LOGIN"ทำอะไรเรน?"
ฟรินท์เลิกคิ้วถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินกรีดกรายเข้ามาหาเขาที่โต๊ะทำงาน ไม่ใช่แค่ยืนเฉย ๆ แต่เธอฉวยโอกาสนั่งลงบนตักเขาเลยต่างหาก "นั่งไง...เห็นหรือเปล่าว่ามันไม่มีเก้าอี้" "ไม่กลัวน้องชายเธอกลับมาเห็นหรือไง" "ถ้ากลัวจะลงทุนขับรถมาถึงนี่ทำไม บอกมาดีกว่าว่านายเป็นอะไร" ชายหนุ่มหลับตาข่มความรู้สึกตัวเอง เขาเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าตัวเองกำลังเป็นอะไรอยู่กันแน่ รู้แค่ว่าสองสามวันมานี้เขาเครียดเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนมากจนเก็บเอามาคิดทั้งวัน "เมื่อคืนเมาจนกลับคอนโดไม่ไหว วันนี้ฉันโทรไปนายก็ไม่รับ แค่นี้ก็รู้แล้วไหมว่านายกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่" "....." "วันนี้ทั้งวันฉันก็เอาแต่คิดมาก อย่าทำแบบนี้เลยฟรินท์" "เธอนะเหรอคิดมากเรื่องฉัน?"ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ปกติไม่เคยเห็นเรนเดียร์เป็นแบบนี้มาก่อน ถ้าเธอแคร์เขาตั้งแต่ต้น คงไม่ปล่อยให้เรื่องของเรากลายเป็นความลับมานานขนาดนี้"ทำไมฉันไม่รู้สึกเลยเรน ว่าเธอแคร์ความรู้สึกฉัน" "นายหมายความว่าไง?" "เรื่องของเรา...มันยากเกินไปแล้วหรือเปล่า" สิ้นสุดประโยคนั้น ทั้งเขาและเธอก็เงียบ มีเพียงแววตาที่มองสบกันเท่านั้น เรนเดียร์เห็นแววตาต่อว่าและตัดพ้อของเขา มันเหมือนแววตาเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นเขาก็พูดเรื่องความสัมพันธ์ของเราแบบนี้ และขอถอยห่างเธอไปเป็นเดือน แล้วอยู่ ๆ เขาก็กลับมาพร้อมบอกว่ายอมรับได้หากเราสองคนจะมีความสัมพันธ์ลับกันต่อไป อันที่จริงเรื่องของเราก็ไม่ได้ยาก แต่ที่ยากคือคนรอบตัวเราต่างหาก เราทิ้งระยะเวลามานานเกินไป จนทำให้ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นบอกทุกคนยังไง "นายอยากบอกทุกคนเรื่องของเราเหรอ" "แล้วเธอจะให้เราเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่" สองแขนเล็กยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งเอาไว้อย่างออดอ้อน ใบหน้าสวยก้มลงใช้จมูกหอมแก้มสากฟอดใหญ่ ฟอด!!! "อย่าโกรธเลยนะ ให้เวลาฉันอีกสักนิดได้ไหม" "....." "ฉันไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นพูดกับผู้ใหญ่ยังไง กลัวว่าจะทำให้พวกท่านไม่พอใจที่เราปิดมานานขนาดนี้" ฟรินท์พ่นลมหายใจออก"ขอเวลาอีกแล้ว" "คราวนี้ขอเวลาจริง ๆ ฉันเองก็เหนื่อยที่ต้องโกหกทุกคนเหมือนกันนะ" นัยน์ตาคมจ้องมองดวงตากลมโตของหญิงสาว เรนเดียร์ก็ยังคงเป็นเรนเดียร์ที่มีผลต่อความรู้สึกของเขาเสมอ แค่เธออ้อนนิดหน่อยเขาก็พร้อมจะลืมความโกรธเคืองก่อนหน้าไปจนหมดสิ้น วันนี้เขาตั้งใจไม่รับโทรศัพท์เธอจริง ๆ อยากจะรู้ว่าเธอแคร์ความรู้สึกเขาบ้างหรือเปล่า แล้วพอเห็นหน้าเธอตอนเดินเข้ามาในห้อง ใจเขาก็อ่อนยวบ แต่ก็ทำเป็นเก๊กเพราะไม่อยากให้เธอได้ใจไปมากกว่านี้ ถึงจะรู้ว่ามันไม่ทันแล้วก็เถอะ “คืนนี้ไปคอนโดฉันนะ”เรนเดียร์ก้มลงไปกระซิบตรงซอกคอของชายหนุ่ม “เมนส์มาไม่ใช่หรือไง?” “ก็ไปนอนกอดกันไม่ได้เหรอ” “วันนี้ฉันต้องเข้าไปกินข้าวกับแม่ที่บ้าน อยากไปด้วยกันไหมล่ะ”คนตัวสูงแกล้งลองเชิงถามเธอไป ซึ่งคนตัวเล็กก็หลบสายตาเขาทันที ก่อนจะพึมพำเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “ไว้วันหลังดีกว่า” “โอเค เข้าใจแล้ว”ฟรินท์ยกตัวหญิงสาวให้ลุกจากตัก แค่เขาลองชวนเธอไปกินข้าวที่บ้าน ตามประสาคนคุ้นเคยกันดี เธอยังไม่อยากไปกับเขาเลย แล้วเรื่องที่เขาหวังให้เธอบอกคนอื่นเรื่องของเรา มันคงไม่มีวันเกิดขึ้น เขารู้เพราะเรนเดียร์พูดแบบนี้กับเขามาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ผลัดไปจนเขาเลิกสนใจเรื่องนี้ “ตอนนี้ถึงเวลานัดแล้ว ฉันขอตัวนะ” ร่างสูงก้าวขาออกจากห้องด้วยความเร็ว ส่วนเรนเดียร์ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของเขา ยกมือขึ้นลูบหน้าอย่างเหนื่อยใจ สุดท้ายแล้วที่ดั้นด้นมาคุยกันวันนี้ ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าไปจากเดิม แถมฟรินท์ยังดูไม่พอใจเธอหนักขึ้นไปอีก นี่ถ้าประจำเดือนไม่มา เรื่องทุกอย่างคงง่ายกว่านี้ เธอพอจะรู้วิธีว่าต้องง้อเขาแบบไหน สามวันผ่านไป หลังจากวันนั้น ทั้งฟรินท์และเรนเดียร์ก็ไม่ได้เจอหน้ากัน เพราะงานกำลังรัดตัวจนแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ทั้งคู่ แต่วันนี้เรนเดียร์ต้องเข้าไปที่บริษัทของฟรินท์เรื่องโครงการก่อสร้างรีสอร์ทที่ระยอง เพื่อนัดวันที่จะไปดูงานก่อสร้างที่เพิ่งเริ่มไปเมื่อวาน อันที่จริงเธอก็ไม่อยากไปเจอหน้าเขาวันนี้ เพราะเริ่มโกรธเขาเหมือนกัน ที่ไม่ติดต่อหาเธอเลยตลอดสามวันที่ผ่านมา เธออยากเป็นฝ่ายติดต่อไปหาเขาก่อน แต่ก็ต้องทำใจแข็งเข้าไว้ อยากรู้ว่าเขาจะแคร์เธอมากเหมือนที่พูดหรือเปล่า แต่ใครจะคิดว่าครั้งนี้เขาใจแข็งกับเธอจริง ๆ ถึงขนาดขาดการติดต่อกันไปขนาดนี้ แสดงว่าเขาต้องไม่พอใจเธอเรื่องเมื่อวันก่อนมากจริง ๆ พอมาเจอหน้ากัน ทุกอย่างที่พูดคุยกันก็ล้วนแต่เป็นเรื่องงานทั้งสิ้น เธอเองก็มืออาชีพมากพอที่จะไม่เอาความรู้สึกของตัวเองมาทำให้งานเสีย ทั้งที่อยากจะต่อว่าเขาที่ทำหน้าเฉยเมยใส่เธอตั้งแต่เห็นหน้า จนถึงตอนนี้เขาไม่แม้แต่จะหันมาสบตาเธอสักนิด มันทำให้เธอรู้สึกโกรธ และคิดทำบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา “พี่อัทธ์คะ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกันดีไหม” ฟรินท์เหลือบตามองหญิงสาวที่เขาไม่ได้เจอหน้ามาตลอดสามวัน กำลังพูดจาเสียงหวานกับเลขาหนุ่ม ภายในใจเขาก็คุกกรุ่นขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าเธอกำลังทำไปเพราะอะไร แต่ตอนนี้มันทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก “ได้ครับ ช่วงบ่ายคุณเรนไม่มีตารางงานพอดี” มือหนาของฟรินท์กำเข้าหากันแน่น“คุณอรส่งแขกด้วยนะครับ”เสียงทุ้มออกคำสั่งเสียงดุ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ก้มหน้าอ่านเอกสารบนโต๊ะโดยไม่สนใจเรนเดียร์ที่มองเขาด้วยความตื่นตะลึงที่กล้าไล่เธอกลับแบบนี้ ต่อให้เขาจะโกรธหรือไม่พอใจเธอขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยทำกิริยาแบบนี้ใส่เธอมาก่อน นี่เธอผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ อยากรู้ว่าเรื่องของเราเป็นเธอคนเดียวหรือไงที่เป็นคนผิด เขาคิดว่าที่ผ่านมาตัวเองทำถูกต้องแล้วหรือไง ถึงได้มาทำนิสัยแบบนี้กับเธอ มันทำให้เธอยิ่งโมโหอย่างมาก “ไปค่ะพี่อัทธ์”เสียงหวานกระแทกเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ เธออยากจะให้เขารู้เหมือนกันว่าไม่ใช่เขาที่โกรธเธอได้คนเดียว เธอเองก็โกรธเขาได้เหมือนกัน คอยดูนะ ถ้าเขามาง้อเธอจะไม่ยอมคืนดีด้วยง่าย ๆ แน่นอน เธอจะเอาคืนที่เขากล้าหักหน้าเธอต่อหน้าเลขาของตัวเองแบบนั้น เธอเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเขาแท้ ๆ ถึงจะไม่พอใจเรื่องส่วนตัวกันขนาดไหน แต่ก็ควรแยกแยะให้มากกว่านี้ หลังจากเรนเดียร์เดินออกไปแล้ว ฟรินท์ก็เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร เขาทิ้งหัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยใจ ตอนนี้เหมือนว่าความสัมพันธ์ของเขากับเรนเดียร์จะถึงทางตัน เขารู้ว่าการที่เขาไล่เธอเมื่อกี้เธอต้องไม่พอใจเขาแน่นอน แต่เขาก็พยายามข่มอารมณ์ของตัวเองแล้ว แต่เธอก็ยังมายั่วโมโหเขาทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบให้เธอให้ความสนิทกับเลขาส่วนตัวของตัวเอง แต่เธอก็ยังทำแบบนั้น มันแปลว่าเธอไม่ได้แคร์ความรู้สึกของเขาเท่าที่ควร สามวันที่ผ่านมาเขาก็ต้องอดทนไม่ติดต่อหาเธอไปก่อน เพราะอยากให้เธอเป็นฝ่ายง้อเขาบ้าง แต่เธอก็ไม่คิดจะง้อเขา คิดแล้วมันน่าน้อยใจที่เธอเฉยเมยเรื่องของเราได้ขนาดนี้ “คุณเรนกับคุณฟรินท์กำลังโกรธกันเหรอครับ” ขณะกำลังนั่งรถกลับบริษัท อัทธ์ก็ตัดสินใจถามออกไปทันที เขาในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน มองแวบเดียวก็รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้มีอะไรบางอย่างที่เป็นมากกว่าคนรู้จักกันทั่วไปธรรมดา “คะ? อะ เอ่อ นิดหน่อยค่ะ” “ผมไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้านายนะครับ แต่การที่เรามีปัญหาส่วนตัวกัน จะทำให้ทำงานร่วมกันลำบากนะครับ โครงการรีสอร์ทที่ระยองเป็นโครงการใหญ่ แล้วท่านประธานก็หวังกับคุณเรนไว้มากนะครับ ท่านกำชับให้ผมช่วยงานคุณเรนให้ได้มากที่สุด” เรนเดียร์ถอนหายใจออกมา เธอเข้าใจที่อัทธ์พูดทุกอย่าง พ่อเธอลงทุนกับโครงการนี้ไว้มาก เพราะแม่เธอชอบที่นี่ เป็นคนเกลี่ยกล่อมพ่ออยู่นานให้ไปสร้างรีสอร์ท หากโครงการมีปัญหาติดขัดเพราะเรื่องส่วนตัวของเธอ ทั้งพ่อและแม่คงผิดหวังในตัวเธออย่างถึงที่สุด แล้วเรื่องที่เธอจะบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับฟรินท์ ก็คงเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อจัดท่าสำหรับให้นมเสร็จ เรนเดียร์ก็จับเต้าอวบ เอายอดอกไปสกิดตรงปากเล็กของลูกน้อย จนรันเวย์อ้าปากอมเข้าไปในปากและเริ่มดูดทันที ช่วงแรกเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบ แต่ทว่าพอผ่านไปสักพักก็รู้สึกดีขึ้น ลูกชายของเธอดูดนมแรงและเร็วมาก ทำให้เต้าอวบอีกข้างมีน้ำนมไหลหยดออกมาด้วย “ให้เฟรย่าดูดด้วยได้ไหม”เรนเดียร์พยักหน้าตอบ ฟรินท์รีบไปอุ้มลูกสาวที่เพิ่งตื่นและกำลังส่งเสียงอ้อแอ้ออกมา เขาจัดท่าทางใหม่ให้ลูกแฝดทั้งสองคนสามารถดูดนมแม่ได้คนละข้าง ภาพที่เห็นทำเอาเขาเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เดินเข้าไปจับหัวเล็กของเธอลูบผมนุ่มเบา ๆ และกดจูบลงไปบนหน้าผากทันที “ฟรินท์รักเรนนะครับ” “เป็นอะไรอ่ะ ทำไมร้องไห้” น้ำตาของชายหนุ่มไหลออกมาไม่รู้ตัว อันที่จริงมันก็ไหลตั้งแต่เขาเห็นหน้าลูกในห้องผ่าตัดแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนั้นมีหมอพยาบาลอยู่หลายคน เขาเลยต้องสะกดกลั้นเอาไว้ และมาบ่อน้ำตาแตกตอนนี้ “ดีใจที่เรนมีลูกกับฟรินท์” “เรนก็ดีใจเหมือนกันที่ฟรินท์เป็นพ่อของลูกเรน” หนึ่งปีผ่านไป ตอนนี้ลูกแฝดชายหญิงของฟรินท์และเรนเดียร์อายุหนึ่งขวบกับสองเดือนแล้ว ก็ถึงเวลาฤกษ์งามยามดีของคนเป็นพ่อแม่ ที่จะจัดงานแต่งงานในวัยที่ลูกน้อ
“ว้ายย! ดูขนตาสิพี่เพลิง ขนตายาวเหมือนตาฟรินท์เลยค่ะ” “แต่พี่ว่าปากเหมือนเรนเดียร์นะปิ่น ดูสิ” “แต่ตาคนน้องเหมือนตาฟรินท์นะคะ” เพลิงและเสือส่ายหน้าออกมาพร้อมกัน เมื่อคุณย่าและคุณยายกำลังเห่อหลานอย่างหนัก ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องพักฟื้นของเรนเดียร์ที่เพิ่งผ่าคลอดคู่แฝดชายหญิงและยังนอนเพลียจากฤทธิ์ยาสลบยังไม่ฟื้น ส่วนฟรินท์คุณพ่อของแฝดน้อยกำลังนั่งคุยกับเพื่อนสนิทสองคนคือไทเกอร์และไทก้าที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของสองแฝด “หุบยิ้มบ้างก็ได้สัดฟรินท์” “ตั้งแต่กูได้เห็นหน้าลูก กูไม่อยากหุบยิ้มเลยว่ะ” “สัดเอ้ยย!! คลั่งรักเมียจนพวกกูอ้วกแตกไม่พอ ยังคลั่งรักลูกอีก” “ไว้มึงมีเมีย มีลูกมึงก็จะเข้าใจเองแหละว่ะ ว่าพวกเขาเป็นเหมือนหัวใจของมึง” “แหวะ!! เลี่ยนฉิบหาย”ไทเกอร์ทำท่าทางโก่งคออาเจียนล้อเลียนอาการคลั่งรักของเพื่อน นับวันจะยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อก่อนเคยคิดว่าอาจจะเพราะเมื่อก่อนปิดบังคนอื่นเลยหวานกันได้ไม่เต็มที่ แต่ที่ไหนได้ผ่านมาปีกว่าแล้วก็ยังหวานเลี่ยนกันเหมือนเดิม “แล้วเพื่อนรักมึงไปไหนว่ะ”ไทก้าถามถึงธันเดอร์ ปกติเรื่องสำคัญของฟรินท์แบบนี้มันจะไม่พลาดมาอย่างทันที “คงนอนไม่ตื่น กูโ
"อื้อ~ อย่าทำแบบนั้น มะไหว อ๊าสส ฟรินท์" เรนเดียร์ร้องครางดังลั่น มือเล็กที่กอบกุมเอ็นร้อนของเขาสั่นเทา เมื่อเขาแหย่ลิ้นเข้ามากวาดต้อนน้ำหวานสีใสในโพรงอ่อนนุ่ม นิ้วเรียวแหวกกลีบอวบอูมของเธอออกจากกัน ก่อนจะใช้นิ้วสะกิดตรงติ่งเสียวของเธอถี่รัว จนเรนเดียร์ส่ายสะโพกดิ้นเร่า ๆ ร่างกายจิกเกร็งตั้งแต่ช่วงบนไปจนถึงปลายเท้า "อย่าขี้โกงเรนเดียร์" ฟรินท์เอ่ยเสียงแหบพร่าออกมา เมื่อมือบางเอาแต่จับเอ็นร้อนไว้แบบนั้นโดยไม่ทำอะไร เรนเดียร์เลยจำต้องอ้าปากอมแก่นกายใหญ่เอาไว้ในปาก ขบเม้มส่วนปลายหัวบานไปพร้อมกับสาวรูดส่วนโคนไปด้วย "ซี้ดด เร็วเลยเมีย" คนตัวสูงเร่งเร้าจังหวะ ลิ้นร้อนตวัดปากทางรักระรัว ขยี้เน้นย้ำตรงจุดเสียวซ่าน ไปพร้อมกับเรนเดียร์ที่ผงกหัวเล็กขึ้นลงกลืนกินท่อนเนื้อแดงก่ำเข้าออกไปพร้อมกัน ทั้งสองคนครางอื้ออึงในลำคอ เสียวกระสันอย่างที่สุด แต่ทว่ายังคงปรนเปรอส่วนกลางกายของอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร อุณหภูมิในห้องเพิ่มระดับขึ้น โดยเฉพาะฟรินท์ที่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก่อนหน้าทำให้เลือดลมสูบฉีดอย่างหนัก ความร้อนแผ่ขยายออกมาจนคนตัวเล็กสัมผัสได้ เมื่อความกระสันพุ่งสูงขึ้น ร่องรักก็ขมิบตอดรัดลิ
“หมายความว่าไงเรน” เรนเดียร์ก้มหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อคลายความประหม่า ตอนนี้เธออยากจะบอกความจริงทุกอย่างกับเขา ทุกความรู้สึกที่ผ่านมาของเธอ “หมายความว่าฉันชอบนายก่อนหน้านั้น” “จริงเหรอเรนเดียร์” เธอพยักหน้า“ฉันมีเรื่องเล่าให้นายฟัง” “…..” “ตอนเด็ก ๆ ฉันเอาแต่แอบมองเพื่อนน้องชายคนหนึ่งมาตลอด เขาชอบมาเล่นเกมส์กับน้องชายฉันที่บ้าน และมักจะมาเป็นเพื่อนคุยเวลาฉันนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่คนเดียว หลังจากนั้นเสาร์อาทิตย์ ฉันก็จะคอยมองหาเขาคนนั้น เพราะอยากให้เขามานั่งคุยกับฉัน จนถึงวันที่ฉันเข้าเรียนมหาลัย เราก็ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ทว่าเขาก็ยังมาเรียนมหาลัยเดียวกับฉัน ถึงจะคนละคณะ แต่เพราะน้องชายของฉันทำให้เราได้เจอกันบ่อย ๆ” “…..” “คืนนั้นตอนงานวันเกิดไทเกอร์ ฉันไม่ได้เมา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะฉันตั้งใจ” “เรนเดียร์” ฟรินท์พูดออกมาเหมือนละเมอ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเธอรู้สึกแบบนั้นกับเขาจริง ๆ แต่ก็แอบสงสารที่เธอเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองนานขนาดนี้ “แต่ตอนนั้นที่ฉันไม่ยอมให้นายรับผิดชอบก็เพราะรู้ว่านายไม่ได้คิดอะไรกับฉันจริง ๆ ฉันเห็นแก่ตัวยื่นข้อเสนอเอาแต่ใจตัวเองกับนายไป เพราะอย
“ไม่โกหกจะได้เห็นหน้าเรนตอนนี้เหรอลูก รักเขาแต่ก็ปากไม่ตรงกับใจ” “นั่นมันเมื่อก่อนค่ะ ตอนนี้ปากตรงกับใจแล้ว”เรนเดียร์ยักคิ้วและขยับเข้าไปควงแขนคนที่เพิ่งเดินมายืนข้างเตียงเธอ ด้วยท่าทางงง ๆ “โอ้ยยย พี่เรนพอเถอะ ผมจะอ้วก แม่ไม่น่าปลุกผมมาฟังอะไรแบบนี้ตอนเช้าเลยนะครับ” ไทเกอร์ทำท่าทางขนลุกและโก่งคอจะอ้วกออกมา ทุกคนในห้องเลยหัวเราะออกมากับท่าทางนั้น “เรื่องแต่งงานจะเอายังไง จะแต่งเลยหรือเปล่า”เพลิงถามออกมา เขาอยากให้ทั้งสองคนได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง ส่วนเขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างอยู่แล้ว ขอเพียงลูกบอกมาว่าต้องการแบบไหน ฟรินท์หันมาเลิกคิ้วถามเรนเดียร์ เขาเองก็อยากตามใจเธอในเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนนี้เธออยากทำอะไรเขาไม่ห้ามความคิดเธอทั้งนั้น แค่เขาได้อยู่เคียงข้างเธอตอนนี้เขาก็ดีใจที่สุดแล้ว “เรนอยากให้ลูกคลอดก่อนได้ไหมคะ อยากให้ลูกได้อยู่ในงานแต่งของพ่อกับแม่ด้วย” “ช้าไปไหมลูก กว่าลูกจะโตจนรับรู้ได้ ไม่ปาเข้าไปสามสี่ปีเหรอเรน” “จดทะเบียนไว้ก่อนไงค่ะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรนไม่เคยอายใครนะคะ และดีใจที่กำลังจะมีลูกด้วย เรนเรียนจบมีงานทำแล้วนะคะ ใครจะนินทาหรือพูดยังไงก็ช่างค่ะ แค่อยากถามฟรินท์ว
“เธอไม่คิดถึงฉันเหรอ”เมื่อหญิงสาวเอามือมาจับสาบเสื้อเอาไว้ ไม่ยอมให้เขาถอดมันออก ก็เลยต้องทำหน้าตาน่าสงสารเพื่อให้เธอเห็นใจ “คิดถึงสิ แต่ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ” “นี่มันห้องส่วนตัวนะเรน ใครจะเข้ามาได้ถ้าเราล็อกประตู” “เอ่อ…”เรนเดียร์ทำท่าทีลังเล ใจหนึ่งเธอก็คิดถึงเขาจริง ๆ แต่อีกใจก็ยังค้านอยู่ในใจว่าจะดีเหรอที่เราสองคนจะทำอะไรกันในห้องพักผู้ป่วยแบบนี้ มันจะเป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่หรือเปล่า “ยิ่งเธอคิดนาน ยิ่งเสียเวลานะเรนเดียร์” “แค่รอบเดียวนะ”เรนเดียร์อ้อมแอ้มตอบ พร้อมกับหลบสายตาคมของเขา ซึ่งร่างสูงของฟรินท์ก็กระโจนเข้าใส่เธอทันที ราวกับสัตว์ป่าที่หิวโหยจนเธอรู้สึกกลัวและตื่นเต้นขึ้นมา มือหนาจับท้ายทอยของเธอให้ตอบรับจูบอันเร่าร้อนและดุเดือดของเขา เป็นจูบที่ทั้งดุดันและรุนแรงราวกับจะสูบวิญญาณเธอให้ออกมาจากร่าง มือหนาอีกข้างก็เร่งปลดเชือกเสื้อผู้ป่วยออกจากกัน ก่อนจะใช้มือสัมผัสอกขาวเนียนไปทั่ว บีบเค้นจนขึ้นรอยแดงจาง ๆ ตามอารมณ์กระสันที่พุ่งสูงขึ้น “อื้อ~ อ๊าสส”เมื่อริมฝีปากผละออกจากกัน เรนเดียร์ก็ส่งเสียงครางหวานออกมาทันที “เบา ๆ ที่รัก ไม่รู้ห้องนี้เก็บเสียงหรือเปล่า” “อ๊







