LOGINEP.5
จำไว้เธอเป็นของฉันไมเลสพลิกตัวขึ้นคร่อมแก้มใสอย่างรวดเร็ว แขนแกร่งทั้งสองข้างยันที่นอนอยู่ข้างศีรษะ ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้ามาในดวงตาหวานที่เบิกกว้าง ร่างกำยำบดเบียดลงมากับเรือนร่างแบบบาง
ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดใบหน้าเธอ กลิ่นกายของบุรุษเพศอบอวล แก้มใสรู้สึกเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ
หัวใจของเธอเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมา ความรู้สึกทั้งตื่นเต้นและหวาดหวั่นผสมปนเปกันไปหมด เธอพยายามจะขยับตัวหนี แต่ก็ถูกสะโพกสอบของเขากดทับไว้แน่นจนขยับไม่ได้ ไมเลสโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่ข้างแก้มนวล ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ริมฝีปากบาง สัมผัสแผ่วเบาที่ทำเธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“อย่าค่ะ”
“ก็เธอบอกไม่เมื่อยตัวนี่ แสดงว่าฉันทำไม่ถึงก็ต้องทำอีก” แววตากรุ้มกริ่มของเขาจ้องมองเธออย่างยียวน
“ไม่เอาแล้วค่ะ พอแล้ว” เธอหลบสายตาคมกริบที่ขึ้นประกายวาววับ
“เมื่อคืนเธออดทนกว่าที่ฉันคิดเยอะเลย แล้วดูเธอสิใครจะเชื่อว่าเธอยังบริสุทธิ์ ทั้งที่ตอนนี้เธอยังดิ้นในอ้อมกอดฉัน” เขาแกล้งพูดหยอกเย้า เธอยังมีแรงผลักเขา ทั้งที่เมื่อคืนเรากอดก่ายกันไม่รู้ไปกี่ท่า ไมเลสอยากแกล้งเธอต่อ ซบหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่น พลางกระซิบกกหู
“ไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร เพราะคืนนี้ฉันจะจัดให้เธอจุก ๆ เน้น ๆ เลย”
ไมเลสยอมผละออกแต่โดยดี ดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความขี้เล่น แก้มใสรีบผุดลุกขึ้นจากเตียงทันที ความอับอายและสับสนถาโถมเข้ามา เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูล็อคให้สนิท
สายตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นบางสิ่งบนผืนผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาด รอยเลือดจาง ๆ สีแดงแต้มอยู่ตรงนั้นอย่างชัดเจน
เขาไม่คิดเลยว่าผู้หญิงสวย ๆ อย่างเธอจะไม่เคยผ่านผู้ชายคนไหนมาก่อน ริมฝีปากหยักได้รูปพึมพำกับตัวเอง
“ไม่อยากจะเชื่อเลย” คำพูดนั้นแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ในดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยประกายแห่งความพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มบาง ๆ เผยอขึ้นที่มุมปากอย่างควบคุมไม่ได้
แก้มใสยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ เห็นจุดสีแดงตามร่างกายล้วนเป็นฝีมือของ เธอต้องทนให้เขากระทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ อีกกี่วัน กี่เดือน เขาจะให้เงินหนึ่งแสนบาทกับเธอจริง ๆ ใช่ไหม
“ร้ายกาจที่สุด”
แก้มใสใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำพักใหญ่ กว่าจะรวบรวมสติและทำใจให้สงบลงได้
“แล้วเช้านี้เราจะกินอะไรกันคะ คุณไม่มีของสดเลย มีแต่บะหมี่กึ่งฯ”
“ออกไปดูที่ครัวสิ ป่านนี้ลูกน้องฉันคงซื้อมาตุนไว้แล้ว”
แก้มใสตรงไปยังครัว เธอเปิดตู้เย็นก่อนเป็นอันดับแรก ตอนนี้ของในตู้เย็นเต็มไปด้วยของสดนานาชนิด
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะทำเมนูอะไรทานเช้านี้ ไมเลสเดินเข้ามาในห้องครัว เขาสวมเพียงกางเกงขาสั้น เปลือยท่อนบน เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและแผงอกแน่น
“จะทำอะไรก็รีบทำ มื้อเช้าสำคัญไม่เคยได้ยินหรือไง”
แก้มใสหันมองตามเสียง เธอรีบเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย ไมเลสหัวเราะในอาการของเธอ
“ยังเขินฉันอยู่เหรอ เธอเห็นของฉันมามากกว่านี้แล้วจะเขินไปอีกทำไม” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มกวน ๆ ไมเลสเดินเข้ามาใกล้ เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ ก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบปึกธนบัตรออกมา
“ตามสัญญา” เขาพูดเสียงเรียบ “หนึ่งแสนบาท”
แก้มใสชะงัก เธอจ้องมองเงินปึกนั้นตาวาว ความรู้สึกเธอในตอนนี้มันตีรวน มองเงินก้อนใหญ่อย่างใช้ความคิด ในใจหนึ่งคืออยากได้เงินจำนวนนี้ อีกใจหนึ่งคือความรู้สึกผิดที่ต้องยอมแลกศักดิ์ศรีของตัวเอง แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะรับมันเมื่อได้โอกาส ไมเลสสังเกตเห็นท่าทางของเธอก่อนจะเอ่ยปาก
“ไปทำอาหารให้ฉันกินได้แล้ว อย่าช้า” เขาออกคำสั่ง ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปหาเธอช้า ๆ “ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเงินทั้งหมดคืน” เขาบอกน้ำเสียงเฉียบขาด
แก้มใสเก็บเงินหนึ่งแสนบาทไว้กับตัว แล้วรีบลงมือทำอาหารในทันที เธอจัดการหยิบของสดในตู้เย็นออกมา มื้อเช้าวันนี้เธอจะทำข้าวต้มหมูสับทรงเครื่อง ไมเลสนั่งรอเธอที่โต๊ะอาหาร มองหญิงสาวจากด้านหลัง เธอกำลังตั้งใจทำอาหารเช้า
ใบหน้าหล่อผุดรอยยิ้มปราย ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูความคืบหน้าการรายงานของธามลูกน้องคนสนิท
ข้อความ
ธาม : คนของไอ้ดอนมันยังออกตามล่าเราอยู่ในระแวกนี้ครับนาย ส่วนคุณมอแกนบาดเจ็บครับอยู่ที่โรงพยาบาล
ธาม : ผมสั่งคนคอยสอดแนมฝั่งนั้นอยู่ครับ
ไมเลส : อืม
ธาม : นายต้องการอะไรเพิ่มไหมครับ แล้วผู้หญิงคนนั้นเธอเป็นยังไงบ้าง ทำให้นายต้องอึดอัดหรือเปล่า หรือให้ผมจัดการเธอดี
ข้อความล่าสุดของธามปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เพียงแค่เขาเห็นคำว่า 'จัดการ' อารมณ์ของไมเลสก็พลันขุ่นมัว เขานิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด
ไมเลส : ผู้หญิงของกู กูจัดการเอง
มื้อเช้าดำเนินไปในความเงียบ ไม่มีบทสนทนาใด ๆ ระหว่างคนทั้งคู่ มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบจานเบา ๆ หลังจากนั้นแก้มใสก็ช่วยเขาทำแผลเปลี่ยนผ้าก๊อซและใส่ยา เสร็จจากการทำแผลเธอก็เริ่มลงมือทำความสะอาดภายในอาคารทั้งหมด ราวกับเป็นแม่บ้านส่วนตัวของเขา ให้คุ้มกับเงินจำนวนหนึ่งแสนบาท
เวลาในยามราตรีวนกลับมาเยือนเขาและเธออีกครั้ง ความตึงเครียดจากสถานการณ์ภายนอกยังคงคุกรุ่น แต่ภายในห้องนอนบรรยากาศกลับร้อนระอุขึ้น ไมเลสเอนกายพิงหัวเตียง นัยน์ตาคมกริบจับจ้องไปที่ร่างบาง เธอยืนอยู่ปลายเตียง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เธอสวมอยู่ดูจะเกะกะสายตาของเขาเหลือเกิน
“ถอดออกซะ แล้วขึ้นมาทำหน้าที่บนเตียง” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยสั่ง บ่งบอกถึงความต้องการอย่างชัดเจน
แก้มใสรู้สึกเลือดลมในกายพุ่งพล่านไปทั่วใบหน้า เธอไม่อาจปฏิเสธเขาได้ มือเรียวค่อย ๆ เลื่อนขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า ดวงตาคู่สวยเหลือบมองท่าทีของเขาอย่างหวาดหวั่นปนเย้ายวน
คนบนเตียงมองทุกการเคลื่อนไหวของเธออย่างไม่วางตา ความอดทนของเขามันมีขีดจำกัด
“ช้าจริง หรือเธออยากให้ฉันเข้าไปช่วยถอดให้” คำพูดหยอกล้อกึ่งคุกคามหลุดออกมาจากริมฝีปากหยัก มุมปากของเขากระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
แก้มใสสะดุ้งเล็กน้อยในคำพูดนั้น เธอเร่งมือขึ้นอีกนิด เสื้อเชิ้ตสีขาวก็หลุดออกจากร่าง เผยให้เห็นผิวขาวนวลเนียนภายใต้แสงสลัวในห้องนอน
ทันทีที่แก้มใสก้าวขึ้นมาบนเตียง เขาตะครุบเธอลงกับที่นอนอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่เปลือยเปล่าของเธอถูกตรึงไว้ใต้ร่างแกร่ง
“เธอนี่คงมีดีแค่สวยแต่ไม่มีมารยา หรืออยากให้ฉันสอนบทเรียนเรื่องความยั่วยวนให้เอาไหม” เสียงห้าวทุ้มต่ำ ใบหน้าหล่อเหลาแสดงความไม่พอใจฉายชัด
ริมฝีปากหยักประกบลงบนกลีบปากอิ่มอย่างรุนแรง ดูดดื่ม ราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งอย่างจากเธอ มือแกร่งลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างแบบบางอย่างหิวกระหาย
แก้มใสจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างของเขาอย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกทั้งหวาดหวั่นและปรารถนาตีรวนอยู่ในอก เธอไม่รู้ว่าควรจะผลักไสหรือโอบรับสัมผัสร้อนแรงของเขา
“ครางออกมาสิแก้มใส ฉันอยากได้ยิน” ไมเลสกระซิบเสียงแหบพร่า ก่อนจะฝังจมูกลงบนซอกคอขาว ทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้ทั่วกาย
“เวลาอยู่กับฉันเธอต้องเร่าร้อนกว่านี้ ให้คุ้มกับเงินแสนที่ฉันยอมเสียไป” ไมเลสกระซิบชิดริมฝีปากของเธอเพื่อเตือนหน้าที่ที่เธอควรทำ
มือแกร่งเชยคางมนให้เงยขึ้นรับจูบแสนหนักหน่วงอีกครั้ง ลิ้นร้อนสอดเข้ามาในโพรงปาก ไล่ต้อนลิ้นเล็กให้เต้นระรัวตอบรับ มีเพียงความต้องการดิบเถื่อนที่พุ่งพล่าน
แก้มใสรู้สึกราวกับร่างกายกำลังลุกไหม้จากสัมผัสร้อนแรง เขารั้งเอวเธอเข้าชิดจนแทบไม่มีช่องว่างให้หายใจ รสจูบของเขาเต็มไปด้วยความครอบครองและความหิวโหย บดเบียดริมฝีปากเธออย่างไม่ปรานี
“หึ” มาเฟียหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะในลำคอออกมา ขณะที่เขาถอนริมฝีปากชั่วครู่ ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาพร่าเลือน
“จำไว้แก้มใส เธอเป็นของฉัน”
ตอนพิเศษ 4ร่างสูงใหญ่ในท่าทีที่น่าเกรงขาม ‘ไทเธย์’ นั่งพิงเบาะหลังรถยนต์หรูคันที่สองในขบวน รถกำลังขับออกจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง สายฝนเดือนพฤศจิกายนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายจนหน้าต่างรถพร่ามัว เขาเลื่อนกระจกลงเล็กน้อยเพื่อสูดกลิ่นไอดินและหญ้าที่ปะปนมากับความชื้นของสายฝน ชายหนุ่มอายุ 30 ปีผู้เป็นเจ้าของธุรกิจมืดหลายอย่าง มีใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยวที่เฝ้ามองเหยื่ออยู่ตลอดเวลา เขาเปิดอ่านเอกสารสำคัญในมืออย่างตั้งใจ ก่อนที่รถถูกเบรคกกระทันหัน “ขอโทษครับนาย” ไทเธย์เงยหน้าขึ้นมองคนขับด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เขามองไปยังรถคันสีดำที่จอดอยู่ข้างหน้า กระทั่งมีบอดี้การ์ดวิ่งมา เขาจึงลดกระจกลงเล็กน้อย “นายครับ มีผู้หญิงมายืนตัดหน้ารถ เธอบอกว่าจะขอคุยกับนายครับ” ไทเธย์เงียบฟัง ดวงตาคมย้ายไปมองทางข้างหน้า เขากำลังใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยสั่งเสียงเข้ม“จับเธอออกไป” บอดี้การ์ดคนเดิมก้มหัวรับคำ รีบเดินไปจัดการ ผู้หญิงคนนั้น แต่ทว่าเขากลับได้ยินเสียงของเธอตะโกนให้ได้ยิน “ปล่อยฉันนะ ฉันต้องการคุยกับเขา คุณคะ หนูอยากเจอคุณ” ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองตามเสียงร้อง เขาเห็นร่างบอบบางของหญิงสาวกำลังถ
เขาพึมพำเสียงพร่า มืออีกข้างเลื่อนขึ้นเคล้นทรวงอกอิ่ม บดขยี้ยอดถันอย่างหิวกระหายจนเธอต้องแอ่นกายรับสัมผัสนั้นอย่างห้ามไม่ได้ ดวงตาของทั้งคู่สบกันอย่างยั่วยวน แก้มใสเม้มปากล่างแน่น ดวงตาเยิ้มพร่าด้วยแรงอารมณ์ ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นลงอย่างไม่ยั้ง “ซี๊ด~ ดีมากที่รัก” “อ๊ะ อ๊ะ อ๊าาา~” เสียงครางหวานประสานกับเสียงทุ้มต่ำก้องกังวานในห้องแต่งตัว แก้มใสกระแทกสะโพกลงกับตักหนาแรงขึ้นเสียงเนื้อกระทบกันดังระงม ความร้อนรุ่มพลุ่งพล่านราวกับไฟลุกโชนทำให้เขาและเธอแทบไม่รู้ตัวว่าร้องครางออกมาอย่างไร้การควบคุม “ยั่วฉันเกินไปแล้ว” เสียงเขาแหบพร่าขณะที่มือใหญ่รั้งเอวบางแน่น กดตรึงให้จังหวะของเธอยิ่งลึกและแนบชิดขึ้น สะโพกหนายกสวนโต้ตอบอย่างรุนแรง ริมฝีปากร้อนรุ่มลากไล้จูบจากลำคอขาวเนียนขึ้นมาถึงกลีบปากบาง แล้วบดขยี้จูบอย่างเร่าร้อน เสียงหอบหายใจสอดประสานกับเสียงดูดดื่มที่ชวนให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดดูดกลืนกันจนเธอแทบขาดอากาศ“อื้อ! ที่รัก…ฉันจะไม่ไหวแล้ว” แก้มใสร้องเสียงสั่น สะโพกเล็กเร่งเร้าเร็วถี่ ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วร่างจนขาเรียวสั่นระริก เขากระตุกยิ้มร้าย สายตาคมกริบสอดประส
ตอนพิเศษ 3 “ไม่ค่ะ” แก้มใสเอ่ยปฏิเสธคำขอของสามี ก่อนจะออกแรงผลักให้ร่างใหญ่ทรุดนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะกระจก แล้วเธอก็ตามมานั่งทับลงบนตักกว้างนั้นอย่างท้าทาย“หืม~ วันนี้เธอจะรุกฉันงั้นเหรอคนสวย” “ก็เห็นอยู่นี่คะ ว่ากำลังจะทำอะไร” แก้มใสเอ่ยเสียงพร่า มือเรียวค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า ดวงตาคู่มองสบกันไม่วาง ความร้อนรุ่มคุกรุ่นไปทั่วอกจนไมเลสแทบทนไม่ไหว เขาจึงช่วยเร่งกระชากเสื้อออกจากตัวอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นเรือนกายแข็งแกร่งที่เธอปรารถนาอยากจะครอบครองไมเลสเอื้อมมือไปปลดซิปชุดเดรสออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรูดลงจนผ้าเลื่อนหลุด เผยให้เห็นชุดชั้นในลูกไม้สีดำที่แนบตึงไปกับเนินอกอวบ เขามองความขาวสูดลมหายใจลึก แววตาคมกริบเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่กำลังปะทุเขาใช้นิ้วปลดตะขอสิ่งขัดขวางตรงหน้า แก้มใสรูดสายชั้นในลงอย่างช้า ๆ ส่งสายตายั่วยวนสามีที่นั่งกัดปากอย่างอดทน“ลูกคนที่สองเมื่อไหร่จะมาสักที ฉันอยากได้ลูกสาว” ไมเลและแก้มใสเคยคุยกันไว้ ลูกคนที่สองพวกเขาทั้งคู่จะรอให้อีธานมีอายุครบสองขวบก่อน ช่วงนี้เขาเร่งปล่อยเร่งที่อยากจะผลิตตัวน้อย ๆ ในท้องภรรยาเต็มที “อาจจะ...
หลังจากที่หมอวินเดินห่างออกไป ดวงตาก้าวเท้าอย่างเชื่องช้า เห็นลูกสาวและลูกเขยนั่งอยู่บนเตียง ทั้งคู่คล้ายจะมีปากเสียง เมื่อเห็นว่าแก้มใสทำท่าจะยกมือตีไมเลส ส่วนอีธานหลานชายเธอนั่งมองทั้งคู่อยู่บนตักแก้มใส เด็กคนนี้ช่างน่ารัก น่าชังเหลือเกิน “แม่...” สองสามีภรรยามองไปยังดวงตา แก้มใสลดมือลง ทันทีที่เห็นมารดาน้ำตาสีใสคลอเบ้า ไมเลสจับลูกชายวัยซนมานั่งบนตักแทน “ลูก...สวยมาก เหมาะสมกันมาก” ดวงตาหันมองคู่สามีภรรยา “ขอบคุณครับ/ค่ะ” ดวงตามองหน้าลูกสาวเพียงคนเดียว ในจังหวะเดียวกันหญิงวัยกลางคนก็เหลือบมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังมองเธอตาแป๋วเช่นกัน “อีธานครับ สวัสดีคุณยายเร็ว” เจ้าเด็กแสบทำท่ายกมือธุจ้า อีธานอารมณ์ดียิ้มร่าเริงให้คุณยาย “คุณยายชื่อดวงตา เป็นแม่ของแม่นะครับ” อีธานรับฟังเสียงของมารดา ก่อนจะนั่งโยกตัวบนตักบิดา ทว่าจู่ ๆ เด็กน้อยกางแขนป้อม ๆ ราวกับอยากให้คุณยายอุ้ม “ยะ ยะ” ทันทีที่ดวงตาเห็นหลานชายอยากให้เธออุ้ม เธอกางมือทำท่าจะรับมา แต่ไมเลสกลับไม่ยอม สายตาคมคล้ายไม่ไว้ใจ แค่เขายอมให้ดวงตามางานแต่งงานด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว “คุณคะ” แก้มใสส่งเสียงดุสามี “เอ่อ...ไม่เป็นไร แม่เข้าใจ” ดวงต
เสียงดนตรีคลอไปทั่วห้องบอลรูมของโรงแรมหรูใจกลางเมือง แสงไฟระยิบระยับส่องประกายไปทั่วงาน ไมเลสยืนอยู่บนเวทีในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขแก้มใสในชุดเจ้าสาวที่สง่างาม เธอเดินถือช่อดอกไม้สีขาวเพื่อเข้าสู่ห้องงาน ทุกก้าวย่างของเธอสวยสง่าราวกับหลุดออกมาจากนิยาย ก่อนที่เธอจะส่งยิ้มหวานไปให้ไมเลส ผู้ชายที่ยืนรอเธออยู่บนเวทีงานแต่งงานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นตามที่ไมเลสเคยบอกไว้กับแก้มใส เขาจะจัดงานแต่งงานก็ต่อเมื่อลูกชายของเขาลืมตาดูโลกขึ้นมาแล้วเท่านั้น และวันนี้อีธานก็ได้อยู่ในงานแต่งของพ่อและแม่ของเขาแล้ว ทว่าอีกฟากฝั่งจากมุมหนึ่งภายในห้องบอลลูม หญิงวัยกลางคนยืนนิ่ง เธอกำลังยืนมองบรรยากาศในงานด้วยน้ำตาเอ่อคลอ “...ลูก” ดวงตาได้บัตรเชิญให้มางานแต่งของลูกสาวเมื่อเดือนก่อน มีชายชุดดำมายืนอยู่หน้าบ้านถึงสองคน ยื่นการ์ดสีขาวมาให้โดยไม่พูดอะไร ดวงตารับมาไว้แล้วอ่านข้อความบนการ์ดนั้น ทว่าอยู่ ๆ น้ำตาสีใสก็ไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว กระทั่งดาบสามีคนปัจจุบันเดินเข้ามาแล้วแย่งการ์ดงานแต่งมาอ่าน “เหอะ! ไอ้ลูกเลี้ยง มันสบายนี่ แล้วดูมึงกับกูสิ ลำบากฉิบหาย” ดาบย
ตอนพิเศษ 1มอแกนก้าวลงจากรถซูเปอร์คาร์คันหรู เขายืนอยู่ตรงหน้าทางเข้ารีสอร์ตเล็ก ๆ ในจังหวัดเมืองรอง ที่ที่เขาเคยใช้เป็นที่พักชั่วคราวเมื่อครั้งหลบหนีออกมาจากเรือนจำ ร่างสูงยังอ่อนแรงจากการพักฟื้นที่โรงพยาบาล ใบหน้าซีดเซียวสะท้อนให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า ทว่าดวงตาเขากลับสงบนิ่ง เขากวาดสายตามองรอบ ๆ ความเงียบของรีสอร์ต มอแกนหลับตาลงสูดบรรยากาศถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ความสวยงามเริ่มทำให้เขาคลายความตึงเครียดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ มอแกนกดสายตามองซองสีน้ำตาลที่เขาถืออยู่ในมือ สองเท้าก้าวเข้าไปในล็อบบี้เพื่อติดต่อขอเข้าพัก...อีกครั้ง แต่กลับไม่พบพนักงานอยู่ประจำหน้าเคาน์เตอร์ เขายื่นมือออกไปกดกริ่งกริ๊ง กริ๊ง~ “สวัสดีค่ะ...” เสียงอ่อนหวานที่เขาคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง มอแกนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอสวมชุดเดรสยาวสีขาวสะอาดตา เผยให้เห็นเรือนร่างที่บอบบางและผิวขาวผ่อง สีหน้าของเธอดูตกใจไม่น้อยที่ได้เจอกับเขา มอแกนมองหน้าเธออย่างไม่เชื่อสายตา ‘สายธาร’ เขาจำเธอได้ทันที เธอคือหญิงสาวคนเดียวกันที่เขาเคยเจอที่สุสานใน







