เมื่อแฟนหนุ่มที่คบกันมานาน หนีไปแต่งงานกับผู้หญิงที่คบซ้อน เพราะความเมาเมริสาจึงอยากมี One night stand กับใครสักคน “จูบฉันสิคะ คุณจะได้รู้ว่าฉันไม่ใช่ภูเขาน้ำแข็ง ฉันก็มีหัวใจ” พูดจบร่างบางก็เขย่งปลายเท้าขึ้น พยายามประกบริมฝีปากลงบนปากหนา เกื้อเบี่ยงหลบพร้อมกับดันเธอออกห่าง เมื่อเริ่มคุมตัวเองไม่อยู่เช่นกัน เขาก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อ สาวสวยมาอ่อยตรงหน้ามีหรือที่เขาจะไม่มีอารมณ์ “จูบสิคะจูบฉัน” ปากบางเผยออย่างรอคอย เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าจูบมันเป็นยังไง ยิ่งเป็นจูบที่ได้จากคนแปลกหน้ายิ่งทำให้เธอรู้สึกดี เพราะตอนนี้เมริสาอยากประชด เมื่อคนทั้งโลกรวมหัวกันรังแกเธอ “อย่าเม คุณไม่อยากทำแบบนี้หรอก” เกื้อเตือนสติแต่เหมือนว่าคนเมาจะไม่ยอมรับฟังอะไร ร่างบางดันเขาไปจนติดบาร์เครื่องดื่ม เขย่งปลายเท้าขึ้น เมื่อต้องการจูบกับเขา เกื้อมองริมฝีปากอิ่มตรงหน้า ก่อนจะกระแทกริมฝีปากลงมาอย่างแรง เมื่อเธออยากรู้เขาก็จะสอนให้ แต่จูบที่เธอจะได้รับมันจะไม่อ่อนหวาน แบบที่เขาเคยมอบให้คนอื่น เธอจะได้หลาบจำ วันหลังจะได้ไม่ไปร้องขอให้ใครมาจูบแบบนี้อีก
View Moreโรงแรมหรูใจกลางกรุง
บรรยากาศชื่นมื่นเต็มไปด้วยความอบอุ่น เพราะวันนี้ได้ถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่จัดงานมงคลสมรส เมื่อนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ยกขบวนขันหมากไปสู่ขอลูกสาวเจ้าสัวตระกูลน้ำเมา ที่มียอดขายอันดับหนึ่งของเมืองไทย แต่ใครจะรู้ว่าในบรรยากาศที่แสนอบอุ่นนี้ ภายในห้องที่กำลังจัดเลี้ยงกลับร้อนเป็นไฟ เมื่อสาวสวยนางหนึ่ง กำลังทวงเจ้าบ่าวที่เป็นแฟนของตัวเองคืน เพราะรู้ว่างานนี้เจ้าบ่าวไม่เต็มใจแต่งงานเลยสักนิด
เมริสา กรวีกิจจานนท์ ยืนตัวสั่นอยู่ในห้องทำพิธี เมื่อว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งเป็นแฟนของตัวเองพูดประโยคนี้ออกมา“หยุดเถอะเม ไม่มีใครบังคับผมทั้งนั้น ผมเต็มใจแต่งงาน ผมรักเกษ” คำตอบของชายหนุ่มทำให้เมริสาตัวชา มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อวันก่อนเขายังบอกว่ารักเธออยู่เลย
“ไม่ต้องกลัวนะคะลพ พูดความจริงมาเถอะ ฉันรู้ว่าคุณรักฉัน ที่คุณแต่งงานก็เพราะถูกคุณพ่อบังคับใช่ไหมคะ” เมริสายังคงมั่นใจว่าสาเหตุที่คนรักต้องแต่งงาน เป็นเพราะความต้องการของผู้ใหญ่ ที่อยากรวบสองนามสกุลเอาไว้ด้วยกัน ครอบครัวของเธอก็ขึ้นชื่อเรื่องความร่ำรวย แต่มันติดตรงที่ไม่สามารถเป็นบันไดให้กับครอบครัวคนรักได้ เพราะพ่อของเธอไม่ชอบอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับการทุจริต เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มันเป็นความผิดของเธอเอง ที่ไม่สามารถพูดให้ครอบครัวยอมรับแฟนหนุ่มได้
“ลพคะคุณไม่ต้องกลัวนะคะ พูดความจริงมาเถอะค่ะ ฉันรักคุณนะคะ” เมริสายังไม่ยอมแพ้ ในห้องนี้มีผู้ใหญ่อยู่มากมาย ที่พัลลพทำแบบนี้ก็เพื่อรักษาหน้าตาของพวกท่านเอาไว้
“ลพคุณช่วยพูดให้อดีตคนรักของคุณตาสว่างทีเถอะค่ะ เกษว่าเราเสียเวลากับเรื่องนี้นานเกินไปแล้วนะคะ” เกษรินทร์หันมาบอกกับสามี เมื่อรู้สึกสมเพชกับการกระทำของเมริสาเต็มทน พัลลพมองหน้าคนรักก่อนจะถอนหายใจออกมา เมื่อเมริสายังไม่ยอมเข้าใจ
“กลับไปเถอะเม ผมรักเกษ” คำพูดของคนรักทำให้เมริสาหน้าชา
“ที่นี้จะออกไปจากงานแต่งของฉันได้หรือยัง คุณหนูเมริสาคนเก่ง ออกไปจากทีนี่ก่อนที่ฉันจะเรียก รปภ. มาลากเธอออกไป” เกษรินทร์แผดเสียงไล่หญิงสาว เมื่อแขกเริ่มทยอยเข้ามาในงาน พัลลพกับเมริสาเคยคบกันก็จริง แต่วันนี้เขาเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ เมริสาก็ต้องหยุด
“กลับไปเถอะเมริสาผมขอร้อง” คำพูดของคนรักทำให้คนที่ยืนงงในตอนแรก เจ็บปวดเมื่อเขาใช้คำพูดที่ห่างเหินกับเธอ
“ไหนคุณบอกว่ารักฉันไงคะ ที่แต่งงานก็เพราะถูกบังคับ” เมริสายังคงไม่ยอมแพ้ ตากลมโตมองหน้าคนรัก เพื่อจะดูให้แน่ใจว่าเขายังเป็นคนเดิมกับคนที่บอกรักเธอหรือไม่
“เลิกโง่ได้แล้วเมริสา ไม่มีใครเขาอยากอยู่กับภูเขาน้ำแข็งอย่างเธอหรอก ออกไปได้แล้ว”เกษรินทร์ว่าให้เมื่อเมริสาพูดไม่รู้เรื่อง
“ขอโทษนะเม ผมเสียใจ” พัลลพตัดบท ก่อนจะหันหลังแล้วจูงมือเจ้าสาวเดินจากไป สายตาของคนที่อยู่ในงานจับจ้องมาที่เธอ กล้องจากนักข่าวทุกสำนักถ่ายรูปเธอรัวๆ ไมค์ถูกยื่นมาพร้อมกับคำถาม และแสงแฟลช เมื่อช่างภาพพากันเก็บภาพเธอ ครอบครัวของเมริสามีชื่อเสียงระดับหนึ่ง หลังจากนี้คงมีข่าวกระจายไปทั่วประเทศ เพราะบางช่องก็ไลฟ์สดบรรยากาศภายในงานไปด้วย จังหวะที่คนกำลังชุลมุนอยู่กับการเก็บภาพของหญิงสาว ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาตรงจุดที่เธอยืนอยู่ สูทหรูถูกคลุมลงที่ไหล่มน แขนแกร่งสอดเข้าเอวบาง แล้วพาเธอก้าวฝ่าวงล้อมแขกในงานและนักข่าวออกไป เมริสาไม่รู้ตัวเลยว่าใครพาเธอออกมาจากงาน เห็นเพียงไรคางเขียวครึ้มเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเขา
ร่างบางถูกคนตัวใหญ่พามายังลิฟต์ ก่อนจะกดขึ้นไปยังชั้นบนสุด ที่เป็นห้องพักสุดหรูของผู้บริหาร
เกื้อ เจริญวรกุล หันมามองหญิงสาวที่เขาหิ้วติดมือมาเพียงนิด ก่อนจะมองไปยังตัวเลขไฟที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนลิฟต์มาหยุดที่ชั้นบนสุดติ๊ง!
เสียงของลิฟต์ปลุกเมริสาให้ตื่นจากภวังค์ ร่างบางขยับถอยหลัง เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้วยในลิฟต์เป็นใคร
“อื้อ...คุณเกื้อ” มือบางทุบลงบนอกแกร่งรัวๆ เมื่อเกื้อจูบซ้ำๆลงมาอีกครั้ง และครั้งนี้เนิ่นนานจนเธอแทบขาดอากาศหายใจ ตากลมโตหลบตาคมเข้ม เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาที่เธออ่านไม่ออก ตอนนี้เมริสาไม่รู้แล้วว่าเกื้อต้องการอะไรจากเธอกันแน่ เธอกับเขาก็เหมือนคนแปลกหน้า แม้จะมีความสัมพันธ์จนเธอตั้งท้อง แต่ทั้งเขาและเธอก็รู้ดีว่ามันเกิดมาจากอะไร เขาไม่ได้รักเธอและเธอก็ไม่ได้...“คิดอะไรอยู่ครับ” เสียงแหบพร่ากระซิบชิดใบหูบาง เมื่อเห็นเธอเงียบไป “คุณอยากแต่งงานกับฉันจริงๆเหรอคะ” ถามเมื่อยังไม่แน่ใจ เพราะเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นเร็วมาก เขาตามมาลากเธอออกจากคลินิก และขอเธอแต่งงาน เธอตอบตกลงแบบงงๆ ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงรีบตอบขนาดนั้น“อ้าวถามทำไมอีกครับ ก็บอกไปแล้วไง” เกื้องงกับคำถามของหญิงสาว“แค่อยากรู้ค่ะถ้าฉันไม่ท้อง คุณก็คงไม่แต่งด้วย”คำพูดของเธอทำให้ชายหนุ่มเงียบไป “ฉันพูดถูกใช่ไหมคะ”“คือ...เอาอย่างนี้นะเม เรื่องอื่นเราไม่ต้องพูดถึงมันอีกดีไหม ตอนนี้เราตกลงแต่งงานกันแล้ว ก็ควรเป็นไปตามนั้น ไปบ้านคุณกันเถอะ ผมจะได้คุยกับพ่อแม่คุณจะได้รีบทำเรื่องของเราให้มันถูกต้องเร็วๆ” เกื้อตัดบทเมื่อเธอ
“แต่งงานกันนะเม” เกื้อตัดสินใจขอเธอแต่งงานเพราะไม่รู้ว่าจะมีคำพูดไหนเหมาะสมเท่าคำนี้ จะอธิบายอะไรตอนนี้เธอก็คงไม่ฟังเขา เมริสาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำขอแต่งงานของเขาสักนิด นี่คงเป็นความรับผิดชอบในแบบที่ผู้ชายเขาทำกัน เสนองานแต่งให้เพื่อรับผิดชอบอีกชีวิตที่พลาดทำให้เขาเกิดมา “ฉันขอบคุณนะคะที่คุณรับผิดชอบฉันด้วยความเป็นลูกผู้ชาย แต่ฉันไม่รับค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะที่คุณจะพูดกับฉัน เชิญค่ะฉันจะกลับแล้ว”“ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง คุณต้องแต่งงานกับผม”“ฉันไม่แต่ง!”“พูดมาอีกคำจะแต่งหรือไม่แต่ง” เกื้อถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะคำตอบของเธอจะช่วยให้เขาตัดสินใจบางอย่างง่ายขึ้น“ไม่แต่ง!” เมริสาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ดีงั้นก็อยู่กันไปแบบนี้แหละ ไม่แต่งก็ดีเหมือนกันผมก็ไม่อยากประกาศให้ใครรับรู้ว่ามีเมีย” พูดพร้อมกับขับรถออกไปจากลานจอดรถ เมื่อหมดเรื่องจะคุยกับเธอ เมริสาเป็นคนดื้อแต่พ่อแม่เธอเป็นคนมีเหตุผล ถ้าท่านทั้งสองรู้ว่าเขาทำลูกสาวท่านท้องคงจะไม่อยู่เฉย งานนี้ต่อให้เมริสาปฏิเสธขนาดไหน คุณพรเทพกับคุณนวลปรางก็คงไม่ยอม ยังไงก็ต้องให้ท่านทั้งสองรู้เรื่องนี้ เพื่อความปลอดภั
“เมหันมามองหน้าผม” เมื่อเธอไม่พูดเกื้อก็เริ่มโมโห “ต้องการอะไรคะ” ถามเมื่อหันมาเผชิญหน้ากับเขา“ท้องใช่ไหม” เกื้อถามตรงๆเพราะไม่ยากอ้อมค้อม“ใช่!” เมริสาก็ตอบตรงประเด็นเช่นกัน หัวใจแกร่งเต้นคร่อมจังหวะ เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ เธอท้องนั่นเท่ากับว่ามีสายเลือดของเขาอยู่ในท้องแบนๆของเธอ“แต่ฉันไม่ได้ท้องกับคุณ!” เมริสาพูดใส่หน้าเขา“สำส่อนมากสินะถึงได้ไม่รู้ว่าท้องกับใคร!”“คุณเกื้อ!” เมริสาตวาดแหว“ทำไม! บอกว่าท้องกับผมมันจะตายใช่ไหม ถึงต้องพูดให้ตัวเองดูเลวในสายตาคนอื่น ผู้หญิงที่จูบไม่เป็นอย่างคุณจะมีปัญญาไปท้องกับใคร ถ้าไม่ใช่ผู้ชายที่พลาดท่านอนกับท่อนไม้อย่างคุณ” เกื้อสวนกลับเมื่อไม่ชอบใจคำพูดของเธอ“ฉันเกลียดคุณ!”“ผมก็ไม่ได้รักคุณ!” เกื้อสวนทันควันเมื่อเธอบอกว่าเกลียดเขา“ไอ้!...”“อย่านะอย่ามาหยาบคายกับผมนะ” เกื้อชี้หน้าเมื่อเมริสาทำท่าจะด่าเขา“ฉันท้องแต่ไม่ได้ท้องกับคุณ ทีนี้จะไปได้หรือยัง” เมริสาบอกกับเขา ถ้าเกื้อไม่ได้คำตอบที่พอใจคงไม่ยอมจบง่ายๆแน่นอน เกื้อถอนหายใจ เมริสาเป็นคนดื้อรั้นเรื่องนี้เขารู้ดี หลายครั้งที่ดิวงานกันเธอก็อาละวาดใส่คนของเขาจะเปิดเปิง เมื่อไม่พอใจจนต้องเป
“เมริสาผมจะฆ่าคุณ!” คำรามลั่นเมื่อจอดรถไว้ข้างถนน แล้ววิ่งกลับไปที่คลินิกอย่างเร็ว ไม่สนใจแล้วว่าใครจะมายกรถหรือทำอะไรกับรถของเขา เพราะสิ่งที่เขาห่วงมากที่สุดก็คือ คนที่อยู่ในคลินิกนั่น“โธ่โว้ย!” คำรามลั่นเมื่อประตูด้านหน้าล็อกเอาไว้ เมริสาเข้าไปทางไหนกันนะ หลงชื่นชมว่าเธอเป็นคนดี แต่ที่ไหนได้กลับร้ายกาจและเลือดเย็นที่สุด เธอคิดจะฆ่าลูกเขาอย่างนั้นหรือ ร่างสูงวิ่งหาทางเข้าจนในที่สุดก็เจอประตูอีกบาน “มีอะไรให้ช่วยคะคุณ” พนักงานร้องถามเมื่อเห็นเขาวิ่งเข้ามา“ผู้หญิงที่ใส่ชุดสูทสีดำอยู่ไหน!” เกื้อถามหาหญิงสาวเมื่อไม่เห็นเธออยู่ในห้องนี้“เออ...มีอะไรหรือเปล่าคะ”“ผมถามว่าเธออยู่ที่ไหน!”“พบหมออยู่ด้านในค่ะ” เมื่อเห็นเกื้อโวยวายพนักงานก็รีบบอก“ถ้าไม่อยากติดคุกก็ลาออกไปซะ!” ชายหนุ่มขู่ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องที่เธอคนนั้นชี้บอก แล้วผลักประตูเข้าไปอย่างแรง“ว้าย!!!” คนที่อยู่ในห้องต่างก็ตกใจกับการปรากฏตัวของเขา “คุณ!” เมริสาตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นใคร เกื้อยืนอยู่ตรงนั้นและกำลังมองมาที่เธอ และก่อนจะพูดอะไรเมริสาก็ลุกขึ้นจากเตียง ตั้งท่าจะวิ่งหนีเขา“มานี่เลยยายตัวแสบ” เกื้
โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังเมริสานั่งบีบมือตัวเองอยู่หน้าแผนกสูตินารี เมื่อตัดสินใจมาตรวจเพื่อความแน่ใจ ลุ้นกับคำตอบเมื่อคุณหมอสั่งให้ออกมานั่งรอด้านนอก “นั่นมันนางเมริสานี่คะ” เกษรินทร์บอกกับคนที่เดินคู่มากับเธอ เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่หน้าห้องตรวจครรภ์ เกื้อหันไปมองตามที่น้องบอก ตาคมเข้มมองหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าห้อง สลับกับตัวหนังสือที่ระบุเอาไว้ว่าเป็นห้องตรวจการตั้งครรภ์“คงร่านไม่เบานะคะถึงได้มาตรวจ หาพ่อให้เด็กได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ โชคดีนะคะที่ลพเลิกกับมันมาก่อน ไม่งั้นเกษคงระแวงลพไปด้วย” เกษรินทร์ยังพูดไปเรื่อย โดยที่ไม่สังเกตสีหน้าคนที่เดินมาด้วยเลยสักนิด ว่าตอนนี้ยุ่งขนาดไหน “หยุดพูดได้แล้วกำลังท้องอยู่นะเราน่ะ” เกื้อดุเมื่อน้องพูดไม่เข้าหู“รู้ค่ะแต่มันอดไม่ได้นี่คะ อยากให้ลพมาเห็นจังจะได้รู้ว่านังเมมันร้ายขนาดไหน เกษถ่ายรูปมันส่งไลน์ให้ลพดูดีกว่า” พูดพร้อมกับทำท่าจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปตามที่พูดจริงๆ จึงถูกเกื้อดุเพราะมันเป็นการละเมิดสิทธิ์คนอื่น “อยากให้นักข่าวมาเห็นนะคะ จะได้ดังสมใจ สาธุขอให้หาพ่อเด็กได้ด้วยเถอะ เห็นกับเด็กนะคะเกษถึงอวยพรให้มัน”“เงียบปากบ้างก็ได้นะ”“พี่เกื้
สองวันต่อมาเมริสาจัดแถลงข่าวที่บ้าน เพื่อต้องการขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะไม่อยากทำให้พ่อและแม่ไม่สบายใจ งานนี้มีนักข่าวหลายสำนักให้ความสนใจ และมีการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊ค หญิงสาวในชุดกระโปรงเดรสเกาะอกสีฟ้าอ่อนสวยงาม นั่งอยู่ที่โต๊ะแถลงข่าวโดยมีพ่อกับแม่นั่งอยู่ข้างกาย เมริสาขอโทษและอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ทั้งหมดมันมาจากการกระทำที่ขาดสติ กราบขอโทษครอบครัวทั้งสองฝ่ายที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิด “ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเมไม่มีสติค่ะ เมกราบขอโทษผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายด้วยนะคะ ที่ทำให้ท่านไม่สบายใจ และที่สำคัญเมต้องขอโทษคุณเกษรินทร์เป็นอย่างสูง ที่ทำให้ไม่สบายใจ เมยืนยันตรงนี้เลยนะคะว่าเมกับพัลลพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก เขาบอกเลิกเมก่อนที่จะไปคบกับคุณเกษรินทร์แล้ว แต่เมยังทำใจไม่ได้เลยก่อเรื่องขึ้นมา จนทำให้คุณพัลลพกับครอบครัวต้องเสียชื่อเสียง เมกราบขอโทษนะคะ” พูดจบเมริสาก็ประนมมือไหว้อย่างสวยงาม “แล้วหลังจากนี้คุณเมมีโครงการจะทำอะไรต่อครับ” นักข่าวถามขึ้น เมื่อเมริสาอนุญาตให้ถามคำถามได้ เมริสาฉีกยิ้มก่อนจะตอบคำถาม “หลังจากนี้เมคงไปอยู่ต่างประเทศค่ะ อย่างที่ทราบกันว่าบริษัทที่เมด
Comments