ฉันตื่นมาอีกทีบ่ายโมงในสภาพที่ยังไม่ส่างดีด้วยซ้ำ เมื่อขยับตัวแล้วรู้สึกปวดหัวไปหมด นึกแล้วแม่งก็ครางออกมาหงิง ๆ เหมือนหมา
“กูจะไม่แดกเหล้าอีกแล้ว...ไอ้เชี่ยปวดหัว” เสียงที่ทั้งแหบทั้งแห้งบ่นออกมา เพราะสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้แทบอยากตายได้เลย แม้จะปวดหัวบ่อย ๆ ตอนกินเหล้า แต่เหล้าก็คือสิ่งเยียวยาใจหมา ๆ ของฉันเช่นกัน แต่ทว่าไอ้เสียงถัดมานี่สิทำให้ฉันตกใจ
“กูก็เห็นพูดอย่างนี้ทุกที...แล้วก็แดกเหมือนเดิม”
‘ไอ้...ไอ้...ไอ้’ ฉันพูดไม่ออกจากนั้นหันหน้าที่ตื่น ๆ ของตัวเองมองไปทางซ้ายมือแต่แล้วก็เห็นหน้าไอ้คนที่นัวเนียกับน้องแก้มหอมเมื่อคืน แล้วตกใจเหมือนเห็นผี
“เชี่ยผีหลอกกลางวัน” ฉันว่าก่อนจะวาดมือขึ้นไปตบแก้มเสียงดัง
เพียะ!
มือฉันชา ๆ รู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือเรื่องจริง ฉันตบสุดแรงด้วยซ้ำ และแน่นอนตบแก้มไอ้ปั้น
“ไอ้ริน...ไอ้ควย...มึงตบกูทำไม”
“โทษ ๆ นึกว่าฝันไป” ฉันว่าพลางยิ้มแหย ๆ นึกว่าฝันไปจริง ๆ นี่หว่า แล้วมันนอนทำซากอะไรอยู่บนเตียงฉัน แล้วไอ้แฝดนรกล่ะ
“ไม่ตบหน้ามึงล่ะ” มันว่าฉันอย่างหัวเสียเอามือลูบแก้มตัวเองปรอย ๆ ท่าทางโกรธด้วย
“ตบกูก็เจ็บดิ” ฉันว่า
“เลยตบกู...ไม่เจ็บใส่เต็มข้อ?” มันเลิกคิ้วถามอย่างหงุดหงิดแล้วฉันก็พยักหน้า จากนั้นก็ลุกขึ้นจะไปล้างหน้าแปรงฟัน รู้สึกไม่มั่นใจยังไงไม่รู้ที่ต้องมาพูดกับคนที่เราหวั่นไหวตอนตื่นนอน
ฉันยกมือปิดปากแล้วกำลังจะลงจากเตียง แต่ทว่า...
“เดี๋ยว...มึงเป็นอะไร”
“กูจะไปล้างหน้า...ปวดหัวจะไปหายากิน” ฉันอ้าง แต่ที่จริงเวลาตื่นมาแล้วเจอคนที่ชอบนอนอยู่บนเตียงมันก็จะเขิน ๆ หน่อยใช่ไหมล่ะ ฉันก็จะหน้าแดง แล้วหน้าแดงมันก็จะมองฉันไม่ดีอีก เดี๋ยวจะหาว่าฉันคิดอะไรกับมัน แต่ จริง ๆ ก็คิดนั่นแหละ แต่ไม่อยากให้มันรู้
“แล้วทำไมต้องเอามือปิดปาก”
“อื้อ...อย่ายุ่ง”
“นี่มึงเป็นอะไรหลบหน้าหลบตา ไม่สบตากูตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” ไอ้เวรปั้น ให้กูพูดไหมล่ะ กูจะสบตามึงได้ไงเดี๋ยวก็น้ำตาไหลยันตีน
เคยแต่เป็นโค้ชให้ไอ้พวกเวรนี่ตอนผิดหวัง เป็นไงล่ะโค้ชลงสนามเองเจ็บหนักฉิบหาย
“กูไปแปรงฟันก่อน” ฉันว่าแล้วก็หนีมันไปที่ตู้เสื้อผ้าจากนั้นก็หอบเอาเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำในห้องน้ำ ไม่ปล่อยให้เรื่องแบบเมื่อคืนเกิดขึ้นอีก
เดี๋ยวนี้ฉันจะพยายามทำอะไรที่ระมัดระวังตัวนิดหน่อย ไม่ปล่อยตัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะว่าพวกมันก็มีแฟนกัน ถ้าฉันทำเหมือนเมื่อก่อนแฟนพวกมันจะมาจิกหัวฉันตบอีก ครั้งก่อนล้มจนแขนร้าวจนต้องให้ไอ้ปั้นมานั่งเรียนแล้วก็จดเล็ตเซอร์แทน ดีที่ปีหนึ่งวิชาเรียนเซกรวมกันมีเยอะ แต่ปีสองมีนิดหน่อย ดังนั้นฉันจะพยายามดูแลตัวเอง ไม่เป็นภาระของพวกมัน
ฉันอาบน้ำอยู่ยี่สิบนาที จากนั้นออกมาก็เห็นมานอนเขี่ยโทรศัพท์บนเตียงฉัน ทำให้สงสัยจนถามขึ้น
“ทำไมเมื่อคืนมึงนอนกับกู”
จำได้ว่าเมาร้องไห้แล้วไอ้แฝดนรกหิ้วปีกมานอนบนเตียง แต่ว่าไอ้ตัวเหี้ยนี่นั่งนัวเนียกับน้องแก้มหอมปีหนึ่งอยู่นี่นา ปกติไอ้ปั้นมันไม่เคยปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เว้นเสียแต่ว่ามันไม่อยากกิน
“คืนไหนก็นอนกับมึงได้...ทำไม”
ไอ้เวร...กูถามมึงอยู่เสือกหันมาถามกู...มึงมันบ้า กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย
“แล้วน้องแก้มหอม?” ฉันเท้าเอวถามมันด้วยอารมณ์หงุดหงิดมาก ๆ มันจะย้อนมาถามฉันทำซากอะไร ในเมื่อก็รู้อยู่แล้วว่าหมายถึงอะไร
“กลับไปแล้ว”
กลับไปแล้วหมายความว่าเมื่อคืนนอนที่นี่เหรอ...ไม่จริงอ่ะ ไอ้สองแฝดปกติขี้เกียจกลับห้องมักจะนอนที่โซฟา เบดข้างนอก แล้วไอ้ปั้นมักจะนอนที่เตียงกับฉันในห้อง แม้คอนโดมันจะหรูพอตัว แต่ทว่าดันมีห้องนอนแค่ห้องเดียว ที่เหลือเป็นพื้นที่ว่าง ๆ เพื่อเอาไว้เตะฟุตบอล
ไม่ใช่ฉันเป็นคนพูดหรอก ไอ้สองแฝดเวรมันพูด ปกติคอนโดไทป์นี้จะเป็นแบบสองห้องนอน แต่ไอ้แฝดเวรนั่นเสือกปรับแบบแล้วเหลือห้องนอนเดียว จากนั้นพื้นที่อีกส่วนเป็นพื้นที่จัดให้ปาร์ตี แล้วก็ใช้คุ้มมาก สุดท้ายเมาไม่อยากไปไหนก็นอนมันที่ห้องของฉัน
ซึ่งฉันเหมือนมาอยู่ฟรีที่คอนโดพวกมัน เพียงเพราะฉันเป็นผู้หญิงจนแซวมันบ่อย ๆ ว่าช่วยกระทืบนักเลงกระจอกหนเดียว ไอ้อภิสิทธิ์อยู่ฟรีที่คอนโดหรู ถ้าช่วยมากกว่านี้พวกมันไม่มาขอฉันแต่งงานเลี้ยงดูปูเสื่อตลอดชีวิตหรือไง แต่ขณะที่ฉันรอคำตอบจากมันกับการยืนคิดอะไรเพลิน ๆ ไปเรื่อยมันก็พูดมาหนึ่งคำ
“ไอ้ปัณณ์ไม่โอเค”
ฮะ?!
สีหน้าฉันไม่ต้องพูดก็รู้ไม่เข้าใจอะไรเลย มันพูดอะไร ไอ้ปัณณ์ไม่โอเค แล้วเกี่ยวอะไรกับมัน ก็เด็กมันไม่ใช่เหรอ...หรือไอ้พวกเหี้ยนี่จะมีรสนิยมแปลก ๆ
“อย่าบอกนะพวกมึงคิดจะ...สองต่อหนึ่ง”
“ไอ้เหี้ย...คิดแต่ละอย่าง หัวมึงนี่นะ บอกแล้วอย่าดูคลิปโป๊เยอะ”
“....”
ถูกด่าเสียอย่างนั้น แล้วมันเสือกเล่ายาวมาก ถามว่าน้องแก้มหอมล่ะ เสือกบอกไอ้ปัณณ์ไม่โอเค นี่อีรินเข้าใจก็เหี้ยแล้ว
“เออ...ช่างแม่งเถอะกูไม่อยากรู้แล้วปวดหัว” ฉันเดินกระแทกเท้าออกมา จากนั้นเห็นไอ้ปุณณ์ทำหน้าบอกบุญไม่รับ จนรีบร้อนตัว
“ไม่ต้องทำหน้าส้นตีน เมื่อคืนกูไม่ได้อ้วกให้ใครเช็ด” แน่นอนว่าหน้าตาแบบนี้จะมาทุกครั้งเมื่อฉันเมาจนคุมสติไม่อยู่ ส่วนใหญ่ไม่อ้อนก็อ้วก มีสองอย่างนี่แหละ
แต่มั่นใจว่าไม่ได้อ้วกแน่นอน เพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ออกจากห้องสอบด้วยซ้ำ ไม่สิ ไม่ได้แดกห่าอะไรเลยตื่นเต้นตั้งแต่ก่อนเข้าห้องสอบด้วยซ้ำ
“เหี้ย” ไอ้ปุณณ์พูดมาหนึ่งคำแล้วก็เดินออกไป จากนั้นห้องก็อยู่ในความเงียบ
เอ้า...พวกนี้เป็นอะไรกัน...หรือเมื่อคืนเมาพลาดอะไรไป ส่วนไอ้ตัวต้นเหตุเสือกนอนอยู่ในห้องไม่ออกมาซะงั้น จนฉันมองดูของบนโต๊ะแล้วก็ไม่มีอะไรกินได้เลย จึงคว้าเอามือถือที่หยิบติดมือมาโทรหาไอ้ปัณณ์เพื่อนเหี้ยที่รู้ความลับของฉัน
ปัณณ์ : โทรมาทำอะไรแต่เช้าไอ้เหี้ยริน
ริน : โถ...ไอ้คนดี...ซื้อข้าวมาให้กูแดกด้วย มึงอยู่ไหน พี่ชายมึงทำหน้าส้นตีนใส่กู เล่ามาเรื่องอะไร
ปัณณ์ : เรื่องมันยาว
ริน : กูสอบเสร็จค้า...แล้วว่างฟัง
ปัณณ์ : เหี้ย!
ริน : เหี้ยเต็มห้องกูแล้วเดี๋ยวกูต้องไปซื้อโครงไก่มาทำให้เหี้ยอย่างพวกมึงด้วย จะพูดได้ยัง
ปัณณ์ : กูอาบน้ำก่อนเดี๋ยวลงไปกินข้าวด้วยกัน
ไอ้ปัณณ์วางสายไปแล้วก็ทิ้งความสงสัยเอาไว้ให้ฉัน สุดท้ายไม่อยากเจอหน้าไอ้ปั้น ยังนอยเรื่องเมื่อคืนอยู่ก็เลยส่งข้อความบอกมันว่าจะไปหาอะไรกินกับไอ้ปัณณ์มันจะไปไหม
แต่...เงียบ!
สอบปลายภาคเทอมสอง... ฉันกับไอ้ปั้นแยกกันนอนสองอาทิตย์ก่อนสอบ เพราะว่าหากนอนกับมันที่ห้องทุกวันฉันไม่ได้อ่านหนังสือ และแน่นอนมันงี่เง่า “ริน...ปั้นติวให้...นะ...นะ...นะ สองอาทิตย์ตายพอดี นอนไม่หลับเลยนะ” ปั้นกอดที่เอวฉันเอาหน้าซุกมาที่ซอกคอขณะที่นั่งอยู่คอนโดที่ฉันเช่าไอ้สองแฝด และเพิ่งรู้ว่าไอ้ปั้นมันจ่ายค่าเช่าให้ฉันมาตลอด แม้จะเกรงใจมันแต่ตอนนี้เป็นแฟนกันแล้วก็ขอใช้สิทธิ์แฟนให้เต็มที่ก็แล้วกัน “ติวให้หรือติ้วให้เอาดี ๆ เคยได้ติวไหม” ตั้งแต่เป็นแฟนกันตั้งแต่ปีใหม่ก็ร่วมสองเดือนแล้ว แต่ว่ามันไม่มีวันไหนที่ไม่ทำกันสักวัน มีแต่ทำมากขึ้น ไม่รู้อดอยากมาจากไหน บางที่สะลึมสะลือไปเรียนเพื่อนในภาคเคมีก็แซวยับ ฉันก็หน้าแดงทุกที แล้วพวกมันก็พากันแซวเรื่องไอ้ปั้นไม่หยุด บางทีก็ฝากคิสมาร์กเอาไว้ตามหน้าอก แล้วเสื้อนักศึกษามันเปิดเห็นเนินอกนิด ๆ นอกจากเพื่อนในภาคเคมีก็ไอ้ปัณณ์ที่ทำหน้าเหม็นเบื่อฉัน เวลาเห็นสภาพหน้าเหมือนศพไปเรียน ก็จะอะไรเสียอีก ก่อนนอนก็สองรอบ ตื่นเช้าก่อนอาบน้ำก็อีกรอบ น้ำฉันออกแทบจะเป็นคนขาดน้ำ “นะ...นะ...คิดถึงเมีย”
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” “ทำไมเรียกพวกเธอว่าพ่อแม่...แต่ฉันเป็นแม่ว่าที่สามีเรียกป้ามันน่าน้อยใจนะ” “.....” ฉันหันหน้าไปมองไอ้ปั้นที่ตอนนี้ยักคิ้วให้ฉันบอกว่าให้เรียกแม่สักที จะได้เลิกบ่น “ค่ะคุณแม่” ฉันเรียกแบบเกร็ง ๆ เพราะไม่ได้สนิทกับแม่ปั้นเหมือนแม่ไอ้ปัณณ์ แล้วไอ้ปั้นก็จับฉันนั่งข้างแม่อีกต่างหาก แล้วมันไปนั่งเสียไกล ดีที่ข้าง ๆ เป็นแม่ไอ้ปัณณ์ทำให้ฉันลดความเกร็งลงหน่อย “เสียดายนะคะ...นึกว่าจะได้มาเป็นหลานสะใภ้ฉัน อุตส่าห์ให้ไปเจอเจ้าเปรมแต่รายนั้นดันมีแฟนไปเสียก่อน น่ารักแล้วก็เก่งอย่างนี้รักตายเลยค่ะ” แม่ไอ้ปัณณ์อวยสุดมาก จนฉันเริ่มเขินแล้ว ส่วนแม่ไอ้ปั้นก็สู้กลับอีก “ของอย่างนี้ใครไวใครได้ค่ะ พอดีว่าปั้นไวไฟเหมือนแม่ก็เลยได้ของดีมาครอง” ไอ้ปั้นจ้างแม่มันเท่าไหร่เนี่ย ทำไมถึงได้อวยเก่งขนาดนี้ สาบานเถอะฉันไม่ได้เก่งอะไรนอกจากปากเก่งไป วัน ๆ แถมยังด่าพวกสาว ๆ ของไอ้ปั้นกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว “เอ่อ...ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” ฉันพูดอย่างเกรงใจ แต่ไอ้ปัณณ์บิดปากคว่ำใส่ฉัน “เนี่ยแม่ให้ไปบ้านก็บ่ายเบี
วันนี้ไอ้ปั้นไม่ได้มาที่มหาวิทยาลัย แต่มันบอกว่าจะมารับตอนเย็น มีธุระกับที่บ้าน ฉันไม่อยากซักแล้วก็ไม่อยากให้มันมารับด้วย เพราะมันจะพาฉันไปที่บ้านของมันเลย สุดท้ายนั่งหน้าเครียดอยู่ใต้ตึกคณะโดยที่ไอ้สองแฝดที่เลิกเรียนแล้วหงุดหงิดที่โดนตามมาแทนที่จะกลับบ้านไปนอน “มีอะไร” ไอ้ปัณณ์ถามขึ้นทำหน้าเหมือนกีบควาย ใส่ฉัน “มึงไปส่งกูร้านเฮียอ๋าหน่อย” “ทำไม...เฮียอ๋าไม่สบายเหรอ มึงทำหน้าแย่มาก” ไอ้ปัณณ์ถามส่วนไอ้ปุณณ์รอฟังเช่นกัน เพราะเฮียอ๋าเหมือนญาติผู้ใหญ่ของฉันคนหนึ่งเหมือนกัน “เปล่า...กูแค่ไม่อยากกลับกับไอ้ปั้น วันนี้แม่มันจะให้พากูไปบ้าน” “แล้วมีอะไร...ทำไมมึงต้องหนี” “มึงไม่เข้าใจอ่ะ...เอาเป็นว่ามึงพากูไปหลบร้านเฮียอ๋าก่อน เดี๋ยวกูจะอ้างเฮียเจ็บขาเลยต้องไปช่วย” “ริน...ทำไมมึงกลัวแม่มัน” ไอ้ปุณณ์ที่เห็นท่าทางฉันแล้วคงแบบเอือมระอา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมกลัวแม่ไอ้ปั้น แต่แม่ไอ้แฝดกลับไม่กลัวไม่พอ ยังเข้าหาเก่งประหนึ่งลูกคนที่สาม “ก็กูกินลูกชายเขาแล้ว...เขาจะโอเคกูเหรอ” “เชี่ย...เพื่อนกูร้อนแรง มึงแตกคาปากป่ะ
“กูก็เหนื่อยแล้ว...มึงเลิกคุยไปทั่วได้ไหม” ฉันว่า เพราะจะเป็นแฟนกันนั่นหมายถึงว่าฉันจะไม่ยอมให้มันไปคุยกับคนอื่นไปทั่วหรอกนะ หากเป็นแบบนี้ไม่ต้องเป็นแฟนกันหรอก มันเสียเวลา และเสียใจเปล่า ๆ “กูหยุดแล้ว กูจะไม่คุยกับใครนอกจากมึง” “กูขี้หึงนะ” ฉันบอกเอาไว้ก่อน เพราะว่าถ้าตกลงคบกันนั่นหมายถึงมันต้องรับข้อเสียข้อนี้ของฉันให้ได้ด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะมีปัญหากันอีก “กูทั้งหึงและก็หวงด้วย อีกอย่างไม่อยากให้มึงไปนอนคอนโดไอ้ปัณณ์แล้วนะ มาอยู่ด้วยกันเถอะ” เพิ่งเป็นแฟนมันก็ชวนมาอยู่ด้วยกัน ไม่เร็วไปหรือไง “กูไม่ชินถ้าเปลี่ยนที่นอน นอนไม่หลับนะปั้น” “เดี๋ยวกูจะทำให้มึงเหนื่อยแล้วหลับเอง ไว้ใจกูได้” สีหน้าแววตา แบบนี้ก็คิดเรื่องเดียวนั่นแหละ ฉันไม่ได้รับปาก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอาจจะมาบ้างไม่มาบ้าง เพราะฉันชอบคอนโดไอ้สองแฝดนั้นมากกว่า “ไอ้สองคนนั้นมันเข้าห้องนั้นได้ ถ้าเกิดกำลังเอากันอยู่มันเข้ามาล่ะ” โอ้โห...เหตุผลมันเหี้ยมาก นึกว่าอะไรจะบ้าตาย “ปั้น...มึงรู้ใช่ป่ะเป็นแฟนกันไม่ใช่แค่เอากัน มันต้องทำอย่างอื่นด้วย”
“ไม่ไปห้องมึงนะ” ฉันพูดขึ้นขณะรถสปอร์ตของมันมุ่งหน้าไปคอนโด แต่เชื่อได้ว่าต่อให้ฉันห้ามยังไงมันก็ไปคอนโดมัน ที่จริงมันควรให้เวลาฉันทบทวนสักหน่อย ที่มันบอกว่าชอบมันก็ดีหรอก แต่ฉันรู้สึกแค่ว่ามันยังมีบางอย่างติดค้างในใจนิด ๆ ที่ฉันต้องขจัดออก “ห้องไหนกูก็จะนอนกับมึง กูอยากกอดมึงใจจะขาด” หึ...อยากกอดหรืออยากถอด ฉันเพิ่งรู้ก็ตอนที่โดนมันรวบหัวรวบหางกินไปตลอดตัวนี่เองว่า มันเป็นคนหื่น ก่อนหน้านั้นมันไม่ได้แสดงด้านนี้ออกมาให้เพื่อนอย่างพวกฉันเห็น มีแค่ไอ้ปุณณ์ดูชัดเจนที่สุดก็เท่านั้น แต่นั่นมันก็เป็นแค่ไอ้ปุณณ์ ส่วนไอ้ปั้นแบดบอยสเปกสาว ๆ เลย หล่อเลือกได้ ถ้าให้ก็กินหมด แต่ได้ไปอยู่ห้องมันแค่เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมง สาบานว่าฉันเสียวท้องตลอดเวลา มันพร้อมมากสำหรับจับฉันกิน ซึ่งฉันเริ่มกลัวมันนิด ๆ แล้วสิ “คืนนี้ไปห้องกูนะ...ริน...นะ” “มึงอ้อน?” ฉันหันหน้ากลับไปมองมันอย่างแปลกใจ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันอ้อน เพราะปกติเป็นฉันที่อ้อนมันเป็นส่วนใหญ่ “ก็อ้อนเมีย...ครับ” “....” ฉันใบหน้าเริ่มเห่อร้อนนิด ๆ คำว่าเมียมันข้ามแฟนไปอีกอ่
“ถ้าเป็นแฟนพี่เขากูไม่รู้หรอก แต่ถ้าเป็นแฟนกูไม่ต้องทำอะไรกูทำให้ทุกอย่าง” ผมพูดจบแล้วทุกคนก็หันหน้ามองผมอึ้ง ๆ แต่ใครจะสนล่ะ ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้ว จะเอาเมียกลับไปกอดข้ามปี แล้วก็จะกอดไปอย่างนี้ทุกวันนั่นแหละ ไม่สนแล้วโว้ยไอ้ความรู้สึกรักหรือไม่รักอะไร รู้แต่ตอนนี้ขาดไม่ได้ “ปั้นนน...” ไอ้รินเรียกผมเสียงสั้นเล็ก ๆ เหมือนมันจะมองผมแบบไม่เชื่อสายตา “อะไรของมึงไอ้ปั้น” ปัณณ์ถาม “จะอะไรของกูอีกล่ะ...ก็ไอ้รินเนี่ยของกู พวกมึงเลิกเอามันใส่พานให้ใครได้แล้ว” ไอ้ปัณณ์ทำหน้าหมาสงสัย จนอยากจะถีบ ทีอย่างนี้โง่ขึ้นมาเลย “อะไรของมึง มันเป็นของมึงได้ยังไง” ผมเห็นหน้าไอ้รินซีดเผือด แต่ว่าผมไม่สนใจแล้วยื่นมือมาจับมันให้ลุกขึ้น “เป็นของกูได้ยังไงเหรอ...ต้องให้กูอธิบายไหม” ผมหันไปถามคนข้าง ๆ แต่มันส่ายหน้าไปมา ส่วนผมยิ้มร้ายไม่สนใจมันหรอก “ก็กูได้กับมันแล้ว ทีนี้เป็นของกูได้ยัง” “ไอ้ปั้น....” คนที่ผมจับข้อมืออยู่ตะโกนเสียงสั่น มองหน้าเพื่อนที่ตกอกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ใครจะสน เมียกำลังจะโดนผู้ชายงาบไป ผม