ฉันอยากหัวเราะให้กับความคิดประหนึ่งเด็กน้อย และคำสารภาพแบบหมดเปลือกของเขานะ แต่ดันเปล่งเสียงหัวเราะไม่ออกน่ะสิ เห็นบุคลิกภายนอกดูนิ่ง ๆ หยิ่ง ๆ กร้าวใจสาวน้อย สาวใหญ่ ชะนี เก้ง กวางแบบนี้ แต่ใครจะล่วงรู้ว่าภายในใจแอบซ่อนความเจ้าคิดเจ้าแค้นเอาไว้แน่น ขนาดเรื่องเล็กนิดเดียวคุณเขายังเอาคืนฉันเดี๋ยวนั้น นี่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่จะขนาดไหนเหรอ“แต่เราบอกเธอไปแล้วนี่นาว่าไม่ได้หลบ” ฉันสบตาเขานิ่ง ก่อนจะอธิบายต่อ เพราะไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาแล้ว “และเหตุผลที่เห็นแล้วไม่ทักเป็นเพราะเราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทักเธอยังไงอีกนั่นแหละ อีกอย่างเพื่อนเธอก็นั่งกันเต็มโต๊ะขนาดนั้น เราไม่กล้าพอที่จะเดินเข้าไปทักหรอก ไม่อยากถูกแซว เพราะคิดว่าคงรับมือลำบาก”ปืนฟังฉันเงียบ ๆ พยักหน้าช้า ๆ เหตุผลที่ฉันให้ไปเขาคงเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ส่วนตัวก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าเพราะอะไรเขาถึงดูแคร์เรื่องอะไรแบบนี้ ทั้งที่เขาดูไม่น่าจะใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ออกแนวไม่สนใจความเป็นไปของโลกด้วยซ้ำ แปลกจริง “ขอโทษครับ”“ขอโทษ ?” ฉันเลิกคิ้วและก่อนที่ฉันจะถามปืนก็ชิงขยายความซะก่อน “ขอโทษที่ไม่มีเหตุผล พริกหวานยกโทษให้ปืนนะ...นะครับ” เข
กระโปรงตัวใหม่ที่ปืนลงทุนเดินไปซื้อมาให้เปลี่ยนเป็นกระโปรงพลีทความยาวเลยเข่าลงมานิดหน่อย เขาบอกใส่แบบนี้ดีกว่าแบบเดิมเป็นไหน ๆ เรื่องนี้ฉันไม่เถียงหรอกเพราะก็รู้อยู่แก่ใจว่า ใส่แบบไหนสะดวกสบายกว่ากัน แต่บางทีฉันก็อยากใส่ทรงเอบ้างอะไรบ้างไง จะสั้นยาวก็ว่ากันไป อารมณ์ผู้หญิงอะเนอะ ถึงจะต้องแต่งเครื่องแบบซ้ำซากตลอดห้าวันหกวันแต่ก็ขอให้ได้มิกซ์แอนด์แมทต์ ซึ่งจุดนี้ผู้ชายอาจไม่เข้าใจ แล้วที่ทำฉันอึ้งจนตาโต อ้าปากค้างก็ตอนเขายื่นถุงอ้วน ๆ ให้ตอนฉันเดินกลับมานั่งที่เดิมหลังเปลี่ยนกระโปรงเรียบร้อยแล้ว นี่แหละ คือเขาไม่ได้ซื้อมาให้แค่ตัวเดียวอย่างที่เข้าใจไง ขนซื้อมา ตั้งห้าตัว แถมยังเหมือนกันเป๊ะ“ไม่ต้องกลัวขาด แต่ต้องระวังเวลามีลม”“...”“รู้งี้เอาตัวที่ยาวกว่านี้มาก็ดี”ปืนขมวดคิ้วแน่น ส่วนฉันฟังแล้วต้องเลิกคิ้วหันมามองตา ยัยแจนกับยัยเบลแบบไร้ซึ่งคำพูด ดูออกแหละว่าผู้ชายหนึ่งเดียวท่ามกลางหญิงสาวอย่างพวกเรามีอารมณ์หงุดหงิดเจือจาง ถ้าเดาไม่ผิดคงไม่พ้นเรื่องกระโปรงฉัน เพราะเมื่อกี้เขาเพิ่งจะบ่นไปว่าน่าจะเอาตัวที่ยาวกว่านี้มาให้ฉัน ซึ่งที่เขาซื้อมานี่มันยังไม่ยาวอีกเหรอ ปกติฉัน ก็ใส่ทรงพลีทคว
จีบ ?ฉันมุ่นคิ้วคิดเรื่องนี้มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็อาจไม่เป็นอย่างที่คิดเหรียญยังมีสองด้าน นับประสาอะไรกับความคิดในใจคนเดายากไม่อยากเข้าข้างตัวเองด้วย “ไม่รู้สิ”“ไม่รู้หรือไม่อยากพูด”“เขาก็ปกติ ไม่ได้มีท่าทีอะไรน่าสงสัย แกอย่าคิดแทนเขาสิ”แน่ล่ะว่าฉันโกหก ขืนพูดไปรับรองถูกซักฟอกจนขาวซีดแน่“แต่ฉันว่ามันทะแม่ง ๆ อยู่นะแก” ยัยเบลยังไม่เลิกสงสัย “ตอนนี้ยังไม่มีอะไร โอเคนะ” ฉันตัดบท“ตอนนี้ยัง แสดงว่าอนาคตไม่แน่” ยัยคนขี้สงสัยหรี่ตาเล็กแคบ“อนาคตก็คืออนาคต”“นึกว่านางเอกเบอร์หนึ่งมาตอบคำถามผู้สื่อข่าวจอมซอกแซก อนาคตก็คืออนาคต หมั่นไส้อะ อิจฉาด้วย” ยัยแจนทำปากยื่นยาว “ทีเมื่อวานล่ะยังกับหนังคนละม้วนกับวันนี้เลย” มันก็จริงอย่างแจนว่า ตัวฉันเองก็ยังงงไม่หาย และยังไม่ทันได้ถามว่าเพราะอะไรถึงอยากจะเสวนากับฉันถึงขนาดยอมละลายพฤติกรรมประหนึ่งน้ำแข็งของตัวเองลง“แล้วฉันจะบอกเขาให้”“บอกอะไรยะ” ยัยแจนทำหน้างงหนักมาก“ก็บอกในสิ่งที่แกบ่นไง”“แกอยากให้ฉันถูกแช่แข็งตายเหรอพริกหวาน”“เว่อร์แล้ว”“จ้า... ฉันมันเว่อร์จ้า คิดเยอะไปเองด้วย สายตาที่ปืนมองแกไม่มีเหลียวแลมาทางฉันสองคนเลย
วันนี้ตลอดทั้งวันฉันมีเรียนแค่คลาสเดียวก็จริง แต่ก็เป็นอีกคลาสที่เรียนหนักหน่วงเอาการสำหรับเด็กเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศอย่างฉันและเพื่อนร่วมเซคกว่าสองร้อยยี่สิบชีวิตกับวิชาเฉพาะ กฎหมายธุรกิจ ผู้สอนคืออาจารย์หฤทัย วินัยเที่ยงตรง ฉายาอาจารย์สาวโสดวัยดึกจอมเนี้ยบที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากพวกรุ่นพี่ แกเนี้ยบ แกเป๊ะ แกเคร่งครัดเน้นหนักในทุกเรื่อง คะแนนเก็บคะแนนสอบฟังจากเสียงเล่าลือเขาก็ว่าได้ยากแสนยาก ที่จำเป็นต้องลงเรียนกับแกก็เพราะลงกับอาจารย์อีกท่านไม่ทัน เลิกคลาสวิชานี้ทีไรจึงอ่อนเปลี้ยเพลียแรง สมองเบลอกันเป็นแถว “เนื้อหาของอาจารย์เล่นเอามึนไปหมด”“เออ เห็นหน้าเพื่อนแต่ละคนแล้วไม่ต้องพูดก็เข้าใจความรู้สึกดูเบลอ ๆ ง่วง ๆ ท่าทางการเดินเอื่อยเฉื่อยเหมือนเพิ่งโดนซอมบี้กัดคอ แล้วนี่นะ ฉันไม่อยากจะคิดถึงตอนสอบเลยพวกแก เราต้องท่องหนังสือกันจนหัวฟูแน่ เพราะรุ่นพี่เคยแย๊บมาว่าอาจารย์แกไม่บอกแนวข้อสอบ”“คณะเรานี่มีแต่อาจารย์โหด ๆ เนอะ”“ที่สุดอะ”ตั้งใจว่าพอเลิกเรียนแล้วจะกลับห้องไปนอนสักตื่นเพื่อให้สมองมันปลอดโปร่งแล้วค่อยออกไปซื้อของใช้จำเป็นที่กำลังจะหมดลงในวันสองวันนี้ที่ห้างฯ แต
[ Special Puen Talks ]“ดูรีบร้อนแบบมีพิรุธนะมึงอะ มีอะไรปกปิดกูปะวะ”ผมปรายตามองหน้าไอ้เข้มจอมจับผิด แต่ไม่ได้พูดอะไร ประจวบเหมาะกับประตูลิฟต์เปิดออกผมจึงรีบสาวเท้าเดินออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยมที่มีแค่ผมกับพวกเพื่อนสนิทเป็นคนแรก แล้วไอ้จอมแส่เข้มมันก็ไม่ปล่อยให้ผมหนีไปไหนไกล มันตามมากระโดดล็อก คอจากด้านหลัง“แน่ะ กูถามแล้วยังทำเป็นเงียบ บอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยว่ามึงจะรีบไปไหนไอ้ปืน อยู่ในห้องเรียนกูแอบเห็นนะว่ามึงเอาแต่ดูนาฬิกาทุก ๆ ห้านาที สิบนาที สมาธิก็เหมือนลืมเอามาจากห้อง เดินออกมายังไม่พูดไม่จากับใครหน้าไหนเหมือนคนใบ้แดกอีก” ผมไม่ตอบคำถามไอ้เข้ม ได้แต่มุ่งหน้าสาวเท้าเดินไปเรื่อย ๆ จนออกมาหยุดยืนอยู่หน้าตึกโดยมีตัวเชื้อโรคห้อยต่องแต่งบนหลังเอาแต่ถามคาดคั้นไม่ยอมแพ้ ถามว่าที่แบกมันอยู่เนี่ยผมหนักไหม บอกเลยว่าโคตรจะหนัก แต่รำคาญมากกว่า พูดแม่งไม่ได้หยุด“คาดคั้นเก่ง ทำตัวเป็นเมียมันไปได้ไอ้ห่าเข้ม”“ไม่ต้องทำมาเป็นหึงกูสัสเป้”“หึงพ่องมึงสิสัส ขนลุก” ไอ้เป้ลูบแขนตัวเองพลางทำท่าสยองไอ้เข้มกับใครมันก็ปากดี ปากหมา สันดานมันเป็นแบบนี้จนบางทีพวกผมก็อยากส่งเท้ายันมันพร้อม ๆ กัน“ไอ้เหี้ยเอ๊
“ปืนเหรอ” เสียงใสติดจะงัวเงียพึมพำเบา ๆ หน้าตาดูสงสัย“ไม่ใช่ปืนแล้วจะเป็นใคร หน้าตาแบบนี้มีคนเดียวนะครับ”คิ้วเรียวย่นเข้าหากันแล้วพยักหน้าหงึกหงัก ดูมึน ๆ งง ๆ “จริงด้วย ปืนคนนี้มีคนเดียวนี่เนอะ ปืนจ๋า ฮิ ๆ” แล้วเธอก็ยิ้มกว้างหวานหยดย้อย และทำใจกล้าด้วยการยื่นนิ้วมาจิ้มจมูกผมเล่น ส่งเสียงหัวเราะคิกคักจนตายิบหยีก่อนที่ปากเล็ก ๆ สีสวยจะหาวขึ้นมาอีก น่ารักฉิบหาย น่ารักจนไม่อยากแบ่งปันภาพนี้ให้ใครได้มีโอกาสเห็น ท่าทางอิดออดไม่ยอมลุกขึ้นมานั่งดี ๆ นั่นอีก ผมว่าผมไม่ได้คิด หรือรู้สึกไปเองนะที่รู้สึกว่าพริกหวานน้อยตอนตื่นนอนจะดูอ้อนหนักเป็นพิเศษ“ตื่นเต็มตายัง”“อื้อ ฮื่อ...ไม่อยากลุกเลยอะ” เสียงน่ารักบ่นหงุงหงิง“ง่วงมากขนาดนั้นเลย” ผมถามยิ้ม ๆ อยากยืดเวลาตรงนี้ให้นานขึ้นอีกสักหน่อยเลยไม่ดึงดันที่จะให้คนเพิ่งตื่นนอนรีบลุกนั่ง กว่าหอสมุดจะปิดให้บริการก็ตอนสองทุ่มนู่น ตอนนี้มีเวลางีบอีกถมเถ อยากนอนต่อผมก็จะนั่งเฝ้าจนกว่าจะนอนจนพอใจ แต่ดูทรงแล้วคนขี้เซาคงไม่คิดจะนอนต่อ คงแค่ขี้เกียจลุก“ก็ถึงขนาดนั่งอ่านหนังสือรอเธอไม่ไหวอะ” พริกหวานพูดเสียงงึมงำ ก่อนจะยกมือปิดปากหาวพลางไซ้แก้มกับหลังมือตัวเ
“ปืนกินดุนะ เธอเลี้ยงไหวเหรอ” ผมลองหยั่งเชิง พบว่าคนโดนถามถึงกับชะงัก มองตาผมปริบ ๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มน่ารักออดอ้อนให้ผมเสียอาการเล่น จากที่ตั้งใจจะแกล้งเธอเล่นผมว่าผมโดนลูกแมวน้อยย้อนเกล็ดเข้าให้แล้ว “เธอคงกินไม่ดุถึงขนาดเราเลี้ยงไม่ไหวหรอกมั้ง” พริกหวานพูดแล้วขำเอง “ยังไงก็ปรานีเราหน่อยละกันเนอะ เดี๋ยวเราไม่มีเงินจ่ายไม่อยากล้างจานชดใช้ค่าเสียหาย เราจะตอบแทนที่เธอซื้อกระโปรงให้เราเมื่อหลายวันก่อน” จ้อเสียงใสดวงตาเป็นประกายขบขัน ตัวผมเองก็ขำไปด้วย แต่พอเธอพูดถึงเรื่องกระโปรงขึ้นมาตาผมก็มองต่ำลงในทันทีพร้อมกับคิ้วที่เริ่มขมวดอีกครั้ง “ซื้อให้แล้วทำไมไม่ใส่” สาบานว่าผมเพิ่งจะสังเกต“ก็ใส่แบบพลีทมาหลายวันแล้ว” เธอตอบเสียงเบา“ใส่มาหลายวันแล้วยังไงพริกหวาน” ผมย้อนถามเสียงเข้ม ไม่พอใจในคำตอบจากปากจิ้มลิ้ม ถามว่าผมมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่พอใจเรื่องการแต่งกายของพริกหวาน เหอะ ผมไม่มีหรอกไอ้สิทธิ์ที่ว่านั่นน่ะ และเพราะไม่มีสิทธิ์นี่แหละมันเลยทำผมหัวร้อน อยากได้สิทธิ์มาครอบครองฉิบหาย“ใส่แบบเดิม ๆ มาหลายวันแล้วเค้าก็อยากเปลี่ยนบ้าง”อืม...แล้วผมก็ต้องพ่ายแพ้แก่เสียงหงุงหงิงของพริกหวาน กัดฟันสะกดกั้
ปืนขับ BMW Coupe สีขาว 2 ประตู ไม่น่าตื่นเต้นเท่าที่ฉันถูกใครหลายคนมองมาคล้ายกำลังจับผิดตั้งแต่ในหอสมุดจนกระทั่งเดินมาถึงลานจอดรถด้านหลัง ปกติเวลาฉันเดินไปไหนมาไหนในมหา’ลัยนอกจากพวกเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในสาขาเดียวกันก็ไม่ค่อยมีใครสนใจอะไรฉันเท่าไรนักหรอก เพราะไม่ใช่คนเด่นคนดังที่ทุกคนจะต้องจับตามองเป็นพิเศษ ผิดกับวันนี้ที่ฉันดันมาเดินเคียงไหล่กับหนึ่งในพ่อหนุ่มสุดฮอตของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาคสาขาวิชาไฟฟ้า แถมยังมีบุญวาสนาขึ้นรถราคาหลายล้านมากับเขา คงไม่แคล้วกลายเป็นหัวข้อสนทนา “คิดอะไรอยู่”ฉันคิดอะไรอยู่อย่างนั้นเหรอ ? ฉันขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งหันไปทางสารถีรูปหล่อบ้านรวยเพื่อมองเขาให้เต็มสายตา ก่อนจะเรียบเรียงประโยคในหัวให้คนฟังเข้าใจง่ายที่สุด “เรากลัวแฟนคลับเธอไม่พอใจเราอะ คงไม่มีดักตบอะไรแบบนั้นใช่ไหมอ่า” พูดติดตลกแต่คนฟังกลับไม่ยิ้มหัวเราะตามน่ะสิฉันเลยได้แต่ยิ้มเจื่อน ถึงปืนจะเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ดารานักร้อง หรือแม้แต่เน็ตไอดอลคนดัง แต่ยอดจำจวนกดติดตามในเฟซบุ๊กกลับมี ถึงหกเจ็ดหมื่นคน เห็นครั้งแรกทำเอาอึ้งเหมือนกัน นี่ถ้าเขาเป็นคนชอบโพสต์รูปตัวเองนะ ฉันว่ายอดคนกดติดตามคงแตะไปถึงหลั
“แฟนยัยพิมพ์เขาเป็นลูกชายเจ้าของร้านทอง ตามจีบยัยพิมพ์อยู่นานกว่าแม่ลูกสาวฉันจะยอมใจอ่อนตกลงปลงใจคบหาด้วย ไอ้ตอนเรียนมหา’ลัยน่ะไม่เคยมีแฟนอย่างใครเขาหรอก” ปากป้าณีพูดกับป้าหมอนคนที่แกกำลังเม้าท์ด้วย ทว่าปรายตามองมาทางฉันที่นั่งโต๊ะติดกัน ประโยคต้นพูดอวยลูกสาวตัวเอง ประโยคหลังนี่กระทบกระเทียบ นี่แหละนิสัยป้าฉัน ซึ่งก็คือลูกพี่ลูกน้องของพ่อตอนนี้ขั้นตอนการทำบุญเลี้ยงพระแล้วผ่านพ้นไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงคราวรับประทานอาหารร่วมกัน ป้าณีแกสั่งโต๊ะจีนมาหกสิบโต๊ะ อันนี้ทราบจากแม่ พี่พิมพ์วันนี้แต่งตัวสวยจัดเต็ม ข้างกายมีแฟนหนุ่มซึ่งได้รับการชื่นชมจากป้าณีไม่ขาดตามติดไม่ห่าง“โชคดีของยัยพิมพ์มันแล้วณีเอ๊ย แต่จะว่าไปแล้วลูกหลานตระกูลเธอได้แฟนหน้าตาดีกันทั้งนั้น” ป้าหมอนเอ่ยขึ้นมา ไม่ต้องคอยเงี่ยหูฟังฉันก็ได้ยินแม้ว่าเสียงดนตรีในงานจะดัง “อย่างแฟนของยัยหนูพริกหวานนั่นก็ดูดีเชียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฐานะทางบ้านคงไม่ธรรมดา ผิวพรรณงี้ผุดผ่อง หน้าหล่อยังกับพระเอกละครแน่ะ ได้ยินใครว่าขับรถราคาหลายล้านเลยนะ”“แฟนยัยพิมพ์ก็เปลี่ยนรถขับเป็นว่าเล่น เอาเถอะยังไงฉันขอตัวไปคุยกับแขกคนอื่นต่อแล้วกันนะหมอน”“ป้าณีแก
“แฟนปืนสวยจัง”ลงบันไดมาจากชั้นสองของบ้านประโยคแรกที่ได้ยินก็ทำฉันยิ้มกว้าง วางมือลงบนฝ่ามือแกร่งที่ยื่นออกมารอรับ ริมฝีปากสวยแนบจูบลงบนหลังมือฉันด้วยสัมผัสทะนุถนอม ก่อนเขาจะรวบเอวฉันเข้าไปกอดแนบอก“แฟนเค้าก็หล่อมากกกก” ลากเสียงพลางคล้องแขนโอบรอบลำคอแกร่ง โน้มคนตัวสูงให้ก้มต่ำลงมาหา จูบหนัก ๆ ที่แก้มนุ่มซึ่งนุ่มน้อยกว่าฉันนิดนึง ก่อนจะเกยคางกับแผ่นอกแข็ง ๆ แหงนคอมองดวงตาลุ่มลึกที่แสนอบอุ่น“ชักไม่อยากให้ดื้อไปออกงานแล้วสิ หรือเราจะไม่ไปดี” ปืนพึมพำ จูบเปลือกตาฉันตามด้วยจมูก แก้มทั้งสองข้าง และมาหยุดที่ริมฝีปาก“เปลี่ยนใจมานอนกอดกันอยู่บ้านแทนเถอะค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันปืนคิดถึงกอดอุ่น ๆ ของดื้อ” แล้วเขาก็จูบจุ๊บปากฉันติด ๆ กันจนฉันหลุดเสียงหัวเราะ คิดถึงส่วนหนึ่ง หวงก็ส่วนหนึ่งแหละอาการนี้อะ หลังกลับจากบ้านสวนปืนฉันก็เอ้อระเหยอยู่ในกรุงเทพฯ ต่ออีกสามวัน แล้วถึงได้กลับมาบ้าน ตอนมาปืนก็มาส่งนี่แหละ แต่เขาจะมาขลุกตัวอยู่บ้านฉันลากยาวมันก็ไม่เหมาะ อีกอย่างเขาต้องช่วยงานพ่อกับแม่ด้วย เพราะใกล้สิ้นปีแบบนี้ทั้งร้านอาหาร และบริษัทต่างก็ยุ่งพอกัน เมื่อวานกว่าจะขับรถมาถึงที่บ้านฉันก็ปาเข้าไ
‘เกียร์วิศวฯ คือเกียร์แห่งความภาคภูมิใจ มีไว้เพื่อระลึกถึงความยากลำบากว่ากว่าจะได้มากูต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหน ส่วนเกียมัวคือเกียร์ที่กูก็ต้องพึงระลึกอยู่เหมือนกันว่าอย่าได้ทำอะไรให้เกียนี้ระคายเคืองเพราะอาจส่งผลถึงชีวิตกูได้’“ยิ้มอะไรคะดื้อ” เสียงทุ้มนุ่มถามข้างหู“คิดถึงเรื่องเกียร์อยู่ค่ะ” เงยหน้ายิ้ม แผ่นหลังพิงอกแกร่งสบาย“เกียร์เหรอคะ ดื้อหมายถึงเกียร์อะไร เกียร์ที่ปืนให้ดื้อเก็บรักษาเอาไว้ หรือปืนที่เกียมัว” เขาเขี่ยปลายจมูกฉัน ประโยคท้ายกระซิบด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ“ก็ทั้งสองแหละ” ฉันยิ้มเต็มใบหน้า ปืนรัดแขนแน่นแสดงอาการมันเขี้ยวฉัน ถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าคนเยอะเขาคงจับฉันฟัดไปแล้ว ไม่ทำแค่หอมแก้มธรรมดาหรอก“นี่ ๆ ๆ ที่เราจะปาร์ตี้หมูกระทะกันเนี่ย มีของครบเหรอ”“เออว่ะ ถ้าแจนไม่ทักคงไม่มีใครคิด” เป้ขมวดคิ้ว เท้าเอว“ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงคืนนี้ก็ได้กิน”“พูดแบบนี้หมายความว่ามึงเตรียมไว้แล้วเหรอวะไอ้ปืน”“อือ”สรุปได้ว่าก่อนมาปืนให้คนงานช่วยเตรียมซื้อเสบียงไว้รอท่าพวกเราอยู่ก่อนแล้ว เหมือนเขารู้อะว่าความต้องการของทุกคนคืออะไร รางวัลที่เขาสมควรได้ฉันเลยจัดไปชุดใหญ่ หอมแก้มเน้
เราใช้เวลากินข้าวกันประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นฉันก็ไล่ปืนให้ไปนั่งดูทีวี ส่วนฉันก็ทำหน้าที่เก็บกวาดโต๊ะอาหารแล้วถึงนำจานชามทั้งหมดมาล้างทำความสะอาด เสร็จจากในครัวฉันก็แวบมาดูปืนแป๊บหนึ่ง เห็นเขานั่งดูหนังเงียบ ๆ ฉันก็ยิ้มพอใจก่อนจะหมุนตัวเดินมาทางห้องนอน อาบน้ำอีกสักรอบ คืนความสดชื่นให้ร่างกาย“ถึงว่าทำไมหายมานาน”เท้าพลันชะงักเมื่อได้ยินเสียงเอื่อยเฉื่อยทักขึ้นมา ฉันคลี่ยิ้มแล้วเดินตรงมาที่เตียง แขนยาว ๆ ข้างหนึ่งเด่ออกรอท่าให้ฉันถลาเข้ามาอยู่ในวงแขน ส่วนอีกข้างกำมือถือฉันไว้ ระหว่างเราไม่มีความลับต่อกัน ใครจะใช้ของใครจึงไม่ใช่ปัญหา เขาเล่นของฉัน ฉันเล่นของเขา หยิบผิดหยิบถูกสลับเครื่องกันประจำเพราะตอนนี้ เราใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ความคิดปืนอีกแหละ เงินเขาด้วย“นึกว่าจะได้นอนหลับสบายบนเตียงคนเดียวซะอีก” แสร้งบ่นทว่าก็ทิ้งตัวลงนอนซบอกอุ่น ๆ ที่ช่วงหลังมานี้ฉันใช้มันนอนต่างหมอนเป็นประจำ“คิดว่าจะได้นอนหลับสบายจริง ๆ เหรอคะคนสวย” ถามเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะงับแก้มฉันไปคำใหญ่ และดูดจนเกิดเสียงดังบ๊วบ ชอบเล่นอะไรแบบเนี้ย “ตอนอาบน้ำใหม่ ๆ นี่น่ากินนักแหละ” คราวนี้
ฉันกลั้นหายใจขณะเปิดและปิดประตู ก่อนจะเดินย่องเบา ลงน้ำหนักแค่ปลายเท้าเข้ามาในห้องนอนกว้าง ร่างสูงเปลือยท่อนบนอวดแผ่นหลังขาวจั๊วะของผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ที่กำลังนอนคว่ำหน้า ไม่รู้สึกรู้สากับอุณหภูมิที่เปิดเอาไว้เย็นจัด ฉันกัดริมฝีปากพลางอมยิ้ม คลานเข่าขึ้นมานั่งทับขาอยู่บนเตียง ใช้นิ้วชี้จิ้มสะกิดจึก ๆ บริเวณเหนือขอบกางเกงนอนขายาวก็ยังไม่ขยับจึงตัดสินใจเหยียดขาข้างขวาตวัดคร่อมสะโพกสอบก่อนจะพาตัวเองปีนขึ้นมานอนทับเรือนกายแข็งแรง แกล้งเป่าลมเข้าไปในหูสะอาด ปลุกคนนอนตื่นสายให้ตื่นจากการนอนหลับฝันดี“ปืนนนนน”“อือ”“ตื่นได้แล้วค่ะ ตอนนี้จะเที่ยงแล้วนะคะ”พรึ่บ“ว้าย” กรีดเสียงร้องด้วยความตกใจ ปืนพลิกตัวทีเดียวฉันก็ตกอยู่ใต้ร่างในอ้อมแขนเขา ทิ้งน้ำหนักตัวกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัมให้ฉันเป็นคนแบกรับเอาไว้“แฟนปืนตัวหอมจังค่ะ” เสียงแหบแห้งของคนเพิ่งตื่นงึมงำ จมูกกับปากคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอ ฉันแทรกนิ้วเข้าไปซุกในเส้นผมนุ่มลื่น สิ่งที่โปรดปรานอีกอย่างหนึ่งของฉันคือการได้เล่นผมเขา แล้วเขาเองก็ชอบที่ฉันหมั่นนวดคลึงหนังศีรษะ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ ผู้ชายหลายคนอาจจะถือ ไม่ปลื้มที่แฟนเล่นหัวแต่ส
หลังจากกินอิ่มเราก็หอบหิ้วของฝากมาให้พ่อกับแม่ ปืนเขาคอยถามตลอดว่าเอาอันนั้นไหม พ่อจะกินไหม แม่จะชอบรึเปล่า แล้วเขาก็เข้ากันได้ดีกับน้องชายฉันมาก ๆ ฉันดีใจนะ ดีใจมากเลยล่ะที่การคบกันของเราสองคนไม่ได้นำพาความหนักใจให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อนฉันหลาย ๆ คนเจอปัญหาครอบครัวแฟนไม่ปลื้ม เข้ากับใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าวันใดวันหนึ่งฉันต้องเจอกับสถานการณ์แบบนั้นจะทำยังไง ซึ่งมันก็ไม่ได้คำตอบ เพราะเรายังไม่เจอ จนวันนี้ฉันมีแฟน และปัญหานั้นฉันกับปืนไม่มี จึงบอกได้เลยว่ามันคือความโชคดีของเรา “แอบคิดถึงผู้ชายคนไหนรึเปล่าคะดื้อถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” “อื้อ” “อื้อนี่คือไรดื้อ” “ก็คิดไง” “ว่าไงนะ!” “คิดถึงปืน” ยิ้มอ้อนปืนก่อนเอนหัวพิงไหล่เขาอย่างออดอ้อน “คิดถึงปืนในแง่ไหนเล่าให้ฟังหน่อย พูดดีมีรางวัล พูดไม่ดีต้องโดนทำโทษ” ฉันอมยิ้ม ปืนยกมือขึ้นลูบผม ได้ยินเสียงสูดดมแถวข้างขมับแล้วพึมพำว่า “หอม” “คิดว่าเค้าโชคดีจังที่ได้เจอกับเธอ และที่โชคดีไม่แพ้กันคือครอบครัวของเรารักและเอ็นดูเรา” มุ
“กับพริกหวานเธอจริงจังมากแค่ไหน”“จริงจังถึงขนาดคิดไปถึงเรื่องแต่งงานเลยครับ”“แต่เธอเพิ่งคบกันได้ไม่นาน อะไรที่ทำให้มั่นใจขนาดนั้น”“เพราะพริกหวานคือผู้หญิงที่ผมรัก และผมคิดว่าผมรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเลยครับ” ฉันยกมือปิดปากก่อนที่เสียงร้องจะหลุดออกไปให้ใครได้ยิน ฉันเพิ่งรู้ เพิ่งรู้คำสารภาพนี้“มันอาจเป็นความรัก ความหลงที่อาจไม่จีรัง”“ไม่หรอกครับพ่อ ผมรู้จักตัวเองดี คนอย่างผมถ้าได้ลองรักหรือชอบอะไรแล้วไม่มีทางที่ผมจะเปลี่ยนใจจากสิ่งนั้นได้ง่าย ๆ พริกหวานเข้ามาเปลี่ยนโลกผม เข้ามาทำให้ผมอยากยิ้ม อยากหัวเราะ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับลูกสาวพ่อ”“พ่อแม่เธอล่ะว่ายังไง”“พ่อแม่ผมชอบพริกหวานมากครับ”“รักกันก็ดูแลกันให้ดี พ่อมีลูกสาวคนเดียวหวังว่าจะเข้าใจ”“ครับ ขอบคุณครับพ่อ”“ยัยพริกหวานไม่ต้องซ่อนแอบแล้ว ไปบอกแม่ว่าพ่อหิว”“ค่ะ” ฉันได้แต่ยิ้มแหย มั่นใจว่าพ่อไม่เห็นแล้วนะ รู้ได้ไงไม่รู้การพาปืนมาพบครอบครัวของฉันครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พ่อไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกให้ดูแลกันให้ดี ทำอะไรนอกลู่นอกทางก็ให้พึงระลึกอยู่เสมอว่าเรากำลังอยู่ในวัยเรียน พ่อกับแม่ยังไม่อยากอุ้
วันนี้ฉันจะพาปืนไปเจอครอบครัว เราออกจากกรุงเทพฯ มาได้ชั่วโมงหนึ่งแล้ว คนที่ออกอาการตื่นเต้นกลับไม่ใช่คนที่กำลังไปเจอพ่อกับแม่ เป็นฉันเองนี่แหละที่ใจหวิว ๆ ในช่องท้องปั่นป่วน อยากชวนยูเทิร์นกลับไปตั้งหลักใหม่ “เป็นไรดื้อ” “ตื่นเต้นอะ” “ตื่นเต้นทำไม ได้กลับบ้านตัวเองนะ” “ก็เพราะพาเธอกลับด้วยนี่แหละเค้าถึงได้ตื่นเต้น” “ทำไม กลัวพ่อตาแม่ยายไม่ปลื้มปืนอ่อ” “ก็ไม่ เค้าเชื่อว่าพ่อแม่ต้องชอบเธอ แต่” “แต่อะไร” “แต่เค้าก็ยังกังวล” “งั้นขอกำลังใจให้ปืนหน่อย” “แปะโป้งไว้ก่อนได้ไหมอะ” “ไม่ได้” “โธ่” ฉันแสร้งถอนหายใจไปงั้น ยอมตั้งแต่เขาขอแล้วแหละ และกำลังใจที่ว่าก็คือหอมแก้ม ฉันยื่นหน้าไปหอมแก้มปืนฟอดใหญ่ ทิ้งตัวเอนซบร่างสูงแทนพิงเบาะ ปืนยกมือขึ้นมาโอบฉันไว้ รู้สึกได้ถึงสัมผัสอบอุ่นที่แตะลงมาแถว ๆ ข้างขมับ เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอะไรฉันชอบกอด ชอบอ้อนเขาเป็นพิเศษ “อาทิตย์นี้พี่แพรให้ปืนพาดื้อเข้าไปเอาเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่” “พี่แพรไลน์มาบอกเ
“อื้อ...พะ...พอ ไม่...ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวหยุดไม่ได้”ผมเป่าปาก ผ่อนลมหายใจก่อนซบหน้าลงบนซอกคอขาว พลางลูบหลัง ลูบไหล่บางเล่นคลายความปรารถนา “ใครที่ว่าหยุดไม่ได้ ดื้อหรือปืนหืม” ผมยิ้มในหน้า ถามล้อคนหน้าแดงตัวแดง กลั้วหัวเราะชอบใจ กดปากจูบหนัก ๆ ที่ซอกคอขาว ๆ ไล้ปลายนิ้วที่เอวอ่อนคอดกิ่ว รัดร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นแน่น ๆ เพื่อสงบอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงปรี๊ดให้ดำดิ่งลงมา พอได้กอดแล้วผมไม่อยากปล่อยเลย อยากกอดเอาไว้ทั้งวันทั้งคืน“ต้องไม่ใช่เค้าอยู่แล้ว” เสียงปนหอบกระเง้ากระงอดเล็ก ๆ“อ่าฮะ เพราะฉะนั้นก็นั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับอีกเลย ปืนทรมานมาก” ผมกัดฟันกระซิบบอกข้างใบหูขาวสะอาด ร่างดุ๊กดิ๊กบนตักถึงกับชะงัก ตัวแข็งค้าง ตากลมโตเบิกกว้างมองต่ำลงมองตรงจุดเกิดเหตุ ปากจิ้มลิ้มค่อย ๆ เผยอขึ้นทีละน้อย ความทรมานของผมเกิดขึ้นได้ตลอดถ้ามีพริกหวานน้อยอยู่ใกล้ ๆ“ปล่อยไหม ปล่อยเถอะ” น้ำเสียงเบาหวิวถามกึ่งขอร้องผมส่ายหน้า กอดรัดเอวเล็กแน่น ถึงสถานการณ์จะสุ่มเสี่ยงแต่ก็ยังอยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ “ยังไม่อยากปล่อยเลยค่ะ อยากกอดไปอีกนาน ๆ ดื้อช่วยกอดปืนให้แน่นกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ” ผมแนบปากลงบนหัวไหล่กลมกลึงก่อนจะซุก