Sun Partไม่เคยคิด.... ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ ทั้งๆ ที่ขอเอาไว้แล้วแท้ๆ เคยขอเอาไว้แล้วไม่ใช่หรอ.... คำๆ นั้น คำเลวร้ายแบบนั้น อย่าพูดมันออกมาอีก.....“ที่รัก.... เราเลิกกันนะ”ผมได้แต่นิ่งอึ้งอยู่กับที่เมื่อได้ยินคนรักพูดคำๆ นั้นออกมาทั้งน้ำตา คนตรงหน้าพูดอะไรออกมาอีกหลายอย่างแต่มันไม่เข้าหูของผมเลยแม้แต่น้อย ดวงตาฝ้าฟางและเสียงที่ได้ยินก็อื้ออึง สมองไร้การตอบสนองใดๆ ดวงใจบีบรัดแน่นจนเจ็บปวดไปหมด เกิดคำถามขึ้นมามากมายภายในหัว ทำไม? เกิดอะไรขึ้น? เพราะอะไร? ทำไมถึงตัดสินใจทำแบบนี้ ทำไมถึงทิ้งผมได้ลง.....ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ กว่าจะรู้ตัวห้องทั้งห้องก็เงียบสงัด มีเพียงเสียงจากทีวีที่ยังคงเล่นวนเพลงเดิมอยู่ซ้ำๆ ไม่รู้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ สิ่งที่รับรู้ได้มีเพียงคนรักของผม เลือกที่จะเดินจากผมไป.... ผมยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก เหมือนกับว่าเคยได้รับสัมผัสนุ่มหยุ่นเมื่อนานมาแล้ว ผมเงยหน้ามองห้องไปรอบๆ กวาดสายตาออกไปทั่วบริเวณ เจ็บปวดไปถึง
“โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์” ป๊าพูดพร้อมกับแบมือมาตรงหน้า ทำให้ผมเข้าใจได้ทันที หยิบยื่นให้โดยไม่ได้พูดคำใดออกมา หลังจากที่ป๊ารับไปแล้วก็เอาของใหม่ที่ไม่มีข้อมูลใดๆ เลยให้ผม เมื่อได้รับมาก็เก็บใส่กระเป๋าอย่างไม่คิดจะตรวจสอบตอนนี้พวกเราทั้ง 4 คน อันประกอบไปด้วย ป๊า ม๊า พี่เมธ และผม มายืนอยู่ที่สนามบินแห่งใหญ่ของประเทศ เพื่อรอขึ้นเครื่องเช็คอินในเวลา 5 ทุ่มครึ่ง และตอนนี้มันก็จวนเจียนจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว เพราะผมพึ่งจะมาถึง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมสรรพ เหลือเพียงแค่ผมเข้าเช็คอินเท่านั้น“ม๊า พี่คมละ” ผมเอ่ยถามม๊าด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอ่อนล้า ตั้งแต่เกิดเรื่องผมยังไม่เจอหน้าพี่คมเลย มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้…..“ฉันมีงานให้มันทำ” ป๊าของผมเป็นคนร้องตอบออกมาเอง ในขณะที่ผมนั้นไม่สนใจแม้แต่จะหันหน้าไปมอง เดินเข้าไปกอดม๊าเอาไว้แน่นๆ“ฮึก ผมไปนะม๊า และจะติดต่อมาบ่อยๆ นะ” พูดพร้อมกอดม๊าแน่นขึ้นอีกนิด“ไม่ต้องห่วงนะเบส ม๊าดูแลตัวเองได้”“ผมฝากม๊าดู ฮึก ไอ้ซันให
ผมเดินเข้ามาในตึกด้วยความอารมณ์ดี ที่ช่วงนี้ป๊าไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายอะไรกับผมอีก หลังจากเกิดเรื่องราวทะเลาะกันใหญ่โตในครั้งนั้น เหมือนว่าป๊าจะดูนิ่งเฉยมากขึ้น ม๊าก็พยายามที่จะโทรหา เพื่อให้ผมกลับไปปรับความเข้าใจกับป๊าแต่ก็ไร้ผล แม้ว่าเราจะทำงานที่เดียวกัน ห้องอยู่ติดกัน แต่เรากลับไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำในอ้อมแขนของผมเต็มไปด้วยของสดมากมาย ผมพยายามก้าวเท้าพร้อมกับหอบหิ้วของเหล่านี้ไปด้วย ในใจคิดแต่เพียงว่าจะต้องจัดเตรียมเมนูอะไรบ้าง คิดพลางแตะคีย์การ์ดเข้าไปภายในห้อง แต่ก็ต้องชะงักกึกหลังจากแง้มประตูออกเพียงเล็กน้อย เมื่อดวงไฟในห้องถูกเปิดส่องสว่าง หรือบางทีอาจจะเป็นคนรักที่เปลี่ยนใจ ไม่ได้ทำโอทีในวันนี้ก็เลยกลับมาก่อนเวลาปกติ คิดพลางดันประตูให้เปิดออกกว้าง ก่อนจะต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตายืนอยู่ภายใน“พี่เมธ....” เจ้าของชื่อหันมาทำหน้าลำบากใจส่งมาให้ ผมจึงขมวดคิ้วและเดินสาวเท้าเข้าไปหา“พี่มาหาผมถึงนี่มีอะไรรึเปล่าครับ?” ถามพร้อมกับถอดรองเท้าไปด้วย ก่อนจะต้องหยุดชะงัก เมื่อรองเท้าที่ถูกถอดวางไว้อย่างเป็นระเบียบมี
ไอ้วุฒิแทบจะเป็นบ้าไปเลย หลังจากที่รู้เรื่องนี้ มันรีบไปที่บ้านของไอ้เพชรทันที และเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้งจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ และครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ พวกผมเองก็สลับไปเรียนสลับไปเฝ้า ไอ้วุฒิแทบจะเสียผู้เสียคน.....เวลาล่วงเลยไปเป็นเดือนในระหว่างที่ไอ้วุฒิมันรักษาตัว พวกผมก็ตามหาไอ้เพชรจนเจอแล้วล่ะครับ แต่มันขอร้องไว้ว่าไม่ให้บอก พวกผมเหมือนกับน้ำท่วมปาก จะพูดก็พูดไม่ได้ ได้แต่ทนอึดอัดอยู่อย่างนี้ หลังจากนั้นมันก็พักฟื้นจนหายดี กลับไปอยู่ที่คอนโด พวกผมเองก็ไปช่วยปัดกวาดเช็ดถู ก่อนจะพากันออกไปตามหา พวกผมทำได้เพียงทำตามคำสั่งของไอ้วุฒิมัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันต้องไปหาที่ไหน ไอ้ซันจับกุมมือของผมเอาไว้อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คลายความเศร้าลง อาการของไอ้วุฒิหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยที่พวกผมช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่คอยแอบรายงานให้ไอ้เพชรรู้เป็นระยะๆปีที่ 1…..ชีวิตในรั้วมหาลัยของเราเปลี่ยนจาก 5 คน เป็น 4 คน เรียบร้อยแล้ว เพราะไอ้เพชรมันหายไปโดยไร้การติดต่อใ
“กูไม่รู้ กูไม่รู้ว่า.....” ไอ้ซันเงียบเสียงลงไปซะดื้อๆ แต่ผมก็ใจเย็นพอที่จะรอ ใช้ฝ่ามือลูบหลังคนรักไปพลางๆ เพื่อให้มันผ่อนคลาย ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปเงียบๆ โดยที่มีเสียงน้ำกระทบกำแพงเป็นฉากหลัง“กูไม่รู้ว่า ที่กูเป็นอยู่ตอนนี้ มันดีพอให้มึงรักไหม” ไอ้ซันพูดเสียงเบา ผมจึงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ขมวดคิ้วหมุน“ไปได้ยินได้ฟังอะไรมา” ผมเอื้อมมือยกขึ้นสูง ลูบหัวคนรักเบาๆ ไอ้ซันโน้มตัวลง ซบลงที่บ่าของผม ก่อนจะเริ่มต้นเล่าต่อ“จำวันที่ไอ้นายร้องไห้ ตอนไอ้เพชรเข้าโรงพยาบาลได้ไหม” เพราะเรื่องนั้นสินะ...“ซัน มึงไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบตัวเองกับใคร มึงไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใคร เรื่องฐานะ หน้าตาทางสังคม ความรู้ความสามารถ กูไม่เคยหยิบมันมาใส่ใจเลย สิ่งที่กูสนใจและใส่ใจมาตลอด มีแค่มึง แค่มึงคนเดียวเท่านั้น กูเฝ้ามองมานานตั้งเท่าไหร่ มันไม่ทำให้มึงมั่นใจบ้างเลยหรอ” ผมพูดพร้อมกับลูบหลังปลอบใจไปด้วย“กูรู้... แต่บางที.... กูก็อดคิดไม่ได้ กูไม่อยากเสียมึงไป แต่.. เบส พวกเราไม่ต่างกันเกินไปห
ในที่สุดเย็นวันเสาร์ก็มาถึง เชฟจองห้องส่วนตัวให้พวกเรา นักเรียนทั้ง 5 คนของเชฟ ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม หรูหรา และมีหัวหน้าเชฟต่างๆ ที่เคยประกบคู่กับพวกเรายืนเรียงรายอยู่ด้วย แต่ละคนนั้นทำอาหารที่ทำร่วมกับพวกเราคนละ 1 จาน วางลงตรงหน้า ทำให้พวกเราประทับใจไม่น้อย แต่ละคนก็ได้แตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าหัวหน้าเชฟจะเลือกจานไหนที่เคยทำด้วยกัน หลังจากนั้นเชฟทั้ง 5 คนก็เข้าไปช่วยงานเชฟฟรองซัวในการจัดทำอาหาร มีทั้งหมด 10 เมนูและทยอยนำออกมาจนครบทุกเมนูเมื่อทานอาหารโดยที่มีเชฟยอดฝีมือคอยประกบ และแนะนำวิธีการทานให้ ทำให้พวกผมรู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษเลยละครับ เสียดายจังที่ไอ้ซันไม่ได้เข้าร่วม ผมนั่งคิดพร้อมกับหันหน้าไปทางเวทีเล็กๆ ที่เชฟกำลังพูดแนะนำและให้คำอวยพรกับพวกเราอยู่ แต่จิตใจของผมกลับล่องลอย คิดถึงสิ่งที่คนรักเป็นอยู่ในช่วงนี้หลังจากที่มันได้คุยกับเชฟวันนั้น เหมือนจะปกติ แต่มันไม่ปกติ.....“อ่า ซัน แรงๆ อึก ทำแรงๆ”“อืมมม” ผมได้แต่ร้องครางอยู่ใต้ร่างของคนรัก บิดตัวไปมาอย่างทรมาน นิ้วมือร้า