/ วาย / The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg) / ตอนที่ 21 แปลกกว่าฉันก็นายนั่นแหละ

공유

ตอนที่ 21 แปลกกว่าฉันก็นายนั่นแหละ

작가: Glita
last update 최신 업데이트: 2024-12-22 19:27:40

          อันที่จริงดันเต้สามารถแวบเข้าไปห้องของมิว แล้วรอดูสีหน้าตกใจของเจ้าของห้องเลยก็ได้ ภาพในหัวสนุกๆแบบนี้เคยเกิดขึ้นจริงมาหลายครั้ง ยกเว้นก็ครั้งนี้ที่เขาไม่สามารถดลบันดาลให้เป็นจริง ปีศาจจำแลงกายตนนี้ต้องพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนมนุษย์ให้มากที่สุด แม้จะไม่ค่อยชอบก็ตาม

          จะให้ผลุบๆโผล่ๆไปมาอย่างอิสระเหมือนก่อนหน้านี้คงไม่ได้ เพราะปีศาจอย่างเขามีสภาปีศาจคอยร่างกฎการอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตประเภทอื่นทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ และมีการร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นเพื่อตรวจตราไม่ให้ทุกอย่างเกินกว่าขอบเขตของการควบคุม

          แน่นอนว่าการมีอยู่ของอมนุษย์หลากหลายเผ่าพันธุ์นั้นมีมนุษย์ผู้มีอำนาจหลายฝ่ายรับรู้ และเป็นส่วนหนึ่งของสภาความมั่นคงนี้ด้วย ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันเพื่อให้การมีอยู่ของสิ่งลี้ลับเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนาน เพราะมันอาจส่งผลดีมากกว่า 

          หลายครั้งที่ปีศาจหรือเทวาถูกมนุษย์จับตัวไปทำการทดลอง แน่นอนว่ามนุษย์ผู้หื่นกระหายความรู้มองเวทมนตร์เป็นความท้าทายหนึ่งที่ต้องการปักธงพิชิต นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ที่รับรู้เรื่องราวเหนือธรรมชาตินี้ต่างลงความเห็นคล้ายกันว่า ความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ย่อมต้องแลกกับความคุ้มค่าที่ใหญ่ยิ่ง

          ดังนั้นปีศาจระดับกลางอย่างดันเต้เองจึงต้องระมัดระวังตัว ความอึดอัดเล็กน้อยที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ตลอดเวลา ก็ดีกว่าทำผิดกฎร้ายแรงแล้วถูกเนรเทศไปยัง *สุญตา แม้เขาจะไม่เคยไปดินแดนว่างเปล่าไร้จุดสิ้นสุดนั้นก็ตาม แต่เคยได้ยินมาว่ามันน่าเบื่อและทรมานกว่าการตกนรกชั่วกัลปาวสานของพวกมนุษย์เสียอีก

          นี่ทำให้ดันเต้หวนคิดถึงสิ่งที่ชอบอย่างเดียวนสมัยยุคกลางคือ กฎไม่เข้มข้นเท่ากับตอนนี้ ทุกอย่างง่ายดายเพราะการบันทึกทุกอย่างด้วยสายตาและความทรงจำของมนุษย์นั้น ทำให้ลืมเลือนหรือพร่าเบลอได้ง่ายกว่า ผิดกับยุคนี้ที่ทุกอย่างชัดเจนแถมยังถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว

          ถึงแม้โดยหลักการ… เวทมนตร์จะคล้ายพลังงานไฟฟ้า พวกเขาแทรกแซงอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับกระแสไฟฟ้า แต่มันก็ต้องใช้งพลังงานมากโขในการจะเปลี่ยนแปลงความเป็นจริง โลกในม่านหมอกลี้ลับจึงต้องการให้ปีศาจอย่างดันเต้ออกเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด

                                             —---------------------

          สิ่งเดียวที่ช่วยให้ดันเต้ผ่านช่วงเวลาน่าเบื่อนี้ได้คือการมองออกไปนอกหน้าต่างรถ แววตาขึงขังจ้องทะลุกระจกใสเพื่อมองผู้คนใช้ชีวิต ความตื่นเต้นปรี่เข้ามายังร่างมนุษย์จำแลง

          บางครั้งดันเต้ก็นึกอิจฉาผู้คนที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งชีวิตเหล่านั้น ถึงมันจะสั้นหากเทียบกับเขา ทว่าก็มีความหมายดีๆ และสีสันมากมายซ่อนเร้นอยู่ในทุกลมหายใจ บางครั้งขมุกขมัว บางครั้งก็สดใส ไม่เหมือนการมีอยู่ของเขา ทุกอย่างถูกกรองด้วยฟิลเตอร์ขาวดำ ยากจะสัมผัสกับความสนุกอื่นนอกเหนือจากงาน

          “ไม่ต้องทอน” ดันเต้ยื่นเงินปึกหนึ่งให้คนขับรถจากเบาะหลัง

          มิวมั่นใจว่าเงินก้อนนั้นมากกว่าค่าโดยสารไม่ต่ำกว่าสิบเท่า เขาไม่กล้าร้องปรามหรือยื่นมือเข้าไปขวาง เมื่อเห็นคนขับรีบยื่นมือเข้าไปรับเงิน มือแห้งกร้านคู่นั่นกำกระดาษหลากสีเอาไว้จนแน่น ราวกับกลัวว่าพวกมันจะปลิวหายไปในสายลม

          “ขอบคุณมากเลยครับ” คนขับหน้าตาอิดโรยยกมือไหว้ปลกๆ พร่ำขอบคุณไม่หยุดปาก

          แววตาเหี่ยวย่นแวววาวในความมืด มิวเดาว่าคุณลุงสายตาฝ้าฟางคนนี้คงไม่รู้แน่ว่าที่อยู่ในมือนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่ เพราะถ้ารู้ชายชราคนนี้คงตกใจมากกว่านี้แน่

          “รีบกลับบ้านไปหาเมียเถอะ”

          ชายหนุ่มร่างใหญ่ก้าวขาลงทิ้งความปลาบปลื้มดีใจไว้เบื้องหลัง มิวแอบเห็นคนขับแท็กซี่ปาดน้ำตาแล้วรีบซ่อนเงินเอาไว้ในกระเป๋าหลังของกางเกง

          “ทำไมนายให้เงินไปเยอะขนาดนั้น” มิวเอ่ยถามหลังลงจากรถ เร่งฝีเท้าให้เดินตามมาติดๆ

          “ฉันไม่ค่อยได้ใช้เงิน”

          ถึงอยากจะบ่นเสียดายมากขนาดไหน กระนั้นเงินปึกนั้นก็ไม่ใช่ของเขา มิวจึงทำได้แค่หายใจฟึดฟัดในขณะที่เดินนำทางชายร่างยักษ์ขึ้นห้อง

          หลังจากถอดรองเท้าไว้หน้าห้องดันเต้ก็เดินตรงไปยังโซฟา นั่งลงโดยไม่รอคำเชื้อเชิญราวกับตัวเองเป็นเจ้าของห้องเสียเอง

          “ดื่มอะไรไหม?” มิวพยายามทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี

          “ไม่!” ดันเต้ตอบ “ในตู้เย็นของนายไม่มีสิ่งที่ฉันอยากดื่ม”

          “ทำไมนายชอบพูดจาแปลกๆ” มิวเดินตามมานั่งลงบนโซฟาข้างๆดันเต้

          “ฉันเปล่า” ดันเต้ยิ้ม “เพราะนายไม่รู้ในสิ่งที่ฉันรู้ นายเลยมองว่าแปลก”

          มิวเพ่งพินิจชายตรงหน้าอย่างถี่ถ้วนจากด้านหลัง หวนคิดถึงเรื่องราวระยะหลังที่ชวนสับสนและหาคำตอบไม่ได้ คำถามบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว

          “นายคือคนที่อยู่ในห้องอาร์เต้ใช่ไหม?” มิวทิ้งน้ำหนักตัวนั่งลงบนโซฟาใกล้ๆ เพื่อประจันหน้ากับชายสูงใหญ่

          ปีศาจพยักหน้าหยอกล้อเป็นการยอมรับกลายๆ เขาไม่จำเป็นต้องโกหกเพราะอีกไม่นาน… ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาก็จะถูกลืมเลือนอยู่ดี

          “แล้วทำไมนายกับอาร์เต้ถึงทำเป็นไม่รู้จักกันตอนอยู่ที่อมอร์ หรือพวกนายวางแผนจะทำอะไรกันแน่”

          “ไอ้หนุ่มนั่นจำฉันไม่ได้เพราะความฝันของเขาจบลงแล้ว”

          “ฉันคุยกับนายแล้วจะเป็นบ้า…” มิวถอนหายใจ พลางยกมือบีบขมับ… ยิ่งได้คำตอบเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ “ช่วยรีบพูดธุระของนายให้จบเลยแล้วกัน เสร็จแล้วพวกเราจะได้แยกย้ายไปทำอย่างอื่น”

          “ได้!” ดันเต้ยืดอกสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ “ฉันเป็นปีศาจ!!!”

          ความเงียบและความอึดอัดแทรกตรงกลางระหว่างชายทั้งคู่ ประโยคที่หลุดออกจากปากอวบหนานั้น มีแต่จะพิกลมากขึ้นเรื่อยๆ

          “โอเค!” มิวตีหน้ามึน คิ้วชนกันเนื่องจากเริ่มไม่สนุกกับการล้อเล่น “เราทุกคนล้วนเป็นปีศาจของใครสักคน… แล้วไงต่อ”

          “ฉันว่านายพูดจาประหลาดกว่าฉันอีก” 

          การสนทนาที่ต่อไม่ติดทำให้ทั้งคู่กระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าควรตลกหรือเครียดดี

          “เข้าใจได้ว่านายอาจไม่เชื่อฉัน ใครๆก็ทำหน้าเหมือนฉันเป็นตัวตลกหลังรู้ความจริงได้” ดันเต้คว่ำปากทำตาปรือ “ยังไง… นายก็ไม่ใช่คนแรกที่ฉันทำแบบนี้”

          ปีศาจจอมกระหายยืนยืดตัวตระหง่านเหนือร่างขาวละเอียด มิวเงยหน้าจ้องมองใบหน้าที่ค่อยๆไกลห่างมากขึ้น ปกติพอรู้อยู่ว่าดันเต้ตัวสูงใหญ่ ทว่าเมื่ออยู่ใกล้กันขนาดนี้ ทำให้ความรู้สึกตัวเองลีบเล็กนั้นเด่นชัดมากยิ่งกว่าเดิม

          ฉับพลันใบหน้าคมคยนั้นก็เคลื่อนเข้าหา ดันเต้คุกเข่าต่อหน้ามิว ใช้มือหนากร้านฉีกขาทั้งสองของมิวให้กางออก ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปกลางช่องแยกนั้น 

          นัยน์ตาดำขลับสุกใสอย่างหื่นกระหาย ดันเต้โน้มตัวดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบ

          ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อยพยายามปิดอย่างรวดเร็ว ทว่าฤทธิ์ของน้ำลายปีศาจกลับเร็วยิ่งกว่า เพียงหยดเล็กๆที่หลุดรอดเข้าไป ก็สามารถเปลี่ยนจิตใจบอบบางให้ตื่นรู้ได้

          จากความแน่นหนาที่ปิดกั้นกลับกลายเป็นการเปิดรับอย่างช้าๆ ริมฝีปากของมนุษย์ถูกปลายลิ้นของปีศาจปลอบประโลมจนเคลือบฉาบด้วยน้ำลายจนทั่ว

          ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตระหนกค่อยๆปินลงอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่มตัวแข็งทื่ออยู่ในอุ้งมือของปีศาจจอมเสพสังวาส

          ความอุ่นร้อนค่อยๆซึมแทรกเล็ดลอดผ่านเข้าไปยังโพรงปาก ความแข็งกร้าวที่ยืนหยัดก่อนหน้านี้ละลายราวกับน้ำแข็งก้อนจิ๋วบนเตาย่าง

          ความรู้สึกโหยหาตลบอบอวลจากลมหายใจเข้าครอบงำสู่จิตใจ ลิ้นหนานุ่มของดันเต้ดุนดันจนสำเร็จ มันไล่กวาดทุกกลิ่นหอมหวานในช่องชื้นแฉะ  เสียงจูบอันดูดดื่มบรรเลงดังสลับกับเสียงกระหืดกระหอบ

          หัวใจของมิวเต้นเร่าจนเก็บอาการไม่อยู่ ท้องน้อยวูบวาบเหมือนมีประกายไฟนับร้อยพุ่งชน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วและรุนแรงจนหยดสุดท้าย…

          ดันเต้ผละตัวปลดปล่อยลมหายใจที่เคยหลอมรวมให้แยกออกจากกัน ใบหน้าของมิวแดงระเรื่อราวเปล่งปลั่งเหมือนลูกมะเขือเทศที่สุกงอม

          “นายรู้สึกใช่ไหม?”

          มิวเลียริมฝีปากเก็บรสชาติสุดท้ายที่ดันเต้ทิ้งเอาไว้ให้ ความเขินอายมากล้นจนไม่กล้าจะโต้ตอบด้วยวาจา

          “ความเร่าร้อน ความหื่นกระหาย นายอยากให้ฉันทำกับนายมากกว่านี้”

          มิวมองหน้าดันเต้ด้วยใจที่เต้นแรง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจูบกับผู้ชาย แต่เป็นครั้งแรกที่มันเร่าร้อนจนชายหนุ่มรู้สึกว่าทั้งร่างถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟ

          “ก็นะ… ร่างกายของนายมันไม่ยอมตอบสนอง” ดันเต้บีบคลึงกลางลำตัวอันนุ่มนิ่มของมิว

          ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปมองฝ่ามือหนาใหญ่กำกลางเป้าอยู่ภายนอกกางเกง มิวเขินหนักกว่าเดิมเมื่อความลับที่ไม่เคยแพร่งพรายมีคนรับรู้ โดยเฉพาะเมื่อความลับน่าอับอายนี้อยู่ในมือของหนุ่มหล่อร่างกำยำ

          มิวถอนร่นไปข้างหลังได้ไม่เท่าไหร่ แผ่นหลังก็ชนกับพนักพิงโซฟา เขารีบปัดมือของดันเต้ให้ออกจากสิ่งที่ต้องการปกปิด คำพูดถูกดูดกลืนไปจนหมด

          “ไม่ผิดแน่! นายโดนคำแช่งเทวา”

                                             —---------------------

          *สุญตา คือความว่างเปล่า เหล่าปีศาจเมื่อดับสูญจะไม่เหลือดวงวิญญาณกลับคืนสู่ผืนโลก แต่จะถูกส่งจิตสุดท้ายไปยังดินแดนว่างเปล่าอันเป็นนิรันดร์ สำหรับพวกเขาที่แห่งนี้ทรมานกว่าการตกนรกของพวกมนุษย์เสียอีก

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status