารถพูดให้ครอบครัวยอมรับแฟนหนุ่มได้
“ลพคะคุณไม่ต้องกลัวนะคะ พูดความจริงมาเถอะค่ะ ฉันรักคุณนะคะ” เมริสายังไม่ยอมแพ้ ในห้องนี้มีผู้ใหญ่อยู่มากมาย ที่พัลลพทำแบบนี้ก็เพื่อรักษาหน้าตาของพวกท่านเอาไว้
“ลพคุณช่วยพูดให้อดีตคนรักของคุณตาสว่างทีเถอะค่ะ เกษว่าเราเสียเวลากับเรื่องนี้นานเกินไปแล้วนะคะ” เกษรินทร์หันมาบอกกับสามี เมื่อรู้สึกสมเพชกับการกระทำของเมริสาเต็มทน พัลลพมองหน้าคนรักก่อนจะถอนหายใจออกมา เมื่อเมริสายังไม่ยอมเข้าใจ
“กลับไปเถอะเม ผมรักเกษ” คำพูดของคนรักทำให้เมริสาหน้าชา
“ที่นี้จะออกไปจากงานแต่งของฉันได้หรือยัง คุณหนูเมริสาคนเก่ง ออกไปจากทีนี่ก่อนที่ฉันจะเรียก รปภ. มาลากเธอออกไป” เกษรินทร์แผดเสียงไล่หญิงสาว เมื่อแขกเริ่มทยอยเข้ามาในงาน พัลลพกับเมริสาเคยคบกันก็จริง แต่วันนี้เขาเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ เมริสาก็ต้องหยุด
“กลับไปเถอะเมริสาผมขอร้อง” คำพูดของคนรักทำให้คนที่ยืนงงในตอนแรก เจ็บปวดเมื่อเขาใช้คำพูดที่ห่างเหินกับเธอ
“ไหนคุณบอกว่ารักฉันไงคะ ที่แต่งงานก็เพราะถูกบังคับ” เมริสายังคงไม่ยอมแพ้ ตากลมโตมองหน้าคนรัก เพื่อจะดูให้แน่ใจว่าเขายังเป็นคนเดิมกับคนที่บอกรักเธอหรือไม่
“เลิกโง่ได้แล้วเมริสา ไม่มีใครเขาอยากอยู่กับภูเขาน้ำแข็งอย่างเธอหรอก ออกไปได้แล้ว”เกษรินทร์ว่าให้เมื่อเมริสาพูดไม่รู้เรื่อง
“ขอโทษนะเม ผมเสียใจ” พัลลพตัดบท ก่อนจะหันหลังแล้วจูงมือเจ้าสาวเดินจากไป สายตาของคนที่อยู่ในงานจับจ้องมาที่เธอ กล้องจากนักข่าวทุกสำนักถ่ายรูปเธอรัวๆ ไมค์ถูกยื่นมาพร้อมกับคำถาม และแสงแฟลช เมื่อช่างภาพพากันเก็บภาพเธอ ครอบครัวของเมริสามีชื่อเสียงระดับหนึ่ง หลังจากนี้คงมีข่าวกระจายไปทั่วประเทศ เพราะบางช่องก็ไลฟ์สดบรรยากาศภายในงานไปด้วย จังหวะที่คนกำลังชุลมุนอยู่กับการเก็บภาพของหญิงสาว ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาตรงจุดที่เธอยืนอยู่ สูทหรูถูกคลุมลงที่ไหล่มน แขนแกร่งสอดเข้าเอวบาง แล้วพาเธอก้าวฝ่าวงล้อมแขกในงานและนักข่าวออกไป เมริสาไม่รู้ตัวเลยว่าใครพาเธอออกมาจากงาน เห็นเพียงไรคางเขียวครึ้มเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเขา
ร่างบางถูกคนตัวใหญ่พามายังลิฟต์ ก่อนจะกดขึ้นไปยังชั้นบนสุด ที่เป็นห้องพักสุดหรูของผู้บริหาร
เกื้อ เจริญวรกุล หันมามองหญิงสาวที่เขาหิ้วติดมือมาเพียงนิด ก่อนจะมองไปยังตัวเลขไฟที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนลิฟต์มาหยุดที่ชั้นบนสุดติ๊ง!
เสียงของลิฟต์ปลุกเมริสาให้ตื่นจากภวังค์ ร่างบางขยับถอยหลัง เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้วยในลิฟต์เป็นใคร
สามปีต่อมา "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงแสนสวยองค์หนึ่ง อาศัยอยู่ในปราสาทที่สวยงาม..." "คูมพ่อเล่าเรื่องเดิมอีกแล้วค่ะ"คำพูดที่เหลือค้างไว้แค่ริมฝีปาก เมื่อคนตัวเล็กที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มลายการ์ตูนน่ารักขัดขึ้น ตาคมเข้มกะพริบถี่ๆ เมื่อถูกลูกทักท้วง นี่เขาเล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟังบ่อยจนเจ้าตัวเล็กจำได้เลยเหรอ จะฉลาดเกินไปแล้ว เพิ่งจะสามขวบเอง เกื้อนึกอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปทางว่าที่คุณแม่ลูกสามที่ยืนท้องโย้อยู่ข้างเตียง เพื่อขอความช่วยเหลือ เมริสาส่ายหน้าเป็นคำตอบ เพราะไม่อยากเข้ามายุ่ง สามีเธอเก่งทุกเรื่องอยู่แล้ว เล่านิทานก่อนนอนให้ลูกฟังแค่นี้สบายมาก เกื้อย่นคิ้วให้ภรรยาเป็นการตัดพ้อ เมื่อเธอไม่ช่วยเขา คืนนี้เขาอาสาพาน้องแก้มเข้านอน และเล่านิทานให้ลูกฟัง แต่ในหัวของเขาก็มีนิทานเรื่องเจ้าหญิงเมริสาแสนสวยอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้น แต่ดูเอาเถอะแทนที่เจ้าหญิงจะมาช่วยเขาแก้สถานการณ์ กลับเดินหนีไปหน้าตาเฉย ไม่สนใจเขาเลยสักนิด งั้นคืนนี้เขาจะเล่าเรื่องแม่มดเมริสาใจร้ายให้ลูกฟังแทนก็แล้วกัน เพราะคนที่เขาเรียกว่าเจ้าหญิง อยากใจดำกับเขาก่อน "งั้นพ่อเล่าเรื่
"พี่ดีใจที่สุดเลยครับ"เกื้อดีใจจนออกนอกหน้า ในขณะที่เมริสาได้แต่ยิ้มหวานด้วยความงุนงง ท้องสามเดือนกว่าแล้ว ทำไมเธอไม่รู้ตัวเลย ที่เป็นแบบนี้เพราะเธอมีความสุขทุกวัน จึงไม่ได้สังเกตแม้กระทั่งว่าประจำเดือนขาดมาหลายเดือนแล้ว ยิ้มให้กับความสะเพร่าของตัวเอง โชคดีเหลือเกินที่พักนี้เธอไม่ได้ออกกำลังกายหนักแบบที่เคยทำ "เมก็ดีใจค่ะ" "พี่ก่อดีใจไหมครับ พี่ก่อจะมีน้องแล้วนะครับ"บอกกับลูกชายที่นั่งกินขนมบนตักแม่อย่างอารมณ์ดี ก่อเกียรติหันมายิ้มให้คนเป็นพ่อ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินขนมต่อ "เรียกน้องสิครับ พี่ก่อเรียกน้องให้พ่อฟังหน่อยครับ" "น้อนน"เด็กชายก่อเกียรติพูดคำว่าน้อนออกมา เรียกเสียงหัวเราะและความสุขให้กับพ่อและแม่ชุดใหญ่ ก่อเกียรติอายุขวบกว่าๆ เพิ่งจะหัดพูดได้เป็นคำๆ แต่วันนี้ลูกพูดคำว่าน้องได้ แม้จะไม่ชัดก็ตาม "พี่ก่อต้องเป็นพี่ที่ดีของน้องนะคะ รักน้องและเสียสละให้น้อง"เมริสาบอกกับลูกน้อย "น้อน รัก น้อน" "ฮ่าๆๆ"เกื้อหัวเราะออกมาดังลั่น เมื่อลูกพูดออกมาเป็นประโยค "พูดใหญ่เลยค่ะพี่เกื้อ"เมริสาก็ดีใ
"สุขสันต์วันเกิดนะครับคนเก่ง"จมูกโด่งเป็นสันฝังลงที่แก้มเนียนใสของลูก หัวใจของพัลลภเต้นคร่อมจังหวะเมื่อได้สัมผัสกับลูก สองปีแล้วที่เขารู้มาตลอดว่ามีลูก แต่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาใกล้ชิด เกษรินทร์ใจแข็งเหลือเกิน ตั้งแต่วันที่หย่าขาดจากกัน เธอไม่ยอมพบเขาอีกเลย เกื้ออุ้มลูกแล้วเดินไปหาเมริสา ที่ยืนมองอยู่เช่นกัน "ผมมาหาลูกครับ"พัลลภบอกเมื่อเกษรินทร์เดินมาหยุดตรงหน้าเขา "ขอบคุณมากนะคะ"เอ่ยขอบคุณเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขา ได้มากไปกว่าคำนี้ "สุขสันต์วันเกิดนะครับ"อวยพรวันเกิดลูกอีกครั้งก่อนจะหอมคนตัวเล็กอีกฟอดใหญ่ เมื่อคิดว่าหมดหน้าที่ของเขาแล้ว จังหวะที่จะส่งลูกให้เกษรินทร์ แก้วตาก็กอดคอเขาเอาไว้ "ทานเค้กไหมคะ เค้กอาหย่อย"เด็กหญิงบอกกับเขา พร้อมกับยิ้มอวดฟันกระต่ายน่ารัก "ไว้โอกาสหน้านะครับ"พัลลภบอก ก่อนจะส่งลูกคืนให้เกษรินทร์ เขาพลาดเองที่รักษาครอบครัวเอาไว้ไม่ได้ จึงทำให้ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานมาจนทุกวันนี้ "อยู่ทานเค้กด้วยกันก่อนไหมคะ"เกษรินทร์บอกกับอดีตสามี ยังไม่รับลูกคืนจากเขา ตากลมโตหันมามองหน้าพี่ชาย เมื่อเห็นพ
เกษรินทร์มองขนมเค้กก้อนใหญ่ ที่เด็กรับใช้บรรจงจัดใส่จานอย่างมีความสุข วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบสองขวบของลูกสาวตัวน้อยของเธอ ตั้งแต่หย่ากับพัลลภในวันนั้นเธอก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับครอบครัว และเพิ่งจะกลับมาเมืองไทยได้ไม่นาน ถึงแม้จะไม่มีพ่อ แต่ลูกของเธอก็มีความสุขที่สุด นอกจากเธอจะเป็นทั้งแม่และพ่อให้เขาแล้ว ตายายและลุงกับป้าก็รักเธอสุดหัวใจ เด็กหญิงแก้วตา ได้รับความรักความอบอุ่นจากคนรอบข้าง และโตขึ้นมาเป็นเด็กที่สดใสร่าเริง เหมือนกับเด็กทั่วๆไป หลายครั้งที่พัลลภติดต่อมาเพื่อขอคืนดี แต่เธอก็ไม่ใจอ่อนให้เขา ความเจ็บปวดในครั้งนั้น หล่อหลอมให้เธอเข้มแข็งขึ้น เขาไม่เคยรักเธอและไม่เคยต้องการลูก เหตุผลข้อนี้ทำให้เธอตัดใจจากเขาได้เร็วขึ้น เพราะลูกคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเธอ "มาแล้วครับ น้องก่อมาหาพี่แก้วตาแล้วครับ"เสียงของพี่ชายที่ดังมาจากหน้าบ้าน ปลุกหญิงสาวให้ออกจากภวังค์ความคิด คุณแม่ยังสาวยิ้มให้ตัวเอง ก่อนจะเดินออกมาหน้าบ้าน เกื้อและครอบครัวคงมากันแล้ว "สุขสันต์วันเกิดค่ะคนเก่งของป้า"เมริสาส่งของขวัญกล่องใหญ่ให้เด็กหญิง ก่อนจะหอมลงที่แก้มใสฟอดใหญ่ เมื่อสาวน้อยยิ
"ค้างที่โรงแรมไหมครับ"ถามเมื่อรู้สึกสงสารที่ทำให้เธอหมดแรง จนแทบจะเดินไม่ไหว "ไม่ค่ะเมเป็นห่วงลูก"แม้จะรู้ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ป่านนี้พ่อกับแม่คงพาลูกเข้านอนแล้ว แต่ก็อดคิดถึงไม่ได้ วันนี้เธอเกเรเพราะถูกพ่อของลูกหลอกลวงออกมานอกบ้าน "ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ป่านนี้คงหลับปุ๋ยไปแล้ว" "เพราะพี่เกื้อนั่นแหละที่มัวแต่ชักช้า เมเลยกลับไปให้นมลูกไม่ทันเลย" "ไม่ต้องห่วงครับ พี่จัดการเมื้อเย็นของลูกให้แล้ว เมจะได้ไม่ปวดไงครับ" "บ้า..." "ลงไปพักข้างล่างก่อนนะ หายเหนื่อยค่อยกลับบ้าน"พูดจบเกื้อก็ขยับตัวลุกขึ้น ช้อนคนตัวเล็กเข้าสู่วงแขน ก่อนจะพาเดินเข้าลิฟต์ไป ในสภาพที่เปล่าเปลือยด้วยกันทั้งคู่ บนนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา ไม่มีใครขึ้นมาถ้าเขาไม่อนุญาต เกษรินทร์เป็นน้องสาวแท้ๆยังไม่เคยขึ้นมาบนนี้สักครั้ง ร่างสูงว่างภรรยาลงบนเตียง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ กลับออกมาในสภาพที่ดีกว่าตอนเข้าไป เพราะมีผ้าขนหนูพันเอวสอบออกมาด้วย มีกะละมังน้ำใบเขื่องติดมือออกมาด้วย เมริสาปรือตาขึ้นมอง เมื่อผ้าขนหนูผืนนุ่มถูไปมากับผิวเนื้อของ
เกื้อมองคนที่ยกสะโพกขึ้นจากพื้นอย่างนึกเอ็นดู เธอคงเสียวมากที่ถูกจู่โจมอย่างหนัก มือเล็กที่สอดเข้ามาในเส้นผมของเขาจิกเกร็ง ก่อนจะกดศีรษะของเขาเอาไว้ เมื่อซ่านเสียวจนสุดจะทน "อ๊ายยย! พี่เกื้อเมจะเสร็จแล้วค่ะ"ร้องบอกอย่างลืมอาย เมื่อลิ้นร้ายตวัดรัวเร็ว ก่อนจะห่อเกร็งแล้วสอดแทรกเข้าไปในช่องทางรักที่คับแน่น ชักเข้าชักออกเป็นจังหวะ แล้วขยี้ลงบนติ่งเสียวรัวๆ นิ้วร้ายทำงานสอดประสาน เมื่อเกื้อดันมันเข้าไปในร่องรัก ขยับเข้าออกรัวเร็ว ก่อนจะเพิ่มจำนวนนิ้วจากหนึ่งเป็นสอง น้ำหวานสีใสหลั่งออกมาจนชุ่มมือ เมื่อเขาส่งเธอไปจนสุดทาง ด้วยปากและลิ้นของเขา ร่างสูงขยับลุกขึ้นยืน เพื่อจัดการกับเสื้อผ้าตัวเอง คนที่ทำท่าเหมือนจะหมดแรงขยับตัวลุกขึ้น ตากลมโตมองเขาด้วยสายตายั่วยวน ร่างบางขยับเปลี่ยนเป็นท่าคลานเข่า ตาคู่สวยจับจ้องอยู่ที่เป้ากางเกงคับตึงของเขา เกื้อกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อนางยั่วที่คลานเข่าอยู่บนโต๊ะ กระดิกนิ้วชี้เรียกให้เขาเข้าไปหา เมริสากัดปากพยายามข่มกลั้นความอายเอาไว้ เมื่อเลียนแบบท่าทางของนางเอกหนังเอวี ที่เคยดูตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานกับเขา มาถึงขนาดนี้ก็คงไม่ต้องอายกันอีกแล้ว เ