Home / วาย / The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg) / ตอนที่ 17 พนักงานคนใหม่มันสูงดีแฮะ

Share

ตอนที่ 17 พนักงานคนใหม่มันสูงดีแฮะ

Author: Glita
last update Last Updated: 2024-12-19 03:14:18

          ทุกอารมณ์และการเคลื่อนไหวถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ ความสนใจพุ่งตรงไปยังชายหน้าใหม่ผู้ซ่อนตัวไม่มิดอยู่หลังเป็นเอก

          นอกจากจะสูงเด่นเกือบสองเมตรแล้ว ผิวสีน้ำตาลทองที่เนียนละเอียดยังขับให้ทั่วทั้งร่างดูโดดเด่นเมื่อต้องกับแสงไฟ ขนาดเทวดาทั้งสามผู้เป็นตัวท็อปของอมอร์ยังไม่อาจละสายตาทิ้ง

          ชายผู้มีใบหน้ามาดมั่นยืนอวดรอยยิ้มอยู่ด้านหลังของผู้จัดการร้าน เขี้ยวซี่ขาวยาวทะลุริมฝีปาก ชวนให้นึกถึงใครสักคนที่กำลังอยากทำเรื่องไม่ชอบมาพากล

          ดวงตากลมโตของมิวพินิจพิจารณาพนักงานใหม่ตั้งศีรษะจรดเท้า เขารู้สึกคุ้นเคยอยากบอกไม่ถูก ทั้งส่วนสูงและสีผิวทำให้ทรวงอกร้อนรุ่ม

          ถึงจะพอสร้างข้อมูลกระจัดกระจายเอาไว้ในหัวได้ ทว่ามิวก็ไม่กล้าประติดต่อปะต่อเรื่องราวทุกอย่างรวมกัน ด้วยสิ่งที่เขาคิดนั้นมันเหนือความเป็นจริงไปมาก ชายหนุ่มจึงทำได้แค่จ้องมอง

          “ปกติเด็กใหม่มาไม่เห็นจะต้องพามาแนะนำให้พวกเรารู้จัก” เจษยิงคำถามในขณะที่เริ่มแต่งหน้า หางตาแอบเหล่มองพนักงานตัวสูงใหญ่อย่างระแวดระวัง “ทำไมจู่ๆพี่เป็นเอกถึงพาคนนี้มา”

          “ก็พามาให้เด็กมันเห็นว่าพวกพี่ๆตัวท็อปของร้านเขาอยู่กันยังไง จะได้มีกำลังใจทำงาน” เป็นเอกพูดพลางตบหลังของดันเต้เบาๆ

          “ก็คือง่ายๆอยากให้พวกเราสามคนเร่งทำยอดว่างั้น” เจษกระแทกแดกดัน เขาอยู่ที่นี่มานานมากพอจะรู้ไส้รู้พุงของผู้จัดการหน้าเลือด

          มิวและอาร์เต้อดขำท่าทางของเป็นเอกตอนถูกเจษหักหน้าไม่ได้ สองคนนี้ทะเลาะกันบ่อยกว่าใครในร้าน ราวลิ้นกับฟันก็ไม่ปาน

          ถึงจะปากร้ายบ้างในบางครั้ง แต่ด้วยความเป็นพี่ใหญ่ ลึกๆเจษจึงมีความรู้สึกอยากปกป้องน้องๆ อาจด้วยทั้งสามคนมีจุดเชื่อมโยงคล้ายคลึงกันด้านครอบครัว จึงทำให้มีความเห็นอกเห็นใจ

          “คิดมากน่า! พวกนายเป็นสามคนเป็นทรินิตี้แองเจิ้ลที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่อมอร์เคยมีมาแล้ว… ตีกันยังไงสุดท้ายก็เห็นกลับมารักกันเหมือนเดิม”

          “เราเพิ่มเป็นสี่แองเจิ้ลเลยได้ไหม?” อาร์เต้พูดอย่างร่าเริง “เอาโต๊ะเครื่องแป้งผมไปใช้ก็ได้นะ ผมนั่งแต่งหน้าบนโซฟาเอง”

          “ขอบคุณสำหรับความใจดีนะอาร์ นายเอาเวลามาใจดีกับคนอื่นไปห่วงยอดของตัวเองเสียนะ ไม่อย่างนั้นทั้งโต๊ะเครื่องแป้งหรือโซฟา นายก็จะไม่ได้ใช้มัน” เป็นเอกยิ้มขู่ “กล้ามากนะที่กล้าหยุดงานติดกันเกือบอาทิตย์”

          “พี่เป็นเอกไม่น่ารักเลย!” อาร์เต้หน้ามุ่ย

          เมื่อพูดถึงเรื่องหยุดงาน มิวก็มองอาร์เต้สลับกับมองดันเต้ เขาเหมือนคิดอะไรออก…

          มิวพาความทรงจำของตัวเองกลับไปยังวันที่แวะไปหาอาร์เต้ที่คอนโด ชายคนที่เขาพบนั้นตัวใหญ่โตจนเด่นสะดุดตาเหมือนดันเต้ ซึ่งความสูงในระดับนี้ไม่ได้มีเกลื่อนให้เห็นทั่วไป

          แต่ก็ติดตรงที่หากเป็นคนเดียวกันจริงๆ ทำไมท่าทางของอาร์เต้ถึงแสดงออกมาราวกับไม่รู้จักกัน หากไม่ใช่เพราะว่าลืมไปแล้วจริงๆ ก็คงแสร้งตบตาเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง 

          ไม่แน่บางทีอาร์เต้อาจจะเป็นคนชวนเด็กใหม่คนนั้นเข้ามาทำงานที่อมอร์ และก็แอบสร้างสัมพันธ์หรือโครงการอะไรลับๆกันอยู่ มิวพยายามสร้างทฤษฎีสมคบคิดในหัว

          “ดันเต้! คนที่นั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งนั่นเจษเป็นเบอร์สองของอมอร์” เป็นเอกพยายามทำหน้าที่เป็นสื่อกลางเชื่อมโยงผู้คนในห้อง “ส่วนเด็กที่นั่งหน้างิ้วหน้างอคอหัก ตัวเล็กที่สุดในห้องนี้คืออาร์เต้… เป็นเบอร์สามของอมอร์”

          พนักงานใหม่พยักหน้าพลางสั่นหัวปลกๆ แววตาขึงขังจับจ้องไปที่มิวไม่ว่าเป็นเอกจะเอ่ยชื่อใครก็ตาม

          “ส่วนคนที่นั่งข้างอาร์เต้เป็นมือหนึ่งของที่นี่… มิว” เป็นเอกพูดต่อพลางหันมือตาม “เป็นเบอร์หนึ่งที่นานที่สุดของเรา ณ ช่วงเวลานี้”

          “สวัสดีครับ! ในห้องนี้หอมจังเลย” คำทักทายของดันเต้ค่อนข้างแปร่งหูสำหรับมิว “แค่ได้เข้ามาอยู่กับทุกคนในนี้ก็รู้สึกตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก”

          “ทำไมช่วงนี้มีแต่คนจมูกดี” เจษทักท้วง

          “หรือพวกเราใส่น้ำหอมกันเยอะไป” อาร์เต้ขอมีส่วนร่วม

          “ไม่งั้นการรับกลิ่นคงดีกว่าจมูกคน” เจษว่าพลางหัวเราะคิกคัก

          “เจษ” เป็นเอกปราม

          “อะไรครับพี่เป็นเอก” เจษทำหน้ายู่ “ผมพูดอะไรก็ไม่เข้าหูพี่สักอย่าง”

          “ก็นายชอบพูดจาแซะฟ้าแซะฝนไปเรื่อยแบบนี้ไง… พวกเด็กใหม่ถึงชอบเอานายไปพูดลับหลังให้เสียๆหายๆ”

          “รู้หรอกน่า! ก็แค่เสียงของพวกขี้แพ้”

          เรื่องหยุมหยิมพวกนี้เจษก็พอรู้อยู่ แต่สำหรับเขา… การดูแลลูกค้าก็เหนื่อยพอแล้ว จะต้องมานั่งเอาใจพนักงานในร้านเกือบร้อยคนอีก คงจะเป็นบ้าพอดี

          อีกอย่างเจษรู้ดีว่าตราบใดที่เขายังทำเงินให้อมอร์ได้ ไม่ว่าจะมีนิสัยอย่างไร… อมอร์จะคอยโอบอุ้มเขาอยู่ดี ตราบเท่าที่ยังได้รับผลประโยชน์

          “ดูท่าพี่น่าจะต้องอยู่เคลียร์อะไรต่ออีกหน่อย” เป็นเอกพูดพลางเกาหางคิ้ว “มิว… ฝากพาดันเต้ไปทัวร์พวกห้องวีไอพีหน่อย เด็กมันจะได้รู้ข้อมูลเอาไว้ เผื่อลูกค้าถามจะได้เชียร์ถูก”

          “ครับ” มิวลุกขึ้นรับคำสั่งอย่างง่ายดาย

          “ผมล่ะ… ให้ผมไปด้วยไหม?” อาร์เต้ชูมือสูงจนสุด

          “นายอยู่นี่! มาเคลียร์กันเรื่องลูกค้าที่เจษเปิดประเด็นค้างเอาไว้กันต่อดีกว่า”

          “แต่ผมไม่มีปัญหาอะไรนะ” อาร์เต้งอแง “เคลียร์กันสองคนไปสิ ผมไม่รู้เรื่อง”

          เป็นเอกทำหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนปัดมือไล่มิวกับดันเต้ให้ออกนอกห้อง “พวกนายสองคนออกไปได้แล้ว อีกเดี๋ยวขกจะเริ่มทยอยมากันแล้ว”

          “ครับ”

          มิวตอบรับก่อนจะเดินนำหน้าดันเต้ออกจากห้อง

          เสียงคารมสาดใส่กันดังทันทีที่บานประตูปิดลง มิวค่อนข้างคุ้นชินกับการเรียกคุยหรือทะเลาะกันแบบนี้ เพราะหลังจบปัญหาทุกคนก็หัวมายิ้มให้กัน ก่อนจะสร้างปัญหาใหม่กันอีกรอบ วนเวียนกันเป็นวัฐจักรการทำงาน

          พื้นที่ของอมอร์ไม่ได้ใหญ่โตหรือซับซ้อนนัก หากแต่แบ่งตามพื้นที่ใช้สอย บางจุดจึงไม่สามารถเดินดุ่มๆเข้าไปหากไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากลูกค้าบางคนต้องการความเป็นส่วนตัวสูง การคุ้มกันในบางพื้นที่จึงพิเศษกว่าส่วนอื่น

          ถึงแม้มิวจะทำงานที่นี่มาหลายปี แต่เขาก็ยอมรับว่าบางพื้นที่เขาเองก็ยังไม่เคยเข้าไป เห็นจะมีแต่เป็นเอกกับเจ้าของบาร์โฮสต์ที่มิวไม่เคยเห็นหน้าเท่านั้นที่เข้าถึงทุกพื้นที่

          อันที่จริงมิวเคยได้ยินข่าวลือด้วยว่าอมอร์มีพื้นที่ใต้ดินเอาไว้ขังพนักงานด้วย มิวเคยได้ยินพวกนักบัญชีของร้านพูดคุยเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงร้านที่น่าสงสัย ทว่าเขาก็ฟังเอาไว้เป็นแค่เรื่องสนุก

          ผ่านโถงทางเดินแคบๆ มิวเดินนำหน้าโดยมีชายร่างโตเดินไล่หลังหลังมาติดๆ 

          ความรู้สึกแบบแปลกๆยามดันเต้เดินตามข้างหลัง มันทั้งคุ้นเคยและน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก คลับคล้ายคลับคลาเหมือนโดนสะกดรอยจากผู้ล่า

          “ดันเต้ใช่ไหม?” มิวชะลอฝีเท้าเพื่อให้ทั้งคู่เดินเคียงข้างกัน เขาพยายามหาเรื่องคุยเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดที่ความเงียบสร้างเอาไว้ “อายุเท่าไหร่แล้ว?”

          “อายุมากกว่านาย”

          คำพูดที่สนิทสนมชวนให้มิวตงิดใจ เขาไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อน พวกคนประเภทที่ดูไม่สนใจอะไรในสังคมเท่าไหร่นัก และดันเต้ก็เหมือนคนประเภทนี้ไม่ผิดเพี้ยน

          ทั้งใบหน้าและท่าทางดูหยิ่งจองหอง ถึงจะมีเสน่ห์ชวนมองทว่านิสัยกลายเป็นส่วนที่คอยไล่ให้คนหนีห่าง มิวได้แต่หวังว่าตัวเองจะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับดันเต้แบบลึกซึ้ง

          “อ้อ! แล้วเคยทำงานแบบนี้มาก่อนไหม? แบบที่ต้องคอยดูแลลูกค้าอะไรพวกนี้”

          “ก็ไม่เชิงนะ แต่ฉันมีความสามารถเฉพาะตัว เรื่องพวกนี้ไม่น่าจะเกินความสามารถ”

          ‘ไอ้ความมั่นใจพวกนี้มันคืออะไรกัน’ มิวได้แต่นึกสงสัยในใจ ‘ทำไมหมอนี่มันดูกวนโอ๊ยจังวะ’

          “ของจริงกลิ่นพีชจากตัวนายชัดกว่าในฝันอีก”

          “อะ… อะไรนะ” มิวหยุดกึก เขาไม่แน่จว่าตัวเองหูฟาดหรือเปล่า “กลิ่น พะ… พีชอะไร”

          “ก็พีชต้องห้ามในสวนบาบิโลนไง”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status