LOGINหลี่อวี้เหิง ชาตินี้เขาไม่อาจทำให้สามีรักได้ ชาติหน้าเขา ขอไม่รักคนไร้หัวใจเช่นนี้อีกเมื่อคำขอได้ส่งถึงสวรรค์ ทำให้เขาย้อนกลับมาตอนที่กำลังคลอดบุตรฝาแฝด สวรรค์ช่างเมตตาทำให้ชาตินี้เขาย้อนกลับมาตอนที่ลูกน้อยยังมีชีวิตอยู่ ชาตินี้เขาจะต้องปกป้องลูกน้อยและครอบครัวให้ได้ และจะไม่รักสามีใจร้ายเช่นท่านอีก ไท่ฉางจวิน!
View Moreบทที่ 1 เกอผู้งดงาม
ภายในเมืองประดับประดาไปด้วยผ้าสีแดงเป็นทางยาวเป็นสาย วันนี้เป็นงานอภิเษกขององค์ชายสี่ตระกูลหลี่ เกอรูปงามอย่างหาที่ใดเปรียบใบหน้าขาวผ่องอ่อนหวานมิได้ต่างอะไรจากอิสตรีหน้าผากได้รูปรับกับโครงหน้าเรียวรูปไข่ ริมฝีปากกบอบบางราวกับกลีบดอกเหมย ทั่วทั้งแคว้นต้าเจิงไม่มีใครไม่รู้จักหลี่อวี้เหิง เพราะความงามเป็นที่เลื่องลือของเขาทำให้เป็นที่หมายตาของบุรุษหลายคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเข้าตาท่านอัครเสนาบดีหลี่เลยสักคนแน่นอนว่าท่านอัครเสนาบดีเองก็เป็นที่โปรดปรานอย่าหาที่ใดเปรียบ นั่นจึงทำให้ใคร ๆ ต่างก็หวั่นเกรงอีกฝ่ายยิ่งนัก เรียกได้ว่าอยู่เหนือใต้หล้าอยู่ต่ำกว่าเพียงคนเดียวอย่างแท้จริง หลายวันก่อนมีความดีความชอบฮ่องเต้ไท่ฉางจิ้งจึงมีราชโองการพระราชทานมงคลสมรสให้กับบุตรชายคนรองของตระกูลกับฉินอ๋อง อ๋องแห่งแคว้นต้าเจิง บัดนี้ขบวนแต่งงานเป็นที่พร้อมแล้ว ไท่ฉางจวินเป็นชายร่างสูงเก้าฉื่อใบหน้าเรียบเฉยเย็นชา ยามที่นั่งอยู่บนหลังม้ามุมปากก็ไม่กระตุกสักนิดเลย อาจจะเพราะไม่ได้เต็มใจจึงทำให้ออกมาเป็นเช่นนี้ หลี่อวี้เหิงอยู่ในชุดแต่งงานสีแดงสลับเขียว บนศีรษะมีผ้าแดงปกคลุมเอาไว้ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกลาก่อน” หลี่อวี้เหิงโค้งตัวลงเล็กน้อย แม้ไม่อยากไปแต่ก็ต้องไป เพราะนี้เป็นคำบัญชาจากสวรรค์มิอาจบิดพลิ้วได้ ไม่เช่นนั้นตระกูลหลี่ก็คงไม่มีที่ยืนบนแผ่นดินนี้แล้ว “เจ้าไปเถอะ” อัครเสนาบดีหลี่กล่าว ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม พระราชทานสมรสวันนี้คนอื่นไม่มีความสุขก็มิเป็นไรเพียงแค่เขาถูกใจเท่านั้นก็พอ “เหิงเอ๋อร์” ยามเห็นแผ่นหลังบุตรชายกำลังเดินจากไป อวิ๋นหยางผู้เป็นมารดา ก็บังเกิดความรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา เขาไม่อาจวางใจจึงเผลอร้องเรียกออกไปโดยไม่รู้ตัว “ท่านแม่” หลี่อวี้เหิงหันมายิ้ม เขาอยากให้มารดาเบาใจ “ท่านดูแลสุขภาพด้วย” หน้าจวนมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่บนหลังม้า ใบหน้าหล่อเหลามองไปเบื้องหน้า จวบจนกระทั่งหลี่อวี้เหิงเดินออกมาก็ไม่ได้เหลือบมองแม้แต่นิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจ เลือกที่จะเดินไปยังเกี้ยวเจ้าสาวพร้อมกับนางกำนัลที่ติดตามตนทั้งสามคน “ไป” สองเท้าตบเข้าที่ท้องม้า อาชาสีดำราวกับราตรีมืดเชื่อฟังเป็นอย่างยิ่ง เรียวขาของมันก้าวเดินอย่างสง่างาม ส่งผลให้บุรุษบนหลังม้ายิ่งดูน่าเกรงขามมากขึ้นกว่าเดิม กว่าที่ไท่ฉางจวินจะก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการองครักษ์ฝ่ายในผู้เกรียงไกรนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายผู้คนต่างร่ำลือกันว่าฉินอ๋องมีจิตใจเด็ดเดี่ยวและมีฝีมือเก่งกาจจนเป็นที่ประจักษ์ นั่นจึงทำให้ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยเป็นอย่างมาก จึงมอบสมรสพระราชทานให้เป็นรางวัล เมื่อมาถึงจวนของฉินอ๋องผู้คนก็รอดูอยู่มากมาย รอบด้านจึงเต็มไปด้วยเสียงดังเซ็งแซ่ ต่างบอกว่าทั้งสองรูปงามเหมาะสมกันยิ่งนัก ขณะที่ฉินอ๋องรอเจ้าสาวลงจากหลังม้า ในใจกลับคิดว่าคนน่าชังเช่นนี้จะไปน่ารักน่าชอบได้อย่างไร เขาหมายมั่นในใจแล้วว่าจะไม่มีวันรักใคร่ปรองดองกับเกอผู้นี้อย่างแน่นอน ‘อยากแต่งเข้าจวนอ๋องหรือก็แต่งไป เช่นนั้นเจ้าก็อย่าหาว่าคนอย่างเปิ่นหวางใจร้ายก็แล้วกัน!!’ พิธีแต่งงานผ่านไปอย่างราบรื่น จวบจนกระทั่งแม่สื่อพาหลี่อวี้เหิงเข้ามารอในห้องหอ เขานั่งบนเตียงนิ่ง ๆ ไม่กล้าจะขยับตัว ใบหน้างดงามเหม่อลอย คิดไม่ตกว่าหลังจากนี้ชีวิตของตนจะเป็นอย่างไร ผ่านไปค่อนคืนเสียงใบไม้เสียดสีหวีดหวิวตามลม คนผู้หนึ่งเดินโอนเอนเดินอยู่บนทางเดินสะพานไม้ เสียงฝีเท้าหนัก ๆ แว่วดังเข้ามาจนกระทั่งถึงหน้าประตูก่อนจะตามมาด้วยเสียงเปิดที่ไม่เบามือสักเท่าไรนัก ทำเอาเจ้าสาวที่กำลังนั่งอยู่บนตั้งเตียงใจเต้นตึกตัก ใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงผืนนั้นร้อนไปทั้งดวงหน้า รอคอยใจจดจ่ออย่างน่าสงสาร เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ย้ำก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่เบื้องหน้าตนเอง ไท่ฉางจวินหลุบตาลงมองต่ำ ก่อนผ้าคลุมหน้าจะถูกเปิดอย่างออกอย่างไม่ใส่ใจ หลี่อวี้เหิงเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาชายหนุ่มตระหนกเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่พูดสิ่งใดออกมา ฉินอ๋องมองแล้วแสยะยิ้มมุมปากบิดเบี้ยวเสียจนน่าใจหาย ร่างบางถูกจ้องจนประหม่า เขาจึงหลีกเลี่ยงโดยการเดินไปผ่านไปยังโต๊ะตรงกลางห้อง มือข้างหนึ่งจัดการรินสุรามงคลใส่จอกใบเล็ก แล้วจึงเดินกลับมาเบื้องหน้าไท่ฉางจวินอีกครั้ง “ท่านอ๋อง..” ทว่าไท่ฉางจวินกับไม่รับมัน ตอนที่เขาเห็นใบหน้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้นี้แล้วทำให้รู้สึกโมโหยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเขามีคนที่หมายตาเอาไว้อยู่แล้ว แต่อัครเสนาบดีหลี่ก็ยังส่งบุตรชายคนรองเข้ามา เหตุใดจึงหน้าไม่อายทั้งพ่อทั้งลูก อยากแต่งเข้าจวนอ๋องเสียจนตัวสั่น อำนาจลาภยศคงจะหอมหวานเสียจนไม่สนสิ่งใดแล้ว สุรามงคลถูกบีบจนแหลกคามือ หลี่อวี้เหิงตกใจรีบไปจับมือของเขาเพราะกลัวว่าจะเป็นแผลผุดพอง ทว่าเพียงแค่สัมผัสโดนหลังมือ ก็ถูกสะบัดทิ้งอย่างไม่ไยดี “อย่ามาแตะต้องตัวข้า เจ้ากับบิดาเจ้าช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก ชาตินี้อย่าหวังเลยว่าข้าจะรับเจ้าเป็นพระชายา อย่างมากเจ้าก็เป็นได้แค่ชายอุ่นเตียง เท่านั้น ดูสิใบหน้างดงามนี้จะเป็นอย่างไร” หลี่อวี้เหิงปัดมือที่บีบคางของตนออกอย่างไม่พอใจ เมื่อได้ยินคำพูดไม่น่าฟังก่อนจะกล่าวขึ้น “ท่านคิดว่าข้าอยากแต่งกับท่านมากนักหรือ หากแต่ทั้งหมดนี่เป็นเพราะพระบัญชาของฝ่าบาททำให้ยากที่จะขัด หาไม่แล้วแม้แต่ใบหน้านี้ของท่าน ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะมอง แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วท่านจะไม่ให้เกียรติข้าที่เป็นชายาเอกบ้างหรืออย่างไร!” “อย่างเจ้าจะมีเกียรติอะไรอีก ใบหน้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เช่นนี้จะมีเกียรติอยู่หรือ” ไท่ฉางจวินก้าวประชิดตัวอย่างคุกคาม ทำให้หลี่อวี้เหิงถอยหลังจนชนเข้ากับเสาเตียง แต่ยังไม่ทันจะได้หลบไปไหนทัน มือแกร่งก็คว้าหมับเข้าที่ลำคอพลางบีบ ชายหนุ่มมองหน้าชายาของตนอย่างมุ่งร้าย แววตาฉายแววสังหารแล้ว “ท่านมันชั่วร้ายหาที่ใดเปรียบ” หลี่อวี้เหิงพูดอย่างยากลำบาก เขาพยายามจะแกะมือที่แข็งแรงดังเหล็กกล้าออก “ฮึก..ถึงข้าจะไม่มีเกียรติในสายตาท่านแต่ข้าก็จะไม่มีวันยอมให้ใครมาข่มเหงโดยง่ายเป็นแน่” หลี่อวี้เหิงกล่าวทั้งน้ำตา ดูถูกตนได้แต่อย่าดูถูกไปถึงบิดามารดา หาไม่แล้วเขาจะไม่ยินยอม “เจ้าไม่ยินยอมแล้วจะทำสิ่งใดได้” ไท่ฉางจวินขยับหน้าเข้ามาใกล้ จนหลี่อวี้เหิงได้กลิ่นลมหายใจของเขา ชายหนุ่มหลับตาแน่น ไท่ฉางจวินไล่มองไปทั้งดวงหน้า คาดไม่ถึงว่าริมฝีปากกลีบเหมยจะดึงดูดสายตาเขาจนละไปไหนไม่ได้ ราวกับว่าถูกมนต์สะกดทำให้ร่างสูงขยับใบหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัวแล้วกล่าว “ข้ารู้แล้วว่าเจ้าทำสิ่งใดได้ จงทำหน้าที่ที่ควรทำเสียเถอะ” กล่าวจบก็ครอบครองริมฝีปากหลี่อวี้เหิงโดยพลัน แต่มีหรือพระชายาจะยินยอมการล่วงล้ำเช่นนี้ เขาพยายามจะส่ายหน้าหนี แต่มือราวกับเหล็กก็บีบเข้าที่สันกราม “กลัวแล้วหรือ” “ทะ..ท่านปล่อยข้านะ…. เหตุใดข้าต้องกลัวท่านด้วยเล่า” หลี่อวี้เหิงตอบทั้ง ๆ ที่ริมฝีปากบวมแดง บัดนี้เครื่องหัวหลุดลุ่ย ผมบางส่วนตกลงมาคลอเคลียตามกรอบหน้า บังเกิดเป็นภาพที่ยั่วยวนยิ่งนัก “ดี” เอ่ยวาจาเพียงสั้น ๆ แล้วจึงกดร่างของหลี่อวี้เหิงลงแนบกับที่นอน กดสองมือคนใต้ร่างเอาไว้เหนือศีรษะ ก้มใบหน้าลงจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ “ท่าน…ออกไป” หลี่อวี้เหิงกล่าวอย่างแข็งกร้าว เบือนใบหน้าหนีปลายจมูกที่กำลังก้มลงมา ในใจก็คิดอย่างเจ็บช้ำว่าเหตุใดไท่ฉางจวินจึงทำถึงขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เขามิได้รักใคร่ตนเองแท้ “ออกหรือ… ได้อย่างไร ไหน ๆ เจ้าก็อยู่ตรงนี้แล้ว” ไท่ฉางจวินคลอเคลียที่แก้ม ไล่ลงมาจนถึงลำคอ หลี่อวี้เหิงเครียดเกร็งขึ้นในทันใด แต่เพราะรู้ว่าทำสิ่งใดไม่ได้จริงไม่ขัดขืน "หน้าไม่อายนัก…ไท่ฉางจวิน ท่านอ๋อง เหตุใดหน้าไม่อายเช่นนี้" "ฮ่า ๆ ข้าหรือหน้าไม่อาย ใคร่ชายบำเรอมีสิ่งใดที่น่าอาย” ไท่ฉางจวินเลือดขึ้นหน้าแล้ว เขาใช้มือเพียงข้างเดียวกดสองมือของหลี่อวี้เหิงไว้เหนือหัว ส่วนมืออีกข้างก็เปลี่ยนมาบีบคาง จากนั้นก็บดจูบล่วงล้ำอย่างรุนแรง หลี่อวี้เหิงก็หาจะยอมโดยง่าย พยายามเม้นปากเสียงจนเจ็บร้าว ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองโดนกัดเต็มแรง “อ๊ะ! ท่าน” กำลังจะอ้าปากกล่าวแต่เสียงกลับเงียบลง เพราะตนเผยให้อีกคนรุกล้ำเข้ามาภายในกลีบปากนุ่ม ปลายลิ้นไท่ฉางจวินไล่ต้อนไปทั่วทั้งโพรงปาก ดูดดุนเสียจนหายใจลำบาก หลี่อวี้เหิงพยายามเบือนหน้าหนีทว่าฝ่ามือที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กยึดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแม้จะขัดขืนเพียงใดก็ไม่อาจหนีพ้น “หึ ยังปากเก่งอยู่อีกหรือไม่…” ไท่ฉางจวินผละออกยกยิ้มร้าย ก่อนจะจรดริมฝีปากทาบทับอีกครั้ง คราแรกเพียงแค่อยากจะปราบพยศแต่พอส่งปลายลิ้นไล่ต้อนไปทั่วทั้งโพรงปากตักตวงกลับหยุดไม่ได้ ราวกับว่าเขาไม่เคยลิ้มลองสิ่งหอมหวานขนาดนี้มาก่อน หลี่อวี้เหิงยอมรับการรุกรานนั้นอย่างจำนน นัยน์ตานั้นแข็งกร้าวแต่แฝงไปด้วยความเศร้า แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ มีแต่เขาต้องอยู่ในฐานะชายาเอกอย่างเข้มแข็งเท่านั้นจึงจะไม่ทำให้ครอบครัวกับบิดาต้องผิดหวัง ความเครียดเกร็งก่อนหน้ากลับกลายเป็นโต้ตอบในที่สุด ไท่ฉางจวินตายใจปล่อยมือที่กำลังกดอยู่เหนือหัวช้า ๆ หลี่อวี้เหิงยกแขนทั้งสองข้างคล้องไปที่ลำคอ ร่างกายร้อนรุ่มราวกับสุมไฟในทุกที่ที่ฝ่ามือเลื่อนผ่าน เขาลูบไล้เข้าไปในชุดแต่งงานสีแดงสด สัมผัสเบาราวกับปุยนุ่นเมื่อต้องขาขาวก็ยิ่งชวนให้รู้สึกร้อนรุ่มกายใจ ผิวพรรณหลี่อวี้เหิงช่างเนียนลื่นมือบริสุทธิ์ดุจหยกขาว นั่นจึงทำให้ไท่ฉางจวินได้ใจไล่ฝ่ามือร้อนวนเวียนไม่ห่าง แควก!!! ชุดแต่งงานหลุดคามือ ความรู้สึกวาบหวามเย็นเยียบแล่นกระทบบนผิวกายชวนขนลุกชัน ไท่ฉางจวินใช้ช่วงจังหวะเผลอไผล เอาเข่าของตนถูไถขาเรียวให้แยกออก ก่อนจะจับประคองส่วนแข็งขืนของตนแล้วกดเข้าไปในร่างของหลี่อวี้เหิงอย่างไม่ปรานี “อึก..อื้อข้าเจ็บ” หลี่อวี้เหิงเอ่ยเสียงสั่น น้ำตาคลอหยดเล็ก ๆ คลอหน่วย เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อขอความเมตตา “แล้วอย่างไร อดทนเสีย” พูดแล้วก้มลงบดริมฝีปากจูบปลอบประโลม ภายในหลี่อวี้เหิงอ่อนนุ่มโอบรัดความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างพอดิบพอดี “เจ้ายังจะพูดว่าไม่ยอมรับข้าอีกหรือไม่ดูสิเจ้าโอบรัดข้าแน่นถึงเพียงนี้” หลี่อวี้เหิงหาได้ตอบอะไร นั่นจึงทำให้บทรักของคนทั้งสองจึงเริ่มต้นขึ้นในทันที ไท่ฉางจวินรุกรานอย่างหนักหน่วง รุนแรงเสียจนหลี่อวี้เหิงจิกปลายนิ้วลงที่ท่อนแขน ทั้งสองตอบรับกันอย่างเหมาะเจาะ ทุกครั้งที่ฉินอ๋องส่งแรงเข้าใส่จึงโดนจุดอ่อนไหวหลี่อวี้เหิงเต็มแรง ทุกอย่างดำเนินอย่างเป็นจังหวะเร่าร้อน บังเกิดความซ่านสยิวไป ไท่ฉางจวินยังคงเน้นหนักส่งแรงใส่พระชายาเสียจนขาเตียงสั่นคลอน ไม่นานหลี่อวี้เหิงถึงกับร้องลั่น สมองขาวโพลนเพราะถึงฝั่งฝันในทันใด มุมปากยกยิ้มพึงใจขยับบดสะโพก เกร็งส่วนแข็งขืนโถมเข้าใส่ร่างกายหลี่อวี้เหิงแนบแน่น ก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักเข้าสู่ภายในเต็มแรง ทั้งสองหายใจหอบเหนื่อย ไท่ฉางจวินก้มลงจูบริมฝีปากอิ่มเป็นการส่งท้าย ....บทที่ 32 สัมฤทธิ์ผลไท่ฉางจวินพาครอบครัวล่องเรือกลับเมืองหลวง ไท่อวี้หลินกับไท่ฉางชุนดูตื่นเต้นและมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาชี้ชมทิวทัศน์รอบตัวที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ น้ำใสสะท้อนแสงแดดระยิบระยับราวกับภาพวาด ขณะที่ภูเขาและท้องฟ้ากว้างใหญ่โอบล้อมพวกเขาไว้“ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกเราชอบมาเที่ยวแบบนี้มากเลย!” ไท่อวี้หลินกับไท่ฉางชุนพูดอย่างตื่นเต้น ยิ้มแย้มพร้อมเสียงหัวเราะสดใสไท่ฉางจวินหันมามองลูกๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ถ้าพวกเจ้าชอบ พ่อจะพามาเที่ยวแบบนี้บ่อย ๆ” เขาสัญญาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น หลี่อวี้เหิงยืนมองเด็ก ๆ ทั้งสองด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรักและความสุข เขายิ้มบาง ๆ สายลมเย็นพัดผ่าน เสียงน้ำกระทบเรือเบา ๆ ขณะที่พวกเขาล่องเรือผ่านผืนน้ำไหลเอื่อย เหมือนเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สงบและงดงามเมื่อเรือลอยลำเข้าใกล้เมืองท่าเรือ บ้านเดิมของหลี่อวี้เหิงปรากฏอยู่ในสายตา ริมชายฝั่งมีบ้านเรือนเก่าแก่ตั้งอยู่เรียงราย สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและคุ้นเคย ทำให้หลี่อวี้เหิงรู้สึกทั้งตื่นเต้นและวิตกกังวลในเวลาเดียวกัน“ท่านพี่ ทำไมเราถึงแวะที่นี่หรือ”หลี่อวี้เหิ
บทที่ 31 ไม่ลดละเวลาผ่านไปสองปี ไท่ฉางจวินยังคงพยายามตามง้อภรรยาอย่างไม่ลดละ หลี่อวี้เหิงเองก็เริ่มเปิดใจให้เขามาอยู่ใกล้ลูก ๆ ได้มากขึ้น ทุกครั้งที่ร่างบางเห็นไท่ฉางจวินเล่นกับลูกน้อย หลี่อวี้เหิงก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและความสุขที่มีในครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นในใจก็จะยังมีความวิตกกังวลแอบแฝงอยู่บ้างหลี่อวี้เหิงยืนอยู่ห่าง ๆ มองดูฉากตรงหน้า ด้วยแววตาที่มีความสุขปนเศร้า เขารู้สึกดีใจที่ไท่ฉางจวินกลับมารักลูก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกถึงความหวั่นไหวในหัวใจด้วยเช่นกัน ยังไม่กล้าเปิดใจแม้จะเห็นถึงความพยายามของอีกฝ่าย เพราะกลัวว่าความรู้สึกดี ๆ นี้อาจจะกลับกลายเป็นความเจ็บปวดอีกครั้ง“เขาจะเปลี่ยนไปได้จริง ๆ นะหรือ?”หลี่อวี้เหิงคิดในใจ ขณะที่แอบมองไท่ฉางจวินที่กำลังเล่นกับลูก ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนวันหนึ่งขณะที่ไท่ฉางชุนและไท่อวี้หลินกำลังนั่งฟังไท่ฉางจวินเล่านิทานใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน เสียงหัวเราะใส ๆ ของพวกเขาก็ดังขึ้นไม่หยุด ชายหนุ่มมักเล่าเรื่องสนุก ๆ แต่แฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ “ท่านพ่อ พวกเราชอบฟังเรื่องของท่านมาก!” ลูกคนโตพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “จริงหรือ?” ไท่ฉางจวินยิ้มบาง “พ่อดีใจที่พว
บทที่ 30 เฝ้าบุปผางามหลังจากที่ทุกอย่างคลี่คลาย ไท่ฉางจวินถูกเฮ่อหลานซีเรียกตัวไปเข้าเฝ้า พระสนมซีมองบุตรชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ก็เต็มไปด้วยความหวัง“ไท่ฉางจวิน.... เจ้ารู้ตัวหรือไม่ ว่าสิ่งที่เจ้าทำกับหลี่อวี้เหิงและลูก ๆ นั้นสร้างบาดแผลใหญ่หลวงเพียงใด?”ไท่ฉางจวินโขลกศีรษะอย่างสำนึกผิด “กระหม่อมรู้ตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม... หน้ามืดตามัว เข้าข้างเว่ยหนิงจื่อมากเกินไป จนทำให้พระชายาและลูก ๆ ต้องทนทุกข์ทรมาน ไม่แปลกที่หลี่อวี้เหิงจะเกลียดกระหม่อม...”เฮ่อหลานซีถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าได้ทำผิดพลาดไปแล้ว แต่หากยังต้องการใช้ชีวิตคู่กับหลี่อวี้เหิงและลูก ๆ เจ้าต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจ พยายามง้อขอคืนดี หากเจ้ายังรักเขาและลูกอยู่ จงใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้พวกเขากลับมา”ไท่ฉางจวินเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาฉายแววความมุ่งมั่น “กระหม่อมจะทำเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ยอมแพ้อย่างเ็ดขาด จะตามไปคืนดีให้จงได้”เฮ่อหลานซีพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเพิ่มเติม “เช่นนั้นเจ้าจงไปตามเมียและลูกกลับมาให้จงได้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าได้ไปตามตอแยเขาอีก”ร่างสูงคุกเข่า
บทที่ 29 ความอัปยศที่รออยู่ไท่ฉางจวินพักรักษาตัวอยู่ที่ชายแดนเหนือ หลังจากที่เขาฟื้นตัว ก็พบว่าตนเองไม่ได้อยู่ในจวนของเซียวอี้หรานอีกต่อไป แต่กลับถูกย้ายออกมาอยู่ในบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกมาจากตัวจวน แม้เขาจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับหลี่อวี้เหิงเหมือนก่อน แต่ไท่ฉางจวินก็ไม่คิดจะถอดใจ อีกฝ่ายอยากจะหย่าก็หย่าไปแต่เขาจะไม่หย่า แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ข่าวที่ให้องครักษ์ไปสืบมาเมื่อคราวก่อนก็ส่งมยังเขาอย่างเงียบเชียบ “ท่านอ๋อง ข้ามีข่าวมาแจ้ง” องครักษ์กล่าวพร้อมก้มศีรษะอย่างนอบน้อม “หลังจากสืบสวนและติดตามเบาะแส เราพบว่ามีกลุ่มคนลึกลับที่เกี่ยวข้องกับการลอบทำร้ายลูก ๆ ของพระองค์ พวกเขาเชื่อมโยงกับพระสนมเว่ยและรับคำสั่งจากนางโดยตรง”ไท่ฉางจวินได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความโกรธเกรี้ยว “เว่ยหนิงจื่อเป็นคนสั่งการจริงหรือ?”“ขอรับ หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่นาง พวกเราพบว่ามีการว่าจ้างนักฆ่าและการวางแผนอย่างละเอียดจากนางเพื่อจัดการกับลูก ๆ ของพระองค์”ไท่ฉางจวินกัดฟันแน่น เขารู้สึกทั้งโกรธและเสียใจที่คนที่เขาเคยเชื่อใจกล้าทำเรื่องเช่นนี้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าเขาต้องเผชิญกับความจริง“ข้าจะไม่ยอมให้เร