K : สวัสดีครับ
S : ใครครับ?
K : ไม่บอกได้ไหมครับ แต่ผมมีเรื่องจะขอรบกวนคุณนะ
S : ผมหรอ ให้ช่วยอะไรครับ?
K : ไม่ทราบว่าเพื่อนสนิทของคุณชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมเป็นพี่เทคของเขา
S : คนไหนละครับ เพื่อนผมมีเยอะแยะ
K : น้องเบส.....
S : อ้อ มันชอบของอร่อยครับ เท่านั้นแหละ ผมดีใจนะที่คุณเริ่มหันมาสนใจมันบาง
K : ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ พอดีผมยุ่งๆ อยู่ ถ้ายังไง ผมอาจจะขอรบกวนคุณเพื่อสอบถามนะครับ แล้วก็อาจจะฝากของผ่านคุณ ไปให้น้องเบสด้วย
S : ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี
K : แล้วคุณชอบทานอะไรไหมครับ ถือว่าผมติดสินบนก็แล้วกัน....
หลังจากที่พี่ท็อปบอกว่าจะตามหาพี่เทคให้ มันก็มีความคืบหน้าจริงๆ นะครับ เพราะหลังจากนั้น 2 – 3 วัน ไอ้ซันก็เดินถือกล่องขนมอะไรสักอย่างมาด้วย ยื่นให้ผมตรงหน้า ผมก็มองมันอย่างงงๆ พร้อมกับถามออกไปเบาๆ ว่าให้เนื่องในโอกาสอะไร มันก็บอกว่ามีคนฝากเอามาให้ เป็นของที่มาจากพี่เทค
พอผมถามว่ามันรู้จักคนๆ นั้นไหม มันก็บอกว่าไม่รู้จัก พร้อมกับนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบกล่องขนมแบบเดียวกันออกมานั่งทานไปพลาง
“อร่อยไหมว่ะ”
“ลองแดกดูสิครับ” ผมยู่ปากอย่างขัดใจนิดๆ ก่อนจะเปิดกล่องของตัวเองออกดูบ้าง มาการองครับ กล่องขนาดใหญ่นี้ มีทั้งหมด 24 ชิ้น พร้อมติดรสชาติระบุไว้ที่ด้านล่างทุกชิ้น หันไปมองของไอ้ซัน ก็เป็นแบบเดียวกัน ก่อนจะเอ่ยถาม
“ทำไมมึงก็ได้ด้วยละ”
“สินบน” ไอ้ซันพูดพร้อมกับยักไหล่ ผมหยิบกล่องมาการองนั้นออกจากถุง จึงเห็นว่ามีแผ่นกระดาษเล็กๆ นั้นอยู่ด้วย พร้อมกับรอยปากกาสีน้ำเงินเข้ม พี่ครับ มึงจะไม่ลงทุนเขียนให้กูดีๆ หน่อยหรอครับ มึงเรียนบริหารจริงไหมครับเนี้ย แม้แต่กระดาษโน้ตมึงกลับเอามาเขียนที่ด้านหลังสลิปคิดเงินนี่นะ ผมหยิบสลิปที่ว่านั้นขึ้นมาอ่านอย่างสนใจ สงสัยว่าพี่เทคเขียนอะไรมา
ขอโทษด้วยนะครับ ช่วงรับน้องพี่ยุ่งๆ ทำให้ไม่ได้สนใจน้องเบสเท่าที่ควร หลังจากนี้จะใส่ใจให้มากขึ้นครับ
แค่กระดาษโน้ต มึงก็ติดลบแล้วครับพี่ คิดพลางพลิกไปอีกด้าน ก่อนจะตกตะลึงกับราคาของขนม
“ไอ้ซัน!!! มึงแดกเข้าไปกี่ชิ้น!! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” ผมพูดพลางเข้าไปบีบคอไอ้ซันไว้ ให้มันหยุดกินขนมที่ว่าทันที จนมันไอ้คอกแค่กออกมา ก่อนจะหันมาโวยใส่ผมทันที
“เล่นห่าอะไรของมึงเนี้ย เลอะหมดแล้วสัส!!” ไอ้ซัน
“สกปรกฉิบหาย” ไอ้วุฒิ
“ทำไมต้องห้ามไอ้ซันด้วยละ” ไอ้นาย
“พวกมึงดู!!! กล่องละ 3,100 สัส ชิ้นละเท่าไหร่ มึงคิดดู มึงแดกเข้าไปกี่ชิ้นแล้วห๊ะ!!” ไอ้ซันกับไอ้นายขยับเข้ามาใกล้ๆ มองเห็นจำนวนเงินสุทธิ ในราคา 6,200 บาท ด้วยดวงตาเบิ่งโพล่ง ต่างจากไอ้วุฒิที่มองจ้องกล่องในมือของผมเขม็ง
“กูขอซื้อต่อ 1,000 ได้ป่าวว่ะ” ไอ้วุฒิพูดอย่างหน้าไม่อาย กัดริมฝีปากนิดๆ อย่างพยายามอดใจ
“ไอ้นาย!! มึงวิ่งไปเอาน้ำยาล้างห้องน้ำมา!! กูอยากล้างท้อง!! เชี่ย แพงอะไรขนาดนั้นว่ะ แม่ง กูก็แดกไปเหอะ นี่กูกินไปกี่ชิ้นเนี้ยยยยยย” ไอ้ซันยีหัวสีส้มของตัวเองอย่างหงุดหงิด ก้มหน้าลงมองกล่องขนมที่ว่างอยู่บนโต๊ะ สายตาไล่นับดูอย่างรวดเร็ว เหลือเพียง 18 ชิ้นเท่านั้นเองครับ มันทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ ใช้อ้อมแขนกอดกล่องขนมไว้อย่างทะนุถนอม ขู่ไอ้วุฒิกับไอ้นายฟ่อๆ ไม่ให้มายุ่งกับขนมของตัวเอง ในขณะที่ผมเอากล่องนั้นหลบออกจากสายตาไอ้วุฒิทันที กลัวว่าถ้าเผลอเมื่อไหร่มันจะกระโดดตะครุบเอา
“กูพึ่งจะนึกออก นี่มันแบรด์ดังเลยนี่หว่า ขนาดกล่องเล็กแบบ 7 ชิ้น ยังราคา 1,000 เลย ขอกูกินหน่อยเถอะนะ” ไอ้วุฒิขยับเข้าไปเขย่าแขนไอ้ซันเบาๆ ไอ้ซันก็ขู่ฟ่อออกมาทันที พร้อมกระโดดกัดเต็มที่ มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาหาผมแทน ผมใช้มือยันใบหน้าของมันเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยปากบอก
“มึงก็มีเงิน มึงอย่าหวัง” ไอ้วุฒิทำหน้ายู่อย่างขัดใจ ก่อนจะหันไปคล้องคอไอ้นาย แล้วคุยกันเบาๆ 2 คน ว่าจะแอบไปซื้อมากินเองบ้าง ผมส่ายหัวให้กับเพื่อนของตัวเอง ก่อนจะหันมามองไอ้ซันที่นั่งกินขนมทำหน้าฟินแบบหยุดไม่อยู่นั้น ก่อนที่เสียงแอพแชทของมันจะดังขึ้น ทำให้มันหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะกดจึ้กๆ ไปพลาง มือหยิบขนมไปพลาง ในตอนที่มันไม่รู้ตัวนั้น ไอ้วุฒิกับไอ้นายก็แอบฉกขนมมันไปแล้วละครับ กว่าไอ้ซันจะเงยหน้าขึ้นมาได้ ขนมของมันก็หดหายไปหลายชิ้นแล้วล่ะ
“อะ ไอ้พวกเชี่ยยยยยยยยยย” ไอ้ซันร้องออกมาเสียงโหยหวน เมื่อไอ้วุฒิกับไอ้นายแอบจกขนมของมันกินจนมันจับได้ ผมนั่งมองภาพความวุ่นวายตรงหน้า แถมยังกระทบมาที่ตัวผมด้วย เพราะเรานั่งเรียงกัน โดยที่เป็นผม ไอ้ซัน ไอ้นาย ไอ้วุฒิ พอมันตีกันก็มีบ้างที่จะเอนทับมาทางผม สรุปก็คือเสียงดังสุดในห้องละครับ โดนสายตาพวกเพื่อนๆ มองจ้องเขม็ง แต่แล้วไงละ อาจารย์ยังไม่มาสักหน่อย
หลังจากนั้นชีวิตก็วนเวียนอยู่แค่ไม่กี่อย่างครับ กิน นอน ไปเรียน ทำอาหารเวลาว่างๆ เบื่อๆ เวลาที่ทำอาหารเพลินเกินไปก็เรียกไอ้ซันออกมาจัดการทุกที หรือไม่ก็ออกไปร้าน Aftermoon Club กับไอ้ซันบ้างเป็นบางที ซึ่งมันก็ได้สาวๆ ติดกลับมาทุกครั้ง ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม นอกจากนี้แล้วก็ยังมีพี่เทคที่คอยฝากของผ่านไอ้ซันเอามาให้ ผมเองก็เคยไปเจอคนที่เอาของมาส่งพร้อมไอ้ซันนะครับ แต่ว่าคนที่เอามากลับหน้าไม่ซ้ำกันเลยสักครั้ง ผู้หญิงบ้าง ผู้ชายบ้าง สลับๆ กันไป อยู่คณะเดียวกัน ต่างคณะ รุ่นพี่ รุ่นเพื่อน เรียกได้ว่าสับเปลี่ยนแวะเวียนมาหาจนงง ว่าตกลงแล้วพี่เทคของผมคือใคร ทำไมเขาถึงได้มีเพื่อนเยอะนัก
ส่วนของไอ้ซัน ไอ้วุฒิ ไอ้นาย ก็นานๆ มีมาทีครับ ต่างจากผมที่มาสม่ำเสมอ อย่างน้อยๆ 1 สัปดาห์ก็ต้องมีของมาส่งให้ ตามความว่างของพี่เขาละ สถานที่ก็แล้วแต่ว่าจะนัดกันที่ไหน คนที่ไปเอามาให้ก็คือไอ้ซันนั่นแหละ
จากตอนแรกๆ ที่เพื่อนๆ พากันสงสารก็เปลี่ยนมาเป็นหมั่นไส้แทน เพราะได้ของจากพี่เทคอย่างต่อเนื่องแบบนอนสต๊อป นอกจากนี้ ไอ้ซันยังได้อานิสงส์ไปด้วย โดยที่มันบอกแค่ว่า พี่เขาทักมาหามัน ถามมัน แล้วก็ซื้อมาเผื่อมันเป็นสินบน มันเคยลองเข้าไปดูโปรไฟล์ของพี่เขาแล้ว ไม่มีอะไรเลยนอกจากไอ้ซันที่เป็นเพื่อนกับเขาแค่คนเดียว เหมือนตั้งแอคเค้าท์มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
กับพี่ท็อปก็ยังคุยๆ กันอยู่บ้างครับ นานๆ ที พี่เขาก็ถามว่าพี่เทคติดต่อไปรึยัง ได้ชีทเรียนบ้างไหม หรือ อยากให้พี่เขาสอนวิชาไหนไหม ผมก็ได้แต่บอกไปว่าชีทเรียนที่ได้จากพี่ท้อปกับพี่เทคก็เยอะจนจะล้นห้องแล้วครับ พี่เขาก็เลยไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีก
อ้อ หลังจากนั้นผมก็โดนพ่อเรียกกลับบ้านไปดุจริงๆ ก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด เพราะหลักฐานมัดตัวแน่นหนา แถมมีพยานอยู่ตั้ง 3 คน หมดหนทางจะดิ้น ก็ได้แต่ทนรับแรงกดดันและรังสีที่ถูกปล่อยออกมาทิ่มแทงไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีออกงานบ้าง 1 – 2 ครั้ง ไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่เรื่องที่จะให้นัดไปทานอาหารเที่ยงนั้นไม่มีครับ สบายใจได้เปลาะหนึ่ง
“มึง น้องเขาอยากรู้จัก” ไอ้ซันเดินมาหาผมพร้อมกับผู้หญิงสองคน คนหนึ่งเกาะติดไอ้ซันไว้ไม่ปล่อย ลำตัวแนบชิดไปกับท่อนแขนของมัน เฮ้ยๆ ระวังนมระเบิดนะครับ เบียดเข้าไปซะขนาดนั้น นมแตกไม่รู้นะเออ คิดพลางเลื่อนสายตาไปที่ผู้หญิงอีกคน คนนี้ดูเรียบร้อยกว่านิดหน่อย หน้าตาน่ารัก ใส่แว่นกรอบสีชมพู ส่งยิ้มมาให้
“สวัสดีครับ” ผมทักทายออกไปตามมารยาท อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาใกล้ พร้อมกล่าวทักทายกลับ ก่อนจะขอนั่งลงที่พื้นที่ด้านข้าง
“ชื่อน้ำนะคะ ขอนั่งด้วยคนนะ” แม้ว่าปากจะขอดังที่ได้ยิน แต่กลับไม่รอคำตอบ และมันคงจะไม่เป็นอะไรเท่าไหร่นัก หากสาวเจ้าไม่ได้นั่งลงบนตักของผม ที่ขาข้างหนึ่ง ผมจึงเลิกคิ้วขึ้นแล้วเลื่อนสายตาไปมองใบหน้าของหญิงสาวคนดังกล่าว อีกฝ่ายกแขนขึ้นคล้องคอของผม ก่อนจะประจันหน้ากัน แล้วเอ่ยถามไปพลาง
“ชื่อเบสหรอคะ มาเที่ยวที่แบบนี้บ่อยไหมคะ”
“ไม่บ่อยหรอกครับ นานๆ มาที” ถึงจะรู้สึกว่าหญิงสาวถึงเนื้อถึงตัวเร็วเกินไป แต่ก็ไม่ได้ปัดเธอออก กลับยกแก้วเหล้าขึ้นจรดริมฝีปาก แล้วปล่อยให้เธอนั่งเล่นอยู่บนตักไป ตัวเธอเล็กครับ ไม่หนักเท่าไหร่หรอก
สาวเจ้าจับคว้ามือของผม ให้ไปวางแหมะอยู่ที่สะโพกกลมกลึง ผมก็เข้าใจการสื่อความหมายได้ทันที จึงเริ่มต้นลูบไล้เบาๆ ไปมา ตามที่เธอต้องการ
“ว๊า ถ้าอย่างนี้จะทำยังไงดีคะ น้ำอยากจะรู้จักเบสมากกว่านี้จัง”
“อยากลองไปทำความรู้จักกับผมแค่สองต่อสองไหมล่ะครับ” ถามพลางก้มหน้ามอง ก่อนที่สายตาจะมองไปหาเพื่อนสนิท ที่กำลังคุยอยู่กับหญิงสาวอีกคนเช่นกัน ไม่ได้มีความสนใจผมเลยแม้แต่น้อย ผมจึงกลับมามองคนที่อยู่บนตักอีกครั้ง
“อยากไปจังเลยค่ะ จุ๊บ” จบคำพูดนั้น หญิงสาวก็กดจูบลงมาทันที ผมเองก็ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำตามใจ ก่อนที่สายตาจะมองไปที่ไอ้ซันอีกครั้ง เห็นมันกำลังก้มลงจูบเด็กของมันอยู่ มือถูกยกขึ้นบีบเคล้นปทุมถันของอีกฝ่ายไปมา ในขณะที่สายตามองสบกับผมอยู่ เหมือนกับจะชวนให้ท้าทายอยู่ในที มือของไอ้ซันค่อยๆ ไต่ไปตามโครงร่างนุ่มนิ่มที่อยู่ด้านข้าง ฝ่ามือเริ่มเลื้อยเข้าไปใต้ชายกระโปรงสีหวาน จนหญิงสาวครางแผ่วออกมาให้ได้ยิน
“อ๊ะ” ไอ้ซันกระตุกยิ้มชอบใจ แล้วมองจ้องผมไปพลาง สายตาสะกดให้ผมมองนิ่ง ราวกับจะกลืนกินสิ่งที่กำลังมองเห็นด้วยความเร่าร้อน และไฟปรารถนา และเหมือนกับว่ามันกำลังจะสอนให้ผมทำตามมันไป เพื่อให้ผมได้เรียนรู้ แต่กลับเป็นผมเองที่ดันไหล่ของหญิงสาวออกจากตัว อุ้มเธอลงไปนั่งที่ด้านข้าง หันไปร้องบอกเบาๆ
“พอดีผมนึกขึ้นได้ว่าแมวป่วย ขอตัวก่อนนะครับ ผมจะรีบไปดูแลมัน” ไอ้ซันยกยิ้มขบขัน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เดินออกจากร้านในทันที ปล่อยทิ้งคนทั้ง 3 ไว้ตรงนั้น ไว้ค่อยไปเคลียร์ค่าอาหารกับไอ้ซันทีหลัง ตอนนี้หัวร้อนสัสๆ ครับ ต้องการน้ำเย็นมาราดหัวเป็นการด่วน คิดพลางขึ้นไท่หยาง ขับออกไปช้าๆ จากสถานบันเทิงในยามค่ำคืน มุ่งตรงกลับคอนโดของตัวเอง พอเข้ามาถึงห้องแล้วก็เข้าไปอาบน้ำสระผมทันที หวังให้สายน้ำเย็นๆ ลดความรุ่มร้อนกรุ่นโกรธ ปะปนไปกับความไม่พอใจนั้นให้หายไป
“แม่ง มึงคงจะไปต่อถึงไหนต่อไหนแล้วสิ” คิดแล้วกำมือแน่นอย่างอดทน อึดอัด..... ความสัมพันธ์แบบนี้มันอึดอัดสุดๆ ไปเลย ไม่รู้ว่าจะมีวันไหนไหมที่ผมจะกล้าเปิดปากพูดเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมจะมีความกล้าพอร้องบอกในสิ่งที่กำลังรู้สึกกับมัน และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงวันนั้น หรืออาจจะเป็นตลอดชีวิตนี้ผมไม่มีทางได้พูดไป หัวใจของผมเจ็บหน่วงเหมือนมีหินก้อนใหญ่มาทับไว้ ความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดออกไปได้มันทรมานขนาดนี้นี่เอง
อย่างไม่รู้ตัว หยาดน้ำตาไหลออกมาช้าๆ ปะปนไปกับสายน้ำที่กำลังรินรดบนศีรษะ และกลืนหายไป จนทำให้เจ้าของร่างไม่มีทางได้รับรู้ว่าตนเองกำลังหลั่งน้ำตาให้กับความรู้สึกที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เพราะการร้องไห้ครั้งนี้มันช่างเงียบงัน ไร้เสียงสะอื้น ไร้ร่องรอย และไร้ความรู้สึก....
“วันนี้ไปเที่ยวกันไหมเพื่อนนนน” ไอ้ซันเอ่ยปากถามเพื่อนๆ ในเช้าวันหนึ่ง ทำให้คนอื่นๆ พุ่งความสนใจไปที่มันคนเดียว ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติ หลบซ่อนอาการของตัวเอง และพูดคุยกับมันเหมือนเดิม ฝืนใจไปหน่อย แต่ก็ต้องอดทน
“จะไปเที่ยวไหนอะ” ไอ้นายถามอย่างสนใจ
“ไปดูหนังเว้ย เนี้ยมีหนังใหม่พึ่งเข้าโรง เมื่อ 2-3 วันก่อนนี้เอง เรท 18+ ด้วยนะเว้ยยย” ไอ้ซันพูดแล้วทำหน้าฟิน เมื่อพูดถึงหนังเรทการฉาย 18+ เข้าทางมันละครับ ใช่สิ ของชอบมึงเลยนี่....
“เรื่องอะไรวะ” ผมถามออกไปด้วยความสงสัยหน่อยๆ ไม่รู้ว่าจะใช่เรื่องที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้ไหม
“เนี้ยๆ เรื่องนี้” ซันพูดแล้วเปิดภาพบนหน้าจอที่ถูกรีวิวเป็นจำนวนมากในโลโซเชียลออกมาโชว์ให้เพื่อนๆ ดู
“เนื้อเรื่องน่าสนนะเว้ย ผู้หญิงคนหนึ่ง รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง กำลังจะตาย แมร่งทำทุกอย่างก่อนตายร่วมถึงมี SEX ด้วย เขาบอกว่ามีอะไรกันจริงด้วยนะโว้ยยยย น่าดูฉิบหาย” มึงจะไปดูฉากเขาเอากัน กูรู้ กูเห็น ไม่เปิดคลิปโป๊เอาละว่ะ เอากันจริงเหมือนกัน ผมคิดในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“อ่อ กูคงไม่ดูนะ พวกมึงไปเหอะ” เสียงของไอ้นาย น้องเล็กของกลุ่มเอ่ยตอบปฏิเสธ ทำให้คนทั้งกลุ่มหันไปมองอย่างคาดคั้น
“อะไรวะ ไปกับพวกกูดิ” ซันโวยวายอย่างไม่ยอมแพ้ ตามตื๊อจะให้ไปไอ้นายด้วยกันให้ได้
“เออ อะไรวะ ทิ้งเพื่อนหรอมึง” วุฒิเป็นคนพูดขึ้นมาบ้าง ก่อนที่มันสองคนจะช่วยกันผสมโรง ผลัดกันรับผลัดกันรุกเป็นจังหวะจะโคน ส่วนผมก็นั่งมองมันสองคนสลับไปสลับมา จนไอ้นายทนรำคาญไม่ไหว ยอมตกปากรับคำไปในที่สุด
“เออ ไปก็ได้ว่ะ พวกมึงแมร่ง”
“เยส!!!” ไอ้ซันกับไอ้วุฒิตบมือให้กันอย่างยินดี เมื่อภารกิจสำเร็จ ผมเองก็ยกยิ้มพลางหัวเราะไปด้วย เพราะพวกเราแทบจะไม่เคยไปเที่ยวไหนพร้อมกัน 4 คนมาก่อนเลยครับ ถือว่าทำให้เราสนิทกันไปอีกขั้นหนึ่งแล้วกัน
พอเลิกเรียน พวกเราก็พากันไปดูหนังตามที่คุยกันไว้ โดยใช้รถของไอ้วุฒิในการเดินทาง เพราะรถของมันจุคนได้เยอะ แถมนั่งสบายๆ ไม่เบียดกันมากเกินไป CH-R สีเขียวมิ้นต์ครับ พอมาถึงแล้วก็พากันไปซื้อตั๋ว เลือกรอบหนัง แล้วนั่งคุยรอเวลา ก่อนจะค่อยๆ ย้ายทัพเข้าไปภายใน
เนื้อเรื่องก็ประมาณว่า ผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นคนที่เรียบร้อย อ่อนหวาน ต่อมาไม่นานเธอก็มีอาการป่วยจนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล ผลปรากฏว่าเธอเป็นโรคมะเร็งขั้นสุดท้าย เธอพยายามทำทุกอย่างที่อยากทำ โดยจดเป็นรายการไว้ สิ่งที่เธออยากจะทำก่อนตาย มีหลายอย่างมากมายเช่น การช้อปปิ้งแบบกระจาย การซื้อรถสปอร์ตมาขับ การไปปีนเขา การเข้าผับครั้งแรกของเธอ หรือแม้แต่การมี SEX กับหนุ่มบาร์โฮส เธอเลือกทำตามรายการที่จดบันทึกไว้ และไล่ทำจนเกือบครบ ขาดก็แต่การมี SEX เท่านั้นที่เธอยังทำไม่ได้ ด้วยความหนักใจนี้เธอไปปรึกษาเพื่อนๆ และเพื่อนๆ ก็เข้าใจ พาเธอไปที่บาร์และแนะนำหนุ่มรูปงามให้เธอได้รู้จัก
ฝ่ายชายพาเธอเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง ที่มีอยู่ด้านบนของร้าน ทันทีที่ประตูปิดลง ผู้ชายก็ประคองใบหน้าของหญิงสาวขึ้นมาเบาๆ กดริมฝีปากลงไปบดคลึง มืออีกข้างเริ่มต้นถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกช้าๆ พร้อมกับนำพาให้เข้าไปที่ห้องนอน จนเมื่อมาถึงเตียง ผู้หญิงที่เป็นนางเอกก็ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย นอนมองผู้ชายที่กำลังถอดเสื้อผ้านิ่งๆ บนเตียง ก่อนที่อีกฝ่ายจะตามทาบทับตัวลงมา และเริ่มต้นเล้าโลมอย่างอ่อนโยน
“อ๊ะ เจ็บ ฉันเจ็บ!!!!” เสียงผู้หญิงของเธอที่เป็นนางเอกของเรื่องพูดออกมาพร้อมกับน้ำตานองหน้า เมื่อถูกบุกรุกสิ่งล้ำค่าสำหรับผู้หญิงเป็นครั้งแรก
“ผมจะอ่อนโยนกับคุณนะ อดทนหน่อย” ผู้ชายตอบกลับมาอย่างใจเย็น และรอคอยให้ผู้หญิงปรับตัวเข้าหากัน ก่อนที่บทเพลงรักจะดำเนินอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนแปรเปลี่ยนเสียงร้องไห้เป็นเสียงร้องคราวหวิวของหญิงสาว
เพราะฉาก 18+ นี้ ทำให้ร่างกายของผมเริ่มร้อนระอุ ความรู้สึกมากระจุกอยู่ที่ส่วนปลายของร่างกาย พอก้มมองลงไป ก็พบแก่นกายของตัวเองกำลังตั้งชัน ท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลกอยู่ จนอดใจไม่ไหว มือถูกลดต่ำลง เพื่อจัดขยับแก่นกายให้เข้าที่เข้าทาง ไม่ให้ทรมานมากเกินไปนัก
“อู้ยยยยย ซี้ดดด” ผม
“แมร่งงงงง” ไอ้วุฒิ
“ปวดไปหมดแล้วกู” ไอ้ซัน
ส่วนไอ้นาย นั่งมองนิ่งๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยาเท่าไหร่ มือขอบผมยังคงขย้ำอยู่ที่แก่นกายของตัวเองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทรมาน จนแทบจะทนไม่ไหว ทันทีที่จบฉาก 18+ ผมก็ผุดตัวลุกขึ้น พอไอ้ซันไอ้วุฒิเห็น มันก็ผุดตัวขึ้นเช่นกัน และเพราะคนที่นั่งข้างไอ้วุฒิลุกขึ้นไปก่อน มันจึงรีบเดินตามออกไป สรุปคือไอ้วุฒิ ผม ไอ้ซัน พากันเดินออกจากโรงหนัง มุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ
พอไปถึง เหลืองห้องน้ำเพียงแค่ 2 ห้องเท่านั้น ไอ้วุฒิมันก็รีบชิ่ง เดินหนีเข้าไปก่อน ผมจึงหันหน้าไปมองไอ้ซัน แล้วรีบเดินตามเข้าไปบ้าง พอหันมาจะลงกลอน ประตูก็ถูกดันไว้ด้วยคนๆ หนึ่ง
“ขอกูอยู่ด้วย ไม่ไหวแล้ว” ไอ้ซันเอ่ยปากขอ โดยไม่รอคำตอบ ก็แทรกตัวเข้ามา แล้วลงกลอนทันที ในเวลานี้ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น ยืนหันหลังพิงกำแพงที่ด้านข้าง ก่อนจะแกะกระดุมกางเกงนักศึกษาลง แล้วดึงเอาแก่นกายของตัวเองออกมา ไอ้ซันก็ทำแบบเดียวกัน โดยอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกับผม
ผมกัดริมฝีปากน้อยๆ มือก็ชักรูดแก่นกายของตัวเองไปมา ใบหน้าแหงนหงายหลับตารับความรู้สึกที่ฝ่ามือได้รับ และอีกอย่างคือเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าของไอ้ซัน
“อึก” ผมเปล่งเสียงครางในลำคอเบาๆ มือก็ชักรูดไม่หยุด อยากรีบหลุดพ้นจากความทรมานนี้เสียที แต่แล้วสัมผัสของคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองทำให้ผมสะดุ้ง ลืมตาตื่นขึ้น ใบหน้าลดลงต่ำ มองคนที่ขยับเข้ามาอยู่ตรงหน้า
ไอ้ซันเดินเข้ามาใกล้จนหน้าขาของเราแนบชิด ลมหายใจรินรดกันและกัน ลำกาย 2 ท่อนถูไถและบดเบียดกันไปมา ไอ้ซันขยับสะโพกเบาๆ เป็นจังหวะ ถูไถแก่นกายของมัน เข้ากับของผม ผมจับหัวไล่ของมันแล้วดันออก
ไม่ชอบ.... แก่นกายนี้เคยเข้าไปสัมผัสตัวตนของใครมาบ้างก็ไม่รู้ ไม่ชอบเลย...
“กูทำเองได้ ไม่ต้องให้มึงมาช่วย”
“แต่กูอยากให้มึงช่วย” ไอ้ซันพูดเสียงพร่าพร้อมกับจับมือของผมขึ้น พาไปวางทาบทับที่ลำกายทั้ง 2 แท่ง กระชับมือของผมไว้ภายใต้การควบคุมของมัน แล้วชักรูดดุ้นลำทั้งสองพร้อมกัน ในขณะที่มันก็สวนสะโพกช่วยเสริมแรง
“มะ ไม่ ออกไป” ผมพยายามดึงมือของตัวเองออก จนหลุดจากการเกาะกุมในที่สุด แต่กลับเป็นไอ้ซันเสียเอง ที่ควบคุมลำกายทั้ง 2 เอาไว้ ขยับชักรูดขึ้นลงเร็วๆ เกิดความรู้สึกเสียวซ่านแล่นไปทั่วกายจนขนอ่อนลุกชัน
“อะ อึก ปะ ปล่อยกู” ผมร้องครางอย่างทรมาน ในขณะที่ไอ้ซันก็เร่งมือหนักขึ้น จมูกโด่งซุกลงที่ซอกคอของผม มืออีกข้างของมันกดขยี้ยอดอกอย่างไม่เกรงใจและไม่ยั้งแรง ส่วนมือทั้งสองข้างของผมทำได้เพียงจิกไหล่ของมันเอาไว้แน่น ใช้แทนที่จับยึด
“อะ ซี้ดดดด อู้ยยยยย กูจะ”
พรึ่บ!
ไอ้ซันปล่อยมือออกในทันที ดันให้ผมนั่งลงบนชักโครก ส่วนตัวมันเองก็คุกเข่าอยู่ที่พื้น จับขาทั้งสองข้างของผมให้อ้าออก ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาตรงหว่างขา แล้วใช้ริมฝีปากครอบครองตัวตน ส่งแรงดูดแรงๆ จนผมตัวกระตุกเกร็ง กัดริมฝีปาก มือถูกยกขึ้นปิดปากเอาไว้ ปิดกั้นเสียงร้องครางของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
ผมเสร็จภายในปากของไอ้ซัน มันดูดกลืนน้ำรักของผมไปจนหมด เรียกได้ว่าแทบจะไม่ต้องล้างออก ก่อนจะถอนริมฝีปากออกไป ใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำกามแห่งอารมณ์ ก่อนจะผุดตัวขึ้นยืน จับตัวผมให้นั่งตรง แล้วทิ่มแก่นกายขนาดใหญ่เข้ามาภายในปากของผมอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมตกใจดวงตาเบิ่งกว้าง มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นยันหน้าขาของมันเอาไว้ทันที
“ซี้ดดดดดด” ไอ้ซันสูดปากเสียงแผ่ว เงยหน้าขึ้นอย่างสุขสม พอเห็นแบบนั้นผมจึงพยายามทำใจ แล้วส่งปลายลิ้นไปตวัดเลีย น้ำของมันทั้งหอมทั้งหวาน ติดเค็มปลายลิ้นนิดๆ แต่ก็มีรสชาติที่อร่อย ทำให้ผมดูดกินราวกับโปรดปรานมันนักหนา ดูดเลียเหมือนกับการทานไอศกรีม ไอ้ซันสวนเอวสอบเข้าออกเร็วขึ้น และจ้วงเข้าลึกมากขึ้น จนเมื่อครั้งสุดท้ายมาถึง มันจับหัวของผมเอาไว้ กดเข้าหาจนลึก สายธารอุ่นร้อนถูกฉีดพ่นลงคอ ผมพยายามดิ้นรนขัดขืนเมื่อมันเข้ามาลึกเกินไป จนหายใจไม่ออก ไอ้ซันถอนตัวตนออกไปช้าๆ ก่อนจะกดกระแทกเข้ามาอีกครั้ง เหมือนกับต้องการใช้ริมฝีปากผมในการรีดน้ำออกจากตัว
“อ่า ขอบคุณครับ” เมื่อมันหายจากอาการเสียดเสียวแล้วก็ร้องครางเบาๆ ก้มหน้าลงต่ำ ถอนตัวตนออกจากริมฝีปากของผม ไม่วายขยี้ผมของผมไปด้วย เอ่ยปากด้วยเสียงทุ้มแว่วหวานจนใจสั่นสะท้าน ในขณะที่ผมไอคอกแค่ก มองมันอย่างเคืองๆ นิ้วโป้งของมันเช็ดคราบน้ำที่มุมปากของผมอย่างเอาใจ ก่อนจะตวัดลิ้นชิมน้ำรักของตัวเอง
“ทิ่มซะกูเกือบตาย” ผมพูดพลางหอบหายใจ ดึงทิชชูมาเช็ดแก่นกายตัวเอง ที่มีขนาดลดลงเล็กน้อย เหมือนยังอยากปลดปล่อยอยู่ เพียงแต่ไม่หนักหน่วงเท่าตอนแรก ก่อนจะเก็บลงชั้นใน ติดกระดุมกางเกงให้เรียบร้อย ไอ้ซันก็ทำแบบเดียวกัน พอแต่งตัวเสร็จ ก็พากันออกจากห้องน้ำไปล้างไม้ล้างมือล้างปาก แล้วจึงเดินกลับไปที่นั่งตามเดิม
“มึงตายด้านรึเปล่าวะไอ้นาย” ไอ้ซันมันหันไปถามไอ้นาย ผมก็มองตามไปด้วย
“เออ กูเคยดูแล้วเลยเฉยๆ ว่ะ” ไอ้นายตอบกลับมาเบาๆ ด้วยเสียงกระซิบ
“เอ้า ไม่บอกกูวะ” ไอ้ซันถามกลับไป ใบหน้าขมวดคิ้วหมุน
“ก็กูบอกแล้วว่าไม่มา พวกมึงอะ บังคับกู” ไอ้นายร้องกลับมาอีกครั้ง
“เออ ก็ได้ พวกกูผิดเอง ไอ้ห่า” ไอ้ซันว่าด้วยเสียงงอนๆ ก่อนจะสะบัดใบหน้าหนี หันมาสนใจหนังต่อ
หญิงสาวคนนั้นได้ผ่านการมีประสบการณ์การมี SEX กับหนุ่มบาร์โฮสคนนั้น สิ่งที่เธอคิดคือครั้งเดียวก็เกินพอ เธอได้ทำในสิ่งที่อยากทำครบทั้งหมดแล้ว แต่กลับเป็นหนุ่มบาร์โฮสนั้นที่หลงรักเธอแทน พยายามจีบเธอทุกวิถีทาง แต่ก็ถูกหญิงสาวปฏิเสธ เพราะเธอรู้ตัวดีว่าเวลาของเธอใกล้จะหมดแล้ว จนในที่สุดเธอก็ฝืนทนความเจ็บปวด เขียนจดหมายให้ผู้ชายหนึ่งฉบับขณะที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล กว่าผู้ชายจะรู้และค้นหาเธอจนเจอ สภาพของเธอก็แทบจะไม่ไหวเต็มที ในนาทีสุดท้ายของชีวิต ชายหนุ่มก็มาทันได้สบตากับเธอ ตะโกนบอกรักเธอ และเธอหลับตาจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เมื่อชายหนุ่มได้อ่านจดหมาย เขาก็เข้าใจทุกการกระทำ เหตุผล และความในใจของหญิงสาวที่เธอมีต่อเขาทั้งหมด เขาร้องไห้คร่ำครวญเสียใจ ไม่สามารถรักใครได้อีก และอยู่คนเดียวจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต....
“อุ้บส์ ฮะ ฮะ” เมื่อหนังจบลง ไอ้นายที่หันหน้ามาหาพวกผม ตั้งใจจะชวนออกจากโรงหนัง ระเบิดหัวเราะออกมาทันทีที่เห็น
“หัวเราะอะไรมึง ตลกมากรึไง ฮึก ฟื้ดดด” ไอ้ซันมันหันไปด่าไอ้นายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“เออ ตลก ฮะๆ พวกมึงแมร่ง ร้องไห้อย่างกับตุ๊ด ควายยย"
“ทำอย่างกับ มึงไม่ร้องงั้นแหละ ฮึก ฮึก” ผมเอ่ยถามมันกลับไปบ้าง พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังไหลออกมาในตอนนี้ กัดริมฝีปากปิดกั้นเสียงสะอื้นของตัวเอง
“เออ ร้อง พวกมึงแมร่ง” พวกเราพากันเดินไปที่ลานจอดรถ ก่อนจะพบรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ แถมเจ้าของยังยืนพิงประตู ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ เรียกได้ว่าฉากพระเอกในนิยายชัดๆ
“หู้ยยยยย ไอ้เหี้ยยย รถอย่างเท่ แม่งยังหล่อสัสอีก ดับราศีกูหมดแล้วววว” ไอ้ซันโวยวายกระซิบเสียงเบา แต่คำว่าหู้ยของมันก็เรียกคนที่ยืนพิงรถอยู่ให้หันมามองได้ คนๆ นั้นเงยหน้าขึ้น แล้วส่งยิ้มมองตรงมาที่ไอ้ซัน ทำให้ผมยกมือขึ้น ตบลงไปที่หัวของเพื่อนสนิททันที
“มึง ไอ้ซัน ดังไปละสัส พี่เขาได้ยินเห็นมั้ยมึง”
“กูว่าเขาจะรู้เพราะมึงพูดนี่ละ ไอ้ห่า” จบคำไอ้ซัน คนๆ นั้นก็เดินตรงมาทางพวกเรา ทำให้เรามองหน้ากันเลิกลัก
“จะกลับเลยไหม” พี่เขาหันไปถามน้องเล็กของกลุ่ม ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับ พูดคุยกันอีกนิดหน่อย แล้วจึงขอตัวแยกออกไป ผมแอบหันไปมองไอ้วุฒิ เหมือนคนจิตหลุดไปแล้วนะครับนั่น พวกเราพากันกลับมาที่มหาลัยอีกครั้ง เพื่อมาเอารถของตัวเอง ก่อนที่จะแยกย้าย กลับบ้านใครบ้านมัน แต่ในตอนที่ผมกำลังจะขยับตัวขึ้นไปนั่งบนรถ ข้อแขนก็ถูกดึงเอาไว้โดยเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้ต้องหันหน้าไปมอง
“อะไร?”
“วันนี้ ขอโทษ.... ที่กูเอาแต่ใจ”
“เออ ไม่เป็นไร อย่าให้มันบ่อยแล้วกัน” พูดพลางสอดตัวเข้าไปนั่งประจำที่ ยกมือขึ้นหน่อยๆ เป็นการบอกลา แล้วจึงขับรถออกจากมหาลัย รู้สึกว่า.... ช่วงนี้.... ผมกับมันชักจะทำเรื่องแบบนี้บ่อยเกินไปแล้ว...
วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายครับ ตื่นสายได้เต็มที่ พอตื่นแล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน จนเมื่อเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ขับรถตรงไปมหาลัย แวะทานข้าวอีกนิดหน่อย แล้วจึงเข้าห้องเรียนของตัวเองพอไปถึง ไอ้ซันมันก็ฟุ้บหน้านอนหลับอยู่ก่อนแล้ว ผมก็นั่งลงที่ข้างๆ มัน เท้าคางนั่งมองเส้นผมสีส้มที่ระไปกับพื้นโต๊ะเรียน ก่อนที่ผมจะนอนตะแคงหันข้าง นอนมองมันนิ่งๆกรี้ดดดดดดดดดดดดดเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากที่เบาๆ คนสองคน กลับกลายเป็นกลุ่มก้อน และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไอ้ซันหลุดออกจากนิทรา ผมเองก็ผุดตัวไปดูที่หน้าต่างเช่นกัน อยากรู้ว่าสาวๆ เขากรี้ดอะไร อย่างไม่รู้ตัว ไอ้ซันเองก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เช่นกัน จุดประสงค์เดียวกับผม เพราะแขนของมันค้ำยันขอบหน้าต่างเอาไว้ ยืนซ้อนหลังของผมอีกชั้น จนเหมือนว่ามันกำลังโอบกอดผมจากด้านหลัง และผมกำลังมองหน้ามันในระยะประชิด ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันที ต่างจากไอ้ซันที่ไม่ได้สนใจอะไร สายตามองลงไปที่เบื้องล่าง จนเมื่อคนๆ หนึ่งเดินเข้าตึกมา เสียงกรี้ดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อฝั่ง
ร้อน....อึดอัด....ขยับไม่ได้.....ผมปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อความรู้สึกราวกับร่างทั้งร่างถูกตรึงไว้อยู่กับที่ แสงสว่างที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใส ทะลุผ้าม่านสีขาวเข้ามา ทำให้ต้องหรี่ตามอง ก่อนที่จะพยายามหันหน้าหลบอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อตัวของผมถูกกักเอาไว้ภายใต้วงแขนของใครบางคน ทำให้ผมยกมันขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองชายรูปร่างสูงใหญ่ รูปกายกำยำสมกับความเป็นบุรุษเพศ นอนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง วงแขนกอดก่ายผมเอาไว้ จนรัดแน่น ผิวเนื้อที่สัมผัสแนบชิดทำให้เกิดความรู้สึกร้อนผะผ่าว เส้นผมสีส้มอิฐนั้นแลดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ที่โคนเส้นผมถูกแซมด้วยสีดำสนิทขึ้นมาอีกเล็กน้อย แสดงถึงความแตกต่างของสีที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดสนิท หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ จมูกโด่งเป็นสันรับเข้ากับใบหน้าที่เรียวยาว ริมฝีปากหนา ที่พอรวมเข้ากับใบหน้ากลับดูดีจนน่าตกใจมือของผมไล้ไปบนอากาศตามโครงหน้า โดยที่ไม่ได้โดนผิวเนื้อของคนที่กำลังหลับอยู่แม้แต่น้อย ไม่กล้าที่จะสัมผัส หวาดกลัวความรู้สึก กลัวว่ามันจะปะทุออกมา
สุดท้ายผมก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในที่อโคจรจนได้ สายตากวาดมองไปรอบๆ หามุมสงบๆ สักที่นั่งลง ก่อนจะสั่งเหล้ามา 1 ขวด และกับแกล้มอีกนิดหน่อย ระหว่างที่นั่งรอก็ปลดกระดุมเสื้อสูทออกจากตัว โยนพาดไว้ที่พนักพิง ดึงรั้งเนกไท ก่อนจะโยนไปในทิศทางเดียวกัน ปลดกระดุมคอบนออก 2 เม็ด ยกฝ่ามือขึ้นเสยเส้นผมสีดำสนิทของตัวเองพอแก้วใบเล็กถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับขวดเหล้าราคาแพง ผมก็จัดการเทลงใส่แก้ว ยกดื่มขึ้นทันที ไม่มีอารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น นั่งดื่มเพียงลำพัง ในมุมมืดของร้าน อาหารที่สั่งมาไม่มีการแตะต้องใดๆ สิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวมีเพียงแก้วใบเล็ก ขวดเหล้า และผู้ที่เป็นเจ้าของซึ่งครอบครองโต๊ะในมุมอับสายตาเท่านั้นผมนั่งดื่มไปเรื่อยๆ จนดวงตาฉ่ำเยิ้ม เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่ก็นานพอให้ปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนเกินขีดจำกัดในการควบคุมสติสัมปชัญญะ ในตอนนี้ปริมาณน้ำสีอำพันในขวดเหล้าใบสวยลดลงมากกว่าครึ่งขวด ทำให้คนที่เดินเข้าร้านมาด้วยมาดที่หล่อ เนี๊ยบ และดูดี กลายเป็นคนที่ดูขี้เมาในทันที ใบหน้าหล่อคมคายฟุ้บลงกับโต๊ะ นอนอย่างเกียจคร้าน แต่มือก็ยังคงรินเหล้าใส่แก้วอย่างต
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr“อืมมมม”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“หนวกหู.......”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“อื้อออออ”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“โว้ยยยยยยย รำคาญจริง!!!”ติ้ด![ไอ้ซัน! ไอ้สัส! มึงอยู่ไหนเนี้ยยยย]“โอ้ยยย เสียงดังฉิบหาย มึงจะโวยวายทำไมวะ”[ไอ้ควาย! มึงนัดเพื่อนมาทำงานเนี้ย แล้วมึงพึ่งตื่นหรอวะ!!!] เสียงไอ้วุฒิพูดด้วยความโมโหดังลอดออกมาจากโทรศัพท์แผ่วๆ“.......”“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย” คนที่กำลังนอนก่ายกอดอยู่ที่ด้านหลัง เด้งตัวออกแล้วผุดลุกขึ้นนั่งทันที ทำให้ช่องทางรักที่ถูกเชื่อมติดเอาไว้เมื่อตอนก่อนจะหลับฝันไป หลุดออกอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงร้องดังออกมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างกัน“โอ๊ย!!!” เพราะความเจ็บนั้นปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา แต่ความรู้สึกแรกที่ลืมตาข
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังทำให้ผมบดเบียดกายเข้าหาอย่างวางใจ จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดบนกระหม่อมทำให้ต้องปรือตามอง เมื่อคืนผมนอนคนเดียว.....ใครวะ!!!คิดพลางลืมตาโตหันกลับไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังในทันที จนใบหน้ามีระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดพริ้ม ริมฝีปากหนา สันกรามชัดเจน ราวกับภาพวาดของเทพบุตร แสงสีทองของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นผมสีส้ม จนส่องประกายยิ่งกว่าเหมือนกับเจ้าชายในเทพนิยายที่กำลังหลับใหล นอนหลับพักผ่อนผมกะพริบตามองอย่างุนงง เมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เข้าห้องมาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมานอนกับผม แทนที่จะนอนห้องของตัวเอง แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แตะริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจึงซุกตัวลงในอ้อมแขน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นอีกนิด คนที่กำลังกอดอยู่ขยับแขนเข้ามากอดรัดให้มากขึ้น พร้อมกับจับผ้ามาห่มให้ โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่มันกลับทำให้ผมสงสัย ว่ามันตื่น
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนด้วยนาฬิกาชีวิต มึนงงเล็กน้อย มองออกไปรอบๆ ห้องๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น แย่ละ…แต่พอวิ่งไปถึงแล้วก็ต้องชะงัก ไฟถูกปิดทั้งหมด ทีวี แอร์ ทุกอย่างหยุดการทำงาน ความอบอุ่นของห้อง ทำให้รู้ว่ามันถูกปิดไปนานมากแล้ว ผมยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่กลางห้อง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา ครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน ผมดูซีรีส์อยู่ ผมจำได้ ผมอาจจะง่วงมาก ถึงได้เข้าไปนอนในห้อง แต่มั่นใจมากพอว่าตัวเองไม่ได้เดินปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้แน่“หรือจะมีผีว่ะ?” บ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ไม่หรอก นี่มันตึกพึ่งสร้างนะ ห้องก็ราคาแพง ใช่ห้องถูกๆ ซะที่ไหน ไม่น่าใช่หรอก หรือผมละเมอไปปิดว่ะ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะ ช่างแม่ง....พอคิดได้ดังนั้นก็เลยลุกขึ้น ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปเรียน ออกมาทำอาหารเช้าทาน พอทานเสร็จก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะขับรถไปที่มหาลัย พอไปถึงผมก็ยังคงนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ จะช่างแม่งมันก็ได้แหละ แต่สงสัยไง เออ ช่างแม่งก็ได้.... คิดพลางสะดุ้งเมื่อมีคนตบลงที่บ่าหนักๆ จน
เอ๋?“อื้อ”ฮะ?“อืม”หืออออออ?“อ่า”หน่าหนิ!?!?!?!?พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!อะ อะไร?? มันเป็นแบบนี้ได้ไง?? งงไปดิครับ!!!“ร้องสิ...... เหมือนวันนั้น”“อะ มะ มึง จะให้ อึก กูร้อง อะ อะไร”“อ่า สงสัย กูคงต้องกรอกเหล้าเข้าปากมึงบ้างแล้วมั้ง? ซี้ดดดด”“อ๊ะ อะไรของมึงเนี้ย” ตอนนี้ผมถูกกดให้นอนอยู่ใต้ร่างของไอ้ซันครับ หัวเข่าทั้งสองข้างโดนมันจับดันจนชิดอก ทำให้ช่องทางรักลอยเด่น และมีแก่นกายของมันกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเมามัน ต่างจากผมเนี้ย อ๋อแดกและใบ้กินโดยสมบูรณ์ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว“เหนื่อยว่ะ ขยับดิ๊” ไอ้ซันว่าพร้อมกับยกตัวผมขึ้นทั้งๆ ที่ยังเชื่อมติดกัน จัดให้ผมนั่งทับแก่นกายของมัน และมันเองก็จับขยับโยกเอวผมไปด้วยเบาๆ“อะ หะ หะ เหี้ยเถอะ กูจุก อยากก็ทำ
เพี้ยะ!“ถ้าไม่รักจะมาคบกันทำไมว่ะ!!!” ใบหน้าหล่อร้าย มาดนิ่ง หันสะบัดตามแรงตบกระทบ จนใบหน้าขาวๆ นั้นขึ้นรอยฝ่ามือชัดเจน เขาทำเพียงมองตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งๆ เฉยชา และไร้ความรู้สึก แตกต่างจากหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มือกำแน่น ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า มองจ้องอย่างเจ็บแค้นและโกรธเคือง“เสียชาติเกิด!! ไอ้หน้าตัวเมีย!!” อีกฝ่าตะโกนด่าดังลั่นอีกครั้ง ซึ่งเขาเองก็ทำเพียงยืนมองอยู่เฉยๆ ยอมรับคำกล่าวหา ไม่เถียงอะไรออกไปสักคำ“จบแล้วใช่ไหม กูจะได้ไปสักที” พูดพลางหันหลัง ก้าวเดินจากมา ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากคนที่ด้านหลังกรีดร้องเป็นเจ้าเข้า“ไอ้เบส!! กูขอให้มึงอกหัก!! ไม่สมหวังในความรัก!!! น้ำหน้าอย่างมึงเขาไม่เอามึงหรอก!! อีวิปริต!! อีผิดเพศ!!! ขอให้มึงตกนรกทั้งเป็น!!! กรี้ดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เขาเดินก้าวจากมาช้าๆ พร้อมๆ กับคิดในใจไปด้วยว่าไม่ต้องแช่งกูหรอก แค่ตอนนี้กูก็ตกอยู่ในสถานะนั้นแล้ว....ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน.....“ไอ้อ้วน!!! ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ไอ้ลูกหมู!!! ไอ้ขี้มูกกรัง!!” เด็กชายตัวน้อยนั่งลงกับพื้นทรายในสวนสาธารณะ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับที่ ยกแขนป้อมๆ นั้นขึ้นปาดน้ำตาตั
เอ๋?“อื้อ”ฮะ?“อืม”หืออออออ?“อ่า”หน่าหนิ!?!?!?!?พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!อะ อะไร?? มันเป็นแบบนี้ได้ไง?? งงไปดิครับ!!!“ร้องสิ...... เหมือนวันนั้น”“อะ มะ มึง จะให้ อึก กูร้อง อะ อะไร”“อ่า สงสัย กูคงต้องกรอกเหล้าเข้าปากมึงบ้างแล้วมั้ง? ซี้ดดดด”“อ๊ะ อะไรของมึงเนี้ย” ตอนนี้ผมถูกกดให้นอนอยู่ใต้ร่างของไอ้ซันครับ หัวเข่าทั้งสองข้างโดนมันจับดันจนชิดอก ทำให้ช่องทางรักลอยเด่น และมีแก่นกายของมันกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเมามัน ต่างจากผมเนี้ย อ๋อแดกและใบ้กินโดยสมบูรณ์ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว“เหนื่อยว่ะ ขยับดิ๊” ไอ้ซันว่าพร้อมกับยกตัวผมขึ้นทั้งๆ ที่ยังเชื่อมติดกัน จัดให้ผมนั่งทับแก่นกายของมัน และมันเองก็จับขยับโยกเอวผมไปด้วยเบาๆ“อะ หะ หะ เหี้ยเถอะ กูจุก อยากก็ทำ
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนด้วยนาฬิกาชีวิต มึนงงเล็กน้อย มองออกไปรอบๆ ห้องๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น แย่ละ…แต่พอวิ่งไปถึงแล้วก็ต้องชะงัก ไฟถูกปิดทั้งหมด ทีวี แอร์ ทุกอย่างหยุดการทำงาน ความอบอุ่นของห้อง ทำให้รู้ว่ามันถูกปิดไปนานมากแล้ว ผมยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่กลางห้อง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา ครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน ผมดูซีรีส์อยู่ ผมจำได้ ผมอาจจะง่วงมาก ถึงได้เข้าไปนอนในห้อง แต่มั่นใจมากพอว่าตัวเองไม่ได้เดินปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้แน่“หรือจะมีผีว่ะ?” บ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ไม่หรอก นี่มันตึกพึ่งสร้างนะ ห้องก็ราคาแพง ใช่ห้องถูกๆ ซะที่ไหน ไม่น่าใช่หรอก หรือผมละเมอไปปิดว่ะ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะ ช่างแม่ง....พอคิดได้ดังนั้นก็เลยลุกขึ้น ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปเรียน ออกมาทำอาหารเช้าทาน พอทานเสร็จก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะขับรถไปที่มหาลัย พอไปถึงผมก็ยังคงนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ จะช่างแม่งมันก็ได้แหละ แต่สงสัยไง เออ ช่างแม่งก็ได้.... คิดพลางสะดุ้งเมื่อมีคนตบลงที่บ่าหนักๆ จน
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังทำให้ผมบดเบียดกายเข้าหาอย่างวางใจ จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดบนกระหม่อมทำให้ต้องปรือตามอง เมื่อคืนผมนอนคนเดียว.....ใครวะ!!!คิดพลางลืมตาโตหันกลับไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังในทันที จนใบหน้ามีระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดพริ้ม ริมฝีปากหนา สันกรามชัดเจน ราวกับภาพวาดของเทพบุตร แสงสีทองของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นผมสีส้ม จนส่องประกายยิ่งกว่าเหมือนกับเจ้าชายในเทพนิยายที่กำลังหลับใหล นอนหลับพักผ่อนผมกะพริบตามองอย่างุนงง เมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เข้าห้องมาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมานอนกับผม แทนที่จะนอนห้องของตัวเอง แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แตะริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจึงซุกตัวลงในอ้อมแขน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นอีกนิด คนที่กำลังกอดอยู่ขยับแขนเข้ามากอดรัดให้มากขึ้น พร้อมกับจับผ้ามาห่มให้ โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่มันกลับทำให้ผมสงสัย ว่ามันตื่น
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr“อืมมมม”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“หนวกหู.......”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“อื้อออออ”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“โว้ยยยยยยย รำคาญจริง!!!”ติ้ด![ไอ้ซัน! ไอ้สัส! มึงอยู่ไหนเนี้ยยยย]“โอ้ยยย เสียงดังฉิบหาย มึงจะโวยวายทำไมวะ”[ไอ้ควาย! มึงนัดเพื่อนมาทำงานเนี้ย แล้วมึงพึ่งตื่นหรอวะ!!!] เสียงไอ้วุฒิพูดด้วยความโมโหดังลอดออกมาจากโทรศัพท์แผ่วๆ“.......”“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย” คนที่กำลังนอนก่ายกอดอยู่ที่ด้านหลัง เด้งตัวออกแล้วผุดลุกขึ้นนั่งทันที ทำให้ช่องทางรักที่ถูกเชื่อมติดเอาไว้เมื่อตอนก่อนจะหลับฝันไป หลุดออกอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงร้องดังออกมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างกัน“โอ๊ย!!!” เพราะความเจ็บนั้นปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา แต่ความรู้สึกแรกที่ลืมตาข
สุดท้ายผมก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในที่อโคจรจนได้ สายตากวาดมองไปรอบๆ หามุมสงบๆ สักที่นั่งลง ก่อนจะสั่งเหล้ามา 1 ขวด และกับแกล้มอีกนิดหน่อย ระหว่างที่นั่งรอก็ปลดกระดุมเสื้อสูทออกจากตัว โยนพาดไว้ที่พนักพิง ดึงรั้งเนกไท ก่อนจะโยนไปในทิศทางเดียวกัน ปลดกระดุมคอบนออก 2 เม็ด ยกฝ่ามือขึ้นเสยเส้นผมสีดำสนิทของตัวเองพอแก้วใบเล็กถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับขวดเหล้าราคาแพง ผมก็จัดการเทลงใส่แก้ว ยกดื่มขึ้นทันที ไม่มีอารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น นั่งดื่มเพียงลำพัง ในมุมมืดของร้าน อาหารที่สั่งมาไม่มีการแตะต้องใดๆ สิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวมีเพียงแก้วใบเล็ก ขวดเหล้า และผู้ที่เป็นเจ้าของซึ่งครอบครองโต๊ะในมุมอับสายตาเท่านั้นผมนั่งดื่มไปเรื่อยๆ จนดวงตาฉ่ำเยิ้ม เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่ก็นานพอให้ปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนเกินขีดจำกัดในการควบคุมสติสัมปชัญญะ ในตอนนี้ปริมาณน้ำสีอำพันในขวดเหล้าใบสวยลดลงมากกว่าครึ่งขวด ทำให้คนที่เดินเข้าร้านมาด้วยมาดที่หล่อ เนี๊ยบ และดูดี กลายเป็นคนที่ดูขี้เมาในทันที ใบหน้าหล่อคมคายฟุ้บลงกับโต๊ะ นอนอย่างเกียจคร้าน แต่มือก็ยังคงรินเหล้าใส่แก้วอย่างต
ร้อน....อึดอัด....ขยับไม่ได้.....ผมปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อความรู้สึกราวกับร่างทั้งร่างถูกตรึงไว้อยู่กับที่ แสงสว่างที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใส ทะลุผ้าม่านสีขาวเข้ามา ทำให้ต้องหรี่ตามอง ก่อนที่จะพยายามหันหน้าหลบอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อตัวของผมถูกกักเอาไว้ภายใต้วงแขนของใครบางคน ทำให้ผมยกมันขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองชายรูปร่างสูงใหญ่ รูปกายกำยำสมกับความเป็นบุรุษเพศ นอนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง วงแขนกอดก่ายผมเอาไว้ จนรัดแน่น ผิวเนื้อที่สัมผัสแนบชิดทำให้เกิดความรู้สึกร้อนผะผ่าว เส้นผมสีส้มอิฐนั้นแลดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ที่โคนเส้นผมถูกแซมด้วยสีดำสนิทขึ้นมาอีกเล็กน้อย แสดงถึงความแตกต่างของสีที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดสนิท หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ จมูกโด่งเป็นสันรับเข้ากับใบหน้าที่เรียวยาว ริมฝีปากหนา ที่พอรวมเข้ากับใบหน้ากลับดูดีจนน่าตกใจมือของผมไล้ไปบนอากาศตามโครงหน้า โดยที่ไม่ได้โดนผิวเนื้อของคนที่กำลังหลับอยู่แม้แต่น้อย ไม่กล้าที่จะสัมผัส หวาดกลัวความรู้สึก กลัวว่ามันจะปะทุออกมา
วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายครับ ตื่นสายได้เต็มที่ พอตื่นแล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน จนเมื่อเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ขับรถตรงไปมหาลัย แวะทานข้าวอีกนิดหน่อย แล้วจึงเข้าห้องเรียนของตัวเองพอไปถึง ไอ้ซันมันก็ฟุ้บหน้านอนหลับอยู่ก่อนแล้ว ผมก็นั่งลงที่ข้างๆ มัน เท้าคางนั่งมองเส้นผมสีส้มที่ระไปกับพื้นโต๊ะเรียน ก่อนที่ผมจะนอนตะแคงหันข้าง นอนมองมันนิ่งๆกรี้ดดดดดดดดดดดดดเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากที่เบาๆ คนสองคน กลับกลายเป็นกลุ่มก้อน และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไอ้ซันหลุดออกจากนิทรา ผมเองก็ผุดตัวไปดูที่หน้าต่างเช่นกัน อยากรู้ว่าสาวๆ เขากรี้ดอะไร อย่างไม่รู้ตัว ไอ้ซันเองก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เช่นกัน จุดประสงค์เดียวกับผม เพราะแขนของมันค้ำยันขอบหน้าต่างเอาไว้ ยืนซ้อนหลังของผมอีกชั้น จนเหมือนว่ามันกำลังโอบกอดผมจากด้านหลัง และผมกำลังมองหน้ามันในระยะประชิด ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันที ต่างจากไอ้ซันที่ไม่ได้สนใจอะไร สายตามองลงไปที่เบื้องล่าง จนเมื่อคนๆ หนึ่งเดินเข้าตึกมา เสียงกรี้ดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อฝั่ง
K : สวัสดีครับS : ใครครับ?K : ไม่บอกได้ไหมครับ แต่ผมมีเรื่องจะขอรบกวนคุณนะS : ผมหรอ ให้ช่วยอะไรครับ?K : ไม่ทราบว่าเพื่อนสนิทของคุณชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมเป็นพี่เทคของเขาS : คนไหนละครับ เพื่อนผมมีเยอะแยะK : น้องเบส.....S : อ้อ มันชอบของอร่อยครับ เท่านั้นแหละ ผมดีใจนะที่คุณเริ่มหันมาสนใจมันบางK : ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ พอดีผมยุ่งๆ อยู่ ถ้ายังไง ผมอาจจะขอรบกวนคุณเพื่อสอบถามนะครับ แล้วก็อาจจะฝากของผ่านคุณ ไปให้น้องเบสด้วยS : ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีK : แล้วคุณชอบทานอะไรไหมครับ ถือว่าผมติดสินบนก็แล้วกัน....หลังจากที่พี่ท็อปบอกว่าจะตามหาพี่เทคให้ มันก็มีความคืบหน้าจริงๆ นะครับ เพราะหลังจากนั้น 2 – 3 วัน ไอ้ซันก็เดินถือกล่องขนมอะไรสักอย่างมาด้วย ยื่นให้ผมตรงหน้า ผมก็มองมันอย่างงงๆ พร้อมกับถามออกไปเบาๆ ว่าให้เนื่องในโอกาสอะไร มันก็บอกว่ามีคนฝากเอามาให้ เป็นของที่มาจากพี่เทคพอผมถามว่ามันรู้จักคนๆ นั้นไหม มันก็บอกว่าไม่รู้จัก พร้อมกับนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบกล่องขนมแบบเดียวกันออกมานั่งทานไปพลาง“อร่อยไหมว่ะ”“ลองแดกดูสิครับ” ผมยู่ปากอย่างขัดใจนิดๆ ก่อนจะเปิดกล่องของตัวเองออกดูบ้าง มากา
“สวัสดีครับ” ผมยกมือสวัสดี ก่อนจะไล่สายตามองไปที่บุคคลที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว มีป๊า ม๊า และอีกฝั่งคือ......อ้าว?“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักอีกครั้ง พร้อมกับผงกหัวไปด้วย ยกมือสวัสดีคุณลุงและพี่ท็อป รุ่นพี่ที่คณะของผมเอง“นั่งสิ” ป๊าของผมเอ่ยบอกเบาๆ ทำให้ผมทรุดตัวลงนั่งอย่างงงๆ จะไม่งงได้ไงครับ ปกติมันต้องเป็นงานดูตัวอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรอ ผมต้องพบกับหญิงสาวที่ส่งสายตาหยาดเยิ้ม หรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายไม่ใช่หรอ ไม่ใช่สายตาที่มองมาด้วยความเอ็นดูแบบนี้??? พอผมนั่งลงได้ ลุงจรัญก็เอ่ยชวนคุยทันที“ลุงคงทำให้ตกใจสินะ ถึงได้ตั้งใจหนีแบบนั้นน่ะ” ลุงจรัญพูดยิ้มๆ ต่างจากผมที่ผงกหัวขึ้น เงยหน้ามองทันที เลยไปทางพี่คม แล้ววกกลับมาที่ป๊าของตัวเอง“ฮึฮึ ตาท็อปก็อยู่ในรถด้วยนะ ตั้งใจจะรับมาทีเดียวนั่นแหละ เห็นตาท็อปบอกว่าพอเจอหน้าพี่เลี้ยงก็วิ่งหนีเลยหรอ”“อ่อ” ป๊าไม่ได้พูดอะไรออกมา ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบนิดๆ ต่างจากม๊าที่หัวเราะเบาๆ“พี่ไม่คิดจะชวนเบสมาดูตัวหรอกนะครับ” พี่ท็อปพูดขึ้น แล้วยกยิ้มเอ็นดูส่งมาให้“อ่อ แหะๆ ครับ”“พอดีพี่ได้ข่าวมาว่าตอนรับน้อง เบสไม่มีพี่เทคมาสนใจเลยใช่ไหมครับ ให้พี่ช่วยหาใ