เสียงทั้งเข้มทั้งโหด...ตะโกนตอบ
ไอ้ฉิบหาย มันรู้เหรอวะ...ว่าฉันแปลก ๆ ไปสุดท้ายก็นุ่งผ้าขนหนูกับบนหัวเอาผ้าคลุมไว้อีกที จากนั้นก็เดินออกมาเจอมันทำหน้าไม่รับแขกอยู่ที่หน้าห้องน้ำในห้องนอน
“ร้องไห้ทำไม” ปั้นเอ่ยปากถาม
“แสนรู้นะมึงอ่ะ” ฉันด่ามันเสียเลย ปกติก็แบบนี้อยู่แล้วระหว่างฉันกับไอ้ปั้น มันเป็นห่วงแต่ไม่เคยพูดว่าเป็นห่วง ส่วนใหญ่จะด่าเสียมากกว่า
“กูถามว่ามึงเป็นอะไร...แม่มึงหรือใคร หมาตัวไหนบอกกูมา?”
“เปล่า...ไม่ได้เป็นอะไร” ฉันเดินเข้าไปที่ตู้เสื้อผ้าเลือกชุดที่โป๊น้อยที่สุดออกมา เป็นเสื้อยืดตัวโคร่ง ๆ แต่ไม่รู้เสื้อใครของไอ้พวกสามตัวนี่แน่ เห็นว่าตัวใหญ่ดี กับกางเกงขาสั้น แล้วก็เข้าไปในห้องน้ำอีกรอบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะออกมาก็ยังเห็นมันนั่งไถมือถือเล่นอยู่ที่เตียงนอน
“เอ้า...ไอ้ปัณณ์บอกมึงพาเด็กมา?” ฉันเลิกคิ้วถามเสมองไปทางอื่นไม่อยากให้มันเห็นสีหน้าประหลาด ๆ ของตัวเอง แน่นอนฉันไม่ค่อยพอใจ
“อยู่ข้างนอก...แต่ช่างน้องมันเถอะ ว่าแต่มึงยังไง”
“ก็ปวดหัวกับข้อสอบ...ถ้ากูติดเอฟก็ต้องลงใหม่ ก็เลยนอย ๆ ”
“โกหก!”
ไอ้เชี่ยปั้น เครื่องจับเท็จหรือไงมึงน่ะ สุดท้ายฉันก็เดินออกจากห้องนอน หนีมันนั่นแหละ แต่สายตาดันไปเห็นน้องปีหนึ่งกำลังส่งสายตาหวานเยิ้มให้ไอ้แฝดสองตัว ทำให้ฉันถอนหายใจ
ไอ้ปั้นเลือกหญิงมานอนด้วยแต่ละคน แม่งเอ้ย หา ดี ๆ หน่อยได้ไหมวะ...นี่ไม่ได้หวงเพื่อนหรอก กลัวจะตีกันเรื่องผู้หญิงเดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด
“ไอ้ปัณณ์ขยับ” ฉันแทรกตัวไปยังโซฟาที่ไอ้ปัณณ์นั่งก่อนจะจ้องตามันบอกให้รู้ว่ามึงอย่าหลุด ไม่งั้นเอามึงตายแน่
“ไอ้เชี่ยรินออกมาก็ช้าแย่งที่นั่งกูอีก...เห็นปกตินั่งกับ...อุป!”
ฉันเอาหอยแครงที่อยู่บนโต๊ะยัดปากมันทั้งเปลือก จะพูดอะไรไม่ดูสถานการณ์ เดี๋ยวก็วงแตก ฉันรู้ว่ามันจะบอกว่าปกตินั่งตักปั้น...ก็ทุกทีมันเสือกดึงกูไปนั่งไง ไอ้เราก็อยากอยู่แล้วก็เนียนเลย
“อื้อ...อื้อ...อื้อ...” (มึงยัดมาได้ไง)
“พูดมาก...กูบอกให้ขยับก็ขยับ...เอาเหล้ามาให้กูแดกด้วย ข้อสอบออกตรงมากไอ้เวร”
“ถุย!” ไอ้ปัณณ์พ่นหอยแครงออกจากปาก จากนั้นหันมาถามฉัน
“ถ้าออกตรงแล้วมึงทำหน้าเหมือนตูดทำไม”
“กูต้องยกนิ้วให้อาจารย์...ออกตรงมาก...แต่ออกตรงไหนไอ่สัด...กูอ่านยันเช้าไม่มีเลย” ฉันหยิบข้าวเกรียบเคี้ยวกร้วม ๆ พร้อมกับพูดไปด้วย แล้วก็เรียกเสียงหัวเราะจากไอ้ปุณณ์ได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า...นิ้วกลางด้วยป่ะมึงอ่ะ...ที่มึงขลุกอยู่ในห้องน้ำเพราะไอ้ข้อสอบเนี่ยนะ...ไม่ใช่มึงเลยริน” ปุณณ์ว่า
ใช่สิมันจะใช่ฉันที่ไหนล่ะ ฉันโกหกไงเพื่อน จากนั้นฉันก็รับแก้วเหล้ามากระดกอึก ๆ ลงคอจนหมดแก้วราวกับหิวน้ำเต็มที
และใช่ร้องไห้ไปในห้องน้ำเมื่อกี้นี้เองไงล่ะ แล้วฉันก็เสมองน้องแก้มหอม ก็น่ารักซะด้วย...เออ...ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ สเปกมันเลยล่ะ ตัดมาที่ฉันนมใหญ่ ก้นกลมเพราะปั้นมาเองด้วยการไปฟิตเนตทุกวัน แต่จบที่แอบรักเพื่อนสนิทเลยได้แค่ฟินอยู่คนเดียวไม่ได้ฟินกับแฟน
น้องมันหันมายิ้มให้ฉัน ฉันก็ยกแก้เหล้าขึ้นชนอย่างเป็นมิตร...หน้าอ่ะเป็นมิตรแต่ใจคิดเป็นอื่น จนเมื่อไอ้ปุณณ์ชวนคุยฉันก็เริ่มเอนจอยขึ้นไม่ค่อยเศร้าแล้ว ที่จริงฉันร้องไห้ง่ายนะ แต่ไม่ยอมให้ใครเห็นแค่นั้นเอง แต่ก็มีไอ้พวกเหี้ยนี่แหละที่เห็นฉันร้องไห้ จากนั้นความคิดของพวกมันก็เปลี่ยนไปมองฉันเป็นผู้หญิงอ่อนแอเสียอย่างนั้น
ฉันดื่มเอาดื่มเอาจนไอ้ปัณณ์มองหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วก็เอาตีนมาเขี่ยฉัน จนฉันหันไปขึงตาใส่
“อะไร” ฉันถาม
“ขี้เมา” มันด่า
“ปกติของกู”
“แม่ง!”
แล้วมันก็หงุดหงิดลุกเดินออกไปข้างนอกคุยกับสาว โห...ไอ้เพื่อนรัก รักกูมากแทนที่จะทำให้กูอารมณ์ดีเสือกไปคุยกับคนอื่น เป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้มากจริง แต่ด่าไม่ได้ไงเดี๋ยวมันเอาความลับไปบอกคนอื่น
จนกระทั่งเหล้าหมดขวดแล้วฉันกระแทกขวดเหล้าลงบนโต๊ะดังปึง!
“ไอ้ปุณณ์ เอาเหล้ามา”
“มึงแดกคนเดียวหมดขวดแล้วไอ้ริน...เดี๋ยวก็ตายก่อนแก่หรอกมึง”
ฉันส่งยิ้มให้มันก่อนจะชี้หน้ามัน แต่แค่ยกมือมาก็ชี้ผิดทิศแล้ว
“ไอ้ปุณณ์”
“ทางนี้โว้ย!” ไอ้ปุณณ์เดินมานั่งที่ไอ้ปัณณ์ จากนั้นจับมือฉันลง แล้วฉันก็พูดต่อ
“รู้ป่ะ...ไม่ใช่มีคนแก่นะที่ตายได้...คนปากหมาก็ตายได้เหมือนกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฉันว่าเสร็จแล้วก็ฟุบกับหน้าตักมันแล้วครางหงิง ๆ เหมือนหมา
“ไอ้ริน...เมาแล้วมึงอ่ะ...ไปนอน” ไอ้ปุณณ์ด่าฉัน โดยที่ฉันโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ก็เลยเลื้อย ๆ นอนตักมันเสียเลย ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบ ๆ
“กู...จะนอนตรงนี้”
“เมาแล้วเรื้อนทุกที” ไอ้ปุณณ์ว่า แต่ฉันนึกหน้ามันออกเลยว่าตอนนี้หน้ามันเป็นยังไง คงเหม็นเบื่อฉันมาก แต่ว่าไม่ไหววะ ไม่ไหวจริง ยิ่งเห็นเดี๋ยวหอมเดี๋ยวจุ๊บกันมันหน่วงไปหมดเลย
ทำไมวะ...ทำไมต้องเป็นฉันที่ต้องเจ็บคนเดียวด้วยวะ อยากตัดใจนะแต่ทำไม่ได้วะ รักเพื่อนสนิทมันเจ็บขนาดนี้เลยหรือไงวะ
“ไอ้ริน...ลุก” ไอ้ปุณณ์เรียกอีกครั้ง แต่ฉันแกล้งหลับตาแล้วพูดอู้อี้
“ขอพักแป๊บ”
“ไอ้ห่า...กูบอกให้หาแฟน เดือดร้อนพวกกูตลอดเวลาเมา” ปุณณ์เอะอะก็ไล่ให้มีแฟนตลอด แต่มีหรือที่ไม่อยากมี แต่พอเปิดใจก็อยากปิดเพราะไอ้เพื่อนมึงนั่นแหละ
“ทำไมต้องให้มันมีแฟนด้วย...กูก็ดูแลมันได้”
นั่นไง...ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ฉันไม่ยอมมีแฟนสักที ไอ้เจ้าของเสียงนี้แหละที่ทำฉันน้ำแตก...เอ้ยไม่ใช่สิ...น้ำตาแตก
แล้วฉันที่กลั้นสะอื้นเอาไว้ก็หมดกัน...
“ฮึก...ฮึก...ฮื้อๆๆๆๆ ไอ้ปุณณ์...มึงอย่าทิ้งกูนะ”
“ไอ้ฉิบหาย...ปมในใจมันอีกแล้ว...เวรแล้วไหมล่ะ” ไอ้ปุณณ์ด่า
“กู...กู...กูไม่อยากอยู่คนเดียว...” แล้ววงเหล้าก็กลายเป็นศาลาคนเศร้าทันที จากนั้นไอ้ปุณณ์กับไอ้ปัณณ์ก็ลากฉันมานอนบนเตียง แล้วก็ทิ้งฉันเอาไว้ ฉันดึงหมอนมากอดจากนั้นก็หลับไปเลย
โดยไม่รู้เลยว่าข้างนอกเกิดอะไรกันขึ้น...เพราะเมามากเกินไป และหากให้เดาไอ้ปั้นก็คงไปนอนกับน้องแก้มหอม แค่คิดน้ำตาก็หยุดไหลไม่ได้แล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันอยากเมาแล้วหลับไปเลย...
ด้านในสงบแล้ว แต่ด้านนอกห้องกำลังเดือด เมื่อคู่รักกำลังมีปากเสียง
“ไอ้ปั้น...มึงพากลับห้องไปเลยไป” ปัณณ์พูดขึ้น
“อะไรของมึง” ปั้นว่า
“เด็กมึงเอาไปเก็บกูขอล่ะ!”
สอบปลายภาคเทอมสอง... ฉันกับไอ้ปั้นแยกกันนอนสองอาทิตย์ก่อนสอบ เพราะว่าหากนอนกับมันที่ห้องทุกวันฉันไม่ได้อ่านหนังสือ และแน่นอนมันงี่เง่า “ริน...ปั้นติวให้...นะ...นะ...นะ สองอาทิตย์ตายพอดี นอนไม่หลับเลยนะ” ปั้นกอดที่เอวฉันเอาหน้าซุกมาที่ซอกคอขณะที่นั่งอยู่คอนโดที่ฉันเช่าไอ้สองแฝด และเพิ่งรู้ว่าไอ้ปั้นมันจ่ายค่าเช่าให้ฉันมาตลอด แม้จะเกรงใจมันแต่ตอนนี้เป็นแฟนกันแล้วก็ขอใช้สิทธิ์แฟนให้เต็มที่ก็แล้วกัน “ติวให้หรือติ้วให้เอาดี ๆ เคยได้ติวไหม” ตั้งแต่เป็นแฟนกันตั้งแต่ปีใหม่ก็ร่วมสองเดือนแล้ว แต่ว่ามันไม่มีวันไหนที่ไม่ทำกันสักวัน มีแต่ทำมากขึ้น ไม่รู้อดอยากมาจากไหน บางที่สะลึมสะลือไปเรียนเพื่อนในภาคเคมีก็แซวยับ ฉันก็หน้าแดงทุกที แล้วพวกมันก็พากันแซวเรื่องไอ้ปั้นไม่หยุด บางทีก็ฝากคิสมาร์กเอาไว้ตามหน้าอก แล้วเสื้อนักศึกษามันเปิดเห็นเนินอกนิด ๆ นอกจากเพื่อนในภาคเคมีก็ไอ้ปัณณ์ที่ทำหน้าเหม็นเบื่อฉัน เวลาเห็นสภาพหน้าเหมือนศพไปเรียน ก็จะอะไรเสียอีก ก่อนนอนก็สองรอบ ตื่นเช้าก่อนอาบน้ำก็อีกรอบ น้ำฉันออกแทบจะเป็นคนขาดน้ำ “นะ...นะ...คิดถึงเมีย”
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” “ทำไมเรียกพวกเธอว่าพ่อแม่...แต่ฉันเป็นแม่ว่าที่สามีเรียกป้ามันน่าน้อยใจนะ” “.....” ฉันหันหน้าไปมองไอ้ปั้นที่ตอนนี้ยักคิ้วให้ฉันบอกว่าให้เรียกแม่สักที จะได้เลิกบ่น “ค่ะคุณแม่” ฉันเรียกแบบเกร็ง ๆ เพราะไม่ได้สนิทกับแม่ปั้นเหมือนแม่ไอ้ปัณณ์ แล้วไอ้ปั้นก็จับฉันนั่งข้างแม่อีกต่างหาก แล้วมันไปนั่งเสียไกล ดีที่ข้าง ๆ เป็นแม่ไอ้ปัณณ์ทำให้ฉันลดความเกร็งลงหน่อย “เสียดายนะคะ...นึกว่าจะได้มาเป็นหลานสะใภ้ฉัน อุตส่าห์ให้ไปเจอเจ้าเปรมแต่รายนั้นดันมีแฟนไปเสียก่อน น่ารักแล้วก็เก่งอย่างนี้รักตายเลยค่ะ” แม่ไอ้ปัณณ์อวยสุดมาก จนฉันเริ่มเขินแล้ว ส่วนแม่ไอ้ปั้นก็สู้กลับอีก “ของอย่างนี้ใครไวใครได้ค่ะ พอดีว่าปั้นไวไฟเหมือนแม่ก็เลยได้ของดีมาครอง” ไอ้ปั้นจ้างแม่มันเท่าไหร่เนี่ย ทำไมถึงได้อวยเก่งขนาดนี้ สาบานเถอะฉันไม่ได้เก่งอะไรนอกจากปากเก่งไป วัน ๆ แถมยังด่าพวกสาว ๆ ของไอ้ปั้นกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว “เอ่อ...ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” ฉันพูดอย่างเกรงใจ แต่ไอ้ปัณณ์บิดปากคว่ำใส่ฉัน “เนี่ยแม่ให้ไปบ้านก็บ่ายเบี
วันนี้ไอ้ปั้นไม่ได้มาที่มหาวิทยาลัย แต่มันบอกว่าจะมารับตอนเย็น มีธุระกับที่บ้าน ฉันไม่อยากซักแล้วก็ไม่อยากให้มันมารับด้วย เพราะมันจะพาฉันไปที่บ้านของมันเลย สุดท้ายนั่งหน้าเครียดอยู่ใต้ตึกคณะโดยที่ไอ้สองแฝดที่เลิกเรียนแล้วหงุดหงิดที่โดนตามมาแทนที่จะกลับบ้านไปนอน “มีอะไร” ไอ้ปัณณ์ถามขึ้นทำหน้าเหมือนกีบควาย ใส่ฉัน “มึงไปส่งกูร้านเฮียอ๋าหน่อย” “ทำไม...เฮียอ๋าไม่สบายเหรอ มึงทำหน้าแย่มาก” ไอ้ปัณณ์ถามส่วนไอ้ปุณณ์รอฟังเช่นกัน เพราะเฮียอ๋าเหมือนญาติผู้ใหญ่ของฉันคนหนึ่งเหมือนกัน “เปล่า...กูแค่ไม่อยากกลับกับไอ้ปั้น วันนี้แม่มันจะให้พากูไปบ้าน” “แล้วมีอะไร...ทำไมมึงต้องหนี” “มึงไม่เข้าใจอ่ะ...เอาเป็นว่ามึงพากูไปหลบร้านเฮียอ๋าก่อน เดี๋ยวกูจะอ้างเฮียเจ็บขาเลยต้องไปช่วย” “ริน...ทำไมมึงกลัวแม่มัน” ไอ้ปุณณ์ที่เห็นท่าทางฉันแล้วคงแบบเอือมระอา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมกลัวแม่ไอ้ปั้น แต่แม่ไอ้แฝดกลับไม่กลัวไม่พอ ยังเข้าหาเก่งประหนึ่งลูกคนที่สาม “ก็กูกินลูกชายเขาแล้ว...เขาจะโอเคกูเหรอ” “เชี่ย...เพื่อนกูร้อนแรง มึงแตกคาปากป่ะ
“กูก็เหนื่อยแล้ว...มึงเลิกคุยไปทั่วได้ไหม” ฉันว่า เพราะจะเป็นแฟนกันนั่นหมายถึงว่าฉันจะไม่ยอมให้มันไปคุยกับคนอื่นไปทั่วหรอกนะ หากเป็นแบบนี้ไม่ต้องเป็นแฟนกันหรอก มันเสียเวลา และเสียใจเปล่า ๆ “กูหยุดแล้ว กูจะไม่คุยกับใครนอกจากมึง” “กูขี้หึงนะ” ฉันบอกเอาไว้ก่อน เพราะว่าถ้าตกลงคบกันนั่นหมายถึงมันต้องรับข้อเสียข้อนี้ของฉันให้ได้ด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะมีปัญหากันอีก “กูทั้งหึงและก็หวงด้วย อีกอย่างไม่อยากให้มึงไปนอนคอนโดไอ้ปัณณ์แล้วนะ มาอยู่ด้วยกันเถอะ” เพิ่งเป็นแฟนมันก็ชวนมาอยู่ด้วยกัน ไม่เร็วไปหรือไง “กูไม่ชินถ้าเปลี่ยนที่นอน นอนไม่หลับนะปั้น” “เดี๋ยวกูจะทำให้มึงเหนื่อยแล้วหลับเอง ไว้ใจกูได้” สีหน้าแววตา แบบนี้ก็คิดเรื่องเดียวนั่นแหละ ฉันไม่ได้รับปาก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอาจจะมาบ้างไม่มาบ้าง เพราะฉันชอบคอนโดไอ้สองแฝดนั้นมากกว่า “ไอ้สองคนนั้นมันเข้าห้องนั้นได้ ถ้าเกิดกำลังเอากันอยู่มันเข้ามาล่ะ” โอ้โห...เหตุผลมันเหี้ยมาก นึกว่าอะไรจะบ้าตาย “ปั้น...มึงรู้ใช่ป่ะเป็นแฟนกันไม่ใช่แค่เอากัน มันต้องทำอย่างอื่นด้วย”
“ไม่ไปห้องมึงนะ” ฉันพูดขึ้นขณะรถสปอร์ตของมันมุ่งหน้าไปคอนโด แต่เชื่อได้ว่าต่อให้ฉันห้ามยังไงมันก็ไปคอนโดมัน ที่จริงมันควรให้เวลาฉันทบทวนสักหน่อย ที่มันบอกว่าชอบมันก็ดีหรอก แต่ฉันรู้สึกแค่ว่ามันยังมีบางอย่างติดค้างในใจนิด ๆ ที่ฉันต้องขจัดออก “ห้องไหนกูก็จะนอนกับมึง กูอยากกอดมึงใจจะขาด” หึ...อยากกอดหรืออยากถอด ฉันเพิ่งรู้ก็ตอนที่โดนมันรวบหัวรวบหางกินไปตลอดตัวนี่เองว่า มันเป็นคนหื่น ก่อนหน้านั้นมันไม่ได้แสดงด้านนี้ออกมาให้เพื่อนอย่างพวกฉันเห็น มีแค่ไอ้ปุณณ์ดูชัดเจนที่สุดก็เท่านั้น แต่นั่นมันก็เป็นแค่ไอ้ปุณณ์ ส่วนไอ้ปั้นแบดบอยสเปกสาว ๆ เลย หล่อเลือกได้ ถ้าให้ก็กินหมด แต่ได้ไปอยู่ห้องมันแค่เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมง สาบานว่าฉันเสียวท้องตลอดเวลา มันพร้อมมากสำหรับจับฉันกิน ซึ่งฉันเริ่มกลัวมันนิด ๆ แล้วสิ “คืนนี้ไปห้องกูนะ...ริน...นะ” “มึงอ้อน?” ฉันหันหน้ากลับไปมองมันอย่างแปลกใจ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันอ้อน เพราะปกติเป็นฉันที่อ้อนมันเป็นส่วนใหญ่ “ก็อ้อนเมีย...ครับ” “....” ฉันใบหน้าเริ่มเห่อร้อนนิด ๆ คำว่าเมียมันข้ามแฟนไปอีกอ่
“ถ้าเป็นแฟนพี่เขากูไม่รู้หรอก แต่ถ้าเป็นแฟนกูไม่ต้องทำอะไรกูทำให้ทุกอย่าง” ผมพูดจบแล้วทุกคนก็หันหน้ามองผมอึ้ง ๆ แต่ใครจะสนล่ะ ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้ว จะเอาเมียกลับไปกอดข้ามปี แล้วก็จะกอดไปอย่างนี้ทุกวันนั่นแหละ ไม่สนแล้วโว้ยไอ้ความรู้สึกรักหรือไม่รักอะไร รู้แต่ตอนนี้ขาดไม่ได้ “ปั้นนน...” ไอ้รินเรียกผมเสียงสั้นเล็ก ๆ เหมือนมันจะมองผมแบบไม่เชื่อสายตา “อะไรของมึงไอ้ปั้น” ปัณณ์ถาม “จะอะไรของกูอีกล่ะ...ก็ไอ้รินเนี่ยของกู พวกมึงเลิกเอามันใส่พานให้ใครได้แล้ว” ไอ้ปัณณ์ทำหน้าหมาสงสัย จนอยากจะถีบ ทีอย่างนี้โง่ขึ้นมาเลย “อะไรของมึง มันเป็นของมึงได้ยังไง” ผมเห็นหน้าไอ้รินซีดเผือด แต่ว่าผมไม่สนใจแล้วยื่นมือมาจับมันให้ลุกขึ้น “เป็นของกูได้ยังไงเหรอ...ต้องให้กูอธิบายไหม” ผมหันไปถามคนข้าง ๆ แต่มันส่ายหน้าไปมา ส่วนผมยิ้มร้ายไม่สนใจมันหรอก “ก็กูได้กับมันแล้ว ทีนี้เป็นของกูได้ยัง” “ไอ้ปั้น....” คนที่ผมจับข้อมืออยู่ตะโกนเสียงสั่น มองหน้าเพื่อนที่ตกอกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ใครจะสน เมียกำลังจะโดนผู้ชายงาบไป ผม