“กูไปละ”
“เออ ขอบใจที่มาส่ง” ไอ้ซันพยักหน้าน้อยๆ แล้วค่อยๆ เคลื่อนรถออกไป ผมเองก็มองตามด้านหลังของรถไปจนสุดสายตา ก่อนจะหมุนตัว เดินเข้ามาภายในตึก มุ่งตรงขึ้นห้องของตัวเอง จำง่ายดีครับ ชั้น 25 ห้อง 25 แตะบัตรเข้าห้องไปช้าๆ ก่อนจะเริ่มลงมือถอดเสื้อผ้าตามมา มือถอดเสื้อนอกทิ้งไปอย่างไม่ไยดี จับโยนลงตะกร้าผ้า ตามมาด้วยเสื้อเชิ้ตข้างใน กางเกง และบ็อกเซอร์ ก่อนจะก้าวขายาวๆ ไปที่ห้องน้ำ เปิดสายน้ำให้รินรดศีรษะ แล้วยืนนิ่งๆ ใต้สายน้ำนั้น
ผมหลับตาพลางปัดหยาดน้ำออกจากใบหน้า คิดอะไรในหัวนิดหน่อย แล้วจึงเริ่มต้นอาบน้ำจริงๆ จังๆ พออาบเสร็จก็มาล้มตัวนอนบนเตียง โดยที่สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่น เลื่อนดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะหยุดอยู่ที่ภาพๆ หนึ่ง ไม่มีคำบรรยายอะไรเลยครับ และผมคงจะปล่อยผ่านไป ถ้าภาพๆ นั้นไม่ใช่ผม
ภาพที่ผมยืนหันหลัง ถ้าจะบอกให้ถูกคือเดินมากกว่า ถูกถ่ายไว้โดยไอ้ซัน ผมว่ามันก็คงจะถ่ายหลังจากที่แลกเบอร์กันเสร็จนั่นแหละครับ แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เพื่อนเก่าๆ ก็พากันคอมเม้นบ้าง ทักทายบ้างตามประสา ผมก็ทำเพียงกดหัวใจไป แล้วออกจากแอพ จะไม่กดได้ไง ก็ภาพตัวเองนี่ครับ คิดพลางคว่ำโทรศัพท์ลง ขยับตัวขึ้นไปปิดไฟ แล้วจึงล้มตัวลงนอน คิดถึงคำพูดสุดท้าย ที่ช่วยให้รู้สึกดี
“ก็สาวนั่นกูเอาไว้กินแค่ครั้งเดียว มึงก็รู้ แต่กับมึงน่ะ เพื่อนสนิทกูนะ เป็นเพื่อนกูมาตั้งกี่ปี”
คำว่าเพื่อนสนิทที่มันมีให้ แม้ว่าจะเจ็บปวดนิดหน่อย หากแต่ก็มีความสุขในความเจ็บปวดนั้น เพราะมันมองเห็นว่าผมสำคัญที่สุดสำหรับมัน มันสนใจผมมากกว่าคนอื่น แม้ว่าจะเป็นสถานะเพื่อนสนิทก็ตาม คิดพลางหลับตาลงช้าๆ จมลงในห้วงนิทราที่เงียบสงบ
ในเช้าวันถัดมาผมก็ตื่นตามเวลาปกติ ก่อนจะลงจากห้องในเวลา 8 โมงเช้า ไปติดต่อขอกุญแจรถที่เคาน์เตอร์ พอได้รับกุญแจมาแล้วก็ขับมุ่งตรงไปที่มหาลัยทันที คิดว่าจะแวะหาข้าวทานก่อนครับ มีเวลาอยู่นิดหน่อย พอทานข้าวเสร็จก็เดินไปที่ห้องเรียน ไม่อิ่มหรอกครับ แค่กินกันตาย เพราะแม่งไม่อร่อยเลยสักนิด ผมเดินมานั่งที่นั่งเดิมกับเมื่อวาน ทิ้งตัวลงนอนฟุ้บหน้า รอเวลาเริ่มเรียน ก่อนที่จะมีเสียงตุ้บดังขึ้นเบาๆ ทำให้เงยหน้าขึ้นมอง
“อะไรวะ?”
“ข้าวไง” ไอ้ซันตอบพร้อมๆ กับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่นกระดิกเท้าไปพลาง
“เออ รู้ว่าข้าว แล้วมึงเอามาวางบนโต๊ะกูทำไม เอาไว้โต๊ะมึงสิ” พูดจบก็เอากล่องข้าวไปวางบนโต๊ะมันแทน ทำให้มันเลื่อนสายตา หันมามองนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“ไม่แดก?”
“เออ กินมาแล้ว”
“แม่ง” ไอ้ซันพูดออกมาอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มนิดๆ ก่อนจะเปิดกล่องข้าวตักทานอย่างตะกละตะกลาม จ้วงเข้าปาก ใช้เวลาเพียงไม่นานก็กินหมด
“ถ้าหิวขนาดนี้ทำไมไม่แดกเองแต่แรกว่ะ” ผมพูดพร้อมกับส่ายหัวไปด้วย ก่อนจะฟุ้บหน้าลงอีกครั้ง เพียงไม่นานไอ้นายก็ตามมาและปิดท้ายด้วยไอ้วุฒิ เรานั่งเรียนกันไปจนหมดคาบ ก่อนจะออกไปกินข้าวกัน พอทานเสร็จก็พากันมาเรียนช่วงบ่ายต่อ ก็เหมือนเดิมๆ แหละครับ แนะนำวิชา การเก็บคะแนน เนื้อหาที่จะเรียน แล้วปล่อย พวกเราก็ต่างแยกย้าย ไอ้นายมีคนมารับตามเดิม ไอ้วุฒิก็ขับรถกลับคอนโดของมันเหมือนเดิม ผมกับไอ้ซันก็แยกย้าย ไม่ได้ไปไหนต่อ
ด้วยความที่เลิกเร็ว แล้วผมไม่มีอะไรทำ การตามล่าหาวัตถุดิบจึงเริ่มขึ้น อยากกินแกงส้มกุ้ง ดังนั้น ผมจึงมุ่งตรงไปที่ห้างใกล้ๆ เข็นรถเข็นไปในโซนที่คุ้นเคย เลือกซื้อพริกแกงส้ม กุ้งสด น้ำมะขามแบบขวด น้ำตาลปี๊บ ชะอม ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ดอง ใบมะกรูด ทำการตรวจสอบรายการในหัว พอได้ของครบแล้วก็มุ่งตรงกลับคอนโด เอาข้าวของทั้งหมดที่เตรียมไว้ออกมาจัดการ ไม่ลืมที่จะล้างไม้ล้างมือสวมใส่ผ้ากันเปื้อนก่อนเริ่มทำอาหาร
ขั้นตอนแรกคือจัดการหน่อไม้ดองก่อนครับ เอาไปล้างน้ำสะอาด หั่นบางๆ เป็นแว่น แล้วก็เอาขึ้นต้ม ก่อนจะย้ายมาแกะกุ้ง ปอกเปลือกตัดหัวสนุกสนานกันไป แต่ทำด้วยความรวดเร็วครับ เพราะต้องไปทำน้ำแกงรอไว้อีก พอแกะกุ้งเสร็จแล้วก็หันไปจัดการกับพริกแกงส้ม ตั้งน้ำแล้วเอาพริกแกงลงไปละลาย ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ผงชูรสอีกเล็กน้อย ปลายช้อนเท่านั้นพอ
ในตอนนี้หน่อไม้ก็สุกพอดี ทำการเทน้ำทิ้ง แล้วล้างอีกครั้ง ก่อนจะนำมาใส่หม้อพริกแกง ต้มจนเดือดแล้วจึงใส่กุ้งท้ายสุด ไม่ลืมที่จะโรยใบมะกรูดเพื่อดับกลิ่นคาวลงไปด้วย เป็นอันเสร็จเรียบร้อย กำลังจะยกออกไปตั้งโต๊ะ แต่ก็ต้องชะงักกึก ฉิบหาย ลืมถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อนกับชะอมไปซะสนิท
ทำให้ผมกลับมาค้นตู้ลอยในห้องครัว ว่าพอมีอะไรที่ทำเพิ่มได้บ้าง พบว่ามันไม่มีอะไรเลย แน่ละ พึ่งจะเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่วัน มันจะไปมีวัตถุดิบเหมือนที่บ้านได้ไง หันซ้ายหันขวา ชั่งใจว่าจะเดินหน้าต่อหรือพอแค่นี้ดี ก่อนที่จะเอาฝามาปิดหม้อเอาไว้ ล้างมืออีกครั้ง เช็ดมือจนแห้ง แกะผ้ากันเปื้อนออก เดินไปหยิบเอากระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์ และคีย์การ์ดติดมือมา เดินลงไปที่ร้านสะดวกซื้อใต้คอนโด เลือกของที่ต้องการมาเพิ่ม ไม่เยอะหรอกครับ ซอสมะเขือเทศ น้ำจิ้มไก่ แป้งโกกิ ไข่ไก่ เป็นพอ จัดการชำระเงิน แล้วเดินขึ้นห้องไปอีกครั้ง
ไม่รอช้าที่จะล้างมือ สวมใส่ผ้ากันเปื้อนอีกครั้ง ทำถั่วฝักยาวกับข้าวโพดอ่อนชุบแป้งทอด หั่นเป็นแท่งๆ ก่อนจะชุบไข่สลับกับแป้งไปมา แล้วนำลงทอด ระหว่างรอก็ทำไข่เจียวชะอมทอดไปด้วย ทยอยลงทอดจนครบทั้งหมด เป็นอันเสร็จ จัดเตรียมขึ้นโต๊ะ แกงส้มก็ยังร้อนๆ อยู่ ไม่ต้องอุ่นซ้ำ ผมจัดการตั้งโต๊ะทันที แต่ก็ต้องขมวดคิ้ว มีต้ม มีทอด แต่อยากกินผัดด้วยว่ะ ขมวดคิ้วมองอาหารตรงหน้า แล้วพยายามตัดใจ ก่อนจะทนไม่ไหว ลุกขึ้นอีกครั้ง ค้นตู้เย็นอีกรอบ มีหมูอยู่ คะน้า กะเพรา พริก กระเทียม
ทำคะน้าหมูสดอีกดีไหมว่ะ คิดพลางชั่งใจอีกครั้ง เอาเหอะ ทำไว้ก็ไม่เสียหาย ไม่หมดก็ยังเก็บไว้กินได้อีก คิดพลางลงมือทันที กว่าจะรู้ตัว ผมก็หมดเวลาไปกับการทำอาหารเกือบ 2 ชั่วโมง และอาหารที่จัดวางอยู่เต็มโต๊ะ จนต้องกลืนน้ำลาย นี่กูทำอะไรวะเนี้ย!!!
เวร! พอทำอาหารแล้วแม่งเพลินตลอด ใครมันจะไปแดกหมดว่ะ!! ไอ้แกงส้มกับผัดคะน้านี่ไม่เท่าไหร่ มันยังพอเก็บได้ แต่ไอ้ถั่วฝักยาวกับข้าวโพดอ่อนและชะอมไข่นี่ ให้ทอดซ้ำอีกมีหวังไหม้พอดี ถ้าไม่ทอดซ้ำมันก็เซ็งอีก!! ถอนหายใจแรงๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าก่อนที่จะ........
Rrrrrrrr Rrrrrrrr
[ว่าไง]
“มึงว่างป้ะ?”
[ไม่ค่อย มีไร อื้มมมมม]
“พอดีกูทำกับข้าวเพลินไปหน่อยว่ะ มาช่วยแดกทีดิ”
[กูยังไม่ว่างว่ะ อ้ะ มึงหิวไหมล่ะ ถ้าหิวก็กินไปก่อนเลย เสร็จแล้วเดี๋ยวกูไป (อ้ะ ซันคะ สนใจบอลลูนสิ) ] เสียงที่ได้ยินจากปลายสาย ทำให้ผมตัวชา เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงไม่ว่าง จนกลืนน้ำลายลงคืออย่างฝืนๆ ก่อนจะเอ่ยบอก
“เออ ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร จัดการธุระของมึงเหอะ” พูดจบก็ตัดสายทิ้ง ไม่รอฟังว่าอีกฝ่ายพูดอะไร เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ สายตามองอาหารมากมายตรงหน้า ตอนทำมีความสุขนะครับ สนุกมากเลยด้วย พอตอนนี้กลับทานไม่ลงเสียอย่างนั้น
ไม่ได้ดิว่ะ!! เสียดายของนะเว้ย ไหนจะเงินที่ลงทุนซื้อไปเกือบพันนั่นอีก ถึงจะรวยแต่ก็รู้คุณค่าของสิ่งของ เงินทองนะครับ ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ ก่อนจะเริ่มต้นทานอาหาร พอทานไปได้ครึ่งจาน เสียงออดก็ดังขึ้น ทำให้เลิกคิ้วแปลกใจ ก่อนจะไปส่องตาแมวดู ไอ้ซันนั่นแหละครับที่มา ผมจึงเปิดประตูให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้อง มันเองก็รู้หน้าที่ เดินไปหยิบจานหยิบช้อน ตักข้าวเอง แล้วนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม
“ทำไมมาเร็วนักว่ะ เสร็จแล้วรึไง” มันมาเร็วจริงๆ นะครับ ยังไม่ถึง 5 นาทีเลยด้วยซ้ำ
“ยังไม่เสร็จ แค่กลัวมีคนงอน”
“อย่างกูนี่น่ะหรอจะงอนมึง เอาอะไรคิด” พูดพลางตักข้าวเข้าปาก ผมสงสัยจริงๆ นะครับ ผมไม่เคยแสดงออกเลยสักครั้งว่า งอน หรือน้อยใจมันเรื่องอะไร แต่ถึงจะมี มันก็ไม่ใช่เรื่องหยุมหยิมแบบนี้แน่นอนละ
“ก็มึงตัดสายกู”
“เอ้า ก็มึงทำกิจกรรมเข้าจังหวะ กูโทรไปชวนก็ขัดจังหวะมึงป้ะ ฟายยย จะให้กูถือสายฟังเสียงเด็กมึงครางรึไง”
“ก็มึงไม่ยอมฟังว่ากูจะมา ภายใน 10 นาที ให้มึงรอกูก่อน กูกลัวไม่ได้แดก”
“ไอ้สัส เห็นแก่กิน” อีกฝ่ายยักไหล่กวนๆ ก่อนจะตอบกลับมา
“นี่มันฝีมือของคุณหนูเบสในตำนานเลยนะครับ อร่อยน้อยซะที่ไหน กูสาบานเลยว่าหมดนี่กูก็แดกหมดอะ” ผมได้แต่พยักหน้ารับกวนๆ เบะปากคว่ำหน่อยๆ ทำเหมือนจะเชื่อ ทั้งๆ ที่ไม่เชื่อครับ อย่างน้อยๆ หม้อแกงส้มก็ไม่ใช่ใบเล็กๆ อะ แดกหมดก็เลี้ยงไม่ไหวแล้วล่ะครับ
แต่แล้วผมก็ต้องเปลี่ยนความคิด เมื่อไอ้ซันมันแดกหมดจริงๆ ตักข้าวเพิ่มไปสองจาน แล้วที่เหลือก็กินกับข้าวเล่นจนเกลี้ยง แม้แต่แกงส้มของผมยังหมดไปด้วยเลย มันก็ทำหน้าที่ผู้อาศัยที่ดี ทานเสร็จก็เก็บล้างให้จนหมด ผมก็ออกไปดูรายการทีวี พอมันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ก็แบมือออกไปทันที
“อะไร?”
“ตังค์ค่ากับข้าว” พูดพร้อมกระดิกนิ้วรัวๆ เป็นการเร่ง แต่กลับได้รับฝ่ามือที่ฟาดกลับมา
“มึงโทรตาม ชวนกูมาแดก พอกูมาช่วยแดกมึงมาเก็บเงินกูอีกนี่นะ??”
“ก็ใครจะไปรู้ว่ามึงจะแดกหมดแบบนี้ละ กูกะจะเก็บเอาไว้กินพรุ่งนี้บ้าง แล้วกูจะเอาอะไรแดก มึงคิดว่ากับข้าวโรงอาหารอร่อยมากนักรึไง” พูดแล้วมองค้อนวงใหญ่ ไอ้ซันจิ๊ปากบ่น ก่อนจะหยิบแบงค์สีม่วงมาวางไว้ให้บนมือ
“จิ๊ รวยซะเปล่า ขี้งกฉิบหาย พอมั้ย”
“เออ พอ” ถึงบ้านผมจะรวยแต่ก็ติดนิสัยประหยัดนะครับ แน่ละ ครอบครัวคนจีนนี่
“แม่ง พอกูซื้อข้าวไปให้แดกเสือกไม่แดก” ไอ้ซันบ่นอะไรต่ออีกนิดหน่อย ก่อนจะเงียบเสียงลงไป ผมรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่มันมานอนพิงไหล่พร้อมกับบ่นเบาๆ
“แน่นท้องว่ะ”
“สม แดกไปซะขนาดนั้น”
“สัส แล้วมึงจะทำให้มันอร่อยทำไมละว่ะ”
“เอ้า นี่คือความผิดกู?? ผิดที่กูทำข้าวอร่อย?? ใช่หรือวะเฮ้ย!?”
“เออ เพราะมึงเลยแม่ง ไปหายามาให้กูเลยนะ” ผมนี่ตีนกระตุกเลยครับ ทำข้าวอร่อยก็เป็นความผิดอีก แต่ก็ยอมลุกไปหายามาให้ตามที่มันขอ ไม่ลืมที่จะหยิบขวดน้ำไปด้วย มันก็รับยาไปกิน แล้วนอนเงยหน้า ลำคอแกร่งพาดไปบนพนักพิง มือกุมท้องหน่อยๆ
“ไปนอนไป” เอ่ยปากไล่อย่างรำคาญ เห็นมันทรมานเพราะความตะกละของตัวเอง มันก็ไม่ได้พูดบ่นอะไร ผุดตัวลุกขึ้นยืน เดินมุ่งตรงไปที่ห้องในทันที แต่ก่อนที่มันจะก้าวเท้าพ้นประตู ผมก็เอ่ยถามถึงเรื่องที่คาใจออกมา
“มึงกับเขา เสร็จกันไปยังว่ะ” ไอ้ซันหันหน้ามามองด้วยแววตานิ่งเงียบ
“จะเอาอะไรไปเสร็จว่ะ พอมึงตัดสายกูทิ้งกูก็เลยรีบมานี่ละ”
“แล้วเขาไม่โกรธรึไง” ไอ้ซันไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่เลิกชายเสื้อขึ้นเล็กน้อย ทำให้เห็นรอยแดงเป็นปื้นอยู่ที่หน้าท้อง
“โดนไรมา”
“ส้นตีน” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะยืนขึ้นอีกครั้ง ไอ้ซันก็เดินเข้าห้องไป ส่วนผมก็ไปหยิบยาครับ เดินตามหลังมันเข้าห้อง นั่งลงที่ข้างเตียง เปิดเสื้อมันขึ้น แล้วเริ่มทายา
“ขอโทษว่ะ”
“เออ ช่างแม่ง มีอีกเยอะแยะ” เพราะคำพูดนั้นทำให้ผมกดมือแรงขึ้นอีก จากตอนแรกที่รู้สึกผิดก็กลับมาหมั่นไส้แทนแล้วครับ แต่ไอ้ซันก็ไม่ได้อุทธรณ์อะไร สงสัยคงแรงไม่พอ....
“แล้วแบบนี้มึงกับเขาไม่ค้างหรอว่ะ”
“ค้างดิสัส มึงเห็นของกูไหม” มันพูดพลางพยักพเยิดให้มองลงไปที่ด้านล่าง ผมก็มองตามไป ก่อนจะถอนสายตากลับคืน ปิดฝาหลอดยา แล้วตั้งใจจะเดินออกจากห้อง หากแต่ไอ้ซันกลับจับคว้ามือของผมไว้ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทะเล้น
“ไม่คิดจะช่วยกันหน่อยรึไง”
“ไม่อะ มึงเลือกของมึงเอง กูไม่ได้สั่งให้มึงมาสักหน่อย”
“พูดงี้กูกลับแม่ง”
“ก็กลับไปดิ” ผมเอียงคอหน่อยๆ เหมือนไอ้ซันมันทำหน้าเหมือนโกรธใครสักคน ก่อนที่มันจะเค้นเสียงเอ่ยถาม
“ไล่กู??” ไอ้ซันขบกรามแน่น จนขึ้นสันกรามชัดเจน ดุนดันลิ้นกับกระพุ้งแก้ม แล้วจึงตวัดผ้าห่มออกจากตัว พลิกตัวไปอีกฝั่งของเตียง ก่อนจะผุดตัวลุกขึ้น เดินมุ่งตรงออกไปที่หน้าประตู และผมคงจะปล่อยมันไปแล้วแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเดินลงส้นเท้า ทำตัวงอแงแบบนี้ เพราะแบบนั้นทำให้ผมผุดตัวลุกตาม รีบเดินไปจับคว้าหัวไหล่ของมันเอาไว้ ก่อนที่มันจะพ้นจากประตูห้องไป
“เดี๋ยวดิ โกรธอะไรวะ”
“ก็มึงไล่กู”
“เปล่า ก็เห็นมึงอยากกลับ ก็ให้กลับ เผื่อมึงจะมีธุระปะปังที่ไหนต่อ หรืออาจจะกลับไปจัดการอะไรๆ ที่มันค้างๆ ให้เสร็จ”
“มึงชวนกูมา มึงต้องรับผิดชอบ”
“ทำไมกูถึงต้องรับผิดชอบ ก็ในเมื่อมึงทิ้งเขามาหากูเองนะเว้ย กูไม่ได้เร่งมึงสักหน่อย” ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจท่าทีของมันสักเท่าไหร่
ไอ้ซันเอื้อมมือมาจับมือของผมเอาไว้ เอาไปวางทาบกับตัวตนของตัวเองที่กำลังแข็งขืนโป่งพองภายใต้กางเกงยีนส์ตัวหนาจนรู้สึกได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแว่วหวาน นุ่มละมุน จนใจของผมอ่อนยวบ
“ช่วยซันหน่อย นะครับ” ต้องรู้ก่อนว่าปกติพวกเราไม่ค่อยจะคุยกันดีๆ ซักเท่าไหร่ คุยดีกัน 3 คำ ด่ากันไปซะ 5 คำ หากแต่ตอนนี้มันกำลังใช้เสียงสองที่อ่อนหวานจนทำให้ตัวลอย ทำให้ผมยอมทำตาม โอนอ่อนอย่างว่าง่าย จนเผลอพยักหน้ารับช้าๆ ไอ้ซันยกยิ้มดีใจ ก่อนจะก้มลงหอมแก้มผมเบาๆ ซุกไซร้ที่ซอกคอ สูดกลิ่นกรุ่นของร่างกายผมไปจนเต็มปอด
“กลิ่นกูไม่เหมือนของเขา มึงจะมาดมทำไม”
“ไม่เป็นไร” ไอ้ซันพูดด้วยเสียงสั่นพร่าซุกจมูกลงที่ซอกคอ กดจูบซับเบาๆ ก่อนที่มันจะแกะกระดุมกางเกงของมันออก ดึงรั้งชั้นในให้ต่ำลงเล็กน้อย ก่อนจะจับเอากายร้อนของตัวเองออกมา จับคว้ามือของผมให้ไปสัมผัสตัวตน แล้วเริ่มต้นรูดรั้งเบาๆ
“อืมมมม” ไอ้ซันขยับมือเริ่มต้นชักนำให้ก่อน แล้วจึงปล่อยให้ผมขยับมือเองตามต้องการ ผมเริ่มต้นขยับจากจังหวะเนิบช้า ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นตามลำดับ ฝ่ามืออุ่นร้อนไล้ไปทั่วกายของผมผ่านเนื้อผ้า แม้ว่าผมจะสวมใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น แต่ความร้อนจากฝ่ามือนั้นกลับชัดแจ้งราวกับแตะสัมผัสผิวเนื้อโดยตรงจนทำให้ใจสั่นสะท้าน
มือของไอ้ซันซุกซนไปทั่วร่าง ไม่ลืมที่จะแตะลงที่ยอดอก กดลงและบดขยี้ไปมา แทนที่ยอดอกของผมจะจมหายลงไปตามแรงกด แต่กลับกลายเป็นว่ามันดุนดันผ่านเนื้อผ้าขึ้นมาจนเห็นรูปร่างนู่นเด่น
“ซันกินนะ”
“อ๊ะ” ไอ้ซันเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า เหมือนเป็นการขออนุญาตมากกว่าจะรอคำตอบ เพราะทันทีที่ถามจบ ริมฝีปากร้อนก็ครอบลงที่ยอดอก ดูดดึงผ่านเนื้อผ้า จนทำให้บริเวณนั้นเกิดรอยน้ำเป็นดวง เพราะมีไอ้ซันช่วยกระตุ้น ความเร็วที่ขยับรูดรั้งตัวตนของมันจึงเร่งตามไปด้วย มือของไอ้ซันค่อยๆ เลื้อยลงมาที่กลางกายของผม ลูบไล้ไปมาจนมันแข็งขืนภายในกางเกงนักศึกษา มันใช้เพียงมือเดียวในการแกะกระดุมและรูดซิปลง ก่อนจะล้วงมือเข้ามาสัมผัสตัวตนของผมอย่างแนบชิดจนผมสะดุ้งสุดตัว
“อะ ทำ อือ อะไร”
“ช่วยมึงไง”
“อะ กะ กู อึก กูไม่ได้อยาก”
“อย่ามาโกหกน่า ซี้ด” เพราะมือร้อนๆ ที่กำรอบแก่นกายของผม ขยับมือในจังหวะเนิบช้า จนผมทรมาน
“เร็วอีกสิวะ” ผมร้องประท้วงมันเบาๆ ฝั่งหน้าลงบนบ่าของเพื่อนสนิทแต่มือก็ยังไม่หยุดขยับ
“หึหึ” ไอ้ซันหัวเราะเบาๆ จนผมหมั่นไส้ ขยับมือเร็วขึ้นอีก มันจะได้เสร็จๆ ไปสักที
“อะ อ่า ใจ อืมมมม ใจเย็น มึงไม่อยากเสร็จพร้อมกูรึไง ซี้ดดดดด เบส ช้าหน่อย อึก” ไอ้ซันงอตัวเล็กน้อย และพยายามหลีกหนีจากมือของผม ในขณะเดียวกันก็สวนกายเข้าหามือของผมไปพลาง การกระทำสวนทางกับคำพูด....
“มึงรีบๆ เสร็จซะที กูจะได้ไปดูหนังต่อ”
“อะ ซี้ดดด อ่า อ่า เบส อืมมมมมมม เบส กูจะ อ่าาาาาา” มันพูดยังไม่ทันจบดี แก่นกายแกร่งก็พ่นน้ำอุ่นร้อนสีขาวครีมออกมารดมือของผมจนหยดลงบนพื้นพรม ไอ้ซันหอบหายใจเบาๆ ในขณะที่ผมถอนมือออกช้าๆ ใช้มืออีกข้างที่ไม่เลอะจัดการเก็บแก่นกายของตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ๆ ควร ก่อนจะหมุนตัวหันหลัง ตั้งใจมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ
ตึง!!
“ไม่อยากรึไง” ไอ้ซันดึงกระชากแขนของผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะก้าวเดิน ดันตัวผมให้ชนกับประตูห้องนอน ก่อนจะเอ่ยถาม
“ไม่”
“หึ โกหก” ไอ้ซันว่าพร้อมกับทรุดตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่ง ดึงรั้งชั้นในของผมลง แล้วดึงเอาแก่นกายที่กำลังตื่นตัวออกมา
“เฮ้ยๆ ๆ ทำอะไรของมึง”
“ก็มึงช่วยกูแล้ว กูก็ช่วยมึงบ้าง”
“อ๊าาาาา” มันพูดจบก็ครอบริมฝีปากลงมาทันที ทำให้ผมผวาเฮือก ใจเต้นสั่นสะท้าน ไม่เคยมีใครใช้ปากให้ผมมาก่อน ไม่สิ ต้องบอกว่าผมไม่เคยไปนอนกับใครที่ไหนมาก่อน แต่อาศัยช่วยตัวเองเอาเท่านั้น ดังนั้นเลิกฝันไปได้เลยว่าจะมีคนมาออรัลเซ็กส์ให้แบบนี้
“อึก!!” เพราะด้วยความที่ไม่เคย ทำให้เกิดความรู้สึกเสียดเสียวเหมือนใจจะขาด มือข้างที่ไม่เลอะกดหัวของไอ้ซันให้ครอบครองลึกเข้าไปอีก สวนสะโพกเข้าออกในปากของเพื่อนสนิทช้าๆ ด้วยความลืมตัว แผ่นหลังมีเหงื่อผุดขึ้นจนเปียกชุ่ม เรี่ยวแรงคล้ายกับจะละลายหายไป จนต้องพิงไว้กับประตูเพื่อนช่วยพยุงตัว
“อ่าาาา ซัน อึก ซี้ดดด เสียวว่ะ แม่ง” ผมบ่นออกมาทั้งๆ ที่หลับตา และพยายามกัดฟันแน่น เพื่อไม่ให้ส่งเสียงครางออกไป แต่เหมือนว่ามันจะแกล้งผม เพราะเมื่อมันเห็น ริมฝีปากก็ขยับรัวเร็วขึ้นอีก
“อะ อะ อ๊าาาาา ซี้ดดด ซัน กู กูไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว” ผมจับหัวของมันดึงออก แต่ไอ้ซันกลับขืนตัวเอาไว้ แล้วกดกายเข้าหาแน่นขึ้น ลึกขึ้น จนผมเสร็จออกมาในที่สุด
“อ๊าาาาาาาาาาาาา แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก อึก แฮ่ก” ทันทีที่เสร็จ ผมก็หอบหายใจแรง ปรือตามองคนที่กำลังคุกเข่าอยู่ เห็นไอ้ซันดูดที่ส่วนปลายแรงๆ ราวกับต้องการจะกลืนกินน้ำของผมไม่ให้เหลือทิ้งไว้ ก่อนจะถอนริมฝีปากออก
“ทำไม แฮ่ก ทำไมถึงใช้ปากว่ะ แถมยังมากินน้ำกูอีก ไม่คาวรึไง” ถามพลางหายใจหอบ มองจ้องคนที่กำลังยืดตัวขึ้นจนมายืนประชันหน้ากัน
“ไม่คาวนะมึง หวานดีออก ชิมดิ” จบคำที่ว่าไอ้ซันก็ป้อนจูบลงที่ริมฝีปากของผม ก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้ามาทำการสำรวจ ส่วนผมเองก็ตกใจจนตาโต จนเมื่อมันผละออกไป เลียริมฝีปากของตัวเอง ทำให้ผมร้อนวูบไปทั่วทั้งกาย
“หวานจะตาย” เพราะสายตาที่มันมองมาราวกับจะกลืนกิน ทำให้ผมก้มหน้าลง หลบหนีสายตา ก่อนจะพบกับสิ่งที่ตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง เพราะเจ้าของมันยังไม่ได้เก็บเข้าที่แต่อย่างใด
“อึดอัดไหม ให้กูใช้ปากให้ไหม?” ผมเงยหน้ามองมัน ไอ้ซันยกยิ้มนิดๆ ก่อนจะยีมือลงบนศีรษะ แล้วเอ่ยบอก
“ถ้ามึงทำให้กู กูเสร็จ มึงมีอารมณ์ กูช่วยมึง วันๆ ไม่ต้องทำห่าอะไรกันพอดี เดี๋ยวกูจัดการเอง” ว่าจบก็เดินสาวแก่นกายของตัวเองไปพลาง มุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ ผมเองก็เดินตามไปติดๆ จัดการล้างไม้ล้างมือ สายตาก็เหลือบมองคนที่ช่วยตัวเองภายในกระจกเงาที่สะท้อนอยู่
แม่ง... เซ็กซี่ฉิบหาย....
คิดพลางพยายามดึงสายตากลับคืนมา เมื่อไอ้ซันมันมองหน้าผมในกระจกเงา มองจ้องเขม็ง ในขณะที่มือก็ชักรูดรัวเร็วไปด้วย ทำให้ผมต้องเบนสายตาหนีเสียเอง จนกระทั่งล้างมือเสร็จ ถึงหันมาบอกเพื่อนสนิทเบาๆ
“กูจะไปดูหนังต่อ มึงเสร็จแล้วจะนอนพักหรือจะออกมาดูหนังก็แล้วแต่มึง” ผมมองไอ้ซันนิ่งๆ มันเองก็มองกลับนิ่งๆ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ผมจึงเดินออกจากห้องน้ำมา ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ด้วย ทันทีที่บานประตูปิดลง สองแขนของผมก็ถูกยกขึ้นกอดตัวเอง พึมพำเสียงเบา
“เร่าร้อนฉิบหาย มึงกำลังทำให้กูอยากได้มึงจนไม่สนใจความสัมพันธ์ ไอ้ซัน....”
ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ผมก็ไม่มีความกล้าพอที่จะทำลายความสัมพันธ์เกือบ 10 ปีของเราลงได้หรอกครับ ไม่รู้ว่ามันจะคิดยังไง ถ้าเพื่อนสนิทที่มันมองเห็น ไม่ได้มองกลับไปหามันด้วยสายตาแบบเดียวกัน ผมไม่กล้าจะคิด ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป มันจะผลักไสไล่ส่งผมไหม หรือว่ามันอาจจะยอมรับความสัมพันธ์ แต่ก็คงได้เพียงแค่ทางกาย ที่มีเอาไว้เพื่อสนอง ไม่ใช่เพราะรักจริงๆ หรอกหลังจากนั้นไอ้ซันก็ไม่ได้ออกมาจากห้อง คิดว่ามันคงจะนอนต่อเลยนั่นแหละ ผมเองก็กลับมาดูหนังต่อจนผล็อยหลับไปหน้าทีวี รู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่เหมือนตัวกำลังลอยขึ้น ทำให้ขยับตัวน้อยๆ ด้วยความไม่แน่ใจว่าความจริงหรือความฝัน ดวงตาเปิดปรือขึ้นนิดๆ“ชู่ววววว นอนไปเถอะครับ ฝันดีนะ” เหมือนจะเป็นฝันแฮะ เพราะไอ้ซันมันคงไม่มีทางมาทำอะไรอย่างนี้แน่ และมันคงจะเป็นฝันดีที่สุดของผม เมื่อตอนนี้ผมอยู่ในอ้อมกอดของมัน และมันก็พูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แถมยังมีการจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ เป็นการกล่อมอีกด้วยฝันดีฉิบหายเลยครับ.....ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลายามค่ำ ไม่เจอไอ้ซันแล้วครับ แถมตัวเองยังมานอนอยู่บนเตียงเสียอีก เดาว่าไอ้ซันมันคงจะพามาแหละ แต่ไม่รู้ว่ามันจะอุ้
“สวัสดีครับ” ผมยกมือสวัสดี ก่อนจะไล่สายตามองไปที่บุคคลที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว มีป๊า ม๊า และอีกฝั่งคือ......อ้าว?“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักอีกครั้ง พร้อมกับผงกหัวไปด้วย ยกมือสวัสดีคุณลุงและพี่ท็อป รุ่นพี่ที่คณะของผมเอง“นั่งสิ” ป๊าของผมเอ่ยบอกเบาๆ ทำให้ผมทรุดตัวลงนั่งอย่างงงๆ จะไม่งงได้ไงครับ ปกติมันต้องเป็นงานดูตัวอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรอ ผมต้องพบกับหญิงสาวที่ส่งสายตาหยาดเยิ้ม หรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายไม่ใช่หรอ ไม่ใช่สายตาที่มองมาด้วยความเอ็นดูแบบนี้??? พอผมนั่งลงได้ ลุงจรัญก็เอ่ยชวนคุยทันที“ลุงคงทำให้ตกใจสินะ ถึงได้ตั้งใจหนีแบบนั้นน่ะ” ลุงจรัญพูดยิ้มๆ ต่างจากผมที่ผงกหัวขึ้น เงยหน้ามองทันที เลยไปทางพี่คม แล้ววกกลับมาที่ป๊าของตัวเอง“ฮึฮึ ตาท็อปก็อยู่ในรถด้วยนะ ตั้งใจจะรับมาทีเดียวนั่นแหละ เห็นตาท็อปบอกว่าพอเจอหน้าพี่เลี้ยงก็วิ่งหนีเลยหรอ”“อ่อ” ป๊าไม่ได้พูดอะไรออกมา ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบนิดๆ ต่างจากม๊าที่หัวเราะเบาๆ“พี่ไม่คิดจะชวนเบสมาดูตัวหรอกนะครับ” พี่ท็อปพูดขึ้น แล้วยกยิ้มเอ็นดูส่งมาให้“อ่อ แหะๆ ครับ”“พอดีพี่ได้ข่าวมาว่าตอนรับน้อง เบสไม่มีพี่เทคมาสนใจเลยใช่ไหมครับ ให้พี่ช่วยหาใ
K : สวัสดีครับS : ใครครับ?K : ไม่บอกได้ไหมครับ แต่ผมมีเรื่องจะขอรบกวนคุณนะS : ผมหรอ ให้ช่วยอะไรครับ?K : ไม่ทราบว่าเพื่อนสนิทของคุณชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมเป็นพี่เทคของเขาS : คนไหนละครับ เพื่อนผมมีเยอะแยะK : น้องเบส.....S : อ้อ มันชอบของอร่อยครับ เท่านั้นแหละ ผมดีใจนะที่คุณเริ่มหันมาสนใจมันบางK : ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ พอดีผมยุ่งๆ อยู่ ถ้ายังไง ผมอาจจะขอรบกวนคุณเพื่อสอบถามนะครับ แล้วก็อาจจะฝากของผ่านคุณ ไปให้น้องเบสด้วยS : ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีK : แล้วคุณชอบทานอะไรไหมครับ ถือว่าผมติดสินบนก็แล้วกัน....หลังจากที่พี่ท็อปบอกว่าจะตามหาพี่เทคให้ มันก็มีความคืบหน้าจริงๆ นะครับ เพราะหลังจากนั้น 2 – 3 วัน ไอ้ซันก็เดินถือกล่องขนมอะไรสักอย่างมาด้วย ยื่นให้ผมตรงหน้า ผมก็มองมันอย่างงงๆ พร้อมกับถามออกไปเบาๆ ว่าให้เนื่องในโอกาสอะไร มันก็บอกว่ามีคนฝากเอามาให้ เป็นของที่มาจากพี่เทคพอผมถามว่ามันรู้จักคนๆ นั้นไหม มันก็บอกว่าไม่รู้จัก พร้อมกับนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบกล่องขนมแบบเดียวกันออกมานั่งทานไปพลาง“อร่อยไหมว่ะ”“ลองแดกดูสิครับ” ผมยู่ปากอย่างขัดใจนิดๆ ก่อนจะเปิดกล่องของตัวเองออกดูบ้าง มากา
วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายครับ ตื่นสายได้เต็มที่ พอตื่นแล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน จนเมื่อเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ขับรถตรงไปมหาลัย แวะทานข้าวอีกนิดหน่อย แล้วจึงเข้าห้องเรียนของตัวเองพอไปถึง ไอ้ซันมันก็ฟุ้บหน้านอนหลับอยู่ก่อนแล้ว ผมก็นั่งลงที่ข้างๆ มัน เท้าคางนั่งมองเส้นผมสีส้มที่ระไปกับพื้นโต๊ะเรียน ก่อนที่ผมจะนอนตะแคงหันข้าง นอนมองมันนิ่งๆกรี้ดดดดดดดดดดดดดเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากที่เบาๆ คนสองคน กลับกลายเป็นกลุ่มก้อน และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไอ้ซันหลุดออกจากนิทรา ผมเองก็ผุดตัวไปดูที่หน้าต่างเช่นกัน อยากรู้ว่าสาวๆ เขากรี้ดอะไร อย่างไม่รู้ตัว ไอ้ซันเองก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เช่นกัน จุดประสงค์เดียวกับผม เพราะแขนของมันค้ำยันขอบหน้าต่างเอาไว้ ยืนซ้อนหลังของผมอีกชั้น จนเหมือนว่ามันกำลังโอบกอดผมจากด้านหลัง และผมกำลังมองหน้ามันในระยะประชิด ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันที ต่างจากไอ้ซันที่ไม่ได้สนใจอะไร สายตามองลงไปที่เบื้องล่าง จนเมื่อคนๆ หนึ่งเดินเข้าตึกมา เสียงกรี้ดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อฝั่ง
ร้อน....อึดอัด....ขยับไม่ได้.....ผมปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อความรู้สึกราวกับร่างทั้งร่างถูกตรึงไว้อยู่กับที่ แสงสว่างที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใส ทะลุผ้าม่านสีขาวเข้ามา ทำให้ต้องหรี่ตามอง ก่อนที่จะพยายามหันหน้าหลบอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อตัวของผมถูกกักเอาไว้ภายใต้วงแขนของใครบางคน ทำให้ผมยกมันขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองชายรูปร่างสูงใหญ่ รูปกายกำยำสมกับความเป็นบุรุษเพศ นอนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง วงแขนกอดก่ายผมเอาไว้ จนรัดแน่น ผิวเนื้อที่สัมผัสแนบชิดทำให้เกิดความรู้สึกร้อนผะผ่าว เส้นผมสีส้มอิฐนั้นแลดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ที่โคนเส้นผมถูกแซมด้วยสีดำสนิทขึ้นมาอีกเล็กน้อย แสดงถึงความแตกต่างของสีที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดสนิท หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ จมูกโด่งเป็นสันรับเข้ากับใบหน้าที่เรียวยาว ริมฝีปากหนา ที่พอรวมเข้ากับใบหน้ากลับดูดีจนน่าตกใจมือของผมไล้ไปบนอากาศตามโครงหน้า โดยที่ไม่ได้โดนผิวเนื้อของคนที่กำลังหลับอยู่แม้แต่น้อย ไม่กล้าที่จะสัมผัส หวาดกลัวความรู้สึก กลัวว่ามันจะปะทุออกมา
สุดท้ายผมก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในที่อโคจรจนได้ สายตากวาดมองไปรอบๆ หามุมสงบๆ สักที่นั่งลง ก่อนจะสั่งเหล้ามา 1 ขวด และกับแกล้มอีกนิดหน่อย ระหว่างที่นั่งรอก็ปลดกระดุมเสื้อสูทออกจากตัว โยนพาดไว้ที่พนักพิง ดึงรั้งเนกไท ก่อนจะโยนไปในทิศทางเดียวกัน ปลดกระดุมคอบนออก 2 เม็ด ยกฝ่ามือขึ้นเสยเส้นผมสีดำสนิทของตัวเองพอแก้วใบเล็กถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับขวดเหล้าราคาแพง ผมก็จัดการเทลงใส่แก้ว ยกดื่มขึ้นทันที ไม่มีอารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น นั่งดื่มเพียงลำพัง ในมุมมืดของร้าน อาหารที่สั่งมาไม่มีการแตะต้องใดๆ สิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวมีเพียงแก้วใบเล็ก ขวดเหล้า และผู้ที่เป็นเจ้าของซึ่งครอบครองโต๊ะในมุมอับสายตาเท่านั้นผมนั่งดื่มไปเรื่อยๆ จนดวงตาฉ่ำเยิ้ม เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่ก็นานพอให้ปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนเกินขีดจำกัดในการควบคุมสติสัมปชัญญะ ในตอนนี้ปริมาณน้ำสีอำพันในขวดเหล้าใบสวยลดลงมากกว่าครึ่งขวด ทำให้คนที่เดินเข้าร้านมาด้วยมาดที่หล่อ เนี๊ยบ และดูดี กลายเป็นคนที่ดูขี้เมาในทันที ใบหน้าหล่อคมคายฟุ้บลงกับโต๊ะ นอนอย่างเกียจคร้าน แต่มือก็ยังคงรินเหล้าใส่แก้วอย่างต
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr“อืมมมม”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“หนวกหู.......”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“อื้อออออ”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“โว้ยยยยยยย รำคาญจริง!!!”ติ้ด![ไอ้ซัน! ไอ้สัส! มึงอยู่ไหนเนี้ยยยย]“โอ้ยยย เสียงดังฉิบหาย มึงจะโวยวายทำไมวะ”[ไอ้ควาย! มึงนัดเพื่อนมาทำงานเนี้ย แล้วมึงพึ่งตื่นหรอวะ!!!] เสียงไอ้วุฒิพูดด้วยความโมโหดังลอดออกมาจากโทรศัพท์แผ่วๆ“.......”“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย” คนที่กำลังนอนก่ายกอดอยู่ที่ด้านหลัง เด้งตัวออกแล้วผุดลุกขึ้นนั่งทันที ทำให้ช่องทางรักที่ถูกเชื่อมติดเอาไว้เมื่อตอนก่อนจะหลับฝันไป หลุดออกอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงร้องดังออกมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างกัน“โอ๊ย!!!” เพราะความเจ็บนั้นปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา แต่ความรู้สึกแรกที่ลืมตาข
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังทำให้ผมบดเบียดกายเข้าหาอย่างวางใจ จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดบนกระหม่อมทำให้ต้องปรือตามอง เมื่อคืนผมนอนคนเดียว.....ใครวะ!!!คิดพลางลืมตาโตหันกลับไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังในทันที จนใบหน้ามีระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดพริ้ม ริมฝีปากหนา สันกรามชัดเจน ราวกับภาพวาดของเทพบุตร แสงสีทองของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นผมสีส้ม จนส่องประกายยิ่งกว่าเหมือนกับเจ้าชายในเทพนิยายที่กำลังหลับใหล นอนหลับพักผ่อนผมกะพริบตามองอย่างุนงง เมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เข้าห้องมาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมานอนกับผม แทนที่จะนอนห้องของตัวเอง แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แตะริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจึงซุกตัวลงในอ้อมแขน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นอีกนิด คนที่กำลังกอดอยู่ขยับแขนเข้ามากอดรัดให้มากขึ้น พร้อมกับจับผ้ามาห่มให้ โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่มันกลับทำให้ผมสงสัย ว่ามันตื่น
เอ๋?“อื้อ”ฮะ?“อืม”หืออออออ?“อ่า”หน่าหนิ!?!?!?!?พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!อะ อะไร?? มันเป็นแบบนี้ได้ไง?? งงไปดิครับ!!!“ร้องสิ...... เหมือนวันนั้น”“อะ มะ มึง จะให้ อึก กูร้อง อะ อะไร”“อ่า สงสัย กูคงต้องกรอกเหล้าเข้าปากมึงบ้างแล้วมั้ง? ซี้ดดดด”“อ๊ะ อะไรของมึงเนี้ย” ตอนนี้ผมถูกกดให้นอนอยู่ใต้ร่างของไอ้ซันครับ หัวเข่าทั้งสองข้างโดนมันจับดันจนชิดอก ทำให้ช่องทางรักลอยเด่น และมีแก่นกายของมันกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเมามัน ต่างจากผมเนี้ย อ๋อแดกและใบ้กินโดยสมบูรณ์ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว“เหนื่อยว่ะ ขยับดิ๊” ไอ้ซันว่าพร้อมกับยกตัวผมขึ้นทั้งๆ ที่ยังเชื่อมติดกัน จัดให้ผมนั่งทับแก่นกายของมัน และมันเองก็จับขยับโยกเอวผมไปด้วยเบาๆ“อะ หะ หะ เหี้ยเถอะ กูจุก อยากก็ทำ
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนด้วยนาฬิกาชีวิต มึนงงเล็กน้อย มองออกไปรอบๆ ห้องๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น แย่ละ…แต่พอวิ่งไปถึงแล้วก็ต้องชะงัก ไฟถูกปิดทั้งหมด ทีวี แอร์ ทุกอย่างหยุดการทำงาน ความอบอุ่นของห้อง ทำให้รู้ว่ามันถูกปิดไปนานมากแล้ว ผมยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่กลางห้อง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา ครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน ผมดูซีรีส์อยู่ ผมจำได้ ผมอาจจะง่วงมาก ถึงได้เข้าไปนอนในห้อง แต่มั่นใจมากพอว่าตัวเองไม่ได้เดินปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้แน่“หรือจะมีผีว่ะ?” บ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ไม่หรอก นี่มันตึกพึ่งสร้างนะ ห้องก็ราคาแพง ใช่ห้องถูกๆ ซะที่ไหน ไม่น่าใช่หรอก หรือผมละเมอไปปิดว่ะ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะ ช่างแม่ง....พอคิดได้ดังนั้นก็เลยลุกขึ้น ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปเรียน ออกมาทำอาหารเช้าทาน พอทานเสร็จก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะขับรถไปที่มหาลัย พอไปถึงผมก็ยังคงนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ จะช่างแม่งมันก็ได้แหละ แต่สงสัยไง เออ ช่างแม่งก็ได้.... คิดพลางสะดุ้งเมื่อมีคนตบลงที่บ่าหนักๆ จน
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังทำให้ผมบดเบียดกายเข้าหาอย่างวางใจ จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดบนกระหม่อมทำให้ต้องปรือตามอง เมื่อคืนผมนอนคนเดียว.....ใครวะ!!!คิดพลางลืมตาโตหันกลับไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังในทันที จนใบหน้ามีระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดพริ้ม ริมฝีปากหนา สันกรามชัดเจน ราวกับภาพวาดของเทพบุตร แสงสีทองของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นผมสีส้ม จนส่องประกายยิ่งกว่าเหมือนกับเจ้าชายในเทพนิยายที่กำลังหลับใหล นอนหลับพักผ่อนผมกะพริบตามองอย่างุนงง เมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เข้าห้องมาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมานอนกับผม แทนที่จะนอนห้องของตัวเอง แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แตะริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจึงซุกตัวลงในอ้อมแขน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นอีกนิด คนที่กำลังกอดอยู่ขยับแขนเข้ามากอดรัดให้มากขึ้น พร้อมกับจับผ้ามาห่มให้ โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่มันกลับทำให้ผมสงสัย ว่ามันตื่น
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr“อืมมมม”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“หนวกหู.......”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“อื้อออออ”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“โว้ยยยยยยย รำคาญจริง!!!”ติ้ด![ไอ้ซัน! ไอ้สัส! มึงอยู่ไหนเนี้ยยยย]“โอ้ยยย เสียงดังฉิบหาย มึงจะโวยวายทำไมวะ”[ไอ้ควาย! มึงนัดเพื่อนมาทำงานเนี้ย แล้วมึงพึ่งตื่นหรอวะ!!!] เสียงไอ้วุฒิพูดด้วยความโมโหดังลอดออกมาจากโทรศัพท์แผ่วๆ“.......”“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย” คนที่กำลังนอนก่ายกอดอยู่ที่ด้านหลัง เด้งตัวออกแล้วผุดลุกขึ้นนั่งทันที ทำให้ช่องทางรักที่ถูกเชื่อมติดเอาไว้เมื่อตอนก่อนจะหลับฝันไป หลุดออกอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงร้องดังออกมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างกัน“โอ๊ย!!!” เพราะความเจ็บนั้นปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา แต่ความรู้สึกแรกที่ลืมตาข
สุดท้ายผมก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในที่อโคจรจนได้ สายตากวาดมองไปรอบๆ หามุมสงบๆ สักที่นั่งลง ก่อนจะสั่งเหล้ามา 1 ขวด และกับแกล้มอีกนิดหน่อย ระหว่างที่นั่งรอก็ปลดกระดุมเสื้อสูทออกจากตัว โยนพาดไว้ที่พนักพิง ดึงรั้งเนกไท ก่อนจะโยนไปในทิศทางเดียวกัน ปลดกระดุมคอบนออก 2 เม็ด ยกฝ่ามือขึ้นเสยเส้นผมสีดำสนิทของตัวเองพอแก้วใบเล็กถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับขวดเหล้าราคาแพง ผมก็จัดการเทลงใส่แก้ว ยกดื่มขึ้นทันที ไม่มีอารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น นั่งดื่มเพียงลำพัง ในมุมมืดของร้าน อาหารที่สั่งมาไม่มีการแตะต้องใดๆ สิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวมีเพียงแก้วใบเล็ก ขวดเหล้า และผู้ที่เป็นเจ้าของซึ่งครอบครองโต๊ะในมุมอับสายตาเท่านั้นผมนั่งดื่มไปเรื่อยๆ จนดวงตาฉ่ำเยิ้ม เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่ก็นานพอให้ปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนเกินขีดจำกัดในการควบคุมสติสัมปชัญญะ ในตอนนี้ปริมาณน้ำสีอำพันในขวดเหล้าใบสวยลดลงมากกว่าครึ่งขวด ทำให้คนที่เดินเข้าร้านมาด้วยมาดที่หล่อ เนี๊ยบ และดูดี กลายเป็นคนที่ดูขี้เมาในทันที ใบหน้าหล่อคมคายฟุ้บลงกับโต๊ะ นอนอย่างเกียจคร้าน แต่มือก็ยังคงรินเหล้าใส่แก้วอย่างต
ร้อน....อึดอัด....ขยับไม่ได้.....ผมปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อความรู้สึกราวกับร่างทั้งร่างถูกตรึงไว้อยู่กับที่ แสงสว่างที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใส ทะลุผ้าม่านสีขาวเข้ามา ทำให้ต้องหรี่ตามอง ก่อนที่จะพยายามหันหน้าหลบอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อตัวของผมถูกกักเอาไว้ภายใต้วงแขนของใครบางคน ทำให้ผมยกมันขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองชายรูปร่างสูงใหญ่ รูปกายกำยำสมกับความเป็นบุรุษเพศ นอนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง วงแขนกอดก่ายผมเอาไว้ จนรัดแน่น ผิวเนื้อที่สัมผัสแนบชิดทำให้เกิดความรู้สึกร้อนผะผ่าว เส้นผมสีส้มอิฐนั้นแลดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ที่โคนเส้นผมถูกแซมด้วยสีดำสนิทขึ้นมาอีกเล็กน้อย แสดงถึงความแตกต่างของสีที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดสนิท หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ จมูกโด่งเป็นสันรับเข้ากับใบหน้าที่เรียวยาว ริมฝีปากหนา ที่พอรวมเข้ากับใบหน้ากลับดูดีจนน่าตกใจมือของผมไล้ไปบนอากาศตามโครงหน้า โดยที่ไม่ได้โดนผิวเนื้อของคนที่กำลังหลับอยู่แม้แต่น้อย ไม่กล้าที่จะสัมผัส หวาดกลัวความรู้สึก กลัวว่ามันจะปะทุออกมา
วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายครับ ตื่นสายได้เต็มที่ พอตื่นแล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน จนเมื่อเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ขับรถตรงไปมหาลัย แวะทานข้าวอีกนิดหน่อย แล้วจึงเข้าห้องเรียนของตัวเองพอไปถึง ไอ้ซันมันก็ฟุ้บหน้านอนหลับอยู่ก่อนแล้ว ผมก็นั่งลงที่ข้างๆ มัน เท้าคางนั่งมองเส้นผมสีส้มที่ระไปกับพื้นโต๊ะเรียน ก่อนที่ผมจะนอนตะแคงหันข้าง นอนมองมันนิ่งๆกรี้ดดดดดดดดดดดดดเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากที่เบาๆ คนสองคน กลับกลายเป็นกลุ่มก้อน และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไอ้ซันหลุดออกจากนิทรา ผมเองก็ผุดตัวไปดูที่หน้าต่างเช่นกัน อยากรู้ว่าสาวๆ เขากรี้ดอะไร อย่างไม่รู้ตัว ไอ้ซันเองก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เช่นกัน จุดประสงค์เดียวกับผม เพราะแขนของมันค้ำยันขอบหน้าต่างเอาไว้ ยืนซ้อนหลังของผมอีกชั้น จนเหมือนว่ามันกำลังโอบกอดผมจากด้านหลัง และผมกำลังมองหน้ามันในระยะประชิด ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันที ต่างจากไอ้ซันที่ไม่ได้สนใจอะไร สายตามองลงไปที่เบื้องล่าง จนเมื่อคนๆ หนึ่งเดินเข้าตึกมา เสียงกรี้ดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อฝั่ง
K : สวัสดีครับS : ใครครับ?K : ไม่บอกได้ไหมครับ แต่ผมมีเรื่องจะขอรบกวนคุณนะS : ผมหรอ ให้ช่วยอะไรครับ?K : ไม่ทราบว่าเพื่อนสนิทของคุณชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมเป็นพี่เทคของเขาS : คนไหนละครับ เพื่อนผมมีเยอะแยะK : น้องเบส.....S : อ้อ มันชอบของอร่อยครับ เท่านั้นแหละ ผมดีใจนะที่คุณเริ่มหันมาสนใจมันบางK : ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ พอดีผมยุ่งๆ อยู่ ถ้ายังไง ผมอาจจะขอรบกวนคุณเพื่อสอบถามนะครับ แล้วก็อาจจะฝากของผ่านคุณ ไปให้น้องเบสด้วยS : ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีK : แล้วคุณชอบทานอะไรไหมครับ ถือว่าผมติดสินบนก็แล้วกัน....หลังจากที่พี่ท็อปบอกว่าจะตามหาพี่เทคให้ มันก็มีความคืบหน้าจริงๆ นะครับ เพราะหลังจากนั้น 2 – 3 วัน ไอ้ซันก็เดินถือกล่องขนมอะไรสักอย่างมาด้วย ยื่นให้ผมตรงหน้า ผมก็มองมันอย่างงงๆ พร้อมกับถามออกไปเบาๆ ว่าให้เนื่องในโอกาสอะไร มันก็บอกว่ามีคนฝากเอามาให้ เป็นของที่มาจากพี่เทคพอผมถามว่ามันรู้จักคนๆ นั้นไหม มันก็บอกว่าไม่รู้จัก พร้อมกับนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบกล่องขนมแบบเดียวกันออกมานั่งทานไปพลาง“อร่อยไหมว่ะ”“ลองแดกดูสิครับ” ผมยู่ปากอย่างขัดใจนิดๆ ก่อนจะเปิดกล่องของตัวเองออกดูบ้าง มากา
“สวัสดีครับ” ผมยกมือสวัสดี ก่อนจะไล่สายตามองไปที่บุคคลที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว มีป๊า ม๊า และอีกฝั่งคือ......อ้าว?“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักอีกครั้ง พร้อมกับผงกหัวไปด้วย ยกมือสวัสดีคุณลุงและพี่ท็อป รุ่นพี่ที่คณะของผมเอง“นั่งสิ” ป๊าของผมเอ่ยบอกเบาๆ ทำให้ผมทรุดตัวลงนั่งอย่างงงๆ จะไม่งงได้ไงครับ ปกติมันต้องเป็นงานดูตัวอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรอ ผมต้องพบกับหญิงสาวที่ส่งสายตาหยาดเยิ้ม หรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายไม่ใช่หรอ ไม่ใช่สายตาที่มองมาด้วยความเอ็นดูแบบนี้??? พอผมนั่งลงได้ ลุงจรัญก็เอ่ยชวนคุยทันที“ลุงคงทำให้ตกใจสินะ ถึงได้ตั้งใจหนีแบบนั้นน่ะ” ลุงจรัญพูดยิ้มๆ ต่างจากผมที่ผงกหัวขึ้น เงยหน้ามองทันที เลยไปทางพี่คม แล้ววกกลับมาที่ป๊าของตัวเอง“ฮึฮึ ตาท็อปก็อยู่ในรถด้วยนะ ตั้งใจจะรับมาทีเดียวนั่นแหละ เห็นตาท็อปบอกว่าพอเจอหน้าพี่เลี้ยงก็วิ่งหนีเลยหรอ”“อ่อ” ป๊าไม่ได้พูดอะไรออกมา ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบนิดๆ ต่างจากม๊าที่หัวเราะเบาๆ“พี่ไม่คิดจะชวนเบสมาดูตัวหรอกนะครับ” พี่ท็อปพูดขึ้น แล้วยกยิ้มเอ็นดูส่งมาให้“อ่อ แหะๆ ครับ”“พอดีพี่ได้ข่าวมาว่าตอนรับน้อง เบสไม่มีพี่เทคมาสนใจเลยใช่ไหมครับ ให้พี่ช่วยหาใ