“สวัสดี...เราชื่อปืน”ฉันขมวดคิ้ว ร้องหืมในลำคอแล้วรีบเงยหน้า ละสายตาจากหนังสือที่เปิดกางทิ้งไว้ด้วยความงงงวยถึงขีดสุด คือที่เงยหน้าเนี่ยต้องการจะมองให้แน่ใจว่าตัวเองคือคนที่ถูกใครก็ไม่รู้พูดสวัสดีใส่พร้อมทั้งบอกชื่อที่เดาว่าคงเป็นชื่อเล่นของเขาคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหม ผลปรากฏว่าใช่จริง ๆ นั่นแหละเขาพูดกับฉันว่ะ เพราะตรงนี้นอกจากฉันกับผู้ชายที่บอกว่าตัวเองชื่อปืนก็ไม่มีใครแล้วล่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะร้างผู้คนไปซะทีเดียว เพื่อนนักศึกษาร่วมสถาบันคนอื่น ๆ ที่มาอาศัยนั่งอ่านตำรา ค้นข้อมูล ประกอบการทำการบ้าน ทำรายงาน ใช้บริการหอสมุด ณ บริเวณโซนชั้นสามเวลานี้ต่างเลือกที่จะนั่งโต๊ะที่อยู่ห่างกันออกไปเพื่อความเป็นส่วนตัวกันแทบทั้งนั้น รวมถึงตัวฉันเองด้วยที่ต้องการความสงบในการค้นตำราเปิดหาข้อมูลทำรายงานส่งอาจารย์อิทตย์หน้า ซึ่งถ้าเป็นช่วงตอนพีคอย่างตอนกลางวันน่ะเหรอ แค่มีที่ว่างให้อาศัยนั่งหลบร้อนระหว่างรอเรียนช่วงบ่ายบ้างก็นับว่าดีแล้วและคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวหลังลอบสำรวจอยู่เงียบ ๆ คือเราเคยรู้จักกันไหมนะ ?เคยรึเปล่า ?ฉันมุ่นคิ้วพลางเอียงคอเล็กน้อยเพื่อมองผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งออร่าฟุ้งกระจาย ล
ฉันมุ่นคิ้วสงสัยก่อนจะเลิกสนใจแล้วก้มหน้าลงเพื่ออ่านหนังสือที่เปิดกางเอาไว้ตามเดิม คือท่าทางเหมือนจะดีอยู่หรอกฉันเนี่ย แต่ติดตรงที่ตั้งใจอ่านเท่าไรมันก็ไม่เข้าหัวแล้วนี่สิ ทั้งที่เพื่อนร่วมแชร์โต๊ะก็ไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวนสมาธิอะไรเลยนะ ออกจะนิ่งสงบเสมือนไร้ตัวตนในสายตาฉันด้วยซ้ำ จะโทษเขาเต็มร้อยก็ไม่ได้ เอาเป็นว่าเป็นที่ตัวฉันเองนี่แหละที่สมาธิมีไม่มากพอ ทำยังไงก็ไม่สามารถจมอยู่กับตัวเองต่อไปได้เหมือนก่อนหน้าที่เขาจะปรากฏตัว จะว่าความหล่อพาใจไม่นิ่งก็...มีนิดหนึ่งแหละยอมรับ นี่ถ้ายัยแจนกับยัยเบลไม่ชิ่งหนีฉันกลับบ้านไปก่อนล่ะก็ กล้าฟันธงและคอนเฟิร์มเลยว่ายัยสองคนนั้นจะต้องออกอาการดี๊ด๊า ชนิดเก็บอาการยังไงก็ไม่เนียน เพราะโดยปกติก็ชอบส่องชอบเหล่หนุ่ม ๆ คณะวิศวฯ เป็นงานอดิเรกแก้เครียดกันอยู่แล้ว ถ้ารู้ว่าฉันได้นั่งร่วมโต๊ะกับหนุ่มหล่อคณะนี้ล่ะก็ คงได้ยินเสียงคนร้องโอดครวญแบบแพ็คคู่เพราะความเสียดายพันเปอร์เซ็นต์ และฉันก็ไม่คิดจะปิดปากเงียบด้วย ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าคืนนี้จะแชตไลน์ไปเม้าท์ให้เบลกับแจนได้ดีดดิ้นเล่นและพอคิดถึงเพื่อนขึ้นมาก็อดเสียดายไม่ได้ที่ไม่รู้ว่าปืนอยู่ชั้นปีอะไร ถ้าร
หลังทำเรื่องยืมหนังสือที่ต้องใช้ค้นหาข้อมูลประกอบการทำรายงานกับเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์คนสวยมาสองเล่มเรียบร้อย เดินออกมาด้านนอกตึกหอสมุด ท้องฟ้าที่เคยมีแสงแดดเจิดจ้าก็ถูกความมืดกลืนกินไปกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เสาไฟทุกต้นมีไฟสีส้มส่องสว่างตลอดทางฉันชอบนะ บรรยากาศตอนย่างก้าวเข้าสู่ช่วงหน้าหนาวแม้ว่าหน้าหนาวบ้านเราอากาศเย็นจะมาเร็วไปไวกว่าทุกประเทศก็เถอะ แต่จะว่าไปอากาศ ณ ตอนนี้ ในเวลาเกือบ ๆ จะหนึ่งทุ่มของวันที่ยี่สิบปลาย ๆ ของเดือนตุลาคม ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้มันก็เย็นใช้ได้เหมือนกันแฮะ และเหมือนว่าอากาศมันจะเย็นกว่าทุกวันด้วยแฮะนับตั้งแต่ที่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศว่าประเทศไทยของเราได้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอย่างเป็นทางการไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนด้วย ลมเย็น ๆ ที่พัดโชยผ่านหน้าไปเมื่อกี้ให้ความรู้สึกดีจนอยากยื้อเอาไว้นาน ๆ“เป็นไปได้ขอหนาวกว่านี้อีกเยอะ ๆ เลยนะ”ถึงฤดูนี้มันจะทำให้ดูเหงา ทำให้คนอยู่ไกลบ้านคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัวมากกว่าช่วงเวลาปกติ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็แฝงด้วยความสุข ฉาบด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะและฉันก็เชื่อมั่นเต็มหัวใจว่าแทบทุกคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะนับถอยหลัง
“อาจารย์ปล่อยพวกเราช้าไปตั้งยี่สิบนาที หิวข้าวจะแย่แล้ว”ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับเบลเพื่อนสนิทสุดซี้ที่รู้จักกันเมื่อตอนรับน้องพร้อมสำทับไปว่า “อาจารย์เดินเข้าห้องมาสอนพวกเราเลทไปแค่ห้านาที แต่ปล่อยนักศึกษาอย่างพวกเราเลทไปตั้งสิบห้านาที จริง ๆ เราควรจะชินได้แล้วแหละแต่ก็ไม่ชินสักที เพราะวิชานี้ชอบทำให้พวกเราหิว!” ฉันกลอกตา ลูบท้อง โคลงหัว ขณะเดียวกันก็ลงมือเก็บชีท เก็บปากกายัดใส่กระเป๋าดินสอแล้วถึงได้หยิบโทรศัพท์ออกมาจากช่องเล็กด้านในหลังจากที่ไม่ได้แตะต้องมันนานถึงสองชั่วโมงกว่าคลาสนี้อาจารย์แกจัดว่าเข้มงวดเรื่องการใช้มือถือในชั่วโมงเรียนมากถึงมากที่สุด ทุกคนที่ลงเรียนกับแกจะรู้กันถ้วนหน้าว่าถ้าไม่อยากมีปัญหากับแกอย่าได้ควักมันออกมาเชียว เพราะถ้าเกิดสายตาแหลมคมของเจ๊แกดันกวาดมาเห็นเข้ารับรองได้ว่าเรื่องใหญ่แน่นอน เคยมีตัวอย่างให้เห็นกันมาแล้ว แถมยังมีเสียงเล่าลือเสียงเล่าอ้างส่งต่อ กันมาเป็นทอด ๆ ให้ได้ยินประจำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีข้อยกเว้นนะ ย้ำว่าต้องกรณีที่ร้ายแรงจริง ๆ ถึงได้รับการผ่อนปรน“เออหิวว่าแต่เราจะไปกินข้าวร้านไหนดี ไม่เอาโรงอาหารนะ”“อือ เบื่อเหมือนกัน งั้นร้านป้านี
แน่นอนว่าคนที่ดูตื่นเต้นมากกว่าฉันถึงสองเท่าตอนเห็นรูปที่ปืนถูกเพื่อนแท็กมาชัด ๆ ก็ยัยสองคนนี้นี่แหละ ดวงตานี่เป็นประกายคล้ายลูกแก้วต้องแสงไฟเหมือนกันเด๊ะ ส่วนยัยเบลมันดูรูปไม่ถนัดหรือยังไงไม่รู้ แย่งโทรศัพท์ไปจากมือฉันเลยล่ะจ้ะ สงสัยเรื่องปากท้องคงกลายเป็นเรื่องไร้สาระไปแล้วล่ะฉันว่าแต่ฉันไม่นะยังหิวเหมือนเดิมมื้อเช้ากินแค่นมกับขนมปัง เพราะสาย“หูยยยยย หล่ออ่า แบบว่าน่าลากเข้าห้องเก็บสมบัติมากเลยอะแก๊ ตอนแกเล่าให้ฟังฉันก็พยายามจินตนาการถึงความหล่อของปืนตามไปด้วยนะแต่มันถึงภาพไม่ออก จนมาเห็นด้วยสองตาของตัวเองนี่แหละ คือว้าว มากเว่อร์” เบลจีบปากจีบคอพร่ำเพ้อ มองดูแล้วน่าหมั่นไส้และตลกไปในคราวเดียวกัน อาการนี้คงจะลืมไปจริง ๆ นั่นแหละว่าตัวเองกำลังหิวข้าวอยู่ “ว่าแต่ทำไมปืนถึงเล็ดลอดจากสายตาเรดาห์ของฉันไปได้ล่ะเนี่ย ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนเลย ในเพจของมอก็ด้วย” ยัยเบลยืนกอดอกทำหน้าครุ่นคิดจริงจังหนักมาก คือเพจของมอมีกี่เพจยัยนี่กดติดตามหมดบางทีฉันยังอาศัยใบบุญจากคุณนายเบลเลยส่วนอีกคนก็...“ชื่อโหดแต่หน้าตาไม่โหดตามชื่อเลยอ่าแก ปืนหล่อมากแบบมากจริง ๆ ขอฉันสมัครเป็นเอฟซีคนคิ้วท์ ๆ อ
“บ้ายบายจ้า ไว้เจอกันวันพรุ่งนี้นะจ๊ะเพื่อนจ๋า”“จ้า บ้ายบายน๊า” ฉันเองก็ไม่ยอมแพ้ ใช้เสียงสองตามบ้าง พลางยื่นมือไปดึงแก้ม ยีผมยัยแจนลูกสาวพ่อป่าด้วยความมันเขี้ยวแล้วฉันก็หันมายกมือไหว้พ่อป่า พ่อเพื่อนผู้แสนใจดีที่มักจะแวะมาส่งฉันเสมอหากว่าท่านมารับลูกสาวที่มหา’ลัย ซึ่งก็ไม่ค่อยบ่อยนักหรอก เดือนละหนสองหนได้ ปกติยัยแจนก็กลับรถเมล์เหมือนฉันกับยัยเบลนี่แหละ แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ยัยสองสาวเพื่อนซี้ขับรถของที่บ้านมาเรียนเอง คือขับรถเป็นกันทั้งคู่เลยแหละ ยกเว้นฉัน พริกหวานผู้ซึ่ง ขี่เป็นแต่จักรยาน “ขอบคุณนะคะพ่อที่แวะมาส่งหนู”“ไม่เป็นไรลูก” พ่อป่ายิ้มกว้างใจดีให้อย่างเคยฉันยืนโบกมือบ้ายบาย รอจนกระทั่งท้ายรถเก๋งป้ายแดงคันงามรุ่นใหม่ล่าสุดภายใต้สัญชาติญี่ปุ่นของพ่อยัยแจนเลี้ยวพ้นไปจากสายตาแล้วนั่นแหละฉันถึงเริ่มขยับเท้า ปราดตามองซ้าย มองขวาเพื่อความชัวร์ ก่อนเดินข้ามถนนแคบ ๆ พอดีให้รถสองคันได้วิ่งสวนทางกันไปมาได้มาฝั่งอะพาร์ตเมนต์ หย่อนมือล้วงหยิบคีย์การ์ดในกระเป๋า อีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะเป็นใบเบิกทางไปสู่ด้านในติ๊ด ติ๊ดผลักประตูเข้าไปเห็นว่ามีคนกำลังจะเดินสวนออกมาพอดีฉันเลยรอ“ขอบคุณค
Rrrrrrrrrr MY MOM เหมือนรู้ว่ากำลังคิดถึง “จ้าแม่” ฉันกรอกเสียงสดใสทักทายหลังจากสไลด์รับสาย (ถึงห้องยังพริกหวาน) ฉันอมยิ้ม คำถามเปิดประเด็นแบบนี้มีให้ได้ยินทุกวันแหละ ถ้าแม่ไม่โทรมาฉันก็ต้องโทรไป ไม่ก็คุยไลน์กันถ้าไม่สะดวกโทร ครอบครัวอื่นที่ลูกอยู่ไกลบ้านเป็นยังไงฉันไม่รู้นะ แต่ครอบครัว ฉันเป็นแบบนี้ คือจะคุยมากคุยน้อยไม่เป็นไร แต่ต้องคุยกันทุกวันเพื่อให้รู้สถานการณ์ “เพิ่งถึงจ้ะ พ่อยัยแจนมาส่ง” บอกพลางรินน้ำใส่แก้วดื่ม (งั้นเหรอ แล้วหาอะไรกินยัง นี่แม่มากินราดหน้าที่องค์พระฯ) “ยังเลยแม่ อยากกินหอยทอดอะ” ยู่ปากพลางทิ้งตัวลงนอนแผ่ (แถวนั้นมีไหมล่ะ หากินแถวนั้นไปก่อนสิ) “มีจ้ะ ร้านเปิดใหม่ แต่ไม่อร่อยเลย หนูเคยลองไปกินแล้ว” อาหารการกินบางอย่างก็สู้นครปฐมไม่ได้ (งั้นก็อยากต่อไปนะคะลูกสาว ไว้กลับมาบ้านค่อยให้พ่อพามากินที่องค์พระฯ นี่พ่อก็กระซิบบอกแม่ให้บอกเราไปหาข้าวหาปลา กินได้แล้ว อย่ารอให้มืดค่ำ หน้านี้มันมืดเร็ว อยู่ตัวคนเดียวเดินไปไหนมาไหนมันอันตราย) คำสอนยืดยาวนี่ก็ได้ยินบ่อย ๆ แต่ก็ไม่มีช่วงเวลาไหนที่รำคาญ และไม่ใช่แค่ลูกสาวหรอกที่พ่อจะห่วงเป็นพิเศษ ลูกชายก็ห่วง ข้าวโอ
แล้วคือระหว่างที่ฉันกำลังนั่งชั่งใจ ลังเลว่าควรจะทำยังไงดี รับหรือไม่รับ ปืนก็ไม่มีทีท่าจะถอดใจ สายตัดไปเขาก็โทรกลับมาใหม่เดี๋ยวนั้นเลย เป็นแบบนี้อยู่ราว ๆ สามถึงสี่ครั้ง จนฉันต้องขอยกธงขาวยอมแพ้ในความพยายาม และขณะเดียวกันก็สงสัยด้วยว่าเพราะอะไรถึงต้องการจะคุยแบบเห็นหน้า ที่พิมพ์แชตมาคิดว่าแค่อยากแกล้ง ฉันให้หัวร้อนเล่นซะอีก แต่นี่ นี่มันเหนือความคาดหมายเกินไป จับต้นชนปลายไม่ถูกฉันกลอกตามองเพดาน พลางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจสไลด์ปลายนิ้วรับสาย และสิ่งแรกที่ฉันเห็นเต็มจอคือใบหน้าหล่อเหลาสุดแสนจะเรียบเฉยอันเป็นเอกลักษณ์ของปืนรออยู่ เขาไม่ยิ้มไม่แย้ม ฉันเองก็ไม่ได้ฉีกยิ้มใส่เหมือนกัน ซึ่งฉันก็เรียนรู้มาจากตัวเขานั่นแหละ แต่ภายในใจนี่อีกเรื่องหนึ่งเลยนะ มันมีความตื่นเต้นซ่อนอยู่คนไม่คุ้นเคยกัน จู่ ๆ มามองหน้ากันผ่านกล้อง ไม่รู้สึกแปลกก็ให้มันรู้ไป และด้วยความช่างสังเกตที่มี มองแป๊บเดียวฉันก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าสถานที่ที่ปืนยืนอยู่ไม่น่าจะใช่ที่พักอาศัย เดาสุ่มว่าน่าจะเป็นร้านเหล้าร้านใดร้านหนึ่ง ล่าสุดแอบได้ยินเสียงนักร้องพูดใส่ไมค์คุยกับลูกค้า เลยสรุปได้ว่าฉันเดาถูกนั่นเอ
“แฟนยัยพิมพ์เขาเป็นลูกชายเจ้าของร้านทอง ตามจีบยัยพิมพ์อยู่นานกว่าแม่ลูกสาวฉันจะยอมใจอ่อนตกลงปลงใจคบหาด้วย ไอ้ตอนเรียนมหา’ลัยน่ะไม่เคยมีแฟนอย่างใครเขาหรอก” ปากป้าณีพูดกับป้าหมอนคนที่แกกำลังเม้าท์ด้วย ทว่าปรายตามองมาทางฉันที่นั่งโต๊ะติดกัน ประโยคต้นพูดอวยลูกสาวตัวเอง ประโยคหลังนี่กระทบกระเทียบ นี่แหละนิสัยป้าฉัน ซึ่งก็คือลูกพี่ลูกน้องของพ่อตอนนี้ขั้นตอนการทำบุญเลี้ยงพระแล้วผ่านพ้นไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงคราวรับประทานอาหารร่วมกัน ป้าณีแกสั่งโต๊ะจีนมาหกสิบโต๊ะ อันนี้ทราบจากแม่ พี่พิมพ์วันนี้แต่งตัวสวยจัดเต็ม ข้างกายมีแฟนหนุ่มซึ่งได้รับการชื่นชมจากป้าณีไม่ขาดตามติดไม่ห่าง“โชคดีของยัยพิมพ์มันแล้วณีเอ๊ย แต่จะว่าไปแล้วลูกหลานตระกูลเธอได้แฟนหน้าตาดีกันทั้งนั้น” ป้าหมอนเอ่ยขึ้นมา ไม่ต้องคอยเงี่ยหูฟังฉันก็ได้ยินแม้ว่าเสียงดนตรีในงานจะดัง “อย่างแฟนของยัยหนูพริกหวานนั่นก็ดูดีเชียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฐานะทางบ้านคงไม่ธรรมดา ผิวพรรณงี้ผุดผ่อง หน้าหล่อยังกับพระเอกละครแน่ะ ได้ยินใครว่าขับรถราคาหลายล้านเลยนะ”“แฟนยัยพิมพ์ก็เปลี่ยนรถขับเป็นว่าเล่น เอาเถอะยังไงฉันขอตัวไปคุยกับแขกคนอื่นต่อแล้วกันนะหมอน”“ป้าณีแก
“แฟนปืนสวยจัง”ลงบันไดมาจากชั้นสองของบ้านประโยคแรกที่ได้ยินก็ทำฉันยิ้มกว้าง วางมือลงบนฝ่ามือแกร่งที่ยื่นออกมารอรับ ริมฝีปากสวยแนบจูบลงบนหลังมือฉันด้วยสัมผัสทะนุถนอม ก่อนเขาจะรวบเอวฉันเข้าไปกอดแนบอก“แฟนเค้าก็หล่อมากกกก” ลากเสียงพลางคล้องแขนโอบรอบลำคอแกร่ง โน้มคนตัวสูงให้ก้มต่ำลงมาหา จูบหนัก ๆ ที่แก้มนุ่มซึ่งนุ่มน้อยกว่าฉันนิดนึง ก่อนจะเกยคางกับแผ่นอกแข็ง ๆ แหงนคอมองดวงตาลุ่มลึกที่แสนอบอุ่น“ชักไม่อยากให้ดื้อไปออกงานแล้วสิ หรือเราจะไม่ไปดี” ปืนพึมพำ จูบเปลือกตาฉันตามด้วยจมูก แก้มทั้งสองข้าง และมาหยุดที่ริมฝีปาก“เปลี่ยนใจมานอนกอดกันอยู่บ้านแทนเถอะค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันปืนคิดถึงกอดอุ่น ๆ ของดื้อ” แล้วเขาก็จูบจุ๊บปากฉันติด ๆ กันจนฉันหลุดเสียงหัวเราะ คิดถึงส่วนหนึ่ง หวงก็ส่วนหนึ่งแหละอาการนี้อะ หลังกลับจากบ้านสวนปืนฉันก็เอ้อระเหยอยู่ในกรุงเทพฯ ต่ออีกสามวัน แล้วถึงได้กลับมาบ้าน ตอนมาปืนก็มาส่งนี่แหละ แต่เขาจะมาขลุกตัวอยู่บ้านฉันลากยาวมันก็ไม่เหมาะ อีกอย่างเขาต้องช่วยงานพ่อกับแม่ด้วย เพราะใกล้สิ้นปีแบบนี้ทั้งร้านอาหาร และบริษัทต่างก็ยุ่งพอกัน เมื่อวานกว่าจะขับรถมาถึงที่บ้านฉันก็ปาเข้าไ
‘เกียร์วิศวฯ คือเกียร์แห่งความภาคภูมิใจ มีไว้เพื่อระลึกถึงความยากลำบากว่ากว่าจะได้มากูต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหน ส่วนเกียมัวคือเกียร์ที่กูก็ต้องพึงระลึกอยู่เหมือนกันว่าอย่าได้ทำอะไรให้เกียนี้ระคายเคืองเพราะอาจส่งผลถึงชีวิตกูได้’“ยิ้มอะไรคะดื้อ” เสียงทุ้มนุ่มถามข้างหู“คิดถึงเรื่องเกียร์อยู่ค่ะ” เงยหน้ายิ้ม แผ่นหลังพิงอกแกร่งสบาย“เกียร์เหรอคะ ดื้อหมายถึงเกียร์อะไร เกียร์ที่ปืนให้ดื้อเก็บรักษาเอาไว้ หรือปืนที่เกียมัว” เขาเขี่ยปลายจมูกฉัน ประโยคท้ายกระซิบด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ“ก็ทั้งสองแหละ” ฉันยิ้มเต็มใบหน้า ปืนรัดแขนแน่นแสดงอาการมันเขี้ยวฉัน ถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าคนเยอะเขาคงจับฉันฟัดไปแล้ว ไม่ทำแค่หอมแก้มธรรมดาหรอก“นี่ ๆ ๆ ที่เราจะปาร์ตี้หมูกระทะกันเนี่ย มีของครบเหรอ”“เออว่ะ ถ้าแจนไม่ทักคงไม่มีใครคิด” เป้ขมวดคิ้ว เท้าเอว“ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงคืนนี้ก็ได้กิน”“พูดแบบนี้หมายความว่ามึงเตรียมไว้แล้วเหรอวะไอ้ปืน”“อือ”สรุปได้ว่าก่อนมาปืนให้คนงานช่วยเตรียมซื้อเสบียงไว้รอท่าพวกเราอยู่ก่อนแล้ว เหมือนเขารู้อะว่าความต้องการของทุกคนคืออะไร รางวัลที่เขาสมควรได้ฉันเลยจัดไปชุดใหญ่ หอมแก้มเน้
เราใช้เวลากินข้าวกันประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นฉันก็ไล่ปืนให้ไปนั่งดูทีวี ส่วนฉันก็ทำหน้าที่เก็บกวาดโต๊ะอาหารแล้วถึงนำจานชามทั้งหมดมาล้างทำความสะอาด เสร็จจากในครัวฉันก็แวบมาดูปืนแป๊บหนึ่ง เห็นเขานั่งดูหนังเงียบ ๆ ฉันก็ยิ้มพอใจก่อนจะหมุนตัวเดินมาทางห้องนอน อาบน้ำอีกสักรอบ คืนความสดชื่นให้ร่างกาย“ถึงว่าทำไมหายมานาน”เท้าพลันชะงักเมื่อได้ยินเสียงเอื่อยเฉื่อยทักขึ้นมา ฉันคลี่ยิ้มแล้วเดินตรงมาที่เตียง แขนยาว ๆ ข้างหนึ่งเด่ออกรอท่าให้ฉันถลาเข้ามาอยู่ในวงแขน ส่วนอีกข้างกำมือถือฉันไว้ ระหว่างเราไม่มีความลับต่อกัน ใครจะใช้ของใครจึงไม่ใช่ปัญหา เขาเล่นของฉัน ฉันเล่นของเขา หยิบผิดหยิบถูกสลับเครื่องกันประจำเพราะตอนนี้ เราใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ความคิดปืนอีกแหละ เงินเขาด้วย“นึกว่าจะได้นอนหลับสบายบนเตียงคนเดียวซะอีก” แสร้งบ่นทว่าก็ทิ้งตัวลงนอนซบอกอุ่น ๆ ที่ช่วงหลังมานี้ฉันใช้มันนอนต่างหมอนเป็นประจำ“คิดว่าจะได้นอนหลับสบายจริง ๆ เหรอคะคนสวย” ถามเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะงับแก้มฉันไปคำใหญ่ และดูดจนเกิดเสียงดังบ๊วบ ชอบเล่นอะไรแบบเนี้ย “ตอนอาบน้ำใหม่ ๆ นี่น่ากินนักแหละ” คราวนี้
ฉันกลั้นหายใจขณะเปิดและปิดประตู ก่อนจะเดินย่องเบา ลงน้ำหนักแค่ปลายเท้าเข้ามาในห้องนอนกว้าง ร่างสูงเปลือยท่อนบนอวดแผ่นหลังขาวจั๊วะของผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ที่กำลังนอนคว่ำหน้า ไม่รู้สึกรู้สากับอุณหภูมิที่เปิดเอาไว้เย็นจัด ฉันกัดริมฝีปากพลางอมยิ้ม คลานเข่าขึ้นมานั่งทับขาอยู่บนเตียง ใช้นิ้วชี้จิ้มสะกิดจึก ๆ บริเวณเหนือขอบกางเกงนอนขายาวก็ยังไม่ขยับจึงตัดสินใจเหยียดขาข้างขวาตวัดคร่อมสะโพกสอบก่อนจะพาตัวเองปีนขึ้นมานอนทับเรือนกายแข็งแรง แกล้งเป่าลมเข้าไปในหูสะอาด ปลุกคนนอนตื่นสายให้ตื่นจากการนอนหลับฝันดี“ปืนนนนน”“อือ”“ตื่นได้แล้วค่ะ ตอนนี้จะเที่ยงแล้วนะคะ”พรึ่บ“ว้าย” กรีดเสียงร้องด้วยความตกใจ ปืนพลิกตัวทีเดียวฉันก็ตกอยู่ใต้ร่างในอ้อมแขนเขา ทิ้งน้ำหนักตัวกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัมให้ฉันเป็นคนแบกรับเอาไว้“แฟนปืนตัวหอมจังค่ะ” เสียงแหบแห้งของคนเพิ่งตื่นงึมงำ จมูกกับปากคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอ ฉันแทรกนิ้วเข้าไปซุกในเส้นผมนุ่มลื่น สิ่งที่โปรดปรานอีกอย่างหนึ่งของฉันคือการได้เล่นผมเขา แล้วเขาเองก็ชอบที่ฉันหมั่นนวดคลึงหนังศีรษะ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ ผู้ชายหลายคนอาจจะถือ ไม่ปลื้มที่แฟนเล่นหัวแต่ส
หลังจากกินอิ่มเราก็หอบหิ้วของฝากมาให้พ่อกับแม่ ปืนเขาคอยถามตลอดว่าเอาอันนั้นไหม พ่อจะกินไหม แม่จะชอบรึเปล่า แล้วเขาก็เข้ากันได้ดีกับน้องชายฉันมาก ๆ ฉันดีใจนะ ดีใจมากเลยล่ะที่การคบกันของเราสองคนไม่ได้นำพาความหนักใจให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อนฉันหลาย ๆ คนเจอปัญหาครอบครัวแฟนไม่ปลื้ม เข้ากับใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าวันใดวันหนึ่งฉันต้องเจอกับสถานการณ์แบบนั้นจะทำยังไง ซึ่งมันก็ไม่ได้คำตอบ เพราะเรายังไม่เจอ จนวันนี้ฉันมีแฟน และปัญหานั้นฉันกับปืนไม่มี จึงบอกได้เลยว่ามันคือความโชคดีของเรา “แอบคิดถึงผู้ชายคนไหนรึเปล่าคะดื้อถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” “อื้อ” “อื้อนี่คือไรดื้อ” “ก็คิดไง” “ว่าไงนะ!” “คิดถึงปืน” ยิ้มอ้อนปืนก่อนเอนหัวพิงไหล่เขาอย่างออดอ้อน “คิดถึงปืนในแง่ไหนเล่าให้ฟังหน่อย พูดดีมีรางวัล พูดไม่ดีต้องโดนทำโทษ” ฉันอมยิ้ม ปืนยกมือขึ้นลูบผม ได้ยินเสียงสูดดมแถวข้างขมับแล้วพึมพำว่า “หอม” “คิดว่าเค้าโชคดีจังที่ได้เจอกับเธอ และที่โชคดีไม่แพ้กันคือครอบครัวของเรารักและเอ็นดูเรา” มุ
“กับพริกหวานเธอจริงจังมากแค่ไหน”“จริงจังถึงขนาดคิดไปถึงเรื่องแต่งงานเลยครับ”“แต่เธอเพิ่งคบกันได้ไม่นาน อะไรที่ทำให้มั่นใจขนาดนั้น”“เพราะพริกหวานคือผู้หญิงที่ผมรัก และผมคิดว่าผมรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเลยครับ” ฉันยกมือปิดปากก่อนที่เสียงร้องจะหลุดออกไปให้ใครได้ยิน ฉันเพิ่งรู้ เพิ่งรู้คำสารภาพนี้“มันอาจเป็นความรัก ความหลงที่อาจไม่จีรัง”“ไม่หรอกครับพ่อ ผมรู้จักตัวเองดี คนอย่างผมถ้าได้ลองรักหรือชอบอะไรแล้วไม่มีทางที่ผมจะเปลี่ยนใจจากสิ่งนั้นได้ง่าย ๆ พริกหวานเข้ามาเปลี่ยนโลกผม เข้ามาทำให้ผมอยากยิ้ม อยากหัวเราะ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับลูกสาวพ่อ”“พ่อแม่เธอล่ะว่ายังไง”“พ่อแม่ผมชอบพริกหวานมากครับ”“รักกันก็ดูแลกันให้ดี พ่อมีลูกสาวคนเดียวหวังว่าจะเข้าใจ”“ครับ ขอบคุณครับพ่อ”“ยัยพริกหวานไม่ต้องซ่อนแอบแล้ว ไปบอกแม่ว่าพ่อหิว”“ค่ะ” ฉันได้แต่ยิ้มแหย มั่นใจว่าพ่อไม่เห็นแล้วนะ รู้ได้ไงไม่รู้การพาปืนมาพบครอบครัวของฉันครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พ่อไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกให้ดูแลกันให้ดี ทำอะไรนอกลู่นอกทางก็ให้พึงระลึกอยู่เสมอว่าเรากำลังอยู่ในวัยเรียน พ่อกับแม่ยังไม่อยากอุ้
วันนี้ฉันจะพาปืนไปเจอครอบครัว เราออกจากกรุงเทพฯ มาได้ชั่วโมงหนึ่งแล้ว คนที่ออกอาการตื่นเต้นกลับไม่ใช่คนที่กำลังไปเจอพ่อกับแม่ เป็นฉันเองนี่แหละที่ใจหวิว ๆ ในช่องท้องปั่นป่วน อยากชวนยูเทิร์นกลับไปตั้งหลักใหม่ “เป็นไรดื้อ” “ตื่นเต้นอะ” “ตื่นเต้นทำไม ได้กลับบ้านตัวเองนะ” “ก็เพราะพาเธอกลับด้วยนี่แหละเค้าถึงได้ตื่นเต้น” “ทำไม กลัวพ่อตาแม่ยายไม่ปลื้มปืนอ่อ” “ก็ไม่ เค้าเชื่อว่าพ่อแม่ต้องชอบเธอ แต่” “แต่อะไร” “แต่เค้าก็ยังกังวล” “งั้นขอกำลังใจให้ปืนหน่อย” “แปะโป้งไว้ก่อนได้ไหมอะ” “ไม่ได้” “โธ่” ฉันแสร้งถอนหายใจไปงั้น ยอมตั้งแต่เขาขอแล้วแหละ และกำลังใจที่ว่าก็คือหอมแก้ม ฉันยื่นหน้าไปหอมแก้มปืนฟอดใหญ่ ทิ้งตัวเอนซบร่างสูงแทนพิงเบาะ ปืนยกมือขึ้นมาโอบฉันไว้ รู้สึกได้ถึงสัมผัสอบอุ่นที่แตะลงมาแถว ๆ ข้างขมับ เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอะไรฉันชอบกอด ชอบอ้อนเขาเป็นพิเศษ “อาทิตย์นี้พี่แพรให้ปืนพาดื้อเข้าไปเอาเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่” “พี่แพรไลน์มาบอกเ
“อื้อ...พะ...พอ ไม่...ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวหยุดไม่ได้”ผมเป่าปาก ผ่อนลมหายใจก่อนซบหน้าลงบนซอกคอขาว พลางลูบหลัง ลูบไหล่บางเล่นคลายความปรารถนา “ใครที่ว่าหยุดไม่ได้ ดื้อหรือปืนหืม” ผมยิ้มในหน้า ถามล้อคนหน้าแดงตัวแดง กลั้วหัวเราะชอบใจ กดปากจูบหนัก ๆ ที่ซอกคอขาว ๆ ไล้ปลายนิ้วที่เอวอ่อนคอดกิ่ว รัดร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นแน่น ๆ เพื่อสงบอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงปรี๊ดให้ดำดิ่งลงมา พอได้กอดแล้วผมไม่อยากปล่อยเลย อยากกอดเอาไว้ทั้งวันทั้งคืน“ต้องไม่ใช่เค้าอยู่แล้ว” เสียงปนหอบกระเง้ากระงอดเล็ก ๆ“อ่าฮะ เพราะฉะนั้นก็นั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับอีกเลย ปืนทรมานมาก” ผมกัดฟันกระซิบบอกข้างใบหูขาวสะอาด ร่างดุ๊กดิ๊กบนตักถึงกับชะงัก ตัวแข็งค้าง ตากลมโตเบิกกว้างมองต่ำลงมองตรงจุดเกิดเหตุ ปากจิ้มลิ้มค่อย ๆ เผยอขึ้นทีละน้อย ความทรมานของผมเกิดขึ้นได้ตลอดถ้ามีพริกหวานน้อยอยู่ใกล้ ๆ“ปล่อยไหม ปล่อยเถอะ” น้ำเสียงเบาหวิวถามกึ่งขอร้องผมส่ายหน้า กอดรัดเอวเล็กแน่น ถึงสถานการณ์จะสุ่มเสี่ยงแต่ก็ยังอยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ “ยังไม่อยากปล่อยเลยค่ะ อยากกอดไปอีกนาน ๆ ดื้อช่วยกอดปืนให้แน่นกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ” ผมแนบปากลงบนหัวไหล่กลมกลึงก่อนจะซุก