วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายครับ ตื่นสายได้เต็มที่ พอตื่นแล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน จนเมื่อเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ขับรถตรงไปมหาลัย แวะทานข้าวอีกนิดหน่อย แล้วจึงเข้าห้องเรียนของตัวเอง
พอไปถึง ไอ้ซันมันก็ฟุ้บหน้านอนหลับอยู่ก่อนแล้ว ผมก็นั่งลงที่ข้างๆ มัน เท้าคางนั่งมองเส้นผมสีส้มที่ระไปกับพื้นโต๊ะเรียน ก่อนที่ผมจะนอนตะแคงหันข้าง นอนมองมันนิ่งๆ
กรี้ดดดดดดดดดดดดด
เสียงกรีดร้องดังขึ้น จากที่เบาๆ คนสองคน กลับกลายเป็นกลุ่มก้อน และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไอ้ซันหลุดออกจากนิทรา ผมเองก็ผุดตัวไปดูที่หน้าต่างเช่นกัน อยากรู้ว่าสาวๆ เขากรี้ดอะไร อย่างไม่รู้ตัว ไอ้ซันเองก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เช่นกัน จุดประสงค์เดียวกับผม เพราะแขนของมันค้ำยันขอบหน้าต่างเอาไว้ ยืนซ้อนหลังของผมอีกชั้น จนเหมือนว่ามันกำลังโอบกอดผมจากด้านหลัง และผมกำลังมองหน้ามันในระยะประชิด ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันที ต่างจากไอ้ซันที่ไม่ได้สนใจอะไร สายตามองลงไปที่เบื้องล่าง จนเมื่อคนๆ หนึ่งเดินเข้าตึกมา เสียงกรี้ดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อฝั่งคนขับเปิดประตูลงมา เดินไปที่นั่งด้านข้างแล้วปิดประตูเอง ไม่ใช่อะไรครับ เพื่อนผมมันเด๋อ วิ่งลงจากรถเขาแล้วไม่ยอมปิดประตู
“นั่นมัน...” ผมพูดขึ้นมาเบาๆ ทำให้ไอ้ซันหันมามอง ก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง
“ทำอะไรกันว่ะ” ไอ้วุฒิที่พึ่งมาถึงพูดขึ้น แล้วมายืนดูบ้าง ก่อนจะชะงักนิ่งไป เพราะคนที่มาส่งไอ้นายไม่ได้กลับขึ้นรถในทันที ก้มหน้าลงกดโทรศัพท์ ลำตัวพิงประตูรถเอาไว้ และหลังจากนั้น เพื่อนตัวเล็กก็เดินตามมายืนดูอย่างข้างๆ เสียงแจ้งเตือนจากแอพแชทดังขึ้น เจ้าตัวก็หยิบขึ้นมาดู ก่อนจะเงยหน้ามองลงไปที่ด้านล่าง อายม้วน บิดจนตัวจะเป็นเกลียว คนที่ด้านล่างยกยิ้มนิดๆ ยิ่งทำให้เกิดเสียงกรี้ดดังลั่น ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไป
“เฮ้ย นั่นมันพี่คนนั้นนี่หว่า มาส่งมึงหรอวะไอ้นาย” เสียงไอ้ซันเอ่ยถาม พลางขยับไปอยู่ข้างๆ ไอ้นายในทันที ทำให้กลายเป็นจุดสนใจ
“บอกมาเลยนะมึง เรื่องเป็นไงมาไง มึงรู้จักพี่เขาหรอ” ผมเอ่ยถามกลับไปบ้าง จะมีก็แต่ไอ้วุฒิที่มองอยู่เงียบๆ ไอ้นายจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องราวให้พวกผมฟังคร่าวๆ
“อ่อ กูอยู่บ้านพี่เขา พี่เขาชื่อเนม ช่วยชีวิตกูไว้ เขาเห็นกูไม่มีที่ไป เลยจ้างให้มาทำงานด้วยกัน กูก็กินนอนบ้านพี่เขาแหละ นอกจากนี้พี่เขายังส่งกูเรียนมหาลัยด้วย กูถึงได้มีเพื่อนเหี้ยๆ แบบพวกมึงไง 55555”
“แน่ใจหรอว่าแค่เจ้านายกับลูกน้อง” เสียงไอ้วุฒิเอ่ยถามเสียงเรียบ
“เออ กูก็ว่ามันแปลกๆ อยู่นะ สายตาที่มองมึงงี้ตาเชื่อมเลย ผู้ชายด้วยกันกูดูออกนะเว้ยยยย” เสียงไอ้ซันที่สมทบความคิดของไอ้วุฒิ ไม่ใช่แค่มึงนะที่ดูออก กูก็ดูออก และก็เชื่อว่าไอ้วุฒิก็เช่นกัน
“เออ ก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอก พี่เขาบอกว่าเขาจะจีบกูว่ะ” ไอ้นายพูดไปก็ก้มหน้าลงต่ำ
“มึงเริ่มชอบพี่เขาเหมือนกัน ว่างั้นเถอะ” ไอ้ซันเลิกคิ้วถาม
“กูก็ไม่รู้ว่ะ กูยังไม่แน่ใจ”
“แต่กูว่ามึงไม่รอดพี่เขาหรอก อย่างมึงได้กลายเป็นเมียพี่เขาแน่ เชื่อกู กูแม่น” ผมพูดออกไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม สายตาแบบนั้นน่ะ ผมรู้จักมันดี....
“พวกมึงรังเกียจรึเปล่าว่ะ หากกูคบกับพี่เขาจริงๆ” ไอ้นายเอ่ยถามอ้อมแอ้มอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
“โห้ยยย ไอ้ควาย มึงจะเป็นผัวหรือเป็นเมีย มึงก็คือมึงนั่นละ กูไม่มีปัญหากับเรื่องแบบนี้หรอก โลกเขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว”
“เออ กูว่ามึงคิดมากไปว่ะ” ผมสนับสนุนความคิดของไอ้ซันอีกเสียง ขาดก็แต่ไอ้วุฒิ จนพวกผมหันไปมอง ก็พบว่ามันไม่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว
“น่า มึง อย่าคิดมาก เดี๋ยวพวกกูช่วยพูดกับมันให้” เสียงไอ้ซันปลอบใจแล้วลากให้ไปนั่งที่ เพื่อเข้าเรียน ไอ้นายมันซึมลงไปเลยครับ เมื่อคิดว่าเพื่อนจะยอมรับมันไม่ได้ ผมกับไอ้ซันก็ช่วยกันปลอบ ให้กำลังใจ เวลาผ่านไปเกือบสัปดาห์
“ไอ้นาย”
“.....”
“ไอ้นาย”
"......"
ป้าบ!
“เฮ้ย ไอ้นาย เป็นไรหน้าเครียดเชียวมึง” ไอ้ซันที่เห็นไอ้นายนั่งก้มหน้าอยู่ก็โบกหัวแล้วตะโกนถามดังลั่น
“ไอ้สัส จะตะโกนหาอะไรของมึง พูดเบาๆ กูก็ได้ยิน” ไอ้นายหันมาแว๊ดกลับทันทีที่ได้สติ
“ได้ยินกับผีมึงสิ กูเรียกตั้งแต่เข้าประตูห้องมา ตะโกนดังลั่น มึงได้ยินกูไหมห๊ะ!!!” ไอ้ซันทำการตบหัวไอ้นายอีกที จนเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของไอ้นายยุ่งเหยิง ลูบหัวตัวเองปอยๆ
“เออ ขอโทษว่ะ กูคิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“น่า มึงไม่ต้องคิดมากเรื่องไอ้วุฒิหรอก เดี๋ยวมันก็หาย ถ้ามันไม่หายก็ช่างแมร่ง เรื่องแค่นี้มันรับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ” ไอ้ซันก็ยังคงย้ำเรื่องนี้อยู่ พยายามพูดเพื่อให้ไอ้นายสบายใจ โทรศัพท์ของผมสั่นหน่อยๆ บ่งบอกให้รู้ว่ามีการแจ้งเตือนเข้ามา จนต้องหยิบขึ้นมาดู แล้วร้องบอกเพื่อนๆ
“พวกมึง ไอ้วุฒิชวนกูกับซันไปแดกเหล้าวันศุกร์ว่ะ” พูดแล้วหันหน้าจอโทรศัพท์มือถือส่งให้ดู ไอ้ซันยกยิ้มร้าย เหมือนมีเรื่องชั่วอยู่ในหัว
“เออ มึงตอบมันไปเลยว่าพวกกูไป และมึงก็ต้องไปด้วยไอ้นาย” ไอ้ซันหันมาสั่งการ ผมเองก็จัดการพิมพ์ตามคำสั่งในทันที มันอาจจะมีแผนอะไรสักอย่าง เพื่อจัดการความอึมครึมของบรรยากาศในช่วงนี้
“ทำไมกูต้องไปว่ะ มันไม่ได้ชวนกูสักหน่อย กูไม่อยากให้พวกมึงหมดสนุก” ไอ้นายบอกปฏิเสธออกมาเบาๆ ส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“ไม่ได้ กูบังคับ พวกมึงต้องปรับความเข้าใจกัน ถ้ามันได้ก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็ให้มันหักไปเลย ดีกว่าค้างๆคาๆ” ไอ้ซันหันมาพูดกับไอ้นายด้วยน้ำเสียงจริงจัง อย่างที่น้อยนักจะได้เห็น ไอ้นายเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบตกลงกลับมา
“เออ ก็ได้ กูจะไป” นั่นพาให้ผมกับไอ้ซันยิ้มออก อยากให้พวกแม่งรีบๆ เคลียร์กันให้เร็วๆ
จนเมื่อถึงวันศุกร์ เพราะมีเรียนแค่ครึ่งเช้าจึงพากันแยกย้ายแล้วค่อยไปเจอกันตามนัด พวกผมอยู่คอนโดใกล้มหาลัย การเดินทางจึงใช้เวลาไม่นานนัก เมื่อถึงกำหนดเวลาผมก็ออกจากห้อง สวมใส่เสื้อยืดเกงยีนส์ ใส่ทับด้วยเสื้อสเวตเตอร์แบบมีฮู้ด สีดำ รองเท้าผ้าใบสีกรม ออกจากห้องมาก็ต้องนิ่งอึ้งกับสภาพของเพื่อนตัวเอง ต่างจากไอ้ซันที่ยิ้มร่ายกมือโบกไปมาให้เห็น
“ทำไมสภาพมันแย่ขนาดนี้ว่ะ”
“มันเฮิร์ท”
“โคตรแย่” สภาพของไอ้วุฒิเรียกว่าดูไม่ได้เลย ผมเผ้ารุงรัง รอบตาเป็นรอยลึกบุ๋มลงไป ขอบตาดำคล้ำ รอบคางเริ่มมีไรหนวดให้เห็น
เพียงไม่นาน ไอ้นายก็มาถึง เพราะการนั่งโต๊ะของเราเป็นแบบวงกลม ทำให้เห็นไม่ชัดว่ามันนั่งกันในตำแหน่งไหน ไอ้ซันมันก็หลีสาวของมันไป โดยที่ผมได้แต่นั่งมองเฉยๆ ตอบกลับไปบ้างเวลามันหันมาถาม แม่ง ทำไมต้องกูว่ะ คิดในใจอย่างเจ็บปวด เมื่อได้ยินมันพูดถึงผู้หญิงคนนั้น คนนี้ ทายว่านมจริง นมปลอม รวมถึงเป็นสาวแท้หรือสาวเทียม กระนั้น มันก็ยังพยายามสร้างเสียงหัวเราะในวงเหล้าที่เงียบงันนี้ เมื่อเพื่อนทั้งสองคนต่างหันหน้าไปคนละทาง ไอ้วุฒิยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเอาๆ ไอ้นายก็นั่งดื่มน้ำผลไม้ของตัวเองไป ส่วนสาเหตุที่ไม่กินเหล้าเพราะมันคออ่อนครับ เห็นบอกว่าเคยกินแล้วก่อเรื่องก็เลยพยายามเลี่ยงของมึนเมา
ปึก!
เหมือนกับความอดทนของไอ้วุฒิจะสิ้นสุดลง วางแก้วใบเล็กลงอย่างรุนแรง ทำให้คนทั้งกลุ่มหันหน้าไปมอง ก่อนจะยืนขึ้นช้าๆ เดินมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ ไอ้นายก็เดินตามไป โดยที่มีผมกับไอ้ซันมองตามไปอย่างเป็นกังวล
“กูตามไปดูดีไหมว่ะ” เอ่ยถามขึ้นเบาๆ แต่ไอ้ซันส่ายหัวไปมาเป็นการแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก ดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
“มึงเชื่อกู จะเพื่อน จะผัวเมีย หรือจะคนแปลกหน้า มันสองคนจะรู้ในวันนี้แหละ” ไอ้ซันพูดพลางมองออกไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ
“มึงรังเกียจที่ไอ้นายมันเป็นเกย์ไหมว่ะ”
“ถ้าหากว่ารับไอ้นายไม่ได้ กูก็คงรับไอ้วุฒิไม่ได้เหมือนกัน กูสังเกตตั้งแต่แรกๆ ละ สายตาแม่งมองแต่ผู้ชายหน้าตาดี” พูดจบก็ยกขึ้นดื่มบ้าง
“แล้วถ้ากูเป็นเกย์ มึงจะรับได้ไหมว่ะ”
“ฮะๆ ฮ่าๆ อย่างมึงน่ะหรอจะเป็นเกย์ คุณซันผู้ฟันแล้วทิ้งคนนั้นน่ะหรอ ไม่มีทาง ให้ตายยังกูก็ไม่เห็นว่ามึงจะออกอาการแบบไอ้วุฒิเลยสักนิด” ทันทีที่ได้ฟังคำถาม หัวใจผมก็กระตุกวูบด้วยความดีใจ ก่อนจะค่อยๆ หายไปตามลำดับ เมื่อคิดได้ว่าถ้ามันเป็นจริง มันคงไม่ได้ชื่อว่าคบกัน 2 วัน แล้วฟันทิ้งแบบนี้หรอก ถึงได้แกล้งฝืนหัวเราะออกไป ยกแก้วเหล้าขึ้นสูง เพื่อหลบซ่อนสายตาที่หม่นหมอง
“นั่นสินะ” ไอ้ซันพูดพลางดื่มไปด้วย พวกเรานั่งดื่มกันไป คุยกันไป จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ ไอ้วุฒิกับได้นายก็ยังไม่กลับมา คิดว่ามันคงจะพากันกลับแล้ว ไม่รู้ว่าตกลงเรื่องมันจบยังไงแน่ เอาไว้ค่อยไปถามทีหลัง พอผมจะกลับ ก็เอาเงินบางส่วนฝากไอ้ซันเอาไว้จ่ายค่าเหล้า ไอ้วุฒิแม่ง... แดกแล้วชิ่งหนี ภาระมาตกอยู่ที่พวกกูไปอี้ก ค่อยไปคิดดอกเบี้ยกับมัน ผมบ่นกระปอดกระแปดในใจ ก่อนจะเดินออกจากร้านมา เดินไปที่รถของตัวเอง มือคลำตามตัว หากุญแจรถ สงสัยว่าจะลืมเอาไว้บนโต๊ะ
คิดพลางเดินย้อนกลับเข้าไปอีกครั้ง เห็นหญิงสาวสองคนนั่งขนาบซ้ายขวา ลำตัวเบียดชิด ไอ้ซันก็ยกมือขึ้นโอบกอดทั้งสองคนเหมือนพวกอาเสี่ยพุงพลุ้ย แต่มันกลับทำให้ผมชะงัก รู้สึกว่าฝ่ามือเย็นเหยียบ และเริ่มชาตั้งแต่ปลายนิ้วไล่ขึ้นมาช้าๆ ผมลุกไปยังไม่ถึง 5 นาทีเลยด้วยซ้ำ มันกลับนั่งกอดก่ายหญิงสาวถึงสองคน
“ลืมอะไรวะ” ไอ้ซันเหลือตามมอง ร้องถามกลับมา
“อ้อกู-” คำพูดของผมหยุดชะงัก เมื่อไอ้ซันไม่ได้สนใจจะเอาคำตอบจากผม หันไปจูบกับผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่ง ทำให้ริมฝีปากของผมกัดแน่นจนขึ้นสันกราม หยิบเอากุญแจที่ลืมเอาไว้บนโต๊ะมาถือไว้ เอ่ยปากอีกครั้ง
“ไปละ บาย” ว่าจบก็หันหลังให้ เดินจากมา แต่ละก้าวย่างช่างหนักอึ้ง เหมือนมีคนค่อยฉุดดึงรั้งข้อเท้าไว้ตลอดเวลา อยากจะเข้าไปกระชากหญิงสาวทั้งสองคนนั้นออกใจจะขาด ถึงผมจะรู้ว่ามันจะมั่ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นสวิ้งกิ้ง
ผมพาร่างของตัวเองขึ้นมานั่งบนรถ มือกำพวงมาลัยรถแน่นทำนบน้ำตาไหลออกมาช้าๆ ซุกหน้าลงกับพวงมาลัยของรถ ร้องไห้เพียงลำพังโดยไร้เสียงสะอื้น จนเมื่ออาการคลายลง จึงเงยหน้าขึ้น สตาร์ทรถ แล้วขับออกจากสถานบันเทิงแห่งนี้
“ไท่หยาง พ่อมึงใจร้ายจังวะ....”
หลังจากนั้นผมก็อาบน้ำแต่งตัว คลานขึ้นเตียงนอนเมื่อถึงคอนโด ตอนแรกก็ตาแข็งค้างนะครับ ก่อนจะค่อยๆ หลับลงไปเมื่อแสงอาทิตย์มาเยือนในยามเช้า พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ จนเกือบจะเย็นแล้ว เดินออกจากห้องทั้งชุดนอน ล้างหน้าแปรงฟันพอ เดินไปซื้อข้าวกล่องในร้านสะดวกซื้อ แล้วกลับขึ้นมาที่ห้อง เปิดกล่องทานอย่างเซ็งๆ พอทานหมดก็ทิ้งไป เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง เปิดทีวีไว้เป็นเพื่อน มือเลื่อนๆ หาซีรีส์ที่น่าสนใจ แล้วเปิดขึ้น
ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่พอเห็นพระเอกแล้วสนเลยครับ ทำไมหน้าตามันน่ารักจังว่ะ? พอดูต่อไปอีกสักพัก อ้อ ก็ว่า จากพระเอกเป็นนายเอกไปแล้วละครับ ถึงว่า ทำไมหน้าตาน่ารัก ตัวเล็กผอมบาง หลังจากนั้นมันก็ดึงความสนใจของผมไปจนหมด นอนกอดหมอนข้าง นั่งดูอย่างตั้งใจ ยิงยาวรวดเร็วเดียว 20 ตอน จนล่วงเลยมาถึงวันอาทิตย์ สลับพักบ้างเป็นบางครั้ง เรียกได้ว่าดูกันจนตาแฉะ แต่ก็สนุกดีครับ คิดพลางอาบน้ำแต่งตัว หาวออกมาหน่อยๆ เดินลงไปที่ด้านล่าง ตั้งใจจะซื้อข้าวกล่อง พอเลือกซื้อได้ก็ไปยืนต่อแถว คนๆ นี้แม่งเหมือนไอ้ซันเลยครับ แผ่นหลังคล้ายกันเลยแฮะ ผมปรือตามองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า เพราะง่วงงุนเกินไป จนทำให้จะหลับทั้งๆ ที่ยืนอยู่
ตุ้บ!
ด้วยความเผลอตัว ทำให้ผมพิงหัวกับแผ่นหลังนั้น จนเจ้าของแผ่นหลังหันกลับมามอง ทำให้ผมเด้งตัวออกในทันที
“อ่อ ขอโทษครับ อ้าว”
“มึงจะไล่นอนซบหลังคนอื่นแบบนี้ไม่ได้นะครับคุณหนูเบส ถ้าไม่อยากโดนตีนชาวบ้าน” ไอ้ซันหันมาพูดกับผมเบาๆ แย่งของในมือไปถือไว้ แล้วจ่ายรวมกัน ผมก็เลยขยับออกจากแถว ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นหาว
“อืมมม กูหนักไปหน่อย” พูดด้วยดวงตาที่ปรือเต็มที่ อยากรีบกินรีบนอนมากๆ ครับเวลานี้ อย่างทิ้งหัวลงหมอนสุดๆ
“มึงจะเอาอะไรไปหนัก หรือแอบดื่มเหล้าเมื่อคืน? เอาสาว? ทำงาน? หน้าอย่างมึงช่วยป๊ามึงด้วยหรอว่ะ” ไอ้ซันถามพลางขมวดคิ้วมอง
“ซีรีส์” พูดแล้วปิดปากหาวอีกครั้ง แล้วเอ่ยบอก
“รหัสห้องกู XXXX นะ” ว่าจบก็ตั้งท่าจะเดินออกจากร้าน ให้มันตามขึ้นไปที่หลัง หากแต่มันจับไหล่ของผมไว้ ไม่ยอมให้ผมไปดังใจอยาก
“เดี๋ยวดิว่ะ ไปพร้อมกัน จะเสร็จแล้ว” ครับ จะเสร็จแล้วของแม่งรอตั้ง 5 นาที ผมยืนพิงไอ้ซันไป หัวชนกับแผ่นหลังของเพื่อน ยืนรอที่มุมหนึ่งของร้าน เกือบจะหลับแล้วครับ ถ้ามันไม่สะกิดยิกๆ ว่าของที่อบนั้นได้แล้ว ผมคงจะยืนหลับแม่งตรงนี้แหละ ก่อนที่จะเดินตามแรงดึงที่ฝ่ามือ โดยมีไอ้ซันเป็นผู้บังคับทิศทางให้เดินตามไปอย่างแม่นยำ พอถึงห้องผมก็เปิดประตูเข้าไป พุ่งเข้าหาโซฟา หยิบหมอนอิงมารองคอ อีกใบก็กอดไว้ ข้าวปลาไม่ต้องแดกละครับ ขอกูนอนก่อนเถอะ ง่วงฉิบหาย
“นี่มึงแดกอะไรไปบ้างเนี้ย ทำไมในถังขยะมีข้าวกล่องเยอะจังว่ะ”
“เงียบน่า” พูดพลางพลิกตัวเข้าหาโซฟา หลับตาหลีกหนีเสียงบ่น ก่อนที่ข้อมือจะโดนฉุดดึงให้ลุกขึ้น
“ตื่นมาแดกข้าวก่อน”
“โอ้ยยยยย อะไรของมึงเนี้ย วุ่นวายกับกูจังว่ะ!!!” ผมบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด ไอ้ซันก็สวนกลับมาทันที
“ถ้ากูไม่เป็นห่วงจะวุ่นวายกับมึงไหมห๊ะ!! กูส่งข้อความมาหาตั้งเท่าไหร่! ไหนจะโทรมาอีก! มึงคิดจะหยิบโทรศัพท์มาดูบ้างไหม!! กูก็นึกว่าเป็นอะไร ถึงได้ตั้งใจแวะมาดูมึงพูดแบบนี้หรอว่ะ!!!” ไอ้ซันยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดจนเส้นผมสีส้มอิฐยุ่งเหยิง คำพูดของมันทำให้ผมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะทำหน้าจ๋อยลงตามลำดับ
“ขอโทษ กูง่วง ให้กูนอนเถอะ” พูดแล้วช้อนตาขึ้น อ้อนมันนิดๆ ไอ้ซันตีหน้าผากของผม ก่อนจะวางกล่องข้าวไว้ตรงหน้า
“แดกให้หมดแล้วค่อยเข้าไปนอนในห้อง” มันสั่งการเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในห้องครัว ผมจึงรีบกินรีบทิ้ง เดินไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง นาทีนี้อะไรก็ไม่เอา ต้องการเตียงนอนเท่านั้น จนกระทั่งหลับไป โดยที่ทิ้งอีกคนเอาไว้ตามลำพัง มันจะทำอะไรของมันก็ไม่รู้ล่ะ ช่างแม่ง...
ร้อน....อึดอัด....ขยับไม่ได้.....ผมปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อความรู้สึกราวกับร่างทั้งร่างถูกตรึงไว้อยู่กับที่ แสงสว่างที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใส ทะลุผ้าม่านสีขาวเข้ามา ทำให้ต้องหรี่ตามอง ก่อนที่จะพยายามหันหน้าหลบอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อตัวของผมถูกกักเอาไว้ภายใต้วงแขนของใครบางคน ทำให้ผมยกมันขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองชายรูปร่างสูงใหญ่ รูปกายกำยำสมกับความเป็นบุรุษเพศ นอนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง วงแขนกอดก่ายผมเอาไว้ จนรัดแน่น ผิวเนื้อที่สัมผัสแนบชิดทำให้เกิดความรู้สึกร้อนผะผ่าว เส้นผมสีส้มอิฐนั้นแลดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ที่โคนเส้นผมถูกแซมด้วยสีดำสนิทขึ้นมาอีกเล็กน้อย แสดงถึงความแตกต่างของสีที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดสนิท หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ จมูกโด่งเป็นสันรับเข้ากับใบหน้าที่เรียวยาว ริมฝีปากหนา ที่พอรวมเข้ากับใบหน้ากลับดูดีจนน่าตกใจมือของผมไล้ไปบนอากาศตามโครงหน้า โดยที่ไม่ได้โดนผิวเนื้อของคนที่กำลังหลับอยู่แม้แต่น้อย ไม่กล้าที่จะสัมผัส หวาดกลัวความรู้สึก กลัวว่ามันจะปะทุออกมา
สุดท้ายผมก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในที่อโคจรจนได้ สายตากวาดมองไปรอบๆ หามุมสงบๆ สักที่นั่งลง ก่อนจะสั่งเหล้ามา 1 ขวด และกับแกล้มอีกนิดหน่อย ระหว่างที่นั่งรอก็ปลดกระดุมเสื้อสูทออกจากตัว โยนพาดไว้ที่พนักพิง ดึงรั้งเนกไท ก่อนจะโยนไปในทิศทางเดียวกัน ปลดกระดุมคอบนออก 2 เม็ด ยกฝ่ามือขึ้นเสยเส้นผมสีดำสนิทของตัวเองพอแก้วใบเล็กถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับขวดเหล้าราคาแพง ผมก็จัดการเทลงใส่แก้ว ยกดื่มขึ้นทันที ไม่มีอารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น นั่งดื่มเพียงลำพัง ในมุมมืดของร้าน อาหารที่สั่งมาไม่มีการแตะต้องใดๆ สิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวมีเพียงแก้วใบเล็ก ขวดเหล้า และผู้ที่เป็นเจ้าของซึ่งครอบครองโต๊ะในมุมอับสายตาเท่านั้นผมนั่งดื่มไปเรื่อยๆ จนดวงตาฉ่ำเยิ้ม เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่ก็นานพอให้ปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนเกินขีดจำกัดในการควบคุมสติสัมปชัญญะ ในตอนนี้ปริมาณน้ำสีอำพันในขวดเหล้าใบสวยลดลงมากกว่าครึ่งขวด ทำให้คนที่เดินเข้าร้านมาด้วยมาดที่หล่อ เนี๊ยบ และดูดี กลายเป็นคนที่ดูขี้เมาในทันที ใบหน้าหล่อคมคายฟุ้บลงกับโต๊ะ นอนอย่างเกียจคร้าน แต่มือก็ยังคงรินเหล้าใส่แก้วอย่างต
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr“อืมมมม”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“หนวกหู.......”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“อื้อออออ”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“โว้ยยยยยยย รำคาญจริง!!!”ติ้ด![ไอ้ซัน! ไอ้สัส! มึงอยู่ไหนเนี้ยยยย]“โอ้ยยย เสียงดังฉิบหาย มึงจะโวยวายทำไมวะ”[ไอ้ควาย! มึงนัดเพื่อนมาทำงานเนี้ย แล้วมึงพึ่งตื่นหรอวะ!!!] เสียงไอ้วุฒิพูดด้วยความโมโหดังลอดออกมาจากโทรศัพท์แผ่วๆ“.......”“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย” คนที่กำลังนอนก่ายกอดอยู่ที่ด้านหลัง เด้งตัวออกแล้วผุดลุกขึ้นนั่งทันที ทำให้ช่องทางรักที่ถูกเชื่อมติดเอาไว้เมื่อตอนก่อนจะหลับฝันไป หลุดออกอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงร้องดังออกมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างกัน“โอ๊ย!!!” เพราะความเจ็บนั้นปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา แต่ความรู้สึกแรกที่ลืมตาข
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังทำให้ผมบดเบียดกายเข้าหาอย่างวางใจ จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดบนกระหม่อมทำให้ต้องปรือตามอง เมื่อคืนผมนอนคนเดียว.....ใครวะ!!!คิดพลางลืมตาโตหันกลับไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังในทันที จนใบหน้ามีระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดพริ้ม ริมฝีปากหนา สันกรามชัดเจน ราวกับภาพวาดของเทพบุตร แสงสีทองของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นผมสีส้ม จนส่องประกายยิ่งกว่าเหมือนกับเจ้าชายในเทพนิยายที่กำลังหลับใหล นอนหลับพักผ่อนผมกะพริบตามองอย่างุนงง เมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เข้าห้องมาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมานอนกับผม แทนที่จะนอนห้องของตัวเอง แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แตะริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจึงซุกตัวลงในอ้อมแขน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นอีกนิด คนที่กำลังกอดอยู่ขยับแขนเข้ามากอดรัดให้มากขึ้น พร้อมกับจับผ้ามาห่มให้ โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่มันกลับทำให้ผมสงสัย ว่ามันตื่น
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนด้วยนาฬิกาชีวิต มึนงงเล็กน้อย มองออกไปรอบๆ ห้องๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น แย่ละ…แต่พอวิ่งไปถึงแล้วก็ต้องชะงัก ไฟถูกปิดทั้งหมด ทีวี แอร์ ทุกอย่างหยุดการทำงาน ความอบอุ่นของห้อง ทำให้รู้ว่ามันถูกปิดไปนานมากแล้ว ผมยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่กลางห้อง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา ครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน ผมดูซีรีส์อยู่ ผมจำได้ ผมอาจจะง่วงมาก ถึงได้เข้าไปนอนในห้อง แต่มั่นใจมากพอว่าตัวเองไม่ได้เดินปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้แน่“หรือจะมีผีว่ะ?” บ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ไม่หรอก นี่มันตึกพึ่งสร้างนะ ห้องก็ราคาแพง ใช่ห้องถูกๆ ซะที่ไหน ไม่น่าใช่หรอก หรือผมละเมอไปปิดว่ะ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะ ช่างแม่ง....พอคิดได้ดังนั้นก็เลยลุกขึ้น ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปเรียน ออกมาทำอาหารเช้าทาน พอทานเสร็จก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะขับรถไปที่มหาลัย พอไปถึงผมก็ยังคงนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ จะช่างแม่งมันก็ได้แหละ แต่สงสัยไง เออ ช่างแม่งก็ได้.... คิดพลางสะดุ้งเมื่อมีคนตบลงที่บ่าหนักๆ จน
เอ๋?“อื้อ”ฮะ?“อืม”หืออออออ?“อ่า”หน่าหนิ!?!?!?!?พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!อะ อะไร?? มันเป็นแบบนี้ได้ไง?? งงไปดิครับ!!!“ร้องสิ...... เหมือนวันนั้น”“อะ มะ มึง จะให้ อึก กูร้อง อะ อะไร”“อ่า สงสัย กูคงต้องกรอกเหล้าเข้าปากมึงบ้างแล้วมั้ง? ซี้ดดดด”“อ๊ะ อะไรของมึงเนี้ย” ตอนนี้ผมถูกกดให้นอนอยู่ใต้ร่างของไอ้ซันครับ หัวเข่าทั้งสองข้างโดนมันจับดันจนชิดอก ทำให้ช่องทางรักลอยเด่น และมีแก่นกายของมันกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเมามัน ต่างจากผมเนี้ย อ๋อแดกและใบ้กินโดยสมบูรณ์ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว“เหนื่อยว่ะ ขยับดิ๊” ไอ้ซันว่าพร้อมกับยกตัวผมขึ้นทั้งๆ ที่ยังเชื่อมติดกัน จัดให้ผมนั่งทับแก่นกายของมัน และมันเองก็จับขยับโยกเอวผมไปด้วยเบาๆ“อะ หะ หะ เหี้ยเถอะ กูจุก อยากก็ทำ
เพี้ยะ!“ถ้าไม่รักจะมาคบกันทำไมว่ะ!!!” ใบหน้าหล่อร้าย มาดนิ่ง หันสะบัดตามแรงตบกระทบ จนใบหน้าขาวๆ นั้นขึ้นรอยฝ่ามือชัดเจน เขาทำเพียงมองตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งๆ เฉยชา และไร้ความรู้สึก แตกต่างจากหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มือกำแน่น ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า มองจ้องอย่างเจ็บแค้นและโกรธเคือง“เสียชาติเกิด!! ไอ้หน้าตัวเมีย!!” อีกฝ่าตะโกนด่าดังลั่นอีกครั้ง ซึ่งเขาเองก็ทำเพียงยืนมองอยู่เฉยๆ ยอมรับคำกล่าวหา ไม่เถียงอะไรออกไปสักคำ“จบแล้วใช่ไหม กูจะได้ไปสักที” พูดพลางหันหลัง ก้าวเดินจากมา ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากคนที่ด้านหลังกรีดร้องเป็นเจ้าเข้า“ไอ้เบส!! กูขอให้มึงอกหัก!! ไม่สมหวังในความรัก!!! น้ำหน้าอย่างมึงเขาไม่เอามึงหรอก!! อีวิปริต!! อีผิดเพศ!!! ขอให้มึงตกนรกทั้งเป็น!!! กรี้ดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เขาเดินก้าวจากมาช้าๆ พร้อมๆ กับคิดในใจไปด้วยว่าไม่ต้องแช่งกูหรอก แค่ตอนนี้กูก็ตกอยู่ในสถานะนั้นแล้ว....ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน.....“ไอ้อ้วน!!! ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ไอ้ลูกหมู!!! ไอ้ขี้มูกกรัง!!” เด็กชายตัวน้อยนั่งลงกับพื้นทรายในสวนสาธารณะ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับที่ ยกแขนป้อมๆ นั้นขึ้นปาดน้ำตาตั
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”“อึก แฮ่ก แฮ่ก”ตุ้บ!ผมนอนทิ้งตัวบนพื้นที่มีเสื่อโยคะปูเอาไว้อยู่ ใบหน้าหันมองออกไปที่ผืนน้ำสีฟ้าสดใส ลมหายใจหอบกระชั้นถี่ระรัว เป็นผลพวงที่มาจากการฟิตออกกำลังกาย อย่างที่รู้กันว่าแต่เดิมผมนั้นเป็นเด็กอ้วนคนหนึ่ง จะให้ทำยังไงได้ละ ก็อาหารการกินของที่ต่างประเทศนั้นมันไม่เหมือนที่ไทยนี่ ส่วนใหญ่ที่ได้ทานอยู่บ่อยๆ ก็เป็นพวกแป้ง เนื้อ นม ไข่ และขนมปัง มันก็คงไม่แปลกที่ผมจะตัวอ้วนกลมตุ้ยนุ้ยตั้งแต่เด็กถ้าถามว่าผมกลับมามีหุ่นที่ฟิต กระชับ และเฟิร์มทั้งตัวได้ยังไง ก็ต้องยกความดีความชอบให้เพื่อนคนสำคัญ ที่มันจับผมลากออกไปเล่นนอกบ้านทุกวัน แถมการเล่นแต่ละอย่างของมันก็ไม่ใช่จะสนุกสนานสำหรับผม แต่กับมันก็คงจะใช่ ผมคิดพลางขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว เมื่อคิดถึงการละเล่นในสมัยก่อน“ไอ้เบส มึงดูนี่! แม่งโคตรน่ารักอ้ะ!”“ออกไปนะ!!! ซัน!! เบสไม่เล่น!!” เขาตะโกนร้องบอกคนที่ด้านหลัง วิ่งหนีสุดชีวิต เมื่ออีกฝ่ายจับคางคกตัวตะปุ่มตะป่ำ พยายามจะยื่นมาตรงหน้าให้เขาได้ดู เพราะเจ้าตัวนั้นดันไปเห็นมันกระโดดเข้ามาในบ้านของตัวเอง และจับมาอวดให้เขาดูตรงหน้า ซึ่งทันทีที่เขาได้เห็นก็ร้องลั่น วิ่งหนีอย่
เอ๋?“อื้อ”ฮะ?“อืม”หืออออออ?“อ่า”หน่าหนิ!?!?!?!?พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!อะ อะไร?? มันเป็นแบบนี้ได้ไง?? งงไปดิครับ!!!“ร้องสิ...... เหมือนวันนั้น”“อะ มะ มึง จะให้ อึก กูร้อง อะ อะไร”“อ่า สงสัย กูคงต้องกรอกเหล้าเข้าปากมึงบ้างแล้วมั้ง? ซี้ดดดด”“อ๊ะ อะไรของมึงเนี้ย” ตอนนี้ผมถูกกดให้นอนอยู่ใต้ร่างของไอ้ซันครับ หัวเข่าทั้งสองข้างโดนมันจับดันจนชิดอก ทำให้ช่องทางรักลอยเด่น และมีแก่นกายของมันกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเมามัน ต่างจากผมเนี้ย อ๋อแดกและใบ้กินโดยสมบูรณ์ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว“เหนื่อยว่ะ ขยับดิ๊” ไอ้ซันว่าพร้อมกับยกตัวผมขึ้นทั้งๆ ที่ยังเชื่อมติดกัน จัดให้ผมนั่งทับแก่นกายของมัน และมันเองก็จับขยับโยกเอวผมไปด้วยเบาๆ“อะ หะ หะ เหี้ยเถอะ กูจุก อยากก็ทำ
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนด้วยนาฬิกาชีวิต มึนงงเล็กน้อย มองออกไปรอบๆ ห้องๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น แย่ละ…แต่พอวิ่งไปถึงแล้วก็ต้องชะงัก ไฟถูกปิดทั้งหมด ทีวี แอร์ ทุกอย่างหยุดการทำงาน ความอบอุ่นของห้อง ทำให้รู้ว่ามันถูกปิดไปนานมากแล้ว ผมยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่กลางห้อง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา ครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน ผมดูซีรีส์อยู่ ผมจำได้ ผมอาจจะง่วงมาก ถึงได้เข้าไปนอนในห้อง แต่มั่นใจมากพอว่าตัวเองไม่ได้เดินปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้แน่“หรือจะมีผีว่ะ?” บ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ไม่หรอก นี่มันตึกพึ่งสร้างนะ ห้องก็ราคาแพง ใช่ห้องถูกๆ ซะที่ไหน ไม่น่าใช่หรอก หรือผมละเมอไปปิดว่ะ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะ ช่างแม่ง....พอคิดได้ดังนั้นก็เลยลุกขึ้น ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปเรียน ออกมาทำอาหารเช้าทาน พอทานเสร็จก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะขับรถไปที่มหาลัย พอไปถึงผมก็ยังคงนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ จะช่างแม่งมันก็ได้แหละ แต่สงสัยไง เออ ช่างแม่งก็ได้.... คิดพลางสะดุ้งเมื่อมีคนตบลงที่บ่าหนักๆ จน
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังทำให้ผมบดเบียดกายเข้าหาอย่างวางใจ จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดบนกระหม่อมทำให้ต้องปรือตามอง เมื่อคืนผมนอนคนเดียว.....ใครวะ!!!คิดพลางลืมตาโตหันกลับไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังในทันที จนใบหน้ามีระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดพริ้ม ริมฝีปากหนา สันกรามชัดเจน ราวกับภาพวาดของเทพบุตร แสงสีทองของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นผมสีส้ม จนส่องประกายยิ่งกว่าเหมือนกับเจ้าชายในเทพนิยายที่กำลังหลับใหล นอนหลับพักผ่อนผมกะพริบตามองอย่างุนงง เมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เข้าห้องมาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมานอนกับผม แทนที่จะนอนห้องของตัวเอง แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แตะริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจึงซุกตัวลงในอ้อมแขน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นอีกนิด คนที่กำลังกอดอยู่ขยับแขนเข้ามากอดรัดให้มากขึ้น พร้อมกับจับผ้ามาห่มให้ โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่มันกลับทำให้ผมสงสัย ว่ามันตื่น
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr“อืมมมม”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“หนวกหู.......”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“อื้อออออ”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“โว้ยยยยยยย รำคาญจริง!!!”ติ้ด![ไอ้ซัน! ไอ้สัส! มึงอยู่ไหนเนี้ยยยย]“โอ้ยยย เสียงดังฉิบหาย มึงจะโวยวายทำไมวะ”[ไอ้ควาย! มึงนัดเพื่อนมาทำงานเนี้ย แล้วมึงพึ่งตื่นหรอวะ!!!] เสียงไอ้วุฒิพูดด้วยความโมโหดังลอดออกมาจากโทรศัพท์แผ่วๆ“.......”“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย” คนที่กำลังนอนก่ายกอดอยู่ที่ด้านหลัง เด้งตัวออกแล้วผุดลุกขึ้นนั่งทันที ทำให้ช่องทางรักที่ถูกเชื่อมติดเอาไว้เมื่อตอนก่อนจะหลับฝันไป หลุดออกอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงร้องดังออกมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างกัน“โอ๊ย!!!” เพราะความเจ็บนั้นปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา แต่ความรู้สึกแรกที่ลืมตาข
สุดท้ายผมก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในที่อโคจรจนได้ สายตากวาดมองไปรอบๆ หามุมสงบๆ สักที่นั่งลง ก่อนจะสั่งเหล้ามา 1 ขวด และกับแกล้มอีกนิดหน่อย ระหว่างที่นั่งรอก็ปลดกระดุมเสื้อสูทออกจากตัว โยนพาดไว้ที่พนักพิง ดึงรั้งเนกไท ก่อนจะโยนไปในทิศทางเดียวกัน ปลดกระดุมคอบนออก 2 เม็ด ยกฝ่ามือขึ้นเสยเส้นผมสีดำสนิทของตัวเองพอแก้วใบเล็กถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับขวดเหล้าราคาแพง ผมก็จัดการเทลงใส่แก้ว ยกดื่มขึ้นทันที ไม่มีอารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น นั่งดื่มเพียงลำพัง ในมุมมืดของร้าน อาหารที่สั่งมาไม่มีการแตะต้องใดๆ สิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวมีเพียงแก้วใบเล็ก ขวดเหล้า และผู้ที่เป็นเจ้าของซึ่งครอบครองโต๊ะในมุมอับสายตาเท่านั้นผมนั่งดื่มไปเรื่อยๆ จนดวงตาฉ่ำเยิ้ม เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่ก็นานพอให้ปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนเกินขีดจำกัดในการควบคุมสติสัมปชัญญะ ในตอนนี้ปริมาณน้ำสีอำพันในขวดเหล้าใบสวยลดลงมากกว่าครึ่งขวด ทำให้คนที่เดินเข้าร้านมาด้วยมาดที่หล่อ เนี๊ยบ และดูดี กลายเป็นคนที่ดูขี้เมาในทันที ใบหน้าหล่อคมคายฟุ้บลงกับโต๊ะ นอนอย่างเกียจคร้าน แต่มือก็ยังคงรินเหล้าใส่แก้วอย่างต
ร้อน....อึดอัด....ขยับไม่ได้.....ผมปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อความรู้สึกราวกับร่างทั้งร่างถูกตรึงไว้อยู่กับที่ แสงสว่างที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใส ทะลุผ้าม่านสีขาวเข้ามา ทำให้ต้องหรี่ตามอง ก่อนที่จะพยายามหันหน้าหลบอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อตัวของผมถูกกักเอาไว้ภายใต้วงแขนของใครบางคน ทำให้ผมยกมันขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองชายรูปร่างสูงใหญ่ รูปกายกำยำสมกับความเป็นบุรุษเพศ นอนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง วงแขนกอดก่ายผมเอาไว้ จนรัดแน่น ผิวเนื้อที่สัมผัสแนบชิดทำให้เกิดความรู้สึกร้อนผะผ่าว เส้นผมสีส้มอิฐนั้นแลดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ที่โคนเส้นผมถูกแซมด้วยสีดำสนิทขึ้นมาอีกเล็กน้อย แสดงถึงความแตกต่างของสีที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดสนิท หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ จมูกโด่งเป็นสันรับเข้ากับใบหน้าที่เรียวยาว ริมฝีปากหนา ที่พอรวมเข้ากับใบหน้ากลับดูดีจนน่าตกใจมือของผมไล้ไปบนอากาศตามโครงหน้า โดยที่ไม่ได้โดนผิวเนื้อของคนที่กำลังหลับอยู่แม้แต่น้อย ไม่กล้าที่จะสัมผัส หวาดกลัวความรู้สึก กลัวว่ามันจะปะทุออกมา
วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายครับ ตื่นสายได้เต็มที่ พอตื่นแล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน จนเมื่อเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ขับรถตรงไปมหาลัย แวะทานข้าวอีกนิดหน่อย แล้วจึงเข้าห้องเรียนของตัวเองพอไปถึง ไอ้ซันมันก็ฟุ้บหน้านอนหลับอยู่ก่อนแล้ว ผมก็นั่งลงที่ข้างๆ มัน เท้าคางนั่งมองเส้นผมสีส้มที่ระไปกับพื้นโต๊ะเรียน ก่อนที่ผมจะนอนตะแคงหันข้าง นอนมองมันนิ่งๆกรี้ดดดดดดดดดดดดดเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากที่เบาๆ คนสองคน กลับกลายเป็นกลุ่มก้อน และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไอ้ซันหลุดออกจากนิทรา ผมเองก็ผุดตัวไปดูที่หน้าต่างเช่นกัน อยากรู้ว่าสาวๆ เขากรี้ดอะไร อย่างไม่รู้ตัว ไอ้ซันเองก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เช่นกัน จุดประสงค์เดียวกับผม เพราะแขนของมันค้ำยันขอบหน้าต่างเอาไว้ ยืนซ้อนหลังของผมอีกชั้น จนเหมือนว่ามันกำลังโอบกอดผมจากด้านหลัง และผมกำลังมองหน้ามันในระยะประชิด ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันที ต่างจากไอ้ซันที่ไม่ได้สนใจอะไร สายตามองลงไปที่เบื้องล่าง จนเมื่อคนๆ หนึ่งเดินเข้าตึกมา เสียงกรี้ดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อฝั่ง
K : สวัสดีครับS : ใครครับ?K : ไม่บอกได้ไหมครับ แต่ผมมีเรื่องจะขอรบกวนคุณนะS : ผมหรอ ให้ช่วยอะไรครับ?K : ไม่ทราบว่าเพื่อนสนิทของคุณชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมเป็นพี่เทคของเขาS : คนไหนละครับ เพื่อนผมมีเยอะแยะK : น้องเบส.....S : อ้อ มันชอบของอร่อยครับ เท่านั้นแหละ ผมดีใจนะที่คุณเริ่มหันมาสนใจมันบางK : ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ พอดีผมยุ่งๆ อยู่ ถ้ายังไง ผมอาจจะขอรบกวนคุณเพื่อสอบถามนะครับ แล้วก็อาจจะฝากของผ่านคุณ ไปให้น้องเบสด้วยS : ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีK : แล้วคุณชอบทานอะไรไหมครับ ถือว่าผมติดสินบนก็แล้วกัน....หลังจากที่พี่ท็อปบอกว่าจะตามหาพี่เทคให้ มันก็มีความคืบหน้าจริงๆ นะครับ เพราะหลังจากนั้น 2 – 3 วัน ไอ้ซันก็เดินถือกล่องขนมอะไรสักอย่างมาด้วย ยื่นให้ผมตรงหน้า ผมก็มองมันอย่างงงๆ พร้อมกับถามออกไปเบาๆ ว่าให้เนื่องในโอกาสอะไร มันก็บอกว่ามีคนฝากเอามาให้ เป็นของที่มาจากพี่เทคพอผมถามว่ามันรู้จักคนๆ นั้นไหม มันก็บอกว่าไม่รู้จัก พร้อมกับนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบกล่องขนมแบบเดียวกันออกมานั่งทานไปพลาง“อร่อยไหมว่ะ”“ลองแดกดูสิครับ” ผมยู่ปากอย่างขัดใจนิดๆ ก่อนจะเปิดกล่องของตัวเองออกดูบ้าง มากา
“สวัสดีครับ” ผมยกมือสวัสดี ก่อนจะไล่สายตามองไปที่บุคคลที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว มีป๊า ม๊า และอีกฝั่งคือ......อ้าว?“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักอีกครั้ง พร้อมกับผงกหัวไปด้วย ยกมือสวัสดีคุณลุงและพี่ท็อป รุ่นพี่ที่คณะของผมเอง“นั่งสิ” ป๊าของผมเอ่ยบอกเบาๆ ทำให้ผมทรุดตัวลงนั่งอย่างงงๆ จะไม่งงได้ไงครับ ปกติมันต้องเป็นงานดูตัวอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรอ ผมต้องพบกับหญิงสาวที่ส่งสายตาหยาดเยิ้ม หรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายไม่ใช่หรอ ไม่ใช่สายตาที่มองมาด้วยความเอ็นดูแบบนี้??? พอผมนั่งลงได้ ลุงจรัญก็เอ่ยชวนคุยทันที“ลุงคงทำให้ตกใจสินะ ถึงได้ตั้งใจหนีแบบนั้นน่ะ” ลุงจรัญพูดยิ้มๆ ต่างจากผมที่ผงกหัวขึ้น เงยหน้ามองทันที เลยไปทางพี่คม แล้ววกกลับมาที่ป๊าของตัวเอง“ฮึฮึ ตาท็อปก็อยู่ในรถด้วยนะ ตั้งใจจะรับมาทีเดียวนั่นแหละ เห็นตาท็อปบอกว่าพอเจอหน้าพี่เลี้ยงก็วิ่งหนีเลยหรอ”“อ่อ” ป๊าไม่ได้พูดอะไรออกมา ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบนิดๆ ต่างจากม๊าที่หัวเราะเบาๆ“พี่ไม่คิดจะชวนเบสมาดูตัวหรอกนะครับ” พี่ท็อปพูดขึ้น แล้วยกยิ้มเอ็นดูส่งมาให้“อ่อ แหะๆ ครับ”“พอดีพี่ได้ข่าวมาว่าตอนรับน้อง เบสไม่มีพี่เทคมาสนใจเลยใช่ไหมครับ ให้พี่ช่วยหาใ