ผมนั่งอยู่ที่หน้าบ้านของเขาเป็นเวลานาน จนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืน แม่ถึงได้ตามมาพบเจอ และลากผมให้กลับบ้านเพื่อนอนพักผ่อน
“ซัน แม่ขอนะลูก อย่าทำแบบนี้อีก อย่าทำร้ายตัวเอง ใจแม่เจ็บปวดตามลูกไปด้วย”
“ผมขอโทษครับแม่” แม้ว่าเวลานี้จะล่วงเข้าวันใหม่มาหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่แม่ก็ยังคงไม่ไปไหน นั่งอยู่ข้างๆ กัน ผมเองก็ดวงตาเหม่อลอย มองเพดานห้องของตัวเอง
“เขา...”
“....”
“ป๊าเขารู้เรื่องของเรา... ก็เลยส่งเขาไปอยู่ที่อื่นแล้ว... ซันจะไปตามหาเขาที่ไหนดีแม่ ซันไม่รู้ว่าเขาถูกส่งไปที่ไหน เหมือนกับเขาหายเข้าไปในกลีบเมฆ ม่านหมอกคอยช่วยบังเขาจากสายตาของผม ซันไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน....” ผมรำพึงรำพันออกมาอย่างทรมานใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไร เพราะแบบนี้ใช่ไหมถึงได้บอกเลิกกัน เพราะไม่อยากให้รอ เลิกกัน ทั้งๆ ที่ยังรักอยู่....
“ฮึก”
“นอนพักซะลูกนะ แม่จะนอนกับหนูด้วยคืนนี้” แม่ของผมพูดพร้อมกับเอนตัวลงนอนข้างๆ ผมเองก็ขยับเข้าไป
แม้จะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ ก็ต้องยอมรับ ความรักที่ผมมีต่อเขามันมากเกินกว่าจะละทิ้งช่องทางที่ทำให้ผมได้เขาคืนมา ยอมโยนทิ้งความตั้งใจของตัวเอง แล้วไล่ตามสิ่งที่ตัวเองปฏิเสธมาตลอด ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อเขา.....ทำให้ตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าตึกๆ หนึ่งภายในประเทศไทย บริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งที่มีจุดเด่นในด้านดนตรีและการแสดง เป็นผู้จัดการแข่งขันร้องเพลงในระดับนานาชาติ โดยจะทำการคัดเลือกภายในประเทศก่อนจนได้ที่ 1 แล้วถึงจะขยับไปที่นานาชาติต่ออีกทีตอนนี้ผมนั่งกรอกข้อมูลจนเสร็จเรียบร้อยดี หลังส่งใบสมัครแล้วจึงกลับคอนโด ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะทำ แม้ว่าจะมีแมวมองมาทาบทามให้ไปทำงานด้วย เพราะหวงแหนช่วงเวลาที่เราจะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน จึงพยายามออกห่างจากสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าจะชอบร้องเพลงมากก็ตาม แต่ตอนนี้ผมต้องยอมละทิ้งสิ่งเหล่านั้นไปเมื่อเขาไม่ได้ยืนข้างกายผมแต่เดิมผมมีความฝันอยากที่จะเป็นนักร้อง จึงคิดที่จะเข้าคณะศิลปกรรมศาสตร์ในตอนแรกเริ่มที่ได้เรียน แต่ก็ยอมละทิ้งความฝันนั้นไปเพื่อเข้าไปเรียนในคณะเดียวกันกับเขา และเลือกที่จะปฏิเสธอาชีพที่
“....”“....”“....”“....”ตอนนี้พวกเรา 4 คน อันได้แก่ ผม แม่ พี่ท็อป และเชฟ กำลังนั่งมองหน้ากันไปมาในความเงียบ มันเงียบจนน่าอึดอัด ได้แต่มองกันไปมาภายในห้องนั่งเล่นบ้านของผมเอง ใจผมอยากจะจับมือแม่พาลุกขึ้นไปคุยกันให้รู้เรื่องเสียตอนนี้ หากแต่แม่กลับจับกุมกระชับฝ่ามือของผมเอาไว้แน่น เหมือนต้องการกำลังใจ ทำให้ผมไม่สามารถทำได้ดั่งใจอยาก“พ่อ.... กำลังมาครับ” แม่นั่งมองหน้าพี่ท็อปอยู่ตลอดเวลา คล้ายกับว่ามองหาความคล้ายคลึงและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับคนตรงหน้า เมื่อได้รับข่าวสารแม่จึงพยักหน้ารับน้อยๆ หลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายถามกลับไปบ้าง“กิต... สบายดีไหมลูก” ในตอนที่ถาม แม่กุมกระชับมือเอาไว้แน่น เหมือนกับพยายามข่มกลั้นอารมณ์ เมื่อยามที่ต้องพูดคุยกับอีกฝ่าย บรรยากาศชวนอึดอัดเป็นที่สุด“ครับ สบายดีครับ” ที่มือของพี่ท็อปเองก็มีมือของเชฟกุมกระชับไว้ ให้กำลังคนรักของตนเช่นกัน เชฟทำเพียงนั่งนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่แสดงความห่วงใยออ
ผมนั่งอยู่ที่หน้าบ้านของเขาเป็นเวลานาน จนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืน แม่ถึงได้ตามมาพบเจอ และลากผมให้กลับบ้านเพื่อนอนพักผ่อน“ซัน แม่ขอนะลูก อย่าทำแบบนี้อีก อย่าทำร้ายตัวเอง ใจแม่เจ็บปวดตามลูกไปด้วย”“ผมขอโทษครับแม่” แม้ว่าเวลานี้จะล่วงเข้าวันใหม่มาหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่แม่ก็ยังคงไม่ไปไหน นั่งอยู่ข้างๆ กัน ผมเองก็ดวงตาเหม่อลอย มองเพดานห้องของตัวเอง“เขา...”“....”“ป๊าเขารู้เรื่องของเรา... ก็เลยส่งเขาไปอยู่ที่อื่นแล้ว... ซันจะไปตามหาเขาที่ไหนดีแม่ ซันไม่รู้ว่าเขาถูกส่งไปที่ไหน เหมือนกับเขาหายเข้าไปในกลีบเมฆ ม่านหมอกคอยช่วยบังเขาจากสายตาของผม ซันไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน....” ผมรำพึงรำพันออกมาอย่างทรมานใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไร เพราะแบบนี้ใช่ไหมถึงได้บอกเลิกกัน เพราะไม่อยากให้รอ เลิกกัน ทั้งๆ ที่ยังรักอยู่....“ฮึก”“นอนพักซะลูกนะ แม่จะนอนกับหนูด้วยคืนนี้” แม่ของผมพูดพร้อมกับเอนตัวลงนอนข้างๆ ผมเองก็ขยับเข้าไป
Sun Partไม่เคยคิด.... ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ ทั้งๆ ที่ขอเอาไว้แล้วแท้ๆ เคยขอเอาไว้แล้วไม่ใช่หรอ.... คำๆ นั้น คำเลวร้ายแบบนั้น อย่าพูดมันออกมาอีก.....“ที่รัก.... เราเลิกกันนะ”ผมได้แต่นิ่งอึ้งอยู่กับที่เมื่อได้ยินคนรักพูดคำๆ นั้นออกมาทั้งน้ำตา คนตรงหน้าพูดอะไรออกมาอีกหลายอย่างแต่มันไม่เข้าหูของผมเลยแม้แต่น้อย ดวงตาฝ้าฟางและเสียงที่ได้ยินก็อื้ออึง สมองไร้การตอบสนองใดๆ ดวงใจบีบรัดแน่นจนเจ็บปวดไปหมด เกิดคำถามขึ้นมามากมายภายในหัว ทำไม? เกิดอะไรขึ้น? เพราะอะไร? ทำไมถึงตัดสินใจทำแบบนี้ ทำไมถึงทิ้งผมได้ลง.....ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ กว่าจะรู้ตัวห้องทั้งห้องก็เงียบสงัด มีเพียงเสียงจากทีวีที่ยังคงเล่นวนเพลงเดิมอยู่ซ้ำๆ ไม่รู้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ สิ่งที่รับรู้ได้มีเพียงคนรักของผม เลือกที่จะเดินจากผมไป.... ผมยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก เหมือนกับว่าเคยได้รับสัมผัสนุ่มหยุ่นเมื่อนานมาแล้ว ผมเงยหน้ามองห้องไปรอบๆ กวาดสายตาออกไปทั่วบริเวณ เจ็บปวดไปถึง
“โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์” ป๊าพูดพร้อมกับแบมือมาตรงหน้า ทำให้ผมเข้าใจได้ทันที หยิบยื่นให้โดยไม่ได้พูดคำใดออกมา หลังจากที่ป๊ารับไปแล้วก็เอาของใหม่ที่ไม่มีข้อมูลใดๆ เลยให้ผม เมื่อได้รับมาก็เก็บใส่กระเป๋าอย่างไม่คิดจะตรวจสอบตอนนี้พวกเราทั้ง 4 คน อันประกอบไปด้วย ป๊า ม๊า พี่เมธ และผม มายืนอยู่ที่สนามบินแห่งใหญ่ของประเทศ เพื่อรอขึ้นเครื่องเช็คอินในเวลา 5 ทุ่มครึ่ง และตอนนี้มันก็จวนเจียนจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว เพราะผมพึ่งจะมาถึง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมสรรพ เหลือเพียงแค่ผมเข้าเช็คอินเท่านั้น“ม๊า พี่คมละ” ผมเอ่ยถามม๊าด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอ่อนล้า ตั้งแต่เกิดเรื่องผมยังไม่เจอหน้าพี่คมเลย มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้…..“ฉันมีงานให้มันทำ” ป๊าของผมเป็นคนร้องตอบออกมาเอง ในขณะที่ผมนั้นไม่สนใจแม้แต่จะหันหน้าไปมอง เดินเข้าไปกอดม๊าเอาไว้แน่นๆ“ฮึก ผมไปนะม๊า และจะติดต่อมาบ่อยๆ นะ” พูดพร้อมกอดม๊าแน่นขึ้นอีกนิด“ไม่ต้องห่วงนะเบส ม๊าดูแลตัวเองได้”“ผมฝากม๊าดู ฮึก ไอ้ซันให
ผมเดินเข้ามาในตึกด้วยความอารมณ์ดี ที่ช่วงนี้ป๊าไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายอะไรกับผมอีก หลังจากเกิดเรื่องราวทะเลาะกันใหญ่โตในครั้งนั้น เหมือนว่าป๊าจะดูนิ่งเฉยมากขึ้น ม๊าก็พยายามที่จะโทรหา เพื่อให้ผมกลับไปปรับความเข้าใจกับป๊าแต่ก็ไร้ผล แม้ว่าเราจะทำงานที่เดียวกัน ห้องอยู่ติดกัน แต่เรากลับไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำในอ้อมแขนของผมเต็มไปด้วยของสดมากมาย ผมพยายามก้าวเท้าพร้อมกับหอบหิ้วของเหล่านี้ไปด้วย ในใจคิดแต่เพียงว่าจะต้องจัดเตรียมเมนูอะไรบ้าง คิดพลางแตะคีย์การ์ดเข้าไปภายในห้อง แต่ก็ต้องชะงักกึกหลังจากแง้มประตูออกเพียงเล็กน้อย เมื่อดวงไฟในห้องถูกเปิดส่องสว่าง หรือบางทีอาจจะเป็นคนรักที่เปลี่ยนใจ ไม่ได้ทำโอทีในวันนี้ก็เลยกลับมาก่อนเวลาปกติ คิดพลางดันประตูให้เปิดออกกว้าง ก่อนจะต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตายืนอยู่ภายใน“พี่เมธ....” เจ้าของชื่อหันมาทำหน้าลำบากใจส่งมาให้ ผมจึงขมวดคิ้วและเดินสาวเท้าเข้าไปหา“พี่มาหาผมถึงนี่มีอะไรรึเปล่าครับ?” ถามพร้อมกับถอดรองเท้าไปด้วย ก่อนจะต้องหยุดชะงัก เมื่อรองเท้าที่ถูกถอดวางไว้อย่างเป็นระเบียบมี