로그인บทที่4
ยินดีที่ได้รู้จัก
ฌาณามองไปยังโต๊ะของผู้ชายที่เธอเจอเขามานั่งดื่มที่นี่เกือบทั้งอาทิตย์ด้วยความสงสัยเพราะจู่ๆ เขาก็หายไป ก่อนหน้านั้นเธอเห็นเขาคุยอยู่กับเจ้าของผับแต่ก็แค่แป๊บเดียวซึ่งเธอคิดว่าเจ้าของผับคงเข้ามาทักทายและดูแลลูกค้าตามปกติ เพราะหลายวันก่อนเธอเห็นเขาคนนั้นมานั่งดื่มคนเดียวตลอด นั่นเท่ากับว่าเขาไม่น่าจะรู้จักใครที่นี่และเธอคิดว่าเขาไม่น่าจะใช่คนฮ่องกงด้วย
และที่เธอจำเขาได้เพราะเขาเป็นคนแรกที่กล้าสบตากับเธอแบบตรงๆ โดยไม่นึกกลัว อาจเพราะเขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ซึ่งหลายวันมานี้เขามักจะมองมาที่เธออยู่บ่อยครั้งแต่ไม่ได้มองเธอแบบสนใจจนออกนอกหน้ามากเกินไป เขาดูมีชั้นเชิงและร้ายกาจไม่เบา โซนที่เธอนั่งอยู่เป็นโซนวีไอพีก็จริงแต่มันก็เป็นโซนที่คนมาล่าแต้มเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าใครที่นั่งอยู่โซนนี้ก็คือพร้อมขึ้นเตียงกับคนแปลกหน้าได้เลย
ตัวเธอไม่ได้เป็นคนชอบดื่มขนาดนั้นแต่ทว่าสถานที่แห่งนี้มันทำให้เธอผ่อนคลายและเหมือนได้มาพักผ่อน ที่สำคัญเธอก็แค่อยากออกมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เธอไม่เคยได้ลอง ความเครียดและความกดดันจากการเป็นลูกสาวคนโตพ่วงตำแหน่งทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลทำให้เธอต้องเข้มแข็งและแข็งแกร่งตลอดเวลา ทั้งๆ ที่บางครั้งเธอเองก็อยากจะอ่อนแอบ้างเหมือนกัน พอสิ่งเหล่านี้สะสมมานานทำให้เธอค่อนข้างเก็บกดและอยากออกมาหาที่ระบายและผ่อนคลายบ้าง
สถานที่แห่งนี้จึงเป็นสถานที่โปรดของเธอไปโดยปริยายและที่เธอกล้านั่งโซนนี้เพราะเธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะมีคนกล้าเข้ามาทักทายเธอก่อนหรือเปล่า จะมีคนอยากล่าลูกสาวมาเฟียแบบเธอบ้างมั้ย มันดูน่าตื่นเต้นดีไม่ใช่เหรอ แต่จากที่มาที่นี่เกือบทุกวันกลับไม่มีใครกล้าแม้แต่จะสบตาเธอตรงๆ ด้วยซ้ำ มีแค่เขาคนนั้นคนเดียวที่กล้าสบตาและไม่มีท่าทีเกรงกลัวแม้จะเห็นว่าลูกน้องตามประกบเธอก็ตาม ทำให้เธอสนใจและอยากรู้จักเขาขึ้นมาบ้าง
อีกอย่างวันนี้เธอรู้สึกใจสลายและเซ็งนิดหน่อยเพราะจู่ๆ ก็ อกหักจากคนที่แอบรักมานาน พี่หมอเจมส์คือคนที่เธอแอบชอบมานานแต่ทว่าไม่กล้าที่จะสารภาพรักออกไปเพราะกลัวว่าหากเขาไม่ได้คิดเหมือนกันกับเธอ ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กันมันจะจบลงไปด้วย และเธอก็ตัดสินใจถูกที่ไม่สารภาพความรู้สึกออกไปเพราะวันนี้พี่หมอได้ตกลงคบกับเพื่อนสนิทของเธออย่างแอลลี่ไปแล้วน่ะสิ
ซึ่งเธอไม่เคยรู้เลยว่าทั้งคู่ไปชอบกันตั้งแต่ตอนไหนและเมื่อไหร่ อาจเพราะทั้งคู่ทำงานด้วยกันด้วยแหละ แอลลี่กับพี่หมอเป็นหมอที่โรงพยาบาลของครอบครัวเธอซึ่งเธอได้เข้าไปบริหารงานแทนผู้เป็นพ่อและแม่ตั้งแต่เรียนจบปริญญาโทแล้ว ความผิดหวังทำให้เธอเสียใจแต่ก็รู้สึกดีใจที่คนที่เธอรักทั้งสองคนตกลงคบกันอย่างจริงจัง เอาจริงทั้งคู่เหมาะสมกันมากนั่นแหละ
ส่วนเธอแม้จะอกหักแต่คิดว่าอีกไม่นานก็จะกลับมาสดใสเหมือนเดิมได้ ทำงานให้หนักและหนีมาผ่อนคลายที่นี่ก็น่าจะทำให้ลืมความเสียใจได้ไม่ยาก อีกอย่างภาระหน้าที่เธอเยอะมากๆ แถมเธอยังเป็นทายาทตระกูลมาเฟียจะมีผู้ชายธรรมดาที่ไหนกล้าเข้ามาจีบเธอ ต่อให้พี่หมอชอบเธอขึ้นมาจริงๆ เขาก็คงไม่กล้าข้ามเส้นมาหาและไม่กล้าเข้ามาใช้ชีวิตในโลกสีเทากับเธอหรอก
ถึงเธอจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายของครอบครัวโดยตรง แต่ทว่าเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธตัวตนของตัวเองได้ว่าเธอเป็นลูกสาวมาเฟียและยังเป็นทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลที่มีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบมากมาย
ยังดีที่เธอมีน้องชายที่พร้อมกับการขึ้นรับตำแหน่งนายใหญ่แทนผู้เป็นพ่อมากกว่าเธอ ไม่งั้นเธออาจจะเครียดมากกว่านี้ก็ได้ เดิมทีบิดาจะให้เธอเป็นคนรับตำแหน่งผู้นำตามลำดับของทายาทเพราะครอบครัวเธอไม่เคยลดทอนคุณค่าของลูกผู้หญิง
ไม่ได้มองว่าลูกผู้หญิงด้อยกว่าลูกชายและพ่อกับแม่ไม่เคยลำเอียงรักลูกไม่เท่ากันด้วย สำหรับบิดาแล้วเธอคือลูกสาวที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งที่สุด อะไรที่ผู้ชายทำได้ เธอเองก็ทำได้เหมือนกัน
ท่านเชื่อว่าเธอสามารถเป็นผู้นำและดูแลทุกคนได้ไม่ต่างจากลูกชาย เพราะครั้งหนึ่งในอดีตมารดาของเธอก็เคยขึ้นรับตำแหน่งผู้นำของตระกูลแทนลุงมาร์ตินของเธอที่เคยถูกลอบทำร้ายและหายสาบสูญไปเหมือนกัน กระทั่งคุณลุงรอดกลับมาได้แม่ของเธอจึงคืนตำแหน่งให้กับคุณลุงดังเดิม
บิดาจึงเชื่อมาเสมอว่าลูกผู้หญิงก็เก่งและแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกชาย แต่เพราะเธอรักอิสระเหมือนกับผู้เป็นแม่และอยากทำงานที่เธอรักจริงๆ มากกว่าทำให้เธอปฏิเสธการขึ้นรับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไป อีกอย่างเธอคิดว่าน้องชายของเธอเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าเธอ
ฌอร์ณเป็นคนเด็ดขาดและฉลาดหลักแหลม มีความเป็นผู้นำตั้งแต่เด็ก แม้เจ้าตัวจะอายุน้อยกว่าเธอแค่ปีเดียวแต่ทว่ากลับมีความเป็นผู้ใหญ่เอามากๆ และเธอภูมิใจในตัวน้องชายที่สุด ที่สำคัญเจ้าตัวชอบทำธุรกิจสีเทาและยังบริหารจัดการงานในส่วนนั้นได้อย่างดีเยี่ยม
ซึ่งน้องชายของเธอได้เข้าไปช่วยผู้เป็นพ่อทำงานตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำจนตอนนี้เจ้าตัวเรียนจบปริญญาโทเรียบร้อย ทุกวันนี้ก็แค่รอเวลาที่เหมาะสมในการขึ้นรับตำแหน่งนายใหญ่แทนผู้เป็นพ่อก็เท่านั้น
และเงื่อนไขในการขึ้นรับตำแหน่งนายใหญ่ของตระกูล น้องชายเธอรู้ดีอยู่แล้ว เมื่อไหร่ที่ฌอร์ณพร้อมรับตำแหน่งแทนผู้เป็นพ่อเมื่อนั้นเจ้าตัวต้องแต่งงานกับทายาทตระกูลมาเฟียเหมือนกันเพื่อจะได้มีทายาทสืบสกุลต่อไป ซึ่งเรื่องแต่งงานไม่ใช่ปัญหาสำหรับน้องชายเธอเพราะเจ้าตัวรู้ดีว่ามันคือหน้าที่ที่ต้องทำและรับผิดชอบ อีกอย่างฌอร์ณมีคนที่พ่อกับแม่อยากให้หมั้นและแต่งงานด้วยอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงดูง่ายดายไปหมด
และว่าที่คู่หมั้นของน้องชายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าตัวเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทพ่อนั่นแหละ เมื่อตอนที่พวกเธอยังเป็นเด็ก บิดาของเธอเคยทาบทามน้องฟลีนลูกสาวของอาฟรานเอาไว้ ว่าถ้าหลานสาวโตขึ้นจะขอมาเป็นลูกสะใภ้ แม้ตอนนั้นผู้เป็นพ่อจะพูดออกไปเพราะอยากแกล้งคนที่หวงลูกสาวจนน่าหมั่นไส้
แต่ทว่าคำพูดที่ออกจากปากนายใหญ่ตระกูลเฉียนไม่สามารถกลับคำได้ พอโตขึ้นน้องชายของเธอจึงมีว่าที่คู่หมั้นรออยู่แล้ว ที่สำคัญพ่อกับแม่เอ็นดูว่าที่ลูกสะใภ้มาก เรียกว่าเอ็นดูมาตั้งแต่เด็กๆ เลยแหละ
“เฮ้อ! คืนนี้น่าเบื่อจัง” อกหักไม่พอคนที่เธอเปิดโอกาสให้เข้ามาทักก็ดันหายไปอีก อุตส่าห์คิดว่าเขาจะใจกล้ามากกว่านี้ เสียดายความหล่ออะ เพราะเขาตรงสเป็กเธอมาก
“เบื่อขนาดนั้นเลยเหรอครับ แล้วผมพอจะคุยเป็นเพื่อนแก้เบื่อคุณได้หรือเปล่า” เคนเซเดินเข้ามาหาและถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามกับเธอ เห็นในรูปก็ว่าสวยมากแล้วนะ ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีก แต่ก็นะบางคนก็มีดีแค่ความสวยเพราะสำหรับเขานอกจากความสวยเขาชอบผู้หญิงฉลาดและไม่ทำตัวง่ายจนเกินไป
“คุณ!” ฌาณาตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากมาย เธอถูกฝึกให้เก็บความรู้สึกให้เก่งตั้งแต่เด็กจึงสามารถเก็บซ่อนอารมณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแนบเนียนที่สุด
“ผมเคนเซ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ…” ร่างสูงทำเป็นไม่รู้จักเธอ ทั้งๆ ที่เขารู้ประวัติเธอทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งว่าวันนี้เธออกหักจากคนที่แอบชอบมานานจนต้องมานั่งดื่มเหล้าย้อมใจที่นี่
“ฌาณาค่ะ นึกว่าคุณจะไม่กล้าเข้ามาทักทายฉันซะอีก อุตส่าห์เปิดทางอย่างเต็มที่แล้วนะคะ” เธอบอกให้ลูกน้องออกไปรอข้างนอกเพราะเธออยากนั่งดื่มเงียบๆ คนเดียว และอีกอย่างเธออยากเปิดโอกาสให้คนเข้ามาคุยกับเธอบ้าง คืนนี้หากใครอยากล่าเธอ เธอจะยอมให้ล่าแต่โดยดี แม้ไม่เคยมีวันไนต์สแตนด์กับใครแต่ทว่าวันนี้เธออยากลองมันสักครั้ง
โตแล้วเธอจะทำอะไรก็ได้ ที่สำคัญเธอมั่นใจว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาพูดคุยกับเธอหรอก เว้นก็แต่เขาคนนี้แหละเพราะเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนที่นี่จึงไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ซึ่งเธอรู้สึกดีที่เขาไม่รู้จักเธอมาก่อนเพราะเธอก็อยากเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ออกมาเที่ยวผ่อนคลายและมาหาเพื่อนคุยเอาข้างหน้าบ้าง ซึ่งเขาสะดุดตาเธอที่สุด เรียกว่าถูกใจกับความหล่อของเขานั่นแหละ
“หึ คุณพูดตรงดีนะครับ” เคนเซยกยิ้มเบาๆ ก่อนจะจ้องมองเธออย่างไม่วางตา ผู้หญิงก็น่าจะชอบให้ผู้ชายมองไม่ใช่เหรอ ยิ่งถ้ามองแบบชื่นชมพวกเธอก็จะยิ่งชอบและเขินอายจนทำตัวไม่ถูก แต่ทว่าคนตัวเล็กตรงหน้ากลับแตกต่างออกไป
“คุณไม่ชอบเหรอคะ?” เธอมองสบตาเขาตรงๆ อย่างไม่ยอมหลบเช่นกัน เธอก็แค่อยากมองเขาให้ชัดๆ จะได้รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เพราะในใจลึกๆ เธอรู้สึกว่าเขาดูอันตรายใช้ได้
“ชอบ ผมชอบผู้หญิงที่พูดจาตรงไปตรงมาแบบคุณ”
“คุณนี่ชมผู้หญิงได้หน้านิ่งดีนะคะ ฉันมองไม่ออกเลยว่าคุณชมฉันจากใจจริง” ฌาณาหรี่ตามองอย่างจับผิด
“ผมคุยไม่ค่อยเก่งครับ และก็พูดจาหวานๆ กับผู้หญิงไม่ค่อยเป็นด้วย ถ้าคุณไม่ชอบงั้นผมไม่รบกวนคุณดีกว่า” เคนเซลุกขึ้นยืนและยิ้มให้เธอบางๆ จากนั้นก็ก้าวขาออกไปแต่ทว่ายังไม่ทันเดินไปไหนไกล เสียงหวานใสของเธอก็ดังขึ้นซะก่อน ร่างสูงแสยะยิ้มทันทีก่อนจะหันกลับมาด้วยท่าทีปกติ
“เดี๋ยวก่อนสิคะ ฉันบอกแล้วเหรอคะว่าไม่ชอบ ถ้าฉันไม่ถูกใจคุณคงไม่เปิดโอกาสให้ขนาดนี้หรอกค่ะ ไหนๆ ก็มาแล้วมาดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิคะ” เธอต้องการเพื่อนคุยและเพื่อนดื่มในคืนนี้ การพูดคุยกับคนแปลกหน้าอาจจะทำให้เธอลืมความเสียใจในวันนี้ก็ได้
“ผมก็ถูกใจคุณเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าคุณเองก็ใจตรงกับผม รู้มั้ยว่าผมแอบมองคุณอยู่ตลอด รอว่าเมื่อไหร่คุณจะมองผมแบบสนใจบ้าง” ร่างสูงเดินกลับมานั่งที่โซฟาดังเดิม แต่ทว่าครั้งนี้เขาเปลี่ยนมานั่งโซฟาตัวเดียวกับเธอ แสดงออกอย่างชัดเจนให้เธอรู้ว่าเขาสนใจเธอจริงๆ
“นี่ขนาดพูดจาหวานๆ ไม่ค่อยเป็นนะคะ ทำเอาฉันไปต่อไม่เป็นเลย” คนตัวเล็กยิ้มหวานจนเห็นลักยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากซึ่งมันทำให้เธอดูอ่อนหวานมากกว่าเวลาทำหน้านิ่งปกติ
“ก็เผื่อว่าคุณจะประทับใจผมจนอยากไปต่อด้วยกันในคืนนี้” เขาไม่เสียเวลาตะล่อมเธอนานเพราะเขาคิดว่าตัวเองมองไม่ผิดว่าเธอก็สนใจเขาอยู่เหมือนกัน อีกอย่างกล้ามานั่งโซนนี้ก็เท่ากับว่าเธอพร้อมล่าไม่ก็พร้อมที่จะถูกล่าโดยไม่คิดอะไรมาก ไม่ใช่เหรอ?
“คุณพูดตรงกว่าฉันอีกนะคะ เอาไว้ดื่มด้วยกันสักพักแล้วฉันจะบอกว่าอยากไปต่อกับคุณหรือเปล่า ว่าแต่คุณไม่น่าใช่คนที่นี่นะคะ แต่พูดภาษาจีนเก่งมาก”
เธอชวนเขาคุยไปเรื่องอื่นและยกแก้วไปชนกับเขาด้วยท่าทีผ่อนคลาย พึ่งรู้ว่าการดื่มกับคนแปลกหน้ามันรู้สึกดีกว่านั่งดื่มคนเดียวเป็นไหนๆ แถมยังทำตัวได้อย่างสบายๆ โดยไม่อึดอัดใจอีกด้วยเพราะเขาไม่รู้นี่นาว่าเธอเป็นใคร ส่วนเธอก็ไม่ได้อยากรู้จักเขามากไปกว่านี้ เป็นคนแปลกหน้าต่อกันนั่นแหละดีแล้ว
“ผมเป็นคนญี่ปุ่นครับและก็เป็นนักธุรกิจ มีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศเลยพูดได้หลายภาษา” เขาบอกข้อมูลตัวเองคร่าวๆ เพียงแค่นั้นและเขาก็คิดว่าเธอเองก็ไม่ได้อยากรู้จักตัวตนจริงๆ ของเขาหรอก ที่ถามก็คงอยากเช็กข้อมูลเขาคร่าวๆ เท่านั้นเอง
อีกอย่างการที่คนเราจะไปต่อกับใครสักคนและมีความสัมพันธ์กันแบบวันไนต์สแตนด์ ไม่มีใครมาถามเรื่องส่วนตัวกันอย่างจริงจังหรอกเพราะถึงแม้ถามไปก็ไม่รู้จะได้คำตอบจริงๆ หรือเปล่า
ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนก็แค่ฟัดกันให้ถึงใจและป้องกันให้ดี จากนั้นก็ต่างคนต่างไปซึ่งเขาคิดว่าเธอน่าจะรู้เรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี ตอนแรกไม่ได้จะเข้าหาเพื่อมีความสัมพันธ์กับเธอจริงๆ หรอกนะ เขาก็แค่ต้องการภาพหลุดแบบนัวเนียกันกับเธอสักรูปสองรูป แต่ดูเหมือนว่าคืนนี้ระหว่างเธอกับเขาน่าจะไปจบลงที่เตียง ก็เธอเปิดโอกาสให้เขาอย่างเต็มที่ซะขนาดนี้นี่นา…
เมื่อทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็จัดการโทรหาลูกน้องคนสนิทอย่างซิน เจ้าตัวเป็นลูกชายของอาตงมือขวาพ่อเธอเอง ซินอายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปีเรียกว่าเติบโตมาด้วยกันเป็นทั้งบอดี้การ์ดและเพื่อน ถึงเจ้าตัวจะเป็นน้องแต่ทว่ากลับมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเธออีก ที่สำคัญเธอไว้ใจซินมากกว่าลูกน้องคนไหนทั้งนั้น เรื่องที่เธอฝากซื้อยาคุมฉุกเฉินมาให้จะไม่มีทางหลุดไปถึงหูคนในครอบครัวเธอแน่นอนอีกอย่างในเมื่อเจ้าของบ้านอนุญาตให้เธอเลือกลูกน้องมาอยู่ดูแลที่นี่ได้หนึ่งคน คนคนนั้นต้องเป็นซินอยู่แล้วเพราะเจ้าตัวฉลาดและเก่งรอบด้าน ช่วยงานเธอได้เยอะแน่นอน แถมยังเป็นหูเป็นตาให้เธอได้อีกด้วยร่างบางก้าวขาออกมาจากห้องน้ำด้วยความจุกหน่วงท้องน้อยนิดๆ แต่ขาเหมือนจะสั่นน้อยลงแล้วถึงได้เดินออกมาด้วยตัวเองได้ เธอกวาดสายตาหาเจ้าของบ้านและพบว่าเขาสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงจึงเดินเลี่ยงออกไปจากห้องนอนเพื่อไปรอลูกน้องคนสนิทเอายาคุมฉุกเฉินมาให้ ซึ่งเธอก็ไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่อีกตัวเพื่อปกปิดร่างกายให้มิดชิดกว่าเดิม ยังไงที่นี่ก็มีแต่ผู้ชายและมีแต่ลูกน้องของเขา ระวังตัวไว้ก่อนย่อมดีกว่าประมาท“นี่ นายน่ะ มาหาฉันหน่อย” เธอเดินลงม
นอกจากจะรับรู้ได้ถึงอาการสั่นของขาและเจ็บระบมตรงร่องรักของตัวเอง คนตัวเล็กก็เหมือนจะพึ่งนึกได้ว่าเขาไม่ได้ป้องกันกับเธอ เพราะหลังจากที่เขาดึงแก่นกายออก น้ำรักก็ไหลเปรอะเปื้อนออกมาจนเธอรู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปทั่วหว่างขา แถมเขายังลุกไปหยิบทิชชูมาทำความสะอาดแก่นกายตัวเองอย่างหน้าตาเฉย ไม่ละอายใจบ้างเลยหรือไง!“เดี๋ยวนะ นี่นายไม่ได้ป้องกันเหรอ เห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า!” เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาไม่พอใจและอยากจะลุกไปทุบตีเขาสักที แต่ทว่าแม้แต่แรงจะขยับตัวยังไม่มีเลย ก็เขาเล่นสูบพลังเธอไปจนหมดเลยนี่นา ปกติเธอเป็นคนแข็งแรงมากนะ แต่วันนี้ไหนจะต้องตื่นมาแต่งหน้าแต่งตัวและยังต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเขาอีก ถึงจะใช้เวลาไม่นานแต่มันก็เหนื่อยมากๆ คงเพราะก่อนหน้านั้นเธอทำงานแทบไม่ได้หยุดพักด้วยแหละ“หึ เอากันจนน้ำแตก พึ่งจะมาระลึกชาติได้หรือไง” เคนเซหันไปแสยะยิ้มและหยิบกางเกงนอนตัวเองขึ้นมาใส่ด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน วันนี้เขาลงโทษเธอแค่นี้ก็พอเพราะเห็นว่าเธอไม่ได้พยศใส่จนน่าโมโห เวลาอยู่บนเตียงก็เชื่องเหมือนแมวดี“ไม่คิดจะมีความรับผิดชอบเลยหรือไง แล้วนี่มีโรคติดต่อหรือเปล่าก็ไม่รู้” คนตัวเล็กบ่นต่อ“เลิกบ่นสัก
ร่างสูงแสยะยิ้มร้ายก่อนจะเป็นฝ่ายดึงคนตัวเล็กขึ้นมาคร่อมบนตัวแล้วคว้าต้นคอเธอมาจูบอย่างรุนแรงเพราะต้องการลงโทษเด็กดื้อที่ทำให้เขาค้างอยู่แบบนี้ แม้ตรงนั้นจะยังไม่ได้รับการปลดปล่อยแต่เชื่อเถอะว่าเขาไม่ปล่อยคนที่ทำเขาคลั่งไปง่ายๆ แน่เธอจะต้องได้รับรู้รสชาติของการยั่วอารมณ์ดิบเขา เคนเซยังคงจูบเธอด้วยความดุดันเหมือนเดิม มันเร่าร้อนและไม่ยอมให้โอกาสเธอได้หายใจด้วยซ้ำ จนคนตัวเล็กแทบขาดใจตายลงตรงนี้“อื้ออ” ร่างบางได้แต่ครางอื้ออึงและทุบไหล่เขาไปแรงๆ หลายที แต่ทว่าเขากลับจูบเธอหนักกว่าเดิมราวกับจะสูบวิญญาณเธอไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองคิดผิดหรือคิดถูกที่ไปยั่วอารมณ์เขาและไม่ยอมทำให้เขาเสร็จสมจนตัวเองถูกคนร้ายกาจเอาคืนแบบนี้“หึ อย่าพึ่งขาดใจตายซะก่อนล่ะ เพราะนี่มันแค่เริ่มต้น” คืนนั้นเขายังยั้งแรงกับเธอเพราะไม่อยากทำให้เธอหวาดกลัวและบอบช้ำกับเซ็กซ์ครั้งแรก แต่ครั้งนี้เขาจะทำตามที่ใจตัวเองต้องการ ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายยั่วเขาก็ต้องรับผลจากการกระทำตัวเอง จะได้รู้ว่าไม่ควรมาอวดดีกับเขาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามเพราะเธอไม่มีทางชนะเขาไปได้หรอก“อ๊า อย่ากัด เจ็บนะ” ปลายลิ้นร้อนเปลี่ยนจากเ
หมับ!“จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้จะมาทำหน้าที่เมีย” หลังจากถูกเขาดึงเข้ามาในห้องนอน เธอก็ถูกเขาอุ้มจนตัวปลิวและมาวางไว้บนเตียงกว้าง ที่นอนเขาทั้งหนาและนุ่มมากจนเธอแทบไม่อยากลุกหนีไปไหน แต่ทว่าคนที่ตามมาคร่อมทับเธอไว้นี่สิ มันทำให้เธอต้องดันร่างกายกำยำเขาออกห่างคนบ้า! พูดจาไม่รู้เรื่องหรือไง ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้จะมาทำเรื่องอย่างว่า ยังคิดไปถึงเรื่องนั้นได้ นี่คงคิดว่าเธอมาอ่อยถึงห้องแน่ๆ“หึ อยากมานอนกับฉันไม่ใช่เหรอ เข้ามาแล้วก็ต้องทำหน้าที่เมียสิ” สำหรับเขามันก็แค่เซ็กซ์ ในเมื่อจัดการแยกห้องนอนให้แล้วเพื่อต่างคนต่างอยู่ แต่เธอก็ยังหาเรื่องใส่ตัว ในเมื่อกล้ามาเสนอให้เขาถึงที่ เขาก็จะสนองให้เธออย่างเต็มที่เหมือนกันยิ่งได้สูดดมร่างกายหอมกรุ่นของเธอใกล้ๆ อีกครั้ง มันยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากใคร่ในตัวเธอเหมือนกับคืนนั้นที่เขากับเธอได้ปลดปล่อยอารมณ์ดิบร่วมกัน สำหรับเขาแค่ได้ปลดปล่อยให้สบายตัวก็พอแล้ว ส่วนเธอจะคิดยังไง จะรู้สึกยังไงก็เรื่องของเธอ“ก็ใช่ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากมาทำเรื่องแบบนั้นกับนายสักหน่อย แค่อยากมาอยู่ห้องนี้ก็เท่านั้น” เธอบอกเขาเสียงเข้มและพยายามดันแผงอก
“หืม แอสตันส่งข้อความมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” สำรวจห้องเสร็จก็เดินมานั่งลงบนเตียงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเช็กข้อความต่างๆ เมื่อพบว่าเป็นน้องชายอีกคนของเธอส่งข้อความมาแสดงความยินดีเธอถึงได้ยิ้มออกมาเธอตอบข้อความกลับไปและกดดูรูปถ่ายที่แอสตันส่งมาให้ มันเป็นภาพถ่ายรวมกันกับน้องสาวฝาแฝดของเจ้าตัว ซึ่งก็คือแอนนิสและเอมมี่ และใช่น้องเล็กทั้งสามคนของเธอเป็นฝาแฝดกัน ทั้งสามคนเป็นลูกชายลูกสาวของอาเจอาร์กับน้าเอด้าอาเจอาร์คือเพื่อนสนิทของบิดาเธอเอง ซึ่งงานวันนี้คุณอาก็มาร่วมงานด้วย จะมีก็แต่เจ้าแฝดสามที่ติดเรียนโทอยู่ที่อเมริกาจึงไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ ถึงได้ส่งข้อความมาหาเธอแทน คิดแล้วก็คิดถึงน้องเล็กทั้งสามคน ตอนนี้โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว คงต้องรอให้ทั้งสามคนเรียนจบกลับมาถึงจะได้เจอกันบ่อยขึ้นครืด~ เสียงสั่นโทรศัพท์ที่ดังขึ้นติดๆ กันทำเอาฌาณาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเธอกำลังคิดถึงน้องๆ อยู่พอดี ซึ่งหลังจากที่เห็นว่าเป็นเพื่อนรักอย่างโยติกาโทรมา เธอก็รีบกดรับสายทันทีเพราะเธออยากพูดคุยกับเพื่อนอยู่เหมือนกัน“ฮัลโหลแก ฉันกำลังคิดถึงแกเลย มีเรื่องอยากคุยด้วยพอดี”(ฉันเองก็เป็นห่วงแก
เพนต์เฮาส์หลังจากงานแต่งงานเสร็จสิ้นทุกอย่างและส่งพ่อแม่ขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางกลับญี่ปุ่น เคนเซก็กลับเพนต์เฮาส์ของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้าเพราะแม้ว่างานครั้งนี้จะลดขั้นตอนต่างๆ ไปเยอะมาก แต่ทว่าเขาก็รู้สึกเหนื่อยกับงานที่ต้องเจอกับผู้คนที่ไม่รู้จักอยู่ดี มันสูบพลังงานเขาไปเยอะมากกว่าการรับผิดชอบดูแลงานที่ไนต์คลับอีก“นี่ หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ บอกเหตุผลมาก่อนว่าทำไมไม่ให้ลูกน้องฉันตามมาดูแลที่นี่ คิดจะให้ฉันอยู่ในความดูแลนายงั้นเหรอ?” น้ำเสียงหงุดหงิดของคนที่เดินตามเข้ามาในเพนต์เฮาส์ทำเอาเคนเซถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เขาหันกลับไปมองคนตัวเล็กด้วยสายตานึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัดด้านฌาณาเธอกอดอกมองเขาอย่างไม่พอใจเช่นเดียวกัน เพราะเขาไม่ยอมให้เธอเอาคนของบิดาตามมาดูแลที่นี่ เธอไม่ชอบอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่คุ้นเคยเพราะไม่รู้จะเกิดอันตรายกับตัวเองหรือเปล่า ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้ก่อน อย่างน้อยถ้ามีคนของเธอตามมาด้วยก็รู้สึกอุ่นใจมากกว่านี้ ถึงเธอจะดูแลตัวเองได้ก็ใช่ว่าจะสู้รบปรบมือกับผู้ชายอันตรายแบบเขาได้“หึ คนอย่างเธอไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลหรอก อวดเก่งซะขนาดนี้ อีกอย่างที่นี่บ้านฉัน ฉันจะให้ใครอย