LOGINบทที่3
เริ่มแผนการ
ประเทศฮ่องกง
“ไงวะ มาถิ่นกูทั้งทีไม่คิดจะบอกก่อนเลยหรือไง” เบรย์ทักทายเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือนด้วยความคิดถึง เขากับเคนเซรู้จักกันตอนที่เขาไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาซึ่งเคนเซก็ไปเรียนโทที่นั่นเหมือนกัน
ซึ่งมันเป็นลูกเสี้ยวที่พูดได้หลายภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน ภาษาอังกฤษหรือแม้แต่ภาษาไทยก็พูดได้เช่นกัน อย่างตอนนี้เขากับมันก็พูดภาษาไทยกันเพราะตัวเขาเป็นลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง ทำให้เลือกใช้ภาษาบ้านเกิดของมารดาพูดคุยกับเพื่อนเพราะรู้สึกชินปากมากกว่า
ส่วนเคนเซนั้นแม้ไม่ได้เจอกันนานแต่มันยังคงเป็นที่สนใจของผู้คนเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนที่เรียนอยู่อเมริกา โดยเฉพาะสาวๆ ที่แอบมองกันไม่หยุด คงเพราะมันดูโดดเด่นมากกว่าใคร ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าคมคายสะดุดตา ดวงตาเรียวยาวคมกริบที่ถึงแม้จะดูไม่เป็นมิตรและดูเคร่งขรึมตลอดเวลาแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของมันลดลงแต่กลับดูกร้าวใจและมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิมอีก
มันไม่ได้เป็นหนุ่มตี๋แบบชาวญี่ปุ่นแต่กลับได้ส่วนผสมจากความเป็นลูกเสี้ยวมาอย่างลงตัว ทำให้มันหล่อเหลา โดดเด่นและดูอันตรายไปพร้อมๆ กัน แต่ทว่าสาวๆ ในผับของเขากลับไม่นึกหวั่นยังคงสะกิดกันเพื่อหันมามองมันเป็นตาเดียวเหมือนเดิม
“กูมาที่นี่อาทิตย์หนึ่งละ แต่เห็นว่ามึงไม่ได้เข้าผับเลยไม่ได้โทรหา คิดว่าเดี๋ยวมึงก็เจอกูเองแหละ เพราะกูจะมาที่นี่ทุกวันจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย” เคนเซไม่ได้ใส่ใจเพื่อนมากนักเพราะที่เขามาฮ่องกงก็เพื่อทำภารกิจตัวเองให้สำเร็จ ซึ่งเขาอยู่ฮ่องกงมาเจ็ดวันแล้วแต่ทว่าแผนการแรกของเขายังคงไม่คืบหน้าเท่าไร
เพราะเธอคนนั้นดูระวังตัวมากกว่าที่เขาคิด แม้เธอจะมานั่งดื่มที่นี่เกือบทุกวันแต่ทว่าก็มีลูกน้องคอยตามประกบอยู่ไม่ห่างและที่เขารู้ว่าเธอชอบมานั่งดื่มที่นี่ก็เพราะเขาให้จิโร่หาข้อมูลของเธอให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะได้เป็นประโยชน์สำหรับการวางแผนต่อไป ซึ่งโชคดีมากที่เธอเลือกมานั่งดื่มประจำที่ผับแห่งนี้เพราะที่นี่คือผับของเพื่อนเขาเอง ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสได้เจอเธอง่ายๆ ขนาดนี้หรอก
“เป้าหมายอะไรของมึง?” เบรย์มองตามสายตาของเพื่อนรักเมื่อเห็นว่าเคนเซนั่งมองโซนวีไอพีอีกฝั่งนานแล้ว ซึ่งมันทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะไม่คิดว่ามันจะเป็นฝ่ายส่งสายตาให้กับผู้หญิงก่อน ปกติมันเคยสนใจใครเป็นพิเศษที่ไหนล่ะ ในหัวมีแต่เรื่องงานเท่านั้น
แถมผู้หญิงที่มันให้ความสนใจยังไม่ธรรมดาอีกด้วยเพราะเธอเป็นทายาทตระกูลมาเฟียที่มีอิทธิพลมากๆ ของฮ่องกง ที่เขารู้เพราะไม่มีใครที่ฮ่องกงไม่รู้จักตระกูลนี้ อีกอย่างเธอก็เป็นลูกค้าวีไอพีของทางผับเขาด้วย
“คนนั้นกินไม่ได้เพื่อน ถึงมึงจะเป็นนายน้อยตระกูลยากูซ่า แต่เธอคนนั้นก็เป็นถึงลูกสาวมาเฟียตระกูลใหญ่เหมือนกัน และที่นี่ฮ่องกงครับ อย่าแม้แต่จะคิดทำอะไรเสี่ยงๆ ตายห่าที่นี่ขึ้นมาลำบากกูต้องส่งศพกลับญี่ปุ่นอีก” เบรย์เตือนไปอย่างนั้นเองเพราะเขารู้ว่าเคนเซไม่ใช่คนที่ใครจะฆ่าได้ง่ายๆ และมันไม่เคยกลัวใคร ถึงที่นี่จะไม่ใช่ถิ่นของมันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีคนรู้จักที่นี่ มีคนให้ความเคารพและพร้อมให้การสนับสนุนมันเยอะแยะ
อย่างเช่นนักธุรกิจเก่งๆ และมีอิทธิพลหลายคนของที่นี่ต่างก็เคยทำธุรกิจด้วยกัน เป็นทั้งลูกค้าและหุ้นส่วนซึ่งคนที่ร่วมลงทุนต่างก็เป็นมาเฟียเหมือนมันนั่นแหละ ก็คงมีแต่เขาที่เกิดในตระกูลนักธุรกิจธรรมดาทั่วไปมีแค่เงินกับความสามารถในการบริหารเท่านั้น
แต่ทว่าเคนเซกลับสนิทใจกับเขามากที่สุดคงเพราะเขาไม่มีพิษมีภัยกับมันละมั้ง ซึ่งเขาไม่แปลกใจเพราะเคนเซค่อนข้างระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เกิดมาในตระกูลยากูซ่าก็แบบนี้แหละ จะมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาปกติได้ยังไง ขนาดมันไปเรียนต่อที่อเมริกายังมีลูกน้องตามไปด้วยเลย
“หึ! คิดว่าคนอย่างกูกลัวตายเหรอ อีกอย่างกูไม่เคยกลัวใคร มึงน่าจะรู้ดีเพราะงั้นอะไรที่กูอยากได้กูต้องได้” แววตาคมกริบลุ่มลึกลงพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างไม่นึกกลัวกับคำขู่ของเพื่อน ลูกสาวมาเฟียแล้วยังไง เขาต้องกลัวเธองั้นเหรอ มีโอกาสจะกำราบให้อยู่หมัดเลยคอยดู!
“เออ กูรู้ครับว่ามึงไม่กลัว สรุปคือที่มาฮ่องกงเนี่ยเพราะมีเรื่องใช่มั้ย ให้กูเดาคงเกี่ยวกับการคัดเลือกผู้นำตระกูลคนใหม่และมันก็น่าจะเกี่ยวโยงกับคนที่มึงกำลังมองอยู่ตอนนี้ด้วย กูพูดถูกมั้ย?”
“อืม ตาแก่หัวโบราณพวกนั้นมันคิดจะเขี่ยกูให้พ้นจากตระกูลและจะเอาไอ้ริวโตะขึ้นรับตำแหน่งแทน” เคนเซบอกเพื่อนไปตามความจริง เพราะเบรย์คือเพื่อนอีกคนที่เขาไว้ใจและมันไม่เคยคิดที่จะหักหลังเขา ส่วนเพื่อนสนิทอีกคนก็คงรู้แล้วว่าเขาเดินทางมาที่นี่และคงรอให้เขาเสนอหน้าไปหาอยู่ แต่ทว่าเขายังไม่ว่างไปเจอมัน
“กูไม่ค่อยเข้าใจระบบบ้งๆ ของตระกูลมึงหรอกนะ แต่กูอยู่ข้างมึง มีอะไรให้ช่วยก็บอก ถึงจะช่วยไม่ได้มากแต่อย่างน้อยกูก็เลี้ยงเหล้ามึงได้ทุกวันนะ”
เบรย์ยกแก้วเหล้าตัวเองไปชนกับเพื่อนและยกยิ้มบางๆ เขากับเคนเซเป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้ว และมันก็เคยช่วยเหลือเขามาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือแม้แต่เรื่องการเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง
ในวันที่ครอบครัวเขาไม่เห็นด้วยกับการทำผับและไม่ให้เงินสนับสนุน แต่ทว่าเคนเซกลับดันหลังเขาอย่างเต็มที่และยังช่วยออกเงินทุนให้ก่อนจนผับแห่งนี้เป็นรูปเป็นร่างและเติบโตมาได้จนถึงตอนนี้ ซึ่งไม่กี่ปีเขาก็สามารถคืนเงินที่มันให้มาลงทุนครบจนหมดเพราะงั้นมันอยากแดกเหล้าเท่าไรก็แดกไปเถอะ
“หึ ระบบบ้งๆ งั้นเหรอ พูดถูกใจกูฉิบหาย” เคนเซยกแก้วไปชนกับเพื่อนพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ ส่วนสายตาคมยังคงมองไปที่เป้าหมายเป็นระยะๆ เขามานั่งมองเธอแบบนี้ได้เกือบอาทิตย์แล้วเพราะเธอไม่ได้มาทุกวัน ซึ่งวันนี้เขาคิดว่าโชคเข้าข้างเขาแล้วล่ะเพราะเธอมากับลูกน้องแค่คนเดียว การเข้าหาเธอก็จะง่ายขึ้นกว่าทุกวันที่ผ่านมา
“เดี๋ยวกูมา ไปสูบบุหรี่แป๊บ” เคนเซวางแก้วเหล้าลงและหยิบบุหรี่ติดมือขึ้นมาแทน คนเยอะก็ชักอึดอัดแม้ว่าตอนนี้จะนั่งอยู่โซนวีไอพีก็ตาม เห็นทีคราวหน้าคงต้องเปิดห้องรับรองแทนแล้วล่ะ เพราะเขาไม่ชอบคนแอบมองเป็นที่สุด มันน่ารำคาญ!
“อืม งั้นกูไปตรวจความเรียบร้อยก่อน เดี๋ยวแวะมาดื่มด้วยอีกที” เมื่อลูกค้าเยอะก็ต้องเดินสำรวจความเรียบร้อยสักหน่อยเพราะผับของเขาโดดเด่นเรื่องการให้บริการและมีเครื่องดื่มหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือก คนถึงได้แน่นผับทุกวันแบบนี้
“ไม่เป็นไร มึงไปทำงานเถอะ กูว่ากูคงไม่กลับมานั่งตรงนี้แล้วล่ะ” เขาเห็นว่าจิโร่ส่งสัญญาณบอกว่าตอนนี้ทางสะดวกที่จะเข้าหาเป้าหมายแล้วเพราะเหมือนว่าเธอจะไล่ลูกน้องกลับไปก่อน วันนี้หน้าตาเธอดูเครียดกว่าทุกวันและเหมือนจะดื่มเยอะมากด้วย แถมยังดูไม่ค่อยระวังตัวอีกต่างหาก
กล้าไล่ลูกน้องกลับไปก่อนขนาดนี้ไม่คิดว่าตัวเองประมาทเกินไปหน่อยเหรอ หรือเธอมั่นใจในฝีมือตัวเองว่าสามารถดูแลตัวเองได้ แต่ก็ดีเพราะมันทำให้ดูสนุกขึ้นและไม่น่าเบื่อดี
“มึงเอาจริงเหรอ?” เบรย์ถามอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของเพื่อนรักดูจริงจังกว่าที่เขาคิด
“เอาจริง เดี๋ยวแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน ไว้ค่อยนัดเจอกันอีกที”
“เออๆ ระวังตัวด้วยแล้วกัน อย่ามาตายห่าที่นี่นะมึง” ถึงมันจะเก่งแต่เขาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“แหกตาดูด้วยว่าลูกน้องกูเยอะกว่าการ์ดที่ผับมึงอีก” เคนเซยกยิ้มกวนๆ เพราะเขาไม่ได้เดินทางมาที่นี่คนเดียวนะ ยังมีลูกน้องอีกหลายคนเพราะถึงเขาจะไม่ได้อยู่ที่ญี่ปุ่นแต่ก็ต้องระวังตัวเหมือนกัน ซึ่งเบรย์ได้แต่กลอกตาใส่อย่างนึกรำคาญก่อนจะเดินแยกออกไปดูแลความเรียบร้อยของผับต่อ
ด้านเคนเซเขาเดินไปเข้าห้องน้ำและสูบบุหรี่อย่างใจเย็น ก่อนจะแสยะยิ้มเมื่อนึกถึงแผนการของตัวเอง เขาเฝ้ามองเป้าหมายด้วยความใจเย็นไม่ใช่ว่ากลัวลูกน้องเธอ แต่ทว่าเขายังไม่อยากจู่โจมเธอเร็วเกินไปเพราะเขามองออกว่าเธอก็สนใจเขาอยู่เหมือนกัน
ไม่งั้นเธอคงไม่หันมองเขาบ่อยๆ หรอกและที่เธอไล่ลูกน้องกลับก่อนอาจเป็นเพราะอยากเปิดโอกาสให้เขาเข้าไปทักทายเธอก่อนก็เป็นได้ซึ่งเขาก็ต้องเล่นตัวหน่อยสิ เพราะอะไรที่มันดูง่ายเกินไป มันจะมีความน่าสนใจได้ยังไง ลูกสาวมาเฟียแบบเธอคงชินกับการชี้นิ้วออกคำสั่งและอยากได้อะไรก็ต้องได้มากกว่า เพราะงั้นเขาจะทำให้เธออยากได้เขาขึ้นมาบ้าง
ส่วนเรื่องการเดินทางมาฮ่องกงในครั้งนี้ เขาได้บอกปู่ไปแล้วว่ามีงานด่วนต้องมาจัดการ ซึ่งทุกคนไม่ได้สงสัยอะไรเพราะเขามักจะเดินทางมาคุยธุรกิจที่นี่อยู่บ่อยครั้งและเขาก็มีหุ้นส่วนอยู่ที่ฮ่องกงหลายคนจริงๆ
เพราะงั้นการที่เขาจะเดินทางมาคุยงานที่นี่จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร แต่เพื่อความแนบเนียนก่อนแผนการจะสำเร็จ เขาคงต้องไปๆ มาๆ ระหว่างฮ่องกงกับญี่ปุ่นสักระยะ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่แผนการเขาสำเร็จเร็วกว่าที่คิดก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอะไรเพราะถึงตอนนั้นต่อให้ตาแก่พวกนั้นขุดซากบรรพบุรุษของตัวเองขึ้นมาโหวตให้กับหลานชายสุดที่รักก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว…
เมื่อทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็จัดการโทรหาลูกน้องคนสนิทอย่างซิน เจ้าตัวเป็นลูกชายของอาตงมือขวาพ่อเธอเอง ซินอายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปีเรียกว่าเติบโตมาด้วยกันเป็นทั้งบอดี้การ์ดและเพื่อน ถึงเจ้าตัวจะเป็นน้องแต่ทว่ากลับมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเธออีก ที่สำคัญเธอไว้ใจซินมากกว่าลูกน้องคนไหนทั้งนั้น เรื่องที่เธอฝากซื้อยาคุมฉุกเฉินมาให้จะไม่มีทางหลุดไปถึงหูคนในครอบครัวเธอแน่นอนอีกอย่างในเมื่อเจ้าของบ้านอนุญาตให้เธอเลือกลูกน้องมาอยู่ดูแลที่นี่ได้หนึ่งคน คนคนนั้นต้องเป็นซินอยู่แล้วเพราะเจ้าตัวฉลาดและเก่งรอบด้าน ช่วยงานเธอได้เยอะแน่นอน แถมยังเป็นหูเป็นตาให้เธอได้อีกด้วยร่างบางก้าวขาออกมาจากห้องน้ำด้วยความจุกหน่วงท้องน้อยนิดๆ แต่ขาเหมือนจะสั่นน้อยลงแล้วถึงได้เดินออกมาด้วยตัวเองได้ เธอกวาดสายตาหาเจ้าของบ้านและพบว่าเขาสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงจึงเดินเลี่ยงออกไปจากห้องนอนเพื่อไปรอลูกน้องคนสนิทเอายาคุมฉุกเฉินมาให้ ซึ่งเธอก็ไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่อีกตัวเพื่อปกปิดร่างกายให้มิดชิดกว่าเดิม ยังไงที่นี่ก็มีแต่ผู้ชายและมีแต่ลูกน้องของเขา ระวังตัวไว้ก่อนย่อมดีกว่าประมาท“นี่ นายน่ะ มาหาฉันหน่อย” เธอเดินลงม
นอกจากจะรับรู้ได้ถึงอาการสั่นของขาและเจ็บระบมตรงร่องรักของตัวเอง คนตัวเล็กก็เหมือนจะพึ่งนึกได้ว่าเขาไม่ได้ป้องกันกับเธอ เพราะหลังจากที่เขาดึงแก่นกายออก น้ำรักก็ไหลเปรอะเปื้อนออกมาจนเธอรู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปทั่วหว่างขา แถมเขายังลุกไปหยิบทิชชูมาทำความสะอาดแก่นกายตัวเองอย่างหน้าตาเฉย ไม่ละอายใจบ้างเลยหรือไง!“เดี๋ยวนะ นี่นายไม่ได้ป้องกันเหรอ เห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า!” เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาไม่พอใจและอยากจะลุกไปทุบตีเขาสักที แต่ทว่าแม้แต่แรงจะขยับตัวยังไม่มีเลย ก็เขาเล่นสูบพลังเธอไปจนหมดเลยนี่นา ปกติเธอเป็นคนแข็งแรงมากนะ แต่วันนี้ไหนจะต้องตื่นมาแต่งหน้าแต่งตัวและยังต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเขาอีก ถึงจะใช้เวลาไม่นานแต่มันก็เหนื่อยมากๆ คงเพราะก่อนหน้านั้นเธอทำงานแทบไม่ได้หยุดพักด้วยแหละ“หึ เอากันจนน้ำแตก พึ่งจะมาระลึกชาติได้หรือไง” เคนเซหันไปแสยะยิ้มและหยิบกางเกงนอนตัวเองขึ้นมาใส่ด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน วันนี้เขาลงโทษเธอแค่นี้ก็พอเพราะเห็นว่าเธอไม่ได้พยศใส่จนน่าโมโห เวลาอยู่บนเตียงก็เชื่องเหมือนแมวดี“ไม่คิดจะมีความรับผิดชอบเลยหรือไง แล้วนี่มีโรคติดต่อหรือเปล่าก็ไม่รู้” คนตัวเล็กบ่นต่อ“เลิกบ่นสัก
ร่างสูงแสยะยิ้มร้ายก่อนจะเป็นฝ่ายดึงคนตัวเล็กขึ้นมาคร่อมบนตัวแล้วคว้าต้นคอเธอมาจูบอย่างรุนแรงเพราะต้องการลงโทษเด็กดื้อที่ทำให้เขาค้างอยู่แบบนี้ แม้ตรงนั้นจะยังไม่ได้รับการปลดปล่อยแต่เชื่อเถอะว่าเขาไม่ปล่อยคนที่ทำเขาคลั่งไปง่ายๆ แน่เธอจะต้องได้รับรู้รสชาติของการยั่วอารมณ์ดิบเขา เคนเซยังคงจูบเธอด้วยความดุดันเหมือนเดิม มันเร่าร้อนและไม่ยอมให้โอกาสเธอได้หายใจด้วยซ้ำ จนคนตัวเล็กแทบขาดใจตายลงตรงนี้“อื้ออ” ร่างบางได้แต่ครางอื้ออึงและทุบไหล่เขาไปแรงๆ หลายที แต่ทว่าเขากลับจูบเธอหนักกว่าเดิมราวกับจะสูบวิญญาณเธอไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองคิดผิดหรือคิดถูกที่ไปยั่วอารมณ์เขาและไม่ยอมทำให้เขาเสร็จสมจนตัวเองถูกคนร้ายกาจเอาคืนแบบนี้“หึ อย่าพึ่งขาดใจตายซะก่อนล่ะ เพราะนี่มันแค่เริ่มต้น” คืนนั้นเขายังยั้งแรงกับเธอเพราะไม่อยากทำให้เธอหวาดกลัวและบอบช้ำกับเซ็กซ์ครั้งแรก แต่ครั้งนี้เขาจะทำตามที่ใจตัวเองต้องการ ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายยั่วเขาก็ต้องรับผลจากการกระทำตัวเอง จะได้รู้ว่าไม่ควรมาอวดดีกับเขาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามเพราะเธอไม่มีทางชนะเขาไปได้หรอก“อ๊า อย่ากัด เจ็บนะ” ปลายลิ้นร้อนเปลี่ยนจากเ
หมับ!“จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้จะมาทำหน้าที่เมีย” หลังจากถูกเขาดึงเข้ามาในห้องนอน เธอก็ถูกเขาอุ้มจนตัวปลิวและมาวางไว้บนเตียงกว้าง ที่นอนเขาทั้งหนาและนุ่มมากจนเธอแทบไม่อยากลุกหนีไปไหน แต่ทว่าคนที่ตามมาคร่อมทับเธอไว้นี่สิ มันทำให้เธอต้องดันร่างกายกำยำเขาออกห่างคนบ้า! พูดจาไม่รู้เรื่องหรือไง ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้จะมาทำเรื่องอย่างว่า ยังคิดไปถึงเรื่องนั้นได้ นี่คงคิดว่าเธอมาอ่อยถึงห้องแน่ๆ“หึ อยากมานอนกับฉันไม่ใช่เหรอ เข้ามาแล้วก็ต้องทำหน้าที่เมียสิ” สำหรับเขามันก็แค่เซ็กซ์ ในเมื่อจัดการแยกห้องนอนให้แล้วเพื่อต่างคนต่างอยู่ แต่เธอก็ยังหาเรื่องใส่ตัว ในเมื่อกล้ามาเสนอให้เขาถึงที่ เขาก็จะสนองให้เธออย่างเต็มที่เหมือนกันยิ่งได้สูดดมร่างกายหอมกรุ่นของเธอใกล้ๆ อีกครั้ง มันยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากใคร่ในตัวเธอเหมือนกับคืนนั้นที่เขากับเธอได้ปลดปล่อยอารมณ์ดิบร่วมกัน สำหรับเขาแค่ได้ปลดปล่อยให้สบายตัวก็พอแล้ว ส่วนเธอจะคิดยังไง จะรู้สึกยังไงก็เรื่องของเธอ“ก็ใช่ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากมาทำเรื่องแบบนั้นกับนายสักหน่อย แค่อยากมาอยู่ห้องนี้ก็เท่านั้น” เธอบอกเขาเสียงเข้มและพยายามดันแผงอก
“หืม แอสตันส่งข้อความมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” สำรวจห้องเสร็จก็เดินมานั่งลงบนเตียงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเช็กข้อความต่างๆ เมื่อพบว่าเป็นน้องชายอีกคนของเธอส่งข้อความมาแสดงความยินดีเธอถึงได้ยิ้มออกมาเธอตอบข้อความกลับไปและกดดูรูปถ่ายที่แอสตันส่งมาให้ มันเป็นภาพถ่ายรวมกันกับน้องสาวฝาแฝดของเจ้าตัว ซึ่งก็คือแอนนิสและเอมมี่ และใช่น้องเล็กทั้งสามคนของเธอเป็นฝาแฝดกัน ทั้งสามคนเป็นลูกชายลูกสาวของอาเจอาร์กับน้าเอด้าอาเจอาร์คือเพื่อนสนิทของบิดาเธอเอง ซึ่งงานวันนี้คุณอาก็มาร่วมงานด้วย จะมีก็แต่เจ้าแฝดสามที่ติดเรียนโทอยู่ที่อเมริกาจึงไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ ถึงได้ส่งข้อความมาหาเธอแทน คิดแล้วก็คิดถึงน้องเล็กทั้งสามคน ตอนนี้โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว คงต้องรอให้ทั้งสามคนเรียนจบกลับมาถึงจะได้เจอกันบ่อยขึ้นครืด~ เสียงสั่นโทรศัพท์ที่ดังขึ้นติดๆ กันทำเอาฌาณาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเธอกำลังคิดถึงน้องๆ อยู่พอดี ซึ่งหลังจากที่เห็นว่าเป็นเพื่อนรักอย่างโยติกาโทรมา เธอก็รีบกดรับสายทันทีเพราะเธออยากพูดคุยกับเพื่อนอยู่เหมือนกัน“ฮัลโหลแก ฉันกำลังคิดถึงแกเลย มีเรื่องอยากคุยด้วยพอดี”(ฉันเองก็เป็นห่วงแก
เพนต์เฮาส์หลังจากงานแต่งงานเสร็จสิ้นทุกอย่างและส่งพ่อแม่ขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางกลับญี่ปุ่น เคนเซก็กลับเพนต์เฮาส์ของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้าเพราะแม้ว่างานครั้งนี้จะลดขั้นตอนต่างๆ ไปเยอะมาก แต่ทว่าเขาก็รู้สึกเหนื่อยกับงานที่ต้องเจอกับผู้คนที่ไม่รู้จักอยู่ดี มันสูบพลังงานเขาไปเยอะมากกว่าการรับผิดชอบดูแลงานที่ไนต์คลับอีก“นี่ หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ บอกเหตุผลมาก่อนว่าทำไมไม่ให้ลูกน้องฉันตามมาดูแลที่นี่ คิดจะให้ฉันอยู่ในความดูแลนายงั้นเหรอ?” น้ำเสียงหงุดหงิดของคนที่เดินตามเข้ามาในเพนต์เฮาส์ทำเอาเคนเซถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เขาหันกลับไปมองคนตัวเล็กด้วยสายตานึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัดด้านฌาณาเธอกอดอกมองเขาอย่างไม่พอใจเช่นเดียวกัน เพราะเขาไม่ยอมให้เธอเอาคนของบิดาตามมาดูแลที่นี่ เธอไม่ชอบอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่คุ้นเคยเพราะไม่รู้จะเกิดอันตรายกับตัวเองหรือเปล่า ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้ก่อน อย่างน้อยถ้ามีคนของเธอตามมาด้วยก็รู้สึกอุ่นใจมากกว่านี้ ถึงเธอจะดูแลตัวเองได้ก็ใช่ว่าจะสู้รบปรบมือกับผู้ชายอันตรายแบบเขาได้“หึ คนอย่างเธอไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลหรอก อวดเก่งซะขนาดนี้ อีกอย่างที่นี่บ้านฉัน ฉันจะให้ใครอย







