“ข้างในเสียงดังน่ะค่ะ ฉัน...ไม่ค่อยชอบ”
น้ำหวานพยายามสุดๆ ที่จะควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ แถมยังกังวลกับการเลือกใช้สรรพนาม เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
“ไม่สนุกเหรอ”
อาคินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มบางๆ ดวงตาทรงเสน่ห์เป็นประกายระยับเมื่อเห็นใบหน้าหวานเริ่มขึ้นสีระเรื่อ
“ไม่เชิงค่ะ แค่รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย” ที่อึดอัดไม่ใช่เพราะบรรยากาศข้างในแต่เป็นเพราะสายตาของเขาที่เอาแต่จ้องมองเธอไม่ต่างไปจากตอนนี้ “แล้วคุณล่ะคะ ออกมาทำไม ข้างในไม่สนุกเหรอคะ”
“เพราะสิ่งที่ผมสนใจอยู่ข้างนอกครับ”
น้ำหวานรู้สึกเหมือนเธอกำลังโดนสะกดด้วยสายตาของเขา เธอไม่สามารถละสายตาไปไหนได้เลย ทั้งๆ ที่เขากำลังคุยกับเธออย่างสุภาพ เว้นระยะห่างอยู่ในระยะที่เหมาะสม แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวเพียงแค่ถูกเขาจ้องมอง
ท่าทางประหม่าของคนตรงหน้ายิ่งทำให้อาคินพึงพอใจ การแสดงออกของเธอไม่ได้ดูเสแสร้งแกล้งทำจนน่ารำคาญเหมือนที่เขาเคยเจอมา ดวงตาคมฉายชัดถึงความเอ็นดูอย่างปิดไม่มิด
“น้ำหวานไปกัน...เลยมั้ย”
ไอโกะที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์เอ่ยเรียกเสียงดังก่อนจะแผ่วเสียงลงในท้ายประโยคเมื่อเห็นว่าน้ำหวานไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว จริงๆแล้วเธอออกมาข้างนอกเพราะต้องยืนรอไอโกะคุยโทรศัพท์กับผู้เป็นแม่
ร่างบางสะดุ้งตามเสียงเรียกก่อนจะรีบหันกลับมาหาไอโกะ แตกต่างกับอีกคนที่เขาแค่หัวเราะเบาๆ ในลำคอเท่านั้น
“เข้าไปข้างในเถอะ ป่านนี้เฮียทัพบ่นแล้ว”
“อ่อ~ โอเค”
ไอโกะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เธอกำลังจะถามว่าให้เธอไปรอที่ไหนก่อนไหมแต่เมื่อน้ำหวานเอ่ยชวนเธอจึงตอบตกลง
“ขอตัวก่อนนะคะ”
น้ำหวานเอ่ยลาตามมารยาทพร้อมกับจับมือไอโกะเดินกลับไปทางเดิม อาคินพยักหน้ารับเบาๆแต่ยังคงมองตามร่างอรชรจนสุดสายตา
เว้นระยะออกมาไม่เท่าไหร่ไอโกะก็รีบเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยทันที
“คนเมื่อกี้เค้ามาจีบน้ำหวานเหรอ”
“ไม่ใช่ๆๆ เค้าแค่ออกมา...”
‘เพราะสิ่งที่ผมสนใจอยู่ข้างนอกครับ’ ประโยคของเขายังดังก้องอยู่ในหัว ทั้งน้ำเสียงและสายตาที่มองมาทำให้น้ำหวานอดคิดไม่ได้เลยว่าเขากำลังหมายถึงเธอ
“ออกมา?”
“ออกมาสูดอากาศมั่ง”
“แต่ไอโกะเห็นน้า~ เค้ามองน้ำหวานเหมือนจะกินเข้าไปเลย”
“ไอโกะ! ตะ...ตาฝาดแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องกลัวๆ ไอโกะจะเก็บไว้เป็นความลับ”
น้ำหวานหันกลับมามองหน้าไอโกะอีกครั้งระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินขึ้นบันได เธอส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจกับความขี้เล่นของหญิงสาวก่อนจะหันกลับมาเจอน้ำปั่นและส้มจี๊ดกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำชั้นสอง
“อ้าว! ห้องน้ำเข้าได้แล้วเหรอ”
“ใช่! แม่บ้านบอกว่าเพิ่งซ่อมเสร็จเมื่อกี้เลย” ส้มจี๊ดตอบ
“แล้วไปเข้าที่ไหนมา”
น้ำปั่นเอ่ยถามเพราะรู้สึกว่าสองสาวจะใช้ระยะเวลาในการเดินไปเข้าห้องน้ำชั้นล่างนานกว่าปกติ
“ชั้นหนึ่งค่ะ แต่แม่ไอโกะโทรมาด้วยก็เลยไปคุยโทรศัพท์มา”
ไอโกะเดินนำกลับไปที่โต๊ะแต่ก้าวขาออกไปได้แค่ก้าวเดียวเธอก็ชะงัก ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังโต๊ะที่ตัวเองเคยนั่ง น้ำหวานจึงหันไปมองตามและภาพที่เห็นคือผู้หญิงสามคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาข้างฟีนน์สองคนและข้างนำทัพหนึ่งคน
ไอโกะรีบเดินเข้าไปแทรกจนผู้หญิงคนนั้นเสียหลักเกือบจะล้มลง ส่วนตัวเองนั่งลงบนตักของนำทัพพร้อมกับยกแขนเรียวขึ้นคล้องคอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของแต่ไม่รู้คุยกันยังไง นำทัพถึงได้จับมือไอโกะเดินออกไปจากร้านหน้าระรื่นขนาดนั้น
"ทำไมมองหน้าเฮียแบบนั้น"
ฟีนน์เอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อสามสาวเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วมองราวกับเขาเป็นคนผิด
"ก็สาวๆนั่งอยู่ข้างเฮียไม่ใช่เหรอ"
น้ำปั่นเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงประจำที่ของตัวเอง สายตายังคงจ้องฟีนน์อย่างคาดคั้น
"เฮียไม่ได้ทำไรนะ เฮ้อ~ ไปดีกว่า"
ฟีนน์พูดพลางรีบลุกขึ้นยืนเพราะสายตาของน้ำปั่นทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะโดนประทุษร้าย
"ไปไหน"
"ไปนอน"
"ห๊ะ! เฮียเพิ่งตื่นมาไม่กี่ชั่วโมงนะ"
ร่างสูงไม่ได้รอฟังประโยคของน้ำปั่น เขาเดินตรงไปยังบันไดชั้นสามเพื่อขึ้นไปแอบหลับในห้องทำงานของพี่ชายเหมือนเดิม
"แก! ฉันคิดว่าเมื่อกี้คือทัพตัวปลอม"
ผักบุ้งรีบเดินกลับมาที่โต๊ะหน้าตาตื่นหลังจากที่นำทัพจับมือไอโกะเข้าไปบอกเธอว่าเขาขอตัวกลับก่อนมีเรื่องต้องไปเคลียร์กับแฟนสาว
"ทำไมคะเจ้" น้ำหวานเอ่ยถาม
"ปกตินำทัพพี่ชายแกมันตามใจใครซะที่ไหน นี่ยอมลุกขึ้นกลับบ้านทันทีเลยนะ ไม่ใช่ตัวปลอมก็น่าจะผีเข้า"
"ผีคลั่งรักมั่ง ฮ่าๆ"
น้ำปั่นหัวเราะเสียงดังเพราะเธอก็มีความคิดว่าพี่ชายแท้ๆของตัวเองผีเข้าเหมือนกัน แม้จะพอเข้าใจเหตุผลได้ว่าไอโกะน่ารักขนาดนั้นใครจะไปต้านทานไหว
อาคินเดินกลับขึ้นมายังชั้นสองในขณะที่ผักบุ้งกำลังกวาดสายตามองหาเจ้าของร้านอยู่พอดี
"พี่คินคะ เฮียไฟท์ล่ะคะ"
ขาแกร่งชะงักก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้กลับเจ้าของคำถาม แต่ไม่วายปรายตามองไปยังน้ำหวานที่กำลังนั่งตัวเกร็ง
"ไม่รู้เหมือนกันครับ พี่ลงไปข้างล่างคนเดียว"
คำตอบที่ได้รับทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะเห็นส้มจี๊ดกำลังทำท่าทางเหมือนต้องการอะไรบางอย่างจากเธอ
"อะไร" เอ่ยถามเสียงดัง
"ชวนเค้านั่งด้วยสิเจ้ เค้านั่งคนเดียวเหงานะ"
ส้มจี๊ดเอียงตัวเข้าไปกระซิบกระซาบด้วยจริตจะก้านน่าหมั่นไส้จนผักบุ้งอดไม่ไหวที่จะแบนปากใส่เธอแต่ก็ยอมทำตาม
"พี่คินนั่งด้วยกันก่อนดีกว่าค่ะ ไปนั่งคนเดียวเหงาแย่"
ร่างอรชรที่โดนจ้องมองอยู่ตลอดเวลายิ่งรู้สึกเกร็งมากกว่าเดิม มือเรียวคว้าแก้วของพี่สาวขึ้นดื่มโดยไม่ทันมองว่าเธอหยิบผิดแก้ว
"เฮ้ย..."
"ขมอ่าาา~"
ใบหน้าสวยเหยเกเพราะความขมเธอรู้สึกร้อนไปทั้งตัว น้ำปั่นกำลังจะเอ่ยห้ามแต่พูดไม่ทันขาดคำน้องสาวฝาแฝดของเธอก็กระดกไปหมดแก้วซะแล้ว
"ขมดิ เจ้ยังไม่ทันจะผสมเลย"
ใบหน้าหล่อคมคายระบายยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะนั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงข้ามกับน้ำหวาน แต่ดูเหมือนคนที่ดีใจจนออกนอกหน้าจะเป็นส้มจี๊ดเสียมากกว่า
"สวัสดีค่ะ ส้มจี๊ดนะคะ"
หญิงสาวเอ่ยเสียงหวานหยดย้อยพลางบิดตัวไปมาด้วยความเขิน มือข้างขวายกขึ้นเกี่ยวปอยผมไปเหน็บหลังหูอย่างมีจริตจะก้าน
"ปวดขี้ก็ไปขี้ไป"
น้ำปั่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเอือมระอาเรียกเสียงหัวเราะเบาๆได้จากทุกคนแต่คนที่โดนขัดหันกลับมาส่งค้อนให้เพื่อนสนิทวงใหญ่
"พี่ชื่ออาคินครับ เรียกคินเฉยๆก็ได้"
เสียงทุ้มเอ่ยแนะนำตัวกลับตามมารยาทแต่ดูจากสายตาของเขาแล้วทำให้ทั้งโต๊ะมั่นใจได้ทันทีว่าเขาตั้งใจจะบอกใคร
ฤทธิ์แอลกอฮอล์จากแก้วของพี่สาวฝาแฝดทำให้น้ำหวานรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากกว่าเดิม เธอจึงค่อยๆระบายยิ้มส่งกลับไปให้เขา
"นี่น้ำหวาน น้ำปั่น ฝาแฝดกันพี่แยกออกใช่มั้ยคะ"
ผักบุ้งเอ่ยแนะนำพลางมองไปทางแฝดสาว ตอนนี้เธอคิดว่าอาคินน่าจะแยกออกเพราะทั้งคู่แต่งตัวไม่เหมือนกันทั้งทรงผมและการแต่งหน้าก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง
แต่ถ้าเจอในสภาพใบหน้าสดไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มและใส่ชุดเหมือนกันจุดสังเกตเล็กๆที่คนสนิทเท่านั้นจะแยกออกคือขี้แมลงวันใต้ขอบตาของน้ำปั่น
"ออกครับ" สายตาคมมองไปยังใบหน้าสวย "คนนี้น้ำหวาน"
ส้มจี๊ดมองหน้าอาคินสลับกับน้ำหวานก่อนจะปรายตามองไปยังน้ำปั่นที่นั่งขมวดคิ้วอยู่ไม่ต่างกัน
"เค้าให้แยกแฝด พูดชื่อหวานคนเดียว กูว่ามีซัมติง"
"กูก็ว่างั้น"
"พี่คินเรียนหมออยู่ปี6แล้วใช่มั้ยคะ"
ผักบุ้งเอ่ยถามชายหนุ่มคนเดียวในโต๊ะ เขาจึงยอมละสายตาจากน้ำหวานหันกลับมาตอบ
"ใช่ครับ"
"โอ๊ย! รู้สึกป่วยขึ้นมาเลยค่ะ"
ส้มจี๊ดยกมือขึ้นกุมขยับพลางเอียงตัวลงเพื่อจะซบไหล่น้ำปั่นแต่เพื่อนสนิทกับเบี่ยงตัวหนี ไม่ให้ความร่วมมือกับเธอเลย
"พี่เป็นหมอออร์โธฯครับ" ตอบปนขำ
"อยากขาหักมั้ยล่ะ กูช่วย"
น้ำปั่นเอ่ยถามพลางหัวเราะเยาะเพื่อน ในเมื่ออาคินเป็นหมอกระดูกถ้าอยากจะรักษาส้มจี๊ดก็ต้องลองวิธีใส่เฝือกขาดู
"เราโอเคใช่มั้ย"อาคินเอ่ยถามหลังจากที่ทั้งคู่ขึ้นมาอยู่บนเพ้นท์เฮ้าส์เรียบร้อยแล้ว ร่างสูงยืนซ้อนคนตัวเล็กที่กำลังเท้าคางมองท้องฟ้าอยู่ตรงระเบียงห้อง"โอเคค่ะ หวานแค่คิดอะไรนิดหน่อย"น้ำหวานตอบกลับพลางเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มบางๆให้คนพี่ เธอยังจำสายตาของพริ้งพลอยที่มองมาได้ดี สายตาของความมุ่งมั่นแต่ปิดซ่อนความเสียใจเอาไว้ไม่มิด ได้แต่หวังว่าบทเรียนราคาแพงครั้งนี้จะทำให้พริ้งพลอยเลือกที่จะรักตัวเองมากขึ้น"คิดอะไรครับ บอกพี่ได้มั้ย""ก็กำลังคิดว่า..." เว้นวรรคประโยคก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคนพี่ ดวงตาคู่สวยซุกซนจนอาคินเกิดอาการมันเขี้ยว "คุณพริ้งพลอยเค้าปักใจรักอะไรพี่หมอมากขนาดนี้"เธอไม่รู้หรอกว่าพริ้งพลอยปักใจรักอะไรในตัวหมออาคิน แต่ถ้าถามเธอใช้เวลาสามวันก็คงจะบรรยายไม่หมด น้ำหวานกวาดสายตามองใบหน้าหล่อเหลาอย่างพินิจพิจารณา ใบหน้าที่ไม่ว่าเธอจะมองกี่ครั้งก็ยังหาข้อติติงไม่เจอ"เรื่องนั้นพี่ตอบไม่ได้หรอกครับ แล้วหวานไม่อยากรู้บ้างเหรอว่าอะไรที่ทำให้พี่ปักใจรักหวานมากขนาดนี้"อาคินจ้องมองคนในอ้อมแขนด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เขาไม่อยากจะสนใจเรื่องของคนอื่นอีกแล้ว หลังจากนี้เขาอยากจะโฟกัสแค่เ
บ้านสินธปกรณ์บรรยากาศในห้องอาหารเต็มไปด้วยความชื่นมื่น วันนี้อาคินพาครอบครัวเข้ามารับประทานมื้อเย็นกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวสินธปกรณ์เพื่อจะได้คุยเรื่องการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการชยทัตและแทนคุยกันเรื่องตลาดทองในช่วงสัปดาห์นี้ น้ำหอมกับธีรยากำลังคุยกันเรื่องสีมงคลที่ควรจะใช้ในงานหมั้นส่วนน้ำหวานกำลังเริ่มสอบสวนหมออาคิน"พวกเค้าสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"เธอขึ้นดอยไปแค่ไม่กี่เดือนทำไมดูเหมือนอะไรๆจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ยิ่งภาพที่แทนคุยกันอย่างสนิทสนมกับชยทัตเป็นอะไรที่หาดูได้ยากมาก"ไม่รู้สิครับ พี่ก็ขึ้นไปอยู่บนดอยกับเรานะ""ไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยค่ะ""เดี๋ยวนี้ไม่ไว้ใจพี่แล้วเหรอ""เมื่อก่อนก็ไม่ไว้ใจค่ะ แค่ไม่ได้บอก"น้ำหวานหลุดหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นสีหน้าของคนพี่ที่มองมาทางเธออย่างคาดโทษ ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆโต๊ะก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ถ้าถามว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก เธอก็อยากจะส่งชื่อตัวเองเข้าชิงรางวัลเพราะนอกจากจะมีแฟนดี ครอบครัวแฟนดีแล้ว ทั้งสองครอบครัวยังเข้ากันได้ดีอีกด้วย"กับข้าวยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะคะ"ธีรยาเอ่ยชมหลังจากที่ทานอาหารเสร็
"หม่าม้าคะ หวานมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ"น้ำหวานเดินเข้าไปหาน้ำหอมที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น เธอนั่งคิดนอนคิดเรื่องนี้มาตลอดทั้งคืน"เรื่องอะไรลูก"ผู้เป็นแม่หยิบรีโมตขึ้นมากดปิดโทรทัศน์ ดูเหมือนละครเรื่องนี้ของเธอจะดูไม่จบสักที กดเปิดดูปุ๊บลูกสาวก็มีเรื่องปั๊บตั้งแต่เมื่อวาน"เรื่องพี่หมอค่ะ"มองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยสายตามุ่งมั่น ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่หมออาคินโทรมาเมื่อคืนให้ฟัง เขาทำให้เธอฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ อยากจะรู้ความจริงแต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะคุยกับเขา"ม้าขอถามอะไรหน่อย เค้าเคยบอกรักหวานมั้ย นอกจากการกระทำต่างๆ ที่ผ่านมา ม้ายังไม่ได้ยินหวานเล่าให้ฟังเลยว่าเค้าบอกรักหวานตอนไหน"คำถามจากน้ำหอมทำให้เด็กสาวชะงักไป มากสุดก็คงผู้ว่าชอบเธอ แต่ไม่เคยมีคำสารภาพรักตรงๆ"ไม่เคยค่ะ""จากที่ม้าดูนะ ที่เค้าไม่บอกไม่ใช่เพราะว่าเค้าปากหนักหรอก แต่ก่อนหน้านี้เค้าไม่รู้ตัวต่างหากว่ามันเรียกว่าความรักตั้งแต่เมื่อไหร่""ทำไมม้าถึงคิดแบบนั้นคะ"คนที่ดูแพรวพราวและช่ำชองในเรื่องความรักอย่างเขาน่ะเหรอที่จะไม่รู้ใจตัวเอง แต่จะว่าไปตัวเธอก็ไม่ได้มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองเท่าไหร่นักจนเกิ
วิชัยรับคำอย่างว่าง่าย เขาเปิดไฟเลี้ยวพลางส่องกระจกมองหลังแล้วเลี้ยวรถเข้าไปรถข้างๆ รถกระบะ 4 ประตู ISUZU D-Max Hi-Lander สีดำ"พี่หมอมีธุระเหรอคะ""แค่แป๊บเดียวครับ"ทันทีที่รถจอดสนิทอาคินก็ลงจากรถเดินเข้าไปหาพนักงานผู้ชายสองคนซึ่งนั่งรออยู่ข้างๆรถกระบะคันดังกล่าว"สวัสดีครับ ผมอาคินที่สั่งรถเอาไว้""อ่อ สวัสดีครับคุณลูกค้า" พนักงานหนุ่มทั้งสองคนรีบยกมือไหว้ทันที "ผมรบกวนคุณลูกค้าตรวจเช็ครถและเซ็นเอกสารตรงนี้ให้หน่อยนะครับ"อาคินเดินสำรวจรถคร่าวๆก่อนจะเซ็นเอกสารท่ามกลางความสงสัยของน้ำหวานกับวิชัยและความจริงก็กระจ่างเมื่อหมอหนุ่มเดินกลับมาพร้อมยื่นกุญแจรถให้ลุงวิชัย"รถคันใหม่ครับ ไว้ใช้งานในหมู่บ้านน่าจะสะดวกกว่า""มะ มะ หมอให้ลุงเหรอ"วิชัยเกิดอาการติดอ่างขึ้นมาทันที ไม่คิดว่าอาคินจะซื้อรถยนต์คันใหม่ป้ายแดงให้เขา มันมากเกินกว่าจะเขาจะรับไว้"ใช่ครับ คันที่ลุงขับอยู่นี่เลิกใช้ไปเถอะครับ มันไม่ปลอดภัยเลย"น้ำหวานมองคนตรงหน้าด้วยความอึ้งไม่แพ้กัน ก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆ ถึงเขาจะดูเหมือนกับไม่ค่อยสนใจอะไรแต่จริงๆแล้วหมอหนุ่มเป็นคนที่ค่อนข้างจะใส่ใจคนรอบตัว"ลุงรับไว้ไม่ไหวหรอกครับ มันแ
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าไปจูบปากที่บวมเจ่ออย่างอดใจไม่ไหว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเธอจุดไฟในตัวเขาได้เสมอ“แบบนี้ชอบไหม”อาคินกระซิบถามพลางยื่นมือลงไปจับล็อกเอวบางก่อนจะกระแทกท่อนเอ็นยักษ์เสยขึ้นไปจนมิดลำ หมอหนุ่มขยับกระชั้นถี่ตามความปรารถนาที่พุ่งขึ้นสูง เขาตอกอัดใส่เธออย่างเร่าร้อน สายตาคมเลื่อนขึ้นสบตากับดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้ดูเลื่อนลอยพอๆกับสติ“แรงๆ แบบนี้ชอบมั้ยครับ”ถามพลางกระแทกกระทั้นตอกอัดใส่ร่องรักที่ฉ่ำแฉะ น้ำหวานที่ได้ยินคำถามก็หน้าแดงซ่านแต่ก็ยอมตอบกลับเขามาอย่างเอาอกเอาใจ“ชอบค่ะ...ชะ...ชอบมาก”ตอนนี้ความเสียวซ่านถาโถมใส่จนเธอไม่ทันตั้งรับ สัมผัสอันเกิดจากความรู้สึกซึ่งประสานเป็นหนึ่งเดียวกันนั้นสร้างความสุขได้อย่างล้นหลามปึก ปึก ปึก!เขาแทบจะบ้าคลั่งจนทนไม่ไหว!“อ๊า~...พี่หมอ”น้ำหวานครางเสียงหลงเมื่อมือใหญ่ช้อนลงใต้ก้นกลมกลึงแล้วจับเธอหมุนตัวกลับไปอีกฝั่งก่อนจะรั้งขาเธอขึ้นแนบอกจนตัวลอย อาคินเร่งจังหวะตอกอัดท่อนเอ็นใส่ร่องรักอย่างรุนแรง ดิบเถื่อนร่างบางจิกลงบนแขนแกร่งของเขาทั้งสองข้าง เพียงต้องการหาทางระบายความกระสันจากการกระทำที่รุนแรงของเขา “สะ...เสียวเกินไป”เมื่อร่า
"ว๊าย!"มือหนาสอดเข้าใต้รักแร้ร่างบางก่อนจะอุ้มขึ้นมานั่งบนตักของตัวเอง อาคินจัดการเลื่อนเบาะรถถอยหลังไปจนสุดก่อนจะรั้งท้ายทอยของน้ำหวานลงมาจูบจูบที่เริ่มต้นช้าๆ ปลุกเร้าความต้องการด้วยลิ้นที่แทรกเข้ามา ริมฝีปากนุ่มของทั้งสองแนบชิดคลอเคลียไม่ห่าง เธอพยายามแทรกปลายลิ้นไล้ไปตามส่วนต่างๆ ราวกับจะเอาคืนลิ้นของชายหนุ่มร่างกายของน้ำหวานสั่นเทิ้มด้วยความปรารถนาระหว่างที่ริมฝีปากแนบประกบ สัมผัสของเขามักจะทำให้หัวใจของเธออ่อนยวบลงทุกครั้ง"จูบกี่ครั้งก็ยังหวานเหมือนเดิมเลย"เสียงแหบพร่ากระซิบชิดใบหู ปลายลิ้นเล็มเลียติ่งหูแผ่วเบา ก่อนจะวกกลับมาที่ริมฝีปากอวบอิ่มจูบเร่าร้อนเริ่มขึ้นอีกครั้ง เรียวลิ้นอุ่นชื้นของทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดรัดรึงอย่างไม่มีใครยอมใคร มือหนาเริ่มฟ้อนเฟ้นไปทั่วเรือนร่างเย้ายวน อุณหภูมิในร่างไต่ระดับขึ้นตามแรงกระตุ้น จนคนน้องรู้สึกวูบวาบขึ้นสมองปลายจมูกของเขาค่อยๆ ซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอพร้อมกับลมหายใจถี่กระชั้น ฝ่ามือใหญ่ไล้ไปตามผิวเนื้อที่สั่นเทาน้อยๆ ก่อนจะเลื่อนลงไปตามสีข้าง เอว จนถึงระหว่างขา"อื้มมมม~"เสียงหวานครางในลำคอพลางยกแขนเรียวขึ้นคล้องคอแกร่ง น้ำหวานเคลิบเคลิ้มไป