Home / วาย / The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg) / ตอนที่ 16 เทวดาทั้งสามถึงคราวสั่นสะเทือน

Share

ตอนที่ 16 เทวดาทั้งสามถึงคราวสั่นสะเทือน

Author: Glita
last update Last Updated: 2024-12-18 23:58:06

          “ผมไม่ได้รับลูกค้าพร้อมพี่มิวมาสักพักใหญ่แล้วใช่ไหม ครั้งล่าสุดเดือนที่แล้วหรือเปล่า… ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว”

เด็กหนุ่มน้ำเสียงสดใส ดวงตาเป็นประกายเปล่งปลั่งอิ่มเอม ใครจะไปเชื่อว่าเมื่อวานสภาพของเขายังแทบดูเหมือนผีดิบไร้ชีวิต

          ขอบตาสีคล้ำสว่างใสขึ้นมาก จนการปาดเครื่องสำอางเบาบางเพียงครั้งเดียวก็ปกปิดรอยคล้ำจนเกลี้ยง แก้มทั้งสองขาวใสอมชมพูด ริมฝีปากระเรื่อเจือความชุ่มฉ่ำไม่ลอกแตกเป็นขุน

          การฟื้นฟูแบบพลิกผันของอาร์เต้เกิดขึ้นรวดเร็วในระยะเวลาไม่ถึงยี่สิบชั่วโมง สร้างความประหลาดใจให้มิวไม่น้อย 

          ชายทั้งสองใช้เวลาก่อนเริ่มงานนั่งเอื่อยเฉื่อยบนโซฟากำมะหยี่ตัวยาว มิวค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวรในแถบยุโรป ส่วนอาร์เต้ส่งข้อความคุบกับชายแปลกหน้าในแอปพลิเคชันหาคู่

          “ผมไม่ค่อยชอบดูแลลูกค้าผู้หญิงเลย” อาร์เต้บ่นอุบอิบ เขารู้ว่าเป็นเรื่องแย่ที่พูดถึงลูกค้าในเชิงลบ แต่ก็ตามนิสัยเด็กหนุ่มผู้มุทะลุ การระบายให้คนที่ไว้ใจฟังมันง่ายกว่าการเก็บงำไว้คนเดียว “ผู้หญิงสงวนท่าทีเยอะกว่าผู้ชาย อ่านเกมก็ยากกว่าเยอะ ผมชอบลูกค้ารุกเร็วๆรุกแรงๆมากกว่า ไม่ชอบเสียเวลาทั้งคืนเล่นเกมจิตวิทยา”

          “แต่ผู้หญิงเขารักใครรักจริงนะ” มิวแย้ง “ ลูกค้าพี่คนแรกที่เป็นผู้หญิงทุกวันนี้ยังแวะมาหาพี่อยู่เลย ส่วนใหญ่ถ้าเขาสบายใจกับใครแล้วไม่ค่อยจะเปลี่ยนใจไปหาคนอื่น”

          “จริงเหรอ? ผมไม่เคยสังเกต”

          “ก็เพราะเขาสงวนท่าทีนี่แหละ จะไปเริ่มใหม่กับใครก็เสียเวลาเปิดใจกันใหม่” มิวให้คำแนะนำราวกับผู้เชี่ยวชาญจบจากเมืองนอก “อีกอย่างลูกค้าผู้หญิทุ่มเทโคตร เคยมีลูกค้าพี่คนหนึ่งยอมอดข้าวเพื่อมาเปย์ *ทาวเวอร์ ซึ้งใจนะ… แต่อยากจะเขาให้เก็บเงินไปกินข้าวดีกว่า”

          “แล้วคืนนั้นพี่ตอบแทนเงินแสนของลูกค้าคนนั้นยังไง?”

          “จูบ!”

          “แค่นั้นเหรอ?”

          “แบบแลกลิ้น”

          “แค่นี้?” อาร์เต้เสียงสูง เขาไม่เชื่อว่าการตอบแทนแค่นี้จะสาสมเพียงพอ

          “ลูกค้าขอจับเป้า”

          “ล้วงไหม?”

          “อืม”

          “เหยดดดดด!” อาร์เต้อุทานด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความชื่นชมและอิจฉา “แล้วมีอะไรมากกว่านั้นไหม?”

          “หมายถึงอะไร?”

          “แบบมีไปต่อกันหลังเลิกงานไหม?”

          “ไม่” มิวส่ายหัวอย่างหนักแน่น “ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านี้ทั้งนั้น”

          “โห! เป็นผมนะยอมแลกทุกอย่างเพื่อหนึ่งทาวเวอร์เลย ตั้งแต่ทำงานที่นี่ยังไม่เคยได้สักครั้ง” อาร์เต้พูดพลางดวงตาเป็นประกาย “อิจฉาพี่มิวว่ะ มีคนสั่งทาวเวอร์ให้ทุกเดือน”

          ความภูมิใจเล็กๆแทรกซึมผ่านรอยยิ้มบนใบหน้า มิวไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตาโดดเด่น ตอนทำงานเขายังมีความเอาใจใส่ ช่างสังเกต ละเอียดอ่อน และมีเสน่ห์บางอย่างที่คอยดึงดูดผู้คนให้เอ็นดูอย่างไม่น่าเชื่อ

          ผิวกายขาวใสเนียนละเอียดราวดรุณีแรกแย้ม รูปร่างสมส่วนน่าค้นหา ถึงแม้จะสูงเพียงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปด ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปของพนักงานในร้าน มิวก็มีออร่าที่ไม่ว่าจะหลบอยู่ในซอกหลืบไหน สายตาก็จะส่องตามหาเขาจนเจอ

          อีกอย่างชายหนุ่มตัวท็อปมักมีกลิ่นอะไรบางอย่างหลบซ่อนอยู่ในลมหายใจและผิวหนัง กลิ่นคล้ายผลไม้รสหวานจัดจนเลี่ยน แต่แฝงความเปรี้ยวนิดหน่อยมาตัด ซึ่งคนรอบตัวอย่างเจษและอาร์เต้จะเรียกกลิ่นประหลาดที่ไม่เคยเจอที่ไหนนี้ว่า ‘กลิ่นยั่วเพศ’ เพราะส่วนใหญ่ใครได้สูดดมมีอันต้องใจเต้นแรง หน้าแดงไม่รู้ตัว 

          “แล้วพี่มิวชอบผู้หญิงหรือผู้ชายมากกว่า?”

          “พี่เหรอ?” มิวทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง “จริงๆลูกค้าผู้หญิงหรือผู้ชายพี่ก็ได้หมด”

          “ผมไม่ได้หมายถึงลูกค้า” อาร์เต้ม้วนหัวคิ้วจนเกือบชิดกัน “ผมหมายถึงพี่ชอบมีอะไรกับผู้ชายหรือผู้หญิง?”

          “ตอนนี้คงตอบว่าผู้หญิง เพราะพี่เคยมีอะไรกับแฟนเก่าที่เป็นผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น”

          “ไม่เคยทำอย่างว่ากับผู้ชายมาก่อนเลยเหรอ… เซ็กซ์น่ะ?”

          “ฮึ! ตั้งแต่เลิกกับแฟนเก่าพี่ก็ไม่มีเซ็กซ์กับใครเลย”

          “บ้าน่า! แล้วเวลาพี่มีอารมณ์อยากฟัดใครสักคนล่ะ พี่ทนได้เหรอ?” เมื่ออีกฝ่ายเลี่ยงจะตอบ อาร์เต้ก็รบเร้าไปยังคำถามถัดไป “แล้วพี่มิวชักว่าวบ่อยไหม?”

          ถึงจะไม่ได้อึดอัดกับคำถามแต่มันก็จี้ใจดำคนที่นกเขาไม่ขันอย่างมิว เขาจะทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่ออารมณ์ความใคร่ของเขามันโบกมือลาไปนานแล้ว

          “ถ้าพี่เบื่อชักว่าว ผมแนะนำที่เที่ยวสำหรับปลดปล่อยให้เอาไหม?” อาร์เต้กระตือรือร้นเรื่องเพศจนออกหน้าออกตา อาจเพราะเขายังอยู่ในช่วงวัยรุ่น เรื่องพรรค์นี้มีแต่ความตื่นเต้นเต็มไปหมด

          “เลิกงานก็เช้าแล้วจะเอาเวลาไหนไปเที่ยว”

          “ที่ที่ผมไปเปิดช่วงกลางวันด้วย”

          “ไม่เอาหรอก! เลิกงานก็เมาปลิ้นแล้ว เก็บเวลาไปนอนดีกว่า”

          “แล้วพี่อยากมีอะไรกับผู้ชายไหม?” อาร์เต้ยังคงกระเหี้ยนกระหือรือ “ผมช่วยได้นะ… ถ้าเป็นพี่มิวผมไม่ติดเลย ผมยอมเป็นผู้ชายคนแรกของพี่”

          “ไอ้เด็กนี่” มิวร้องเสียงหลง “มันเป็นคนเอาพี่เอาน้องว่ะ”

          “ผมจริงจังนะ”

          เสียงหัวเราะในลำคอของมิวดังขึ้นจากความเวทนาตัวเองและความเอ็นดูอาร์เต้ ไม่ใช่ว่ารุ่นน้องแก้มจิ้มลิ้มตรงหน้าไม่น่าเอา แต่ด้วยข้อจำกัดทางกายภาพมิวจึงทำได้แค่แสร้งสนุกกับหัวข้อสนทนาเพื่อกลบเกลื่อน

          โชคดีที่ประตูห้องแต่งตัวเปิดออก เสียงฝีเท้าย่ำหนักเป็นเหมือนระฆังพักยก มิวเชื่อว่าหากเจษไม่เดินเข้ามาตอนนี้ อาร์เต้คงพุ่งมาจูบเขาเพื่อยืนยันความหนักแน่นของคำพูด

          “สวัสดี! แองเจิ้ล” เจษกล่าวทักทายชายทั้งคู่บนโซฟา ก่อนจะเดินไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของตัวเอง “วันนี้ดูสดใสร่าเริงผิดหูผิดตากับเมื่อวานเลยนะอาร์”

          “สงสัยอยู่ใกล้พวกพี่แล้วผมได้พลังงานดีๆมา” อาร์เต้ปากหวานหยอดไปเรื่อย

          “แล้วพี่เจษล่ะ วันนี้มาทำงานช้ากว่าปกติ ดูเหนื่อยอีกด้วย” มิวอดแขวะไม่ได้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อรุ่งสาง “เมื่อเช้าไปทำอะไรมา”

          “เปล่านี่”

          “ผมเห็นพี่ขึ้นรถไปกับลูกค้าของผม” มิวไม่กลัวที่จะถามสิ่งที่ค้างคา

          “อ๋อ! ใช่! พี่ติดรถคุณศักดิ์ชัยไปลงหน้าปากซอยเฉยๆ”

          “ปกติก็เห็นเรียกรถเข้ามารับถึงในร้าน”

          สงครามประสาทของมิวกับเจษเริ่มต้นขึ้น โดยมีอาร์เต้นั่งเอนหลังเงียบๆอยู่บนโซฟา

          “เมื่อเช้าพี่แวะซื้อโจ๊ก”

          ถึงแม้มิวจะเห็นทุกอย่างเต็มสองตา และเหตุผลของเจษก็ฟังไม่ขึ้น แต่เขาก็ไม่อยากตีโพยตีพายให้เรื่องราวใหญ่โต ที่เขาทักท้วงขึ้นมาในตอนนี้ เพียงเพื่อเป็นการแจ้งให้เจษรู้กลายๆว่า เขารับรู้ทุกอย่างและถึงแม้จะเด็กกว่าแต่มิวก็ไม่ยอมไว้หน้าหากข้ามเส้นมาเเกิน

          “ผมแค่อยากให้พี่รักษาน้ำใจกันบ้าง?” มิวพยายามลดเสียงเพื่อไม่ให้ดูเป็นการคุกคาม

          “รักษาน้ำใจเหรอ? ฮึ” เจษพ่นลมหายใจหนักอึ้งออกมา เขาหันมาปะทะสายตากับสองหนุ่มด้านหลัง “แล้วในอมอร์มีใครรักษาน้ำใจพี่บ้าง”

          “พวกผมรักพี่นะ” น้องเล็กทำเสียงออดอ้อน

          “เหรอ?” สีหน้าของเจษเปี่ยมไปด้วยความกังขา “รักษาน้ำใจพี่แล้วเหรออาร์ แล้วอาร์รู้ไหมว่าลูกค้าวันนี้… อาร์ได้มายังไง?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบเจษเลยพูดต่อ “จริงๆแล้ววันนี้ลูกค้าเขาอยากได้เบอร์หนึ่งกับเบอร์สองของอมอร์ แต่เพราะพี่เป็นเอกเขาชอบอาร์ เขาก็เลยดันอาร์ขึ้นมาแทนพี่ไง นั่นไง… มาพอดี ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามกับเจ้าตัวดูนะ”

          บุคคลที่พึ่งถูกพาดพิงเปิดประตูเข้ามา สีหน้าของเขาไม่ตกใจเท่าไหร่นัก เพราะในสถานที่ทำงานที่การแข่งขันสูงอย่างในอมอร์ การทะเลาะเบาะแว้งเป็นเรื่องปกติเฉกเช่นกับการเมา

          “โอเค! ปัญหาพวกนี้เราไว้คุยกันทีหลังนะ ตอนนี้พี่มีเด็กใหม่อยากพามาแนะนำให้รู้จัก”

          ไฟอารมณ์ในห้องค่อยมอดลงอย่างช้าๆ เมื่อความสนใจถูกพุ่งไปยังชายผิวสีน้ำผึ้งที่เดินตามเป็นเอกมาติดๆ เขาสูงสง่าและมีนัยน์ตาชวนฝัน

          “ดันเต้” เป็นเอกแนะนำชื่ออย่างเป็นทางการ “เขามาทำงานที่อมอร์เป็นวันแรก ช่วยใจดีกับน้องเขาหน่อย”

                              —---------------------

          *ทาวเวอร์ในอมอร์บาร์โฮสต์ คือแก้วการเอาแก้วมาร์ตินี่มาเรียงซ้อนกันห้าชั้นเป็นรูปพีระมิด จากนั้นลูกค้าสามารถเลือกแชมเปญหรือไวน์เทลงบนแก้วบนสุดให้ไหลลงมายังแต่ละชั้นจนหมดขวด

          หนึ่งทาวเวอร์จะมีราคาหนึ่งแสนบาท

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status