โรซาลินตื่นขึ้นมาตอนสายของอีกวัน ความปวดเมื่อยแล่นทั่วร่างกว่าเขาจะยอมหยุดก็เกือบสว่าง เธอยกท่อนแขนกำยำที่ก่ายพาดเอวคอดออกอย่างเบามือแล้วค่อยๆลุกออกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำ
ช่วงล่างยังระบมไม่หายเธอกัดฟันรีบจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จโดยเร็วก่อนจะออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เธอเอาใส่กระเป๋ามาด้วยเพื่อสะดวกที่จะออกไปทำงานต่อเลย เพราะแซฟเฟอร์ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงคนไหนทิ้งเสื้อผ้าหรือข้าวของแม้กระทั่งยางรัดผมไว้ในห้องเขาอย่างเด็ดขาด และเธอเองคิดว่าก็ดีเช่นกัน คล้อยหลังโรซาลินออกไป ดวงตาคมกริบลืมขึ้นมองตามแผ่นหลังบาง มือหนาหยิบโทรศัพท์ยกหูสั่งลูกน้องจัดการโอนเงินทันที ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ ณ ตึกเฮมเวิร์ทสำนักงานใหญ่ชั้นที่ 90 ซึ่งเป็นห้องทำงาน ร่างสูงเดินเข้ามาด้านใน 'จอห์น' ผู้จัดการสูงวัยคนเก่าแก่รีบปรี่เข้ามา "คุณชายมาแล้วเหรอครับ นายท่านมารอสักพักแล้วล่ะ" "พ่อมาทำไม?" คิ้วหนาขมวดเป็นปมก่อนจะเดินเข้าลิฟท์ส่วนตัวขึ้นมายังชั้นที่เก้าสิบ วิลเลียม สตีเฟน เฮมเวิร์ท ชายวัยหกสิบห้าปียืนมองวิวเบื้องล่างผ่านจะกระจกใส เขาวางมือจากธุรกิจทั้งหมดและส่งต่อให้ลูกชายทั้งสามคน เสียงเปิดประตูเบาๆ วิลเลียมหันไปมองพร้อมกับถอนหายใจ เขาโบกมือไล่ผู้ติดตามทั้งหมดให้ออกไปนอกห้องก่อนจะเดินมาหย่อนกายนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ "มาแต่เช้า มีธุระอะไรกับผมหรือครับ" แซฟเฟอร์เอ่ยถามพร้อมกับเดินไปนั่งตรงข้ามด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยเช่นเคย หากเดาไม่ผิดบิดาเขาคงมาพูดเรื่องงานหมั้นเป็นแน่ "อาทิตย์หน้างานวันเกิดฉัน แขกเหรื่อมากันเยอะแยะ ตระกูลโจแฮนสันเองก็จะมาร่วมด้วยรวมทั้งหนูเบลล่า ฉันหวังว่าแกจะไม่ควงผู้หญิงที่ไหนออกหน้าออกตาทำฉันขายหน้าหรอกนะ" สตีเฟ่นเอ่ยขึ้น เขาไม่ต้องการให้ลูกชายเอาผู้หญิงไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนเข้ามาข้องเกี่ยวกับคนในตระกูล แม้ที่ผ่านมาบรรดาลูกชายทั้งสามจะมีข่าวกับบรรดาหญิงสาวมากหน้าหลายตาไม่หยุดหย่อนเลยก็ตาม "เหอะ! ที่แท้พ่อก็ห่วงเรื่องนี้เอง" เขาแค่นเสียงในลำคอก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "ไอ้ลูกคนนี้!" ท่าทางเย็นชาของแซฟเฟอร์นั้นยังคงทำให้ผู้เป็นบิดาหงุดหงิดอยู่เสมอ "ครับ" เขาเอ่ยสั้นๆ พร้อมกับล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงมองบิดาด้วยสายตาอ่านยากก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไป โจนาร์ดลูกน้องมือขวาเดินเข้ามาประกบตามหลังทันที ห้องทำงานกว้างขวางหรูหรา ตกแต่งด้วยข้าวของราคาแพงสมฐานะ เอกสารต่างๆวางไว้รอเขาตรวจและลงนามอยู่บนโต๊ะ กริ๊ง~~เสียงอินเตอร์โฟนดังขึ้น มือหนาเอื้อมไปกดปุ่มโดยสายตายังจับจ้องตัวเลขในเอกสาร "ท่านคะ มีเอกสารสำคัญส่งมาถึงท่านค่ะ" เสียงเลขาหน้าห้องเอ่ยมาตามสาย "เข้ามา" เขาเอ่ยบอกก่อนจะกดวางสาย แกร๊ก... "นี่ค่ะท่าน" "อืม ขอบใจ" เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะแกะซองเอกสารเอาออกมาดู "รับกาแฟเลยไหมคะท่าน" เจนนิเฟอร์ เลขาซึ่งเป็นลูกสาวของเป็นญาติห่างๆ ทางมารดาเขาและฝากฝังเอาไว้ให้ทำงานด้วยก่อนเสียชีวิต ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย คล้อยหลังเลขาออกไปดวงตาคมกริบไล่มองเอกสารการประมูลบ่อน้ำมันอย่างละเอียดก่อนจะเก็บลงใต้โต๊ะ วันนี้ทั้งวันที่เขามัวแต่ทำงานจนเวลาผ่านไปเกือบจะเลิกงาน สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดก็สั่นครืดคราด เขาเหลือบมองก่อนจะพบว่าเป็นแอนนา นางแบบสาวชื่อดังหนึ่งในบรรดาผู้หญิงที่เป็นคู่นอนโทรมา "ครับ แอนนา" 'เย็นนี้เรามีนัดกันนะคะแซฟ' เสียงหวานเอ่ยมาจากปลายสาย "อ่างั้นหรือ ผมลืมไปเลย" เขามัวแต่วุ่นวายกับงานประมูลครั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า "หืม ..แอนไม่สำคัญถึงขนาดลืมกันเลยเหรอคะเนี่ย" เสียงกระเง้ากระงอดของหญิงสาว "หึ อย่าเพิ่งงอนสิครับเบบี๋ งั้นผมจะชดเชยให้ดีไหม" คำพูดหอมหวานที่แฝงนัยยะซึ่งเขามักจะใช้กับผู้หญิงทุกคนที่มีสัมพันธ์ด้วย แต่กลับทำเอาปลายสายตื่นเต้นจนแทบจะรอไม่ไหว "คิก~ งั้นเจอกันนะคะ" "ครับ" เขากดวางสายไปก่อนจะลุกออกจากห้องทำงาน รถสปอร์ตคันหรูแล่นมาจอดที่ร้านอาหารริมทะเลสาบ ร่างสูงเดินเข้ามาเรียกความสนใจจากสายตาผู้คนในร้านให้หันไปมองเป็นตาเดียวกันด้วยความหล่อและสูงโดดเด่นราวกับนายแบบ "ทางนี้ค่ะแซฟ" แอนนาโบกมือเรียก เธอลุกขึ้นโผเข้ากอดเขาแน่นพร้อมกับจูบประทับแก้มสากด้วยความสนิทสนม มื้ออาหารสุดหรูตามแบบฉบับอิตาเลี่ยนถูกนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ แซฟเฟอร์ตักทานเพียงเล็กน้อย ในมือควงแก้วแชมเปญราคาแพงระยิบ "ช่วงนี้คุณหายไปเลยนะคะ ไม่คิดถึงกันบ้างรึไง เอ้ะ! อย่าบอกนะว่าคุณติดใจผู้หญิงคนไหนมากกว่าแอนงั้นเหรอคะ!" แอนนาทำเสียงกระเง้ากระงอด "หึ ผมแค่วุ่นวายกับงานน่ะ วันนี้คุณสวยมากเลยนะ" เขาเอ่ยพร้อมกับหลุบตามองริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปสติกสีสดสุดเย้ายวน ดวงตาคมกริบประกายวาบ เผยรอยยิ้มร้ายกาจที่ทำให้หญิงสาวคนแล้วคนเล่าต่างหลงเสน่ห์ของเขาจนโงหัวไม่ขึ้น...“คุณแจ๊คเกลไม่ไหวค่ะ..แฮ่ก..แฮ่ก” เสียงหวานเอ่ยบอกเมื่อชายหนุ่มเร่งตอกอัดตัวตนเข้าใส่รัวเร็วจนร่างบางกระเพื่อมไหวไปตามแรงกระแทก “เกล อดทนอีกหน่อยนะที่รัก จะแตกแล้ว..ซี้ด” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยบอกพร้อมกับเร่งกระแทกถี่รัว “อร๊าย..อ๊าส์...คุณแจ๊คคะ ถ้าลินรู้เข้าจะทำไง” แอบิเกลเอ่ยถามด้วยความกังวล “ลินรู้แล้วทำไมเหรอเกล บอกไปสิว่าเราเป็นอะไรกัน เมื่อกี้สองคนนั้นก็มาดูแสงเหนือเหมือนกัน” ตั่บ ตั่บ ตั่บ “ห้ะ! ว่าไงนะ ลินกับคุณแซฟน่ะเหรอ” แอบิเกลเอ่ยด้วยความตกใจ ลินจะโกรธรึเปล่านะถ้ารู้ว่าเธอแอบกินกับแจ๊คสันเพื่อนสนิทของโรซาลิน “เธอเป็นเมียฉันนะเกล มันไม่สำคัญว่าเราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แค่เราเข้ากันได้ดีแค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่รึไง” แจ๊คสันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะก้มลงมากดจูบดุเดือดในขณะที่ช่วงล่างยังคงตอกอัดกันอย่างดุเด็ด ตั่บ ตั่บ ตั่บ กลีบอวบอูมปลิ้นยุบตามท่อนลำอันใหญ่ที่ผลุบเข้าออกรัวเร็ว “เกล..ซี้ด..รัดค..จนปวดไปหมด” “อร๊ายส์..คุณแจ๊ค..เกลไม่ไหวแล้ว” ร่างบางเกร็งสะท้านไปทั้งร่างก่อนจะกระตุกสองสามครั้งเสร็จสมรุนแรง กลีบอวบอูมสั่นระริกตอดรัดลำกายจนใบหน้าหล่อเหลา
สัปดาห์ต่อมาแซฟเฟอร์พาเธอนั่งเครื่องส่วนตัวบินไปนอร์เวย์เพื่อฮันนีมูนหลังแต่งงาน อากาศเย็นลงจนมีหิมะตกประปราย ระหว่างทางพื้นที่สีเขียวเริ่มปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน บรรยากาศสวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย มันสวยงามแบบนี้เองสินะเมียเขาถึงอยากจะมาที่นี่นักหนา มือใหญ่กระชับผ้าพันคอให้คนตัวเล็กก่อนจะก้าวลงจากรถ“พี่ลิน พี่เขย มาถึงเร็วจัง” เลโอวิ่งออกมารับหน้าบ้านเมื่อเห็นรถแวนคันหรูขับลุยหิมะเข้ามาจอดเทียบท่าสามคัน“ไอ้น้องชาย สบายดีรึเปล่า” แซฟเฟอร์ทักทายเด็กหนุ่มที่โตขึ้นเล็กน้อยอย่างเป็นกันเอง“สบายดีมากครับพี่เขย ว่าแต่ดูแลพี่สาวผมดีรึเปล่า ไม่งั้นผมทวงคืนนะ” เลโอที่เริ่มโตเป็นหนุ่มและเริ่มกวนประสาทเก่งขึ้น“เด็กเปรต ฉันดูแลโรซาลินดีอยู่แล้วล่ะ” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยขึ้นทำเอาป้ามาเรียกับโรซาลินขำกันใหญ่“มากันแล้วเหรอลูก พากันเข้าบ้านก่อนเดี๋ยวจะไม่สบายเอา คุณแซฟสบายดีใช่ไหมคะ” พิมประภาเอ่ยถามหลานเขย ป้ามาเรียยกชุดน้ำชาร้อนๆมาฝาก โรซาลินมองร่างท้วมที่เริ่มชราลงทั้งยายและป้ามาเรียก็อดใจหายไม่ได้“คุณแซฟคะ ลินอยากหาแม่บ้านที่ไว้ใจได้สักคนมาช่วยป้ามาเรียดีไหมคะ” โรซาลินหันไปคุยเบาๆ กับสามี
งานแต่งเรียบง่ายถูกจัดขึ้นที่โบสถ์เก่าแก่ประจำตระกูลเฮมเวิร์ทซึ่งเคยเป็นที่จัดงานของสตีเฟ่นกับภรรยาผู้ล่วงลับมาก่อนแซฟเฟอร์ในชุดทักซิโด้สีดำเรียบหรูที่ถูกสั่งตัดขึ้นมาเป็นพิเศษยืนมองเจ้าสาวที่ควงแขนเลโอเข้ามาในโบสถ์ด้วยหัวใจที่กำลังเต้นโครมคราม บรรดาแขกเหรื่อต่างชื่นชมความสวยของเจ้าสาวไม่ขาดปาด แม้งานจะถูกจัดอย่างเป็นส่วนตัวแต่สื่อบางสำนักก็พาดหัวข่าวออกไปจนเป็นที่สนใจของคนทั่วโลกแดเนียลยืนมองโรซาลินที่สวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ ขณะเดินผ่านเธอหันมาส่งยิ้มให้เขาอย่างมีความสุข พิมประภา ป้ามาเรียและเลโอนั่งมองโรซาลินเข้าพิธีแต่งงานอย่างมีความสุข เธออวยพรแก่ทั้งคู่ยาวเหยียดจนโรซาลินถึงกับน้ำตาซึม แจ๊ค แอบิเกล บิลลี่และซินดี้นังถัดไปจากเลโอและเป็นเพื่อนฝ่ายเจ้าสาวที่ได้รับการเชิญมาเป็นแขกในงานเมื่อถึงแท่นพิธี บาทหลวงให้ทั้งคู่กล่าวคำสาบานจากนั้นก็สวมแหวนให้กันแล้วจดทะเบียนสมรสภายในวันนั้นเป็นอันเสร็จพิธี ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในสัปดาห์เดียวด้วยเม็ดเงินมหาศาลของแซฟเฟอร์ อีกทั้งแหวนแต่งงานของทั้งคู่นั้นสตีเฟ่นสั่งให้คนนำเพชรเก่าแก่ของตระกูลไปเจียระไนใหม่เพื่อทำแหวนพิเศษขึ้นมาให้แก่ลู
สัปดาห์ต่อมาโรซาลินและแซฟเฟอร์เดินทางกลับอิตาลีพร้อมกันท่ามกลางกระแสข่าวที่ตอกย้ำเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเขา อีกทั้งข่าวเรื่องการยกเลิกงานหมั้นอย่างกระทันหันนั้นทำเอาโรซาลินกลายเป็นที่จับตามองส่งผลให้หนังที่กำลังเปิดตัวกลายเป็นที่สนใจมากขึ้นไปอีกเท่าตัว “ลิน! ดูนี่สิพาดหัวแต่เช้าเชียวอีพวกบ้าเนี่ย คนมีแฟนมันผิดยังไงยะ! เดี๋ยวแม่ตบหน้าหันเลย” บิลลี่บ่นพล่ามเมื่อเห็นข่าวที่กำลังพาดพิงถึงเพื่อนหล่อนแต่เช้ารถตู้คันหรูแล่นมาจอดในงานเปิดตัวภาพยนต์เรื่องดังที่เธอแสดงนำ ร่างบางในชุดเดรสสีกรมระยิบระยับสวยงาม เมื่อก้าวลงจากรถแสงแฟลชก็รัวสาดเข้าใส่ทันที ดวงตากลมโตหรี่ลงแม้จะแสบตาแต่ใบหน้าหวานก็เปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลาสมกับเป็นมืออาชีพ ร่างบางขึ้นเวทีพร้อมกับนักแสดงคนอื่น งานเปิดตัวภาพยนต์ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สื่อให้ความสนใจกันอย่างล้นหลามโดยเฉพาะนักแสดงนำอย่างโรซาลินที่เพิ่งมีข่าวฉาวก่อนหน้านี้ หลังจบงานบนเวที นักข่าวตั้งป้อมดักรอสัมภาษณ์อยู่หน้างานกันอย่างคับคั่ง“คุณโรซาลินคะ หยุดวงการไปพักผ่อนตั้งเดือนนึงช่วยอัปเดตให้ฟังหน่อยค่ะ” “จากภาพเห็นว่าคุณลินเดินทางกลับพร้อมกับคนที่เป็นข่
“เดี๋ยวนะคะ เราคงคุยกันไม่เข้าใจแล้วล่ะ มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงคะ ลินเป็นแค่คู่นอนเท่านั้นไม่ได้คิดจะเป็นเมียคุณ อย่ามาเสียเวลาเลยค่ะ”“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ที่เอากันอยู่ทุกวันนี้ยังคิดว่าฉันเห็นเธอเป็นคู่นอนอยู่อีกรึไง”“คุณก็ทำแบบนี้กับผู้หญิงอีกหลายคน อย่ามาปั่นหัวลินเลยค่ะ ปล่อยนะคะเดี๋ยวคนเข้ามาเห็น!”“ลิน..ฉันไม่ได้ปั่นหัว เธอยังโกรธเรื่องที่ปารีสอยู่ใช่ไหม” เขาเอ่ยถามพร้อมกับรวบเอวคอดในขณะที่มือเล็กก็พยายามผลักและต่อต้านเขาสุดกำลัง“ใช่ค่ะ เรื่องวันนั้นมันทำให้ลินคิดได้ว่าลินไม่เหมาะกับคุณ ลินเป็นแค่ผู้หญิงที่ขายตัวให้คุณ เมื่อไหร่ที่คุณเบื่อคุณก็สามารถไล่ลินได้ตลอดเวลา” น้ำเสียงหวานเอ่ยสั่นพยายามบังคับไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในแววตาคู่สวยด้วยความรู้สึกวูบไหวก่อนจะเอ่ยออกมา“ฉันขอโทษ..มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันจัดการไปหมดแล้วจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว..ลิน อย่าดิ้น” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยกระเส่า เมื่อร่างบางนุ่มนิ่มกำลังดิ้นขลุกขลั่กในอ้อมแขนแข็งแรง กลิ่นหอมคุ้นเคยคลุ้งอบอวลอีกทั้งเต้าอวบอิ่มที่กำลังบดเบียดแผงอกแกร่งอยู่นั้นมันกระตุ้นสัญชาตญาณของชายหนุ่ม
“ไหนมึงบอกอีกนาน” คริสโตเฟอร์เอ่ยถามแวฟเฟอร์ก่อนจะส่งแก้วบรั่นดีให้ คาร์ลิมัสที่เพิ่งเดินเข้ามายักคิ้วทักทายพี่ชายทั้งสองคนก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงสามหนุ่มนั่งพูดคุยกันที่ระเบียงกว้างขวางภายในคฤหาสน์ของตระกูลที่นานครั้งถึงจะมาใช้งาน ส่วนใหญ่พวกเขาจะอยู่ที่เพ้นเฮ้าส์ส่วนตัวและยังมีตึกส่วนตัวแยกออกไปอีกคนละหลังซึ่งอยู่ภายในอาณาบริเวณคฤหาสน์หลังนี้“กูมาให้ปากคำตำรวจ” “ป่านนี้ไอ้แฮชานคงหลบออกนอกประเทศไปแล้ว แล้วเคลียร์กันลงตัวรึยังกับเมียน่ะ” “......” แซฟเฟอร์ไม่เอ่ยตอบอะไร แต่ในหัวคิดไปถึงใบหน้าหวานที่มักจะมองเขาด้วยสายตาเย็นชาตลอดเวลาตั้งแต่ลงเครื่องมานี่หล่อนยังไม่คิดจะรับสายเขาสักครั้ง“อ่า..จะง่ายขนาดนั้นเชียวหรือวะ ดูหน้ามันสิเหมือนคนแบกอะไรไว้ที่คอเลย” คาร์ลิมัสเอ่ยขึ้นพร้อมกับจิบบรั่นดี“นั่นสินะ เธอโดนเบลล่ากลั่นแกล้งซะขนาดนั้นคงเข็ดไม่กล้าเข้าใกล้มึงแล้วล่ะ แล้วมึงก็ยังจะทำตัวงี่เง่าใส่เธออีก แล้วจะทำยังไงต่อ” คริสโตเฟอร์เอ่ยถามปมปัญหาที่ผู้เป็นพี่ชายกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้“นั่นแหล่ะที่กูกำลังคิดอยู่” แซฟเฟอร์เอ่ยบอกเสียงเรียบ ทั้งสามหนุ่มดื่มกันจนดึกก่อนจะแยกย้ายกันกลับพื