“ไม่คิดถึงแม่ เป็นปีกว่าแล้วที่ท่านไม่เห็นหน้า”
“...”
คิดถึง...คิดถึงมากด้วยแต่จะทำอะไรมากไปกว่านี้ได้ คำว่าลูกอกตัญญูช่างเหมาะกับฉันเหลือเกินไม่ว่าจะตอนไหนไม่เลือกว่าใครเป็นคนพูดไอ้คำนี้มันต้องมีแน่
ความห่างไกลของฉันกับแม่เหมือนถูกขั้นด้วยฟางเส้นบางๆ ที่แฝงไปด้วยการกระทำ ฉันไม่ลงไปหาท่านส่วนท่านก็ไม่เคยย่างก้าวขึ้นมาหาฉันอีกเช่นกัน ความห่างไกลจึงขั้นเราสองคนแม่ลูกไปโดยปริยาย
จากเหตุการณ์วันนั้น...
วันที่พ่อจากฉันกับแม่ไปแล้วทิ้งภาระอันหนักอึ้งเอาไว้แทน
แต่ทำไมแม่ถึงไม่โกรธผิดกันกับฉันมากที่ไม่ว่าตอนนี้หรือเมื่อก่อนก็คงเกลียดพ่ออย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยน ไม่มีครั้งไหนลืมลงได้กระทั่งวันเผาศพน้ำตาฉันก็ไม่มีแม้แต่หยดเดียว ถ้าพ่อมีหัวคิดแม่คงไม่ต้องทำงานหนักจนเลือดตาแทบกระเด็น ถ้าพ่อเลือกปกป้องแม่คงไม่ต้องเสียน้ำตา ถ้าพ่อไม่เลือกตัดช่องน้อยแต่พอตัวแม่คงไม่ถูกตบและถ้าพ่อไม่เห็นแก่ตัวแม่กับฉันคงไม่ต้องเป็นหนี้จำนวนมหาศาล
“ท่านโทรมาหาพี่ว่าคิดถึงต้องตา คิดถึงตูน”
“แล้วพี่ตามก็รับปากทั้งที่ไม่เคยถามตูนเนี่ยนะ”
“ไม่ได้รับปาก” ไม่ได้รับปากก็เปลี่ยนไปที่อื่นได้เช่นกัน ไม่ผิดคำพูดด้วย
“งั้นก็ไปที่อื่น ทะเลเมืองไทยสวยๆ มีเยอะแยะไป”
ใช่ฉันพยายามหลบหลีกเลี่ยงเพราะไม่อยากมีเรื่องราวต่างหาก เรื่องบ้าๆ ที่ชวนปวดหัวเป็นที่สุดไม่รู้แม่ท่านอยู่ไปได้ยังไงกับสภาพแวดล้อมแบบนั้นยิ่งกว่าอยู่ในดงมลพิษหลายร้อยเท่า
คงมีฉันคนหนึ่งที่ทนไม่ได้ ความอดทนสำหรับเรื่องนี้มันได้ตายห่าไปแล้ว
“ดื้อ”
คำเดียวที่หลุดออกจากปากเขาทำเอาฉันตวัดสายตาไปจ้องมองด้วยความไม่พอใจ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วไม่เหมาะกับคำว่าดื้อเลยสักนิดจึงไม่จำเป็นต้องพูดออกมาให้ได้ยิน
“ไม่ได้ดื้อค่ะ”
“หนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้นหรอกอย่าลืมว่าตัวเองเป็นใคร ไหนว่าเปลี่ยนตัวเองแล้วทำไมถึงได้ป๊อดขนาดนี้ล่ะตูน” เขาไม่เข้าใจต่างหากทั้งที่ก็เคยได้สัมผัสมาก่อนแล้ว “ปีกว่าที่ผ่านมานิสัยพวกนี้ไม่เคยเห็นเพียงเอ่ยถึงแค่ชั่ววินาทีสิ่งที่สร้างขึ้นมาทลายหมด”
ไม่ได้ลืมว่าตัวเองเป็นลูกเพราะทุกวันนี้ฉันก็ช่วยแม่เรื่อยมาเพียงแค่เราทั้งสองไม่ได้เห็นหน้ากันเท่านั้นเองส่วนไอ้เรื่องความเข้มแข็งจากเรื่องก่อนหน้ามันหายไปหมดจริงแต่มันก็คนละเรื่องกันหรือเปล่า นั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่ตามต่างหากแต่เรื่องกลับบ้านมันเป็นอีกเรื่อง
มันสร้างลำบากนิ
“พี่ก็รู้ว่าตูนไม่อยากไปที่นั่น”
คราวนี้ฉันเลือกพูดตรงๆ ออกไปหวังว่าพี่ตามจะรู้สึกเห็นใจตัวเองบ้างซึ่งเขารู้ดี รู้สาเหตุดีที่สุดพูดกันด้วยเหตุผลน่าจะเป็นทางออกดีที่สุด
“ก็บอกแล้วไงว่ามันหนีไม่พ้น ยอมรับความจริงไปดีกว่า”
แต่ทว่าเขากับไม่เข้าใจฉันเลย
“ยอมรับเหรอคะ?” บ้าสิ้นดี มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ “ถ้าทำได้ง่ายๆ ก็คงดี”
ฉันรู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปพี่ตามเข้าใจยิ่งกว่าเข้าใจไม่อย่างงั้นเขาคงไม่เป็นคนก้าวเข้ามาช่วยรับผิดชอบหนี้สินทุกอย่างแทนฉันกับแม่อย่างเงียบๆ แต่ยังถูกญาติพ่อซึ่งไม่รู้อะไรเหม็นขี้หน้าเพราะตอนนั้นสถานะของพี่ตามก็แค่นักศึกษาคนหนึ่งที่พึ่งจบใหม่ ญาติพ่อคงคิดน้อยเรื่องนามสกุลของพี่ตามไป
คนพวกนั้นจึงไม่เคยเห็นพวกเราอยู่ในสายตา ไม่สักครั้งเดียว
“ก็อย่าทำให้เป็นเรื่องยาก พี่รับปากลูกแล้วต้องไป”
“นี่จะบอกว่าไม่ได้รับปากแม่แต่รับปากลูก” ต้องตาได้อภิสิทธิเหนือใครหน้าไหนว่างั้น อิจฉาลูกขึ้นมาเสียแล้วสิ “รู้มั้ยคะว่าพี่ตามเอาแต่ใจมากกว่าต้องตาที่เป็นลูกเสียอีก”
“ใช่พี่เอาแต่ใจแต่เธอเป็นแม่คนแล้วนะตูนคงคิดได้แล้ว”
พูดขนาดนี้ออกมลุกขึ้นเข้ามาตบหน้าให้รู้แล้วรู้รอดไปไม่ดีกว่าเหรอ เป็นแม่คนแล้วไงคิดแบบฉันไม่ได้หรือไง ทำไมต้องฟังในสิ่งที่คนอื่นพูดสั่งด้วยข้อนี้ไม่เข้าใจอย่างแรงและถึงอธิบายแค่ไหนก็ไม่มีทางเข้าใจ
“บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องคิด”
“งั้นเรื่องนี้ก็ไม่ต้องคิดทำตามก็พอ”
“เหอะ...”
ฉันถอนหายใจแรงออกมาตรงหน้าของพี่ตามอย่างไม่แคร์สายตาของเขาสักนิด ยังไงก็จะไปให้ได้เลยใช่ไหมไอ้บ้านเฮงซวยหลังนั้น
“...”
“จะไปมันให้ได้เลยใช่มั้ย อยากไปเหยียบมันนักใช่มั้ยไอ้บ้านที่หาความสุขความสงบจิตใจแทบไม่เจอ บ้านที่หลงเหลือแต่ความทรงจำเลวร้ายพวกนั้น บ้านของผู้ชายคนหนึ่งที่ไร้ความรับผิดชอบตัดช่องน้อยแต่พอตัวเลือกตายแล้วทิ้งภาระไว้ให้ลูกกับเมีย!”
“ใช่ไม่จำเป็นต้องสนใจคู่วิจัยแต่บางครั้งคนอย่างนายควรสนใจแยกแยะผิดชอบชั่วดีบ้าง ปีนต้นงิ้วไม่สนุกหรอชอบแย่งของชาวบ้านหรือไง” การเปิดเพลงดังเต็มหูก็ไม่ช่วยให้ความใจร้อนของจ๋าดีขึ้นเมื่อเพื่อนฉันคนนี้ยังได้ยินอีกทั้งตอนนี้ถอดหูฟังออกพร้อมหัวร้อนเต็มที่ “ส่วนแกยัยตูนบอกชาวเสือกรับรู้บ้างจะได้หายเสือกสักที!”Rr...แต่แล้วในขณะที่ฉันอยู่คั่นกลางสนามรบระหว่าเพื่อนรักกับรุ่นน้องโทรศัพท์ก็ดันดังขึ้นมาพอดีสองคนนี้ถึงหยุดทะเลาะกัน“แป๊บนะ”ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินไปอีกช่วงหนึ่งซึ่งระยะห่างพอสมควรจากนั้นก็ปัดหน้าจอรับสาย“ค่ะพี่ตาม”[ตูนนี่มันอะไร กิจกรรมบ้าเหี้ยอะไร?]เอ้า... จู่ๆ ก็ถูกเป็นที่รองรับอารมณ์เฉยอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร พี่ตามเห็นฉันรับสายก็พูดใส่ๆ รัวแบบนี้ได้ด้วยหรือไง“นี่มันเรื่องอะไรค่ะ กรุณาเกริ่นหัวข้อด้วย”[ก็อาทิตย์ก่อนไงที่เธอกับลูกไปงานกิจกิจกรรมโรงเรียน]“แล้ว?”ก็ไปทำกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครองคนอื่นๆ กับต้องตาด้วยก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเทอมหนึ่งก็เหมือนมีการจัดครั้งหนึ่งด้วย กิจกรรมส่วนมากก็เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ในด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่นเพื่อเ
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงพี่ตามคงแอบรักแกมาปีหนึ่งแล้วล่ะเพื่อน เขาถึงได้นับอีกปีหนึ่งรวมด้วยอีกทั้งยังให้เกียร์แล้วด้วยโชคดีอะไรขนาดนี้จ๊ะแม่ตูนขา” จ๋าจ้องมองที่ข้อมือของฉัน เครื่องประดับชิ้นแรกที่ฉันยังไม่ได้ถอดตั้งแต่วันนั้น “แต่ทำไมพึ่งให้เกียร์ อันนี้ไม่เข้าใจ”“พึ่งนึกออกมั้งว่าควรให้ฉัน”ใช่ที่พูดออกไปฉันประชดผสมกับความหงุดหงิด“อยากได้เกียร์พี่เขาตั้งนานแล้วดิถึงพูดพร้อมกับแสดงอาการแบบนี้ออกมาให้เพื่อนอย่างฉันเห็นได้ ตูนฉันจะบอกอะไรให้นะบางครั้งคนเราก็มีเหตุผลส่วนตัวกันทุกคนอยู่แล้วเปล่า บางคนก็พูดออกมาให้คนอื่นรับรู้แต่บางคนก็เลือกแสดงออกทางการกระทำดีกว่าเหมือนผัวแก พี่ตามเป็นผู้ชายพูดไม่เก่งเท่าไหร่แต่สิ่งที่ฉันเห็นชัดในแววตาเขาคืนนั้นหรือแม้ตอนที่เจอทุกครั้งเขาชัดเจนกับแกและต้องตามาก อยู่กันมาตั้งหลายปีแกไม่เคยเห็นเหรอบอกเลยว่าคนรอบข้างเขาเห็นหมดแล้ว”“รู้”ไม่งั้นฉันจะรักผู้ชายคนนั้นทำไมส่วนบางอย่างก็เลือกสงสัยแต่ไม่ถามก็เท่านั้น“สงสัยก็ถามมีอะไรก็ถามเปิดใจพูดไปเลยจะได้มีความสุข ชีวิตมันสั้นนะหาความสุขใส่ตัวไม่ดีกว่าคว้าความทุกข์เข้ามาไม่ใช่ แกมีครบทุกอย่างแล้วนะตูนอย่าปล่อยหลุ
“จะมีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าวิจัยในตอนนี้บอกเลยไม่มีอีกแล้ว” มันก็จริงเพราะอาทิตย์ที่ผ่านมารวมไปถึงอาทิตย์นี้ทั้งฉันและจ๋าเข้าออกมอเป็นว่าเล่นทุกวัน แบกคอมมาเพื่อแก้งานใต้ตึกเพื่อความรวดเร็ว “หมดกันแพลนเที่ยวที่วางไว้ก่อนจบ”“อย่าบ่นรีบทำจะได้รีบจบ”“เห้อ” ไม่วายจ๋ากรอกตาบนพร้อมกับเสียงถอนหายใจราวกับชีวิตนี้วอดวายไปหมดโดยมีวิจัยจบเป็นตัวการสำคัญมาก “กูถามจริงเถอะตูน เราสองคนจะจบมั้ยวะ”“จะไม่จบก็ตรงวิจัยนี้แหละ”เอาความจริงเลยนะฉันก็โคตรเบื่อหน่ายมากมายเพียงแค่ไม่แสดงออกมากเหมือนจ๋าเพื่อนตัวเอง เราสองคนทำงานอยู่ใต้ตึกคณะตัวเองซึ่งมีคนอื่นๆ ด้วยประปรายเพราะปีอื่นสอบเสร็จปิดภาคเรียนไปหมดเหลือแค่ปีสุดท้ายอย่างพวกฉันเท่านั้น ถ้าส่งวิจัยตัวนี้เสร็จก็เป็นอันว่าทั้งฉันและจ๋าก็จบอย่างเป็นทางการแต่มันติดตรงที่ได้แก้แล้วแก้อีกจนไม่มีอะไรจะแก้นี่สิ!“นั่นดิ คนเก่งๆ ก็ผ่านกันหมดแล้ว”“พูดขนาดนี้ด่าว่าเราสองคนโง่เลยมั้ยอีจ๋า!”ฉันขึ้นอีแล้วนะส่วนจ๋าจากที่ทำหน้าโง่บัดนี้เปลี่ยนมาเป็นใบหน้าแดงกร่ำเพราะถูกฉันตอกหน้ากลับ วิจัยจบอาจารย์ให้ทำเป็นคู่ไงผมมันต้องตกแบบนี้อยู่แล้ว ทั้งจ๋าและฉันไม่มีใครคบหรอก
อ๋อเรื่องนี้เองลืมเสียสนิทเลยใช่อะไรที่เกี่ยวกับตูนไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีไม่ดี โดนรักแกโดยใครผมไม่เคยไม่รับรู้แต่ทำเป็นเฉยไม่คิดใส่ใจนั่นมันก็แค่ฉากหนึ่งที่ผมแสดงออกไปแต่สิ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งมันคือความไม่พอใจต่างหาก ทุกคนล้วนมีมุมนี้ต่อหน้ายิ้มแย้มใจดีเหมือนโง่ไม่มีพิษภัยแต่ลับหลังไม่ใช่ ผมเอาคืนทุกคนเก็บมันทุกเม็ดทุกดอกคนแรกว่าให้ตูนแรดร่าน ผมทำให้ลูกมันแรดร่านคูนสอง คนที่สองว่าให้ตูนให้ผู้ชายดีกว่าครอบครัว ผมทำให้ลูกมันหนีไปกับผัว คนที่สามว่าให้ตูนเป็นเสนียด ผมทำให้ลูกมันไม่มีใครคบ คนที่สี่ว่าให้ตูนเป็นผู้หญิงเลวท้องคามหาลัย ผมทำให้คนอื่นทำลูกมันท้องคามัธยม คนสุดท้ายว่าให้ตูนทำให้ครอบครัวอับอายเดินทีแทบเอาปี๊บมาคุมหัว ผมจึงทำให้ครอบครัวมันอับอายหนักหน่วงเดินทีคงเอาปิ๊บมาคุมอย่างที่ปากหมาๆ เคยพูดจริงทุกอย่างคือฝีมือของผมที่ทำทิ้งไว้ก่อนย้ายจากกระบี่ทำมันด้วยอำนาจของเงิน“...”“เงียบอย่างงี้แสดงว่าลืม”“ด่าเมียกูทำไมล่ะ สมอยู่ดีไม่ว่าดีขี้เสือกนัก” ใช่ผมเข้าข้างเมีย เข้าข้างตูนตั้งแต่ต้นแต่ไม่ช่วยเหลือต่อหน้าคอยหนุนหลังมากกว่า “ตูนเป็นคนแรกเลยนะที่กูทำให้แบบนี้”“กูเชื่อมึงเลยจริ
“กูไม่อยากมาที่นี่ไง ไม่อยากมาตั้งแต่แรก” อีกครั้งหนึ่งกระเป๋ากางเกงสั่นรัวด้วยเครื่องมือสื่อสาร ผมล้วงออกมาหน้าจอก็บอกว่าปลายสายคือใคร “แม่ง... ซวยแล้วไง”“ถ้าไม่กลัวเมียก็บอกไปตามตรงไอ้ตาม ไหนพิสูจน์ให้เพื่อนรักมึงคนนี้เห็นหน่อย” การโดนหลอกจากไอ้เฮียติมันเป็นแบบนี้เองผมพึ่งรู้ซึ่งถึงหลายคำด่าของไอ้บอลที่มันเคยด่าไอ้ห่าตรงหน้าผม คำสัญญาบ้าบอพวกนั้นก็แค่ข้ออ้างความเป็นจริงมันต้องการแก้แค้นที่ผมทำกับญาติมันต่างหาก การที่มันไม่ห้ามแต่ก็ใช่จะไม่เอาคืนแค่การเอาคืนมีวิธีต่างกันออกไปต่างหาก “เอาเลยเพื่อนบอกเมียเต็มที่กูรอฟังอยู่ถ้าแน่จริงบอกอยู่ซ่อง บอกจริงกูไม่ล้อมึงเลย”“...”ควาย ความคิดควายล้วนๆ ไม่มีวัวผสมสักนิด“แต่ถ้ามึงโกหกไอ้ตูนเกิดรู้ทีหลังแม่งความรู้สึกพังนะเว้ยคิดดีๆ และกูล้อมึงยันลูกบวชอ่ะเอาดิ”Rrrr...“ฮัล...”[พี่ตามอยู่ไหน ทำไมกลับช้าขนาดนี้เกือบชั่วโมงครึ่งแล้วนะไม่ถึงบ้านสักที แอบไปทำอะไรไม่ดีมาอีกแล้วใช่มั้ยหรือว่าแอบเที่ยวอีก!] ยังไม่ได้โหลเลย ช่องว่างเต็มไปด้วยประโยคคำถามของตูน“อืม...”[อืมอะไร ถามว่าอยู่ไหน?]“อยู่ซ่อง...”คำหลังเสียงผมเบาหวิวเช่นเดียวกับปรายสาย ที่
ดูแลดวงใจของแม่ให้ดีนะลูก แม่ขอให้รักตูนเท่าครึ่งที่แม่รักแค่นี้ก็พอใจแล้วกระทั่งวันเวลาผ่านไปปีกว่าตอนนี้ผมย้ายจากระบี่เข้ามาในเมืองใหญ่เพื่อเปิดธุรกิจของตัวเองรวมไปถึงดูแลธุรกิจของครอบครัวพ่วงท้ายด้วยธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งที่บางครั้งต้องบินไปกระบี่การมาบ้านในครั้งนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงผมแยกออกมาจากบ้านใหญ่แน่นอนว่าตูนก็มาด้วยส่วนความสัมพันธ์ของผมกับตูนก็มีดีบ้างแย่บ้างปะปนกันไป ผมพยายามทำให้เธอเป็นผู้หญิงเข้มแข็งกับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตแล้วความฉลาดก็เริ่มขึ้นจากที่มีอยู่น้อยก็สะสมขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นมากตูนระเบิดอารมณ์ออกมาเป็นครั้งแรกผ่านสายโทรศัพท์กับผมคืนนั้นผมจำจนตายเพราะเธอมีไพ่เหนือกว่าวันนั้นดึกแล้ว... ผมกำลังจะกลับบ้านก็พบไอ้เฮียติมันยืนพิงรถตัวเอง มันเอ่ยทวงสัญญาจากผมทั้งที่หายไปเกือบปีกว่าจนผมนึกว่ามันลืม“หวังว่ามึงยังไม่ลืมว่าสัญญาอะไรกับกูไว้ไอ้ตาม”“ต้องการอะไรว่ามา จะได้จบๆ นี่อะไรมาทวงเกือบจะสองปีแล้วใครไม่ลืมก็บ้าแล้ว” ผมทำหน้าที่ขับรถไม่มองหน้ามันแต่ก็ตอบรับทุกประโยค “รีบหน่อยดึกแล้วกูต้องไปหาลูกเมีย”“เป็นคนรักลูกรักเมียเข้ามาทันทีเลยว่ะ”“ลูกกูก็หลานมึง