ช่องแชตตัวแสบ!
@ปั้น กูจะไปกินข้าวกับไอ้ปัณณ์มึงจะไปไหม
‘ปั้นอ่านแล้ว’
ไอ้เหี้ยนี่เป็นอะไรอ่านแล้วไม่ตอบ แต่ช่างแม่งเหอะ ปล่อยให้ติสไป สงสัยเมื่อคืนอาจจะอดเลยงุ่นง่าน ฉันเลยลงไปกินข้าวกับไอ้ปัณณ์ ซึ่งคอนโดเราอยู่ที่เดียวกันเพียงแค่คนละชั้น
ของไอ้สองแฝดอยู่ชั้นยี่สิบสาม ส่วนของชั้นอยู่ชั้นยี่สิบซึ่งฉันก็ไปนั่งรอมันที่หน้าล็อบบี้ ซึ่งเป็นปกติที่ฉันไปรอเพราะพวกมันมักจะนัดกันที่นี่
แต่เมื่อลงมาเจอไอ้ปัณณ์แค่คนเดียว ไอ้แฝดพี่หายหัว ส่วนไอ้ปั้นนอนที่ห้องฉันจนฉันรู้สึกว่ามันแปลก ๆ แล้วไอ้สามตัวนี่เป็นอะไรกัน
ฉันเปิดประตูไปนั่งในรถบีเอ็มสีดำของไอ้ปัณณ์ ปกติไปไหนมาไหนฉันจะติดรถไอ้ปั้นไป มันสามตัวมีรถคนละคัน มีคอนโดนับไม่ถ้วน แค่ไอ้ปั้นไม่ได้มีคอนโดที่นี่ แต่อยู่ตึก ข้าง ๆ ที่แพงกว่า แต่นั่นก็ทำให้พวกเราไปไหนมาไหนด้วยกันสะดวก และก็ตัวติดกันตลอดแทบไม่ได้แยกจากกันเลยตั้งแต่เรียน ม.5
ครั้งนี้แทบจะเป็นครั้งแรกที่พวกเราแยกกัน ทำให้ฉันรู้สึกแปลก ๆ
“พวกมึงมีอะไร” ฉันถามขึ้นหลังคาดเบลต์เสร็จยังไงวันนี้ต้องรู้ให้ได้
“กินข้าวเสร็จค่อยเล่าได้ไหมล่ะ” ไอ้ปัณณ์ทำเสียงหงุดหงิด
“ทำไม...พวกมึงตกลงกันไม่ได้หรือไงว่าใครก่อนใครหลัง...หรือยังไง”
“ก่อนหลังอะไรของมึง” ไอ้ปัณณ์ถาม
“ก็แบบ...ฟีดสองต่อหนึ่งไง”
“เหี้ยแล้ว...มึงไปเอามาจากไหน” ไอ้ปัณณ์ถามพลางทำหน้าสงสัย
เอ้า...ไม่ใช่เหรอ...ก็ไอ้ปั้นมันบอกไอ้ปัณณ์ไม่โอเค
เดี๋ยวนะ...นี่อะไรกันวะ และฉันก็เก็บความสงสัยเอาไว้จนกระทั่งถึงร้านข้าวเจ้าประจำที่เป็นร้านข้างทางเนี่ยแหละ แต่ร่มรื่น ทำกะเพราหมูกรอบอร่อย ซึ่งพวกมันไม่ค่อยชอบร้านที่ไม่มีแอร์กันหรอก แต่ฉันชอบก็เลยจบพวกมันเลยตามใจ แต่เมื่อลองร้านข้างทางติดใจไอ้รถหรู ๆ ของพวกมันก็แวะแต่ร้านนี้
“ป้าเอากะเพราหมูกรอบสองจาน เกาเหลาเนื้อตุ๋นอีกสองค่ะ” ฉันเป็นคนสั่ง จากนั้นเดินไปหยิบน้ำอัดลมขวดแก้วแช่เย็นเจี๊ยบมาเปิดแล้วก็เทใส่แก้วน้ำแข็งที่ไอ้ปัณณ์เป็นคนเดินไปตักมาให้
“มึงจะเล่าได้ยัง” ฉันถามขณะที่มันยังหน้าบูดเหมือนตูดหมาที่ท้องผูกเบ่งไม่ออก
“เออ...กูทะเลาะกับไอ้ปั้นนิดหน่อย”
“เรื่อง?”
“เด็กมัน”
“แล้ว”
“ก็เด็กมันร่าน...กูไม่ได้จะด่าผู้หญิง แต่เกินไปไอ้สัตว์ ลับหลังไอ้ปั้นก็หลีไอ้ปุณณ์ มึงก็รู้ไอ้ปุณณ์หื่นเกิดหน้ามืดตามัวขึ้นมาทำไง...ถ้าเด็กนั่นอ่อยใครสักคนกูจะไม่ว่าเลย นี่กะเหมา”
อ้อที่แท้ก็อย่างนี้เอง
“กูว่าน้องเขาก็คิดดีนะ...กำไรเห็น ๆ ได้กับหนุ่มหล่ออย่างพวกมึง คงตั้งใจเรียนน่าดู ไม่จัดให้น้องเขาล่ะ” ฉันแซวมันขำ ๆ เห็นท่าทางมันจริงจังโคตร ๆ ผิดกับนิสัยเลว ๆ อย่างมันที่ทิ้งหญิงเป็นว่าเล่น
“มึงลองไหมล่ะ”
“...”
อื้ม...สะอึกไปเลยฉัน...มันให้ฉันลองเสียอย่างนั้น
“มึงก็เลยหึงไอ้ปั้น?” ฉันยกยิ้มกวนตีนส่งไปหนึ่งกรุบแต่มันเอามือมาตีหน้าผากฉันหนึ่งที
แปะ!
“ไอ้เหี้ยปัณณ์มึงนะ...กูปวดหัวอยู่เดี๋ยวแม่งจะกลับไปนอน นี่ข้าวมื้อแรกในรอบสองวันของกูเลย” ฉันด่ามันที่มันมาตีหน้าผากฉัน
“ก็ไม่แปลก”
“ไม่แปลกเหี้ยไรพูดดี ๆ นะสัดเดี๋ยวกูจับแทงด้วยส้อม” ฉันว่าพลางหยิบส้อมมาถือ
“ปกติแดกหญ้า”
“เหี้ย!” ฉันด่าไปหนึ่งคำ
กินข้าวเสร็จก็บ่ายสองแล้ว ฉันเดินอย่างขี้เกียจขึ้นมาบนห้อง จากนั้นก็วางข้าวไว้ที่โต๊ะกินข้าวในครัวแล้วก็เดินเข้าไปเรียกไอ้ปั้นที่ทำตัวติสแตกเหมือนอกหักในห้อง
“ไอ้ปั้นไปแดกข้าว...แดกหญ้ามาเยอะแล้วกินข้าวมั่ง” ไอ้ปัณณ์ด่ามาเลยต้องหาที่ลง และแน่นอนไอ้ปั้นเป็นที่ลงชั้นดีให้ฉันระบายอารมณ์
“ไอ้สัดริน”
มันด่าได้แล้วคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก แล้วก็เริ่มคุยทันที
“เรื่องไอ้ปัณณ์มึงไม่ต้องห่วงนะ กูคุยแล้วถ้ามึงจะคบน้องต่อมันไม่ได้ติดอะไร เรื่องของมึง”
ใช่มันไม่ติด ติดที่กูเนี่ยไม่โอเคเลยถ้าไอ้ปั้นมีแฟน
เฮ้อ...Friend Zone
“ทำไมต้องคบ”
“เอ้าไอ้นี่...เสือกมาถามกู ไม่ใช่เพราะทำหน้าเหมือนส้นตีนเป็นตาปลาเพราะเครียดเรื่องน้องแก้มหอมหรือไง”
นี่กัดฟันพูดแล้วนะ ทั้งที่แม่งในใจเจ็บไปหมด
เหี้ยเอ้ย...ต้องมาเป็นที่ปรึกษาเรื่องหัวใจให้คนที่แอบชอบ เหี้ยฉิบหาย
“ก็มึงไม่ได้เสียใจอยู่เหรอ”
“กูกับน้องแก้มหอมไม่เคยคบกัน”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!
มันตอบหน้านิ่งแต่ฉันใจเต้นตุบตับ เต้นแรงมากเหมือนจะหลุดจากอก อยากจับมันมาหอมแก้มจังเลยโว้ย
“ไอ้สัดริน...ไม่ต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้น กูบอกแล้วไงกูไม่เลือกใครทั้งนั้น” แม่งเจอคำพูดนี้เหมือนแผลกลัดหนองกำเริบเลย
ไม่เลือกใครไม่พอไม่เลือกกูด้วย!
สอบปลายภาคเทอมสอง... ฉันกับไอ้ปั้นแยกกันนอนสองอาทิตย์ก่อนสอบ เพราะว่าหากนอนกับมันที่ห้องทุกวันฉันไม่ได้อ่านหนังสือ และแน่นอนมันงี่เง่า “ริน...ปั้นติวให้...นะ...นะ...นะ สองอาทิตย์ตายพอดี นอนไม่หลับเลยนะ” ปั้นกอดที่เอวฉันเอาหน้าซุกมาที่ซอกคอขณะที่นั่งอยู่คอนโดที่ฉันเช่าไอ้สองแฝด และเพิ่งรู้ว่าไอ้ปั้นมันจ่ายค่าเช่าให้ฉันมาตลอด แม้จะเกรงใจมันแต่ตอนนี้เป็นแฟนกันแล้วก็ขอใช้สิทธิ์แฟนให้เต็มที่ก็แล้วกัน “ติวให้หรือติ้วให้เอาดี ๆ เคยได้ติวไหม” ตั้งแต่เป็นแฟนกันตั้งแต่ปีใหม่ก็ร่วมสองเดือนแล้ว แต่ว่ามันไม่มีวันไหนที่ไม่ทำกันสักวัน มีแต่ทำมากขึ้น ไม่รู้อดอยากมาจากไหน บางที่สะลึมสะลือไปเรียนเพื่อนในภาคเคมีก็แซวยับ ฉันก็หน้าแดงทุกที แล้วพวกมันก็พากันแซวเรื่องไอ้ปั้นไม่หยุด บางทีก็ฝากคิสมาร์กเอาไว้ตามหน้าอก แล้วเสื้อนักศึกษามันเปิดเห็นเนินอกนิด ๆ นอกจากเพื่อนในภาคเคมีก็ไอ้ปัณณ์ที่ทำหน้าเหม็นเบื่อฉัน เวลาเห็นสภาพหน้าเหมือนศพไปเรียน ก็จะอะไรเสียอีก ก่อนนอนก็สองรอบ ตื่นเช้าก่อนอาบน้ำก็อีกรอบ น้ำฉันออกแทบจะเป็นคนขาดน้ำ “นะ...นะ...คิดถึงเมีย”
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” “ทำไมเรียกพวกเธอว่าพ่อแม่...แต่ฉันเป็นแม่ว่าที่สามีเรียกป้ามันน่าน้อยใจนะ” “.....” ฉันหันหน้าไปมองไอ้ปั้นที่ตอนนี้ยักคิ้วให้ฉันบอกว่าให้เรียกแม่สักที จะได้เลิกบ่น “ค่ะคุณแม่” ฉันเรียกแบบเกร็ง ๆ เพราะไม่ได้สนิทกับแม่ปั้นเหมือนแม่ไอ้ปัณณ์ แล้วไอ้ปั้นก็จับฉันนั่งข้างแม่อีกต่างหาก แล้วมันไปนั่งเสียไกล ดีที่ข้าง ๆ เป็นแม่ไอ้ปัณณ์ทำให้ฉันลดความเกร็งลงหน่อย “เสียดายนะคะ...นึกว่าจะได้มาเป็นหลานสะใภ้ฉัน อุตส่าห์ให้ไปเจอเจ้าเปรมแต่รายนั้นดันมีแฟนไปเสียก่อน น่ารักแล้วก็เก่งอย่างนี้รักตายเลยค่ะ” แม่ไอ้ปัณณ์อวยสุดมาก จนฉันเริ่มเขินแล้ว ส่วนแม่ไอ้ปั้นก็สู้กลับอีก “ของอย่างนี้ใครไวใครได้ค่ะ พอดีว่าปั้นไวไฟเหมือนแม่ก็เลยได้ของดีมาครอง” ไอ้ปั้นจ้างแม่มันเท่าไหร่เนี่ย ทำไมถึงได้อวยเก่งขนาดนี้ สาบานเถอะฉันไม่ได้เก่งอะไรนอกจากปากเก่งไป วัน ๆ แถมยังด่าพวกสาว ๆ ของไอ้ปั้นกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว “เอ่อ...ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” ฉันพูดอย่างเกรงใจ แต่ไอ้ปัณณ์บิดปากคว่ำใส่ฉัน “เนี่ยแม่ให้ไปบ้านก็บ่ายเบี
วันนี้ไอ้ปั้นไม่ได้มาที่มหาวิทยาลัย แต่มันบอกว่าจะมารับตอนเย็น มีธุระกับที่บ้าน ฉันไม่อยากซักแล้วก็ไม่อยากให้มันมารับด้วย เพราะมันจะพาฉันไปที่บ้านของมันเลย สุดท้ายนั่งหน้าเครียดอยู่ใต้ตึกคณะโดยที่ไอ้สองแฝดที่เลิกเรียนแล้วหงุดหงิดที่โดนตามมาแทนที่จะกลับบ้านไปนอน “มีอะไร” ไอ้ปัณณ์ถามขึ้นทำหน้าเหมือนกีบควาย ใส่ฉัน “มึงไปส่งกูร้านเฮียอ๋าหน่อย” “ทำไม...เฮียอ๋าไม่สบายเหรอ มึงทำหน้าแย่มาก” ไอ้ปัณณ์ถามส่วนไอ้ปุณณ์รอฟังเช่นกัน เพราะเฮียอ๋าเหมือนญาติผู้ใหญ่ของฉันคนหนึ่งเหมือนกัน “เปล่า...กูแค่ไม่อยากกลับกับไอ้ปั้น วันนี้แม่มันจะให้พากูไปบ้าน” “แล้วมีอะไร...ทำไมมึงต้องหนี” “มึงไม่เข้าใจอ่ะ...เอาเป็นว่ามึงพากูไปหลบร้านเฮียอ๋าก่อน เดี๋ยวกูจะอ้างเฮียเจ็บขาเลยต้องไปช่วย” “ริน...ทำไมมึงกลัวแม่มัน” ไอ้ปุณณ์ที่เห็นท่าทางฉันแล้วคงแบบเอือมระอา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมกลัวแม่ไอ้ปั้น แต่แม่ไอ้แฝดกลับไม่กลัวไม่พอ ยังเข้าหาเก่งประหนึ่งลูกคนที่สาม “ก็กูกินลูกชายเขาแล้ว...เขาจะโอเคกูเหรอ” “เชี่ย...เพื่อนกูร้อนแรง มึงแตกคาปากป่ะ
“กูก็เหนื่อยแล้ว...มึงเลิกคุยไปทั่วได้ไหม” ฉันว่า เพราะจะเป็นแฟนกันนั่นหมายถึงว่าฉันจะไม่ยอมให้มันไปคุยกับคนอื่นไปทั่วหรอกนะ หากเป็นแบบนี้ไม่ต้องเป็นแฟนกันหรอก มันเสียเวลา และเสียใจเปล่า ๆ “กูหยุดแล้ว กูจะไม่คุยกับใครนอกจากมึง” “กูขี้หึงนะ” ฉันบอกเอาไว้ก่อน เพราะว่าถ้าตกลงคบกันนั่นหมายถึงมันต้องรับข้อเสียข้อนี้ของฉันให้ได้ด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะมีปัญหากันอีก “กูทั้งหึงและก็หวงด้วย อีกอย่างไม่อยากให้มึงไปนอนคอนโดไอ้ปัณณ์แล้วนะ มาอยู่ด้วยกันเถอะ” เพิ่งเป็นแฟนมันก็ชวนมาอยู่ด้วยกัน ไม่เร็วไปหรือไง “กูไม่ชินถ้าเปลี่ยนที่นอน นอนไม่หลับนะปั้น” “เดี๋ยวกูจะทำให้มึงเหนื่อยแล้วหลับเอง ไว้ใจกูได้” สีหน้าแววตา แบบนี้ก็คิดเรื่องเดียวนั่นแหละ ฉันไม่ได้รับปาก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอาจจะมาบ้างไม่มาบ้าง เพราะฉันชอบคอนโดไอ้สองแฝดนั้นมากกว่า “ไอ้สองคนนั้นมันเข้าห้องนั้นได้ ถ้าเกิดกำลังเอากันอยู่มันเข้ามาล่ะ” โอ้โห...เหตุผลมันเหี้ยมาก นึกว่าอะไรจะบ้าตาย “ปั้น...มึงรู้ใช่ป่ะเป็นแฟนกันไม่ใช่แค่เอากัน มันต้องทำอย่างอื่นด้วย”
“ไม่ไปห้องมึงนะ” ฉันพูดขึ้นขณะรถสปอร์ตของมันมุ่งหน้าไปคอนโด แต่เชื่อได้ว่าต่อให้ฉันห้ามยังไงมันก็ไปคอนโดมัน ที่จริงมันควรให้เวลาฉันทบทวนสักหน่อย ที่มันบอกว่าชอบมันก็ดีหรอก แต่ฉันรู้สึกแค่ว่ามันยังมีบางอย่างติดค้างในใจนิด ๆ ที่ฉันต้องขจัดออก “ห้องไหนกูก็จะนอนกับมึง กูอยากกอดมึงใจจะขาด” หึ...อยากกอดหรืออยากถอด ฉันเพิ่งรู้ก็ตอนที่โดนมันรวบหัวรวบหางกินไปตลอดตัวนี่เองว่า มันเป็นคนหื่น ก่อนหน้านั้นมันไม่ได้แสดงด้านนี้ออกมาให้เพื่อนอย่างพวกฉันเห็น มีแค่ไอ้ปุณณ์ดูชัดเจนที่สุดก็เท่านั้น แต่นั่นมันก็เป็นแค่ไอ้ปุณณ์ ส่วนไอ้ปั้นแบดบอยสเปกสาว ๆ เลย หล่อเลือกได้ ถ้าให้ก็กินหมด แต่ได้ไปอยู่ห้องมันแค่เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมง สาบานว่าฉันเสียวท้องตลอดเวลา มันพร้อมมากสำหรับจับฉันกิน ซึ่งฉันเริ่มกลัวมันนิด ๆ แล้วสิ “คืนนี้ไปห้องกูนะ...ริน...นะ” “มึงอ้อน?” ฉันหันหน้ากลับไปมองมันอย่างแปลกใจ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันอ้อน เพราะปกติเป็นฉันที่อ้อนมันเป็นส่วนใหญ่ “ก็อ้อนเมีย...ครับ” “....” ฉันใบหน้าเริ่มเห่อร้อนนิด ๆ คำว่าเมียมันข้ามแฟนไปอีกอ่
“ถ้าเป็นแฟนพี่เขากูไม่รู้หรอก แต่ถ้าเป็นแฟนกูไม่ต้องทำอะไรกูทำให้ทุกอย่าง” ผมพูดจบแล้วทุกคนก็หันหน้ามองผมอึ้ง ๆ แต่ใครจะสนล่ะ ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้ว จะเอาเมียกลับไปกอดข้ามปี แล้วก็จะกอดไปอย่างนี้ทุกวันนั่นแหละ ไม่สนแล้วโว้ยไอ้ความรู้สึกรักหรือไม่รักอะไร รู้แต่ตอนนี้ขาดไม่ได้ “ปั้นนน...” ไอ้รินเรียกผมเสียงสั้นเล็ก ๆ เหมือนมันจะมองผมแบบไม่เชื่อสายตา “อะไรของมึงไอ้ปั้น” ปัณณ์ถาม “จะอะไรของกูอีกล่ะ...ก็ไอ้รินเนี่ยของกู พวกมึงเลิกเอามันใส่พานให้ใครได้แล้ว” ไอ้ปัณณ์ทำหน้าหมาสงสัย จนอยากจะถีบ ทีอย่างนี้โง่ขึ้นมาเลย “อะไรของมึง มันเป็นของมึงได้ยังไง” ผมเห็นหน้าไอ้รินซีดเผือด แต่ว่าผมไม่สนใจแล้วยื่นมือมาจับมันให้ลุกขึ้น “เป็นของกูได้ยังไงเหรอ...ต้องให้กูอธิบายไหม” ผมหันไปถามคนข้าง ๆ แต่มันส่ายหน้าไปมา ส่วนผมยิ้มร้ายไม่สนใจมันหรอก “ก็กูได้กับมันแล้ว ทีนี้เป็นของกูได้ยัง” “ไอ้ปั้น....” คนที่ผมจับข้อมืออยู่ตะโกนเสียงสั่น มองหน้าเพื่อนที่ตกอกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ใครจะสน เมียกำลังจะโดนผู้ชายงาบไป ผม