หมู่เมฆรวมตัวกันหนาจนเต็มท้องฟ้า ปิดบังแสงจันทร์นวลไม่ให้เฉิดฉาย ลมโชยอ่อนนำพาความอุ่นโอบอุ้มร่างกายยามสัมผัส
แม้จะใกล้ยามรุ่งสางแล้วทว่าสุดขอบยังมืดมิดไร้ความเคลื่อนไหว ดูเหมือนวันนี้ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้ามากกว่าวันอื่น
มิวหอบสัมภาระชิ้นเล็กติดตัวยืนรออาร์เต้อยู่หน้าร้าน พวกเขานัดว่าจะหาอะไรกินนิดหน่อย แต่เด็กหนุ่มวัยรุ่นติดพันอยู่กับลูกค้าจนเลยเวลาเลิกงานมาสักพักใหญ่ ส่วนตัวของมิวแม้จะเสร็จก่อนแต่ก็ยังถือว่าช้ากว่าตอนปกติอยู่ดี
การออกมาสูดอากาศนอกร้านเป็นสิ่งที่ทำให้มิวรู้สึกปลอดโปร่ง อย่างน้อยได้แหงนมองขึ้นมองแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ก็ช่วยให้เขาสร่างจากอาการมึนเมาได้บ้าง ดีกว่านั่งอยู่ในห้องแคบๆ มองผนังทั้งสี่ด้านส่ายไปส่ายมาจนเวียนหัว
หน้าร้านค่อนข้างเงียบเชียบ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว พวกพนักงานที่ไม่มีลูกค้าส่วนใหญ่จะขอกลับก่อน ส่วนที่เหลือพอร้านปิดก็ทยอยกลับพร้อมลูกค้า ไม่ก็แยกย้ายทางใครทางมัน
ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่เลยเวลาปิด เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกคะยั้นคะยอให้เปิดห้องวีไอพี หลายคนจึงไม่อยากควักกระเป๋าจ่ายหากไม่ติดลมจริงๆ
ดังนั้นเวลาใกล้รุ่งสางแบบนี้ก็จะเหลือเพียงพนักงานทั่วไปคอยเก็บกวาดร้าน และยามเฝ้าร้านตัวหนาใหญ่เดินตรวจตราอย่างหลวมๆ
ในระหว่างรอให้หมู่เมฆเคลื่อนตัวหลบแสงดวงดาว ชายวัยกลางคนก็เดินผ่านกรวดหินตรงเข้ามาหามิว ใบหน้าของเขาแดงก่ำจนเรียกได้ว่าไม่ต่างจากแท่งเหล็กร้อนๆ ขาเอียงเซเล็กน้อยจากการประคองสติไว้ได้ไม่มาก
“มิวไม่ไปต่อโรงแรมกับพี่จริงเหรอ?”
“ครับพี่ ผมคงไปไม่ได้”
“แน่ใจแล้วเหรอ? พี่ไปกับน้องคนอื่นแล้วจะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ” เสียงยืดยานดังพร้อมกลิ่นเหล้าที่โชยหึ่ง “หรือถ้ามิวอยากได้ค่าตัวเพิ่มก็บอกพี่ตรงๆ พี่จ่ายเพิ่มให้อีกนิดหน่อยก็ได้”
“ที่ผมไม่ไปไม่ได้เกี่ยวกับเงินเลยครับพี่ แต่มันเป็นกฎของทางร้าน”
“กฎบ้ากฎบออะไร”
“เอาตรงๆนะครับ ร้านห้ามเด็กทุกคนค้าประเวณีครับ อีกอย่างมันผิดกฎหมายด้วย”
“อย่าพูดเรื่องกฏหมายกับพี่เลย มิวก็รู้ว่าพี่เป็นใคร”
“ผมทราบครับ ผมรู้ว่าพี่ดูแลผมได้ แต่ผมไม่อยากมีปัญหากับร้านจริงๆ”
“พี่ไม่เห็นเด็กคนอื่นเขาจะสนใจเลย ร้านก็แค่ตั้งกฏเผื่อเอาไว้เวลาโดนตรวจสอบก็เท่านั้น”
“ผมขอโทษพี่ศักดิ์จริงๆนะครับ” มิวยกมือไหว้อย่างนบนอบ “ผมชอบพี่ศักดิ์มากๆเลยครับ อยากตามไปดูแลพี่ให้จนสุดความสามารถ แต่ผมยังไม่อยากตกงานจริงๆ ผมมีพ่อผมก็ป่วยเรื้อรัง แม่ทำงานหาเช้ากินค่ำ มีน้องที่ต้องคอยส่งเสียค่าเทอม ไหนจะย่าที่แก่จนทำอะไรแทบไม่ได้อีก ถ้าผมตกงานเพราะทำผิดกฎของทางร้าน คนข้างหลังที่หวังพึ่งพาผมคงอยู่ไม่ได้”
“เอาน่า! ถ้าเราสองคนไม่ปริปากพูดก็ไม่มีใครรู้หรอก แป๊บๆไม่กี่ชั่วโมงก็จบแล้ว พี่รับความสุข… มิวรับค่าจ้าง ก็ไม่เห็นจะมีใครเสียหายตรงไหน”
“ผมขอบคุณในความเมตตาทุกอย่างของพี่นะครับ ผมอยากตอบแทนพี่ให้ได้มากกว่านี้ พี่เข้าใจผมเถอะนะครับ… ขอร้อง” ดวงตาของมิวรื้นราวกับสั่งได้ “ถ้ามีวิธีไหนที่ผมทำให้ได้มากกว่านี้โดยไม่กระทบกับหน้าที่การงาน ผมยินดีรับใช้พี่ แต่งานนอกพวกนี้ผมไม่สะดวกใจจริงๆครับ พี่เมตตาผมเถอะนะครับ”
น้ำเสียงสั่นเครือทำให้ชายอายุมากกว่าไม่กล้าเล้าหลือ แววตาออดอ้อนชุ่มโชกไปด้วยหยาดน้ำตา ดูแล้วทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูไปพร้อมกัน
“เอาเหอะๆ แล้วแต่มิวเลยแล้วกัน คืนนี้พี่ไปหาคนอื่นเอาก็ได้”
มิวยกมือไหว้บีบน้ำตาลงมาสองหยด ก่อนที่ชายตรงหน้าจะหันหลังเดินโซเซกลับเข้าไปยังเงามืด อันที่จริงมิวก็ไม่ได้สนใจทำตามกฎอะไรนั่นเท่าไหร่นัก แต่ติดตรงเขาไม่สามารถแหกกฎนั้นได้ต่างหาก
ฉับพลันมิวก็นึกสงสัยว่าลูกค้าประจำที่พยายามตื๊อขอมีอะไรกับเขามานานแรมเดือนคนนี้ จะเทจไปหาคนอื่นจริงไหม เด็กหนุ่มจึงเดินตามไปอย่างเงียบเชียบ ในใจนึกเอาว่าหากโดนจับได้จะทำทีเป็นห่วง… อยากไปส่งที่รถ
ด้วยความมึนเมาจึงทำให้ลูกค้าจอมหื่นไม่ระแวดระวังอะไรมากนัก มิวจึงย่องตามไล่หลังได้อย่างสบายโดยไม่ต้องฝึกทักษะการสะกดรอย
ท่ามกลางความมืดสลัวชายตรงหน้าหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์ ก่อนจะโทรออกหาใครสักคน เขากระซิบกระซาบอะไรบางอย่างที่มิวไม่ค่อยได้ยิน
เด็กหนุ่มชะลอความเร็วเพราะไม่อยากเสียมารยาท ทิ้งระยะห่างเพื่อไม่ให้อีกอย่างรู้ตัว
เสียงอู้อี้ฟังไม่ค่อยชัดลอยอยู่ไกลๆ มิวจับใจความไม่ได้นักว่าชายตรงหน้าพูดคุยเรื่องอะไร แต่เพื่อความปลอดภัยการไม่รู้ย่อมดีที่สุด เพราะลูกค้าบางคนของที่นี่… การรู้อะไรเกี่ยวกับเขาให้น้อยที่สุด จะปลอดภัยต่อตัวเองมากกว่า
เพียงไม่กี่ก้าวร่างศักดิ์ชัยก็โผล่พ้นเงามืด ทั้งมิวและเขาโผล่มายังบริเวณที่จอดรถสำหรับวีไอพี แม้จะไม่ซับซ้อนแต่ตรงนี้ก็มีความเป็นส่วนตัวสูงไม่ปะปนกับลูกค้าทั่วไป
ผู้ชายตรงหน้าวางสาย เขาพุ่งตรงไปยังรถยนต์เพียงคันเดียวที่เหลืออยู่ในลานโล่ง มิวหยุดก้าวเดินและซ่อนตัวอยู่ในจุดอับสายตา
สารถีเปิดประตูหลังของรถหรูอย่างรู้งาน ศักดิ์ชัยก้าวขาขึ้นไปนั่งก่อนที่ประตูนั้นจะปิดสนิทอีกครั้ง
มิวคิดว่านับจากนี้รถคงจะเคลื่อนตัวออก แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น… สารถีในชุดลำลองยืนอยู่ข้างรถราวกับรอคอยอะไรสักอย่าง
ไม่นานคำตอบก็ถูกเฉลย… ผู้ชายอีกคนเดินออกมาจากประตูหลังของร้าน เขาพุ่งตรงไปยังรถยนต์คันเดียวที่จอดอยู่ สารถีคนเดิมเชื้อเชิญให้อ้อมไปยังอีกฝั่งของรถก่อนจะเปิดประตูให้
ใบหน้าในแสงสว่างนั้นทำเอามิวขุ่นเคืองนิดหน่อย ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าคนที่ลูกค้าดีลเอาไว้แทนเขาจะเป็นเจษ เพราะตามปกติแล้วพวกเขาจะหลีกเลี่ยงลูกค้าคนเดียวกันเพื่อรักษาน้ำใจซึ่งกันและกัน
ร่างของเด็กหนุ่มสั่นเทิ้มอยู่ในเงามืด รอจนกระทั่งรถยนต์เคลื่อนตัวออกไป ความหงุดหงิดพัดผ่านเข้ามาสู่เนื้อหนังพร้อมลมโชยอ่อน เขาไม่รู้ว่าควรโกรธลูกค้าที่ไปเลือกคนอื่น โกรธเจษที่ข้ามเส้นของมารยาท หรือโกรธตัวเองที่ไอ้จ้อนใช้งานไม่ได้
อารมณ์ขมุกขมัวทำให้มิวไม่เหลืออารมณ์จะทำอย่างอื่น เขาส่งข้อความยกเลิกนัดให้อาร์เต้ แล้วรีบแจ้นออกจากที่ทำงานทันที
ความหงุดหงิดเดินทางพร้อมกับชายหนุ่มไปจนถึงคอนโด ความหงุดหงิดที่ยังไม่คลี่คลายสะสมเป็นกองพะเนิน กะจิตกะใจไม่อยู่กับร่องกับรอย
เด็กหนุ่มอาบน้ำเพื่อบรรเทาความร้อนในใจ มันช่วยผ่อนผันได้เพียงเล็กน้อย ทว่าก็ยังเหลือเศษตกค้างคอยทิ่มแทงให้ระคายเคือง
หลังจากทาครีมจนทั่วทั้งร่างเนียนฉ่ำ มิวก็นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเล็กนั่งตรงโต๊ะทำงาน เขาเปิดแล็บท็อปเพื่อหาอะไรคลายเครียดดู มืออีกข้างพลางหมุนแก้วที่เติมเหล้าเอาไว้จนเกือบเต็ม จ้องมองมันราวกับคิดอะไรอยู่นใจ
แม้จะมึนๆจากที่ทำงานมาบ้างแล้ว แต่ชายผู้กลัดกลุ้มก็อยากหาอะไรมาเผาหัวสมองให้มอดไหม้ จะได้ไม่ต้องคิดอะไรฟุ้งซ่าน
แดดอรุณรุ่งภายนอกสาดประกายอ่อนเกาะตามหน้าต่างกระจก แสงจากโคมไฟช่วยขับบรรยากาศให้สดใส ความอึมครึมกลับยังกัดกร่อนทั่วทั้งห้องไม่จางหาย
มิวมองไปยังแก้วเหล้าที่ค่อยๆพร่องทีละน้อยยามเขายกขึ้นกรอกปาก สลับกับมองวิดีโอบนแล็ปท็อปเพื่อตัดอารมณ์
มือของมิวสั่นเล็กน้อยก่อนจะยกน้ำเมาทั้งหมดดื่มในรวดเดียว ความร้อนจากแอลกอฮอล์แผ่กระจายไปทั่วคอลามถึงหน้าอก ทว่าปมในใจที่เผชิญหน้าอยู่ก็ไม่คลายออกเสียที ความโกรธเคืองแปรเปลี่ยนเป็นน้อยเนื้อต่ำใจแทรกซึมอยู่ในทุกๆความคิด
“แม่งเอ๊ย!”
คำสบถลอดออกมาพร้อมกลิ่นหึ่งของเหล้าที่รุนแรง เมื่อตัดสินใจอะไรบางอย่างในใจได้แล้ว มิวก็เปลื้องผ้าขนหนูของตัวเองทิ้งลงบนพื้น พลางเปิดเว็บหนังผู้ใหญ่ที่ตั้งไว้เป็นบุ๊คมาร์ค
หน้าต่างของเว็บเบราว์เซอร์เรียงรายซ้อนกับนับสิบ คลิปโป๊หลากหลายรูปแบบถูกเปิดทิ้งไว้ เสียงครางกระเส่าร้องดังระงมออกมาจากกิจกรรมสะท้านโลกีย์
มือของเด็กหนุ่มพยายามปลุกปั้นเจ้าหนูขี้เซาให้ตื่นขึ้นมาเล่นสนุก แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ยอมรู้สึกรู้สา ราวกับที่จับอยู่นั้นคือท่อนเนื้อที่ด้านชา
ท้ายที่สุดความพยายามนับชั่วโมงก็หมดไป มิวปล่อยวางทุกอย่างทิ้งไว้บนโต๊ะ ลากสังขารที่เหนื่อยล้าและเมามายลงบนเตียง
สติสุดท้ายก่อนวูบดับไปคือภาวนาขอให้เจออมุษย์ร่างสูงใหญ่ตนนั้นอีกครั้ง เพราะไอ้เจ้านั่นมันทำให้ความฝันของเขากลายเป็นจริงได้ แม้เพียงชั่วครู่ก็ตาม
“ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”
ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ
เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน
ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั
เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ
การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด