LOGINEP.6 อยากแตกใส่เธอ
หนึ่งเดือนเต็มที่เขาและเธอใช้ชีวิตอยู่รวมกัน แก้มใสอยู่ภายใต้คำสั่งของมาเฟียหนุ่ม ทั้งเตรียมอาหาร ทำความสะอาด คอยทำแผลให้เขาอย่างประคบประหงมและในทุกค่ำคืนที่ผันผ่านคนทั้งสองยังคงถักทอความสัมพันธ์ทางกายไม่มีพัก ความเร่าร้อนบนเตียงกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาและเธอ
“มาทำแผลให้ฉัน”
แก้มใสปรี่เข้าไปหาเขาตามคำสั่ง เธอนั่งลงข้าง ๆ ร่างกำยำ ผ้าก็อซที่พันแผลอยู่นั้นเธอเริ่มดึงมันออก เห็นบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกยิงที่ต้นแขนซ้าย และรอยแดงช้ำจากการถูกกระสุนเฉียดที่เอวด้านขวา
“ซี๊ด~ ทำแผลให้มันดี ๆ หน่อยสิ” ไมเลสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เมื่อแก้มใสเผลอทำมือหนักไปนิดขณะเช็ดแผลที่ต้นแขนของเขา
แก้มใสเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคู่สวยฉายแววรู้สึกผิด “ขอโทษค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว พลางก้มหน้าก้มตาทำแผลต่ออย่างระมัดระวังมากขึ้น
แก้มใสใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดรอบบาดแผลอย่างเบามือที่สุด นิ้วเรียวไล้ไปตามผิวเนื้อที่ที่เป็นแผลจากการถูกเย็บ
เมื่อทำแผลที่ต้นแขนเสร็จ ก็เลื่อนไปจัดการกับรอยแผลที่เอวด้านขวา จากนั้นเธอจึงพันผ้าพันแผลผืนใหม่ไว้รอบเอวเหมือนเดิม
ไมเลสจ้องมองเธอที่กำลังตั้งใจทำแผลให้ แววตาของเขาที่เคยแข็งกระด้างอ่อนลงเล็กน้อย
”เสร็จแล้วค่ะ”
“อืม”
“แผลคุณเริ่มตกสะเก็ดแล้ว” เธอเอ่ยในระหว่างที่เก็บอุปกรณ์ทำแผล ไมเลสยอมรับว่าตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอดูแลเขาเป็นอย่างดี แม่จะเซ่อซ่าซุ่มซ่ามไปบ้างก็ตามที แต่เธอทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ คงเพราะเงินหนึ่งแสนบาทที่เขาเสนอให้
“เที่ยงนี้คุณอยากกินอะไรคะ”
“อะไรก็ได้” มีอีกหนึ่งอย่างที่เธอเองก็ทำได้ไม่เคยบกพร่อง อาหารที่เธอรังสรรค์ล้วนเป็นเมนูง่าย ๆ แต่โคตรถูกปาก
แก้มใสเดินหันหลังเข้าครัวทำอาหาร ไมเลสนั่งมองเธออยู่ไม่ไกล กลิ่นอาหารเริ่มโชยเรียกน้ำย่อยในกระเพาะ
“ทำไมวันนี้หมูมันไหม้ ถ้าฉันเป็นมะเร็งขึ้นมาจะทำยังไง” ไมเลสเอ่ยเสียงเข้ม หมูที่เขาตักอยู่ในช้อนยื่นไปให้คนทำได้ดูหน้าตาของมัน
“เขาเรียกว่าหมูเค็มค่ะ เป็นอาหารของคนใต้ สีมันออกน้ำตาลเข้ม ๆ เพราะฉันใส่ซีอิ๊วเยอะค่ะ แล้วหมูมันก็มีติดไหม้นิดเดียวเอง” เธออธิบาย ทว่าคนฟังกลับทำหน้ากวน ๆ แล้วตักอาหารเข้าปาก
แก้มใสกำช้อนแน่นแทบอยากจะปาช้อนใส่หน้าเขา คนอะไรเรื่องมากชะมัด การทานอาหารบนโต๊ะเป็นไปด้วยความเงียบเชียบ ไม่มีใครเริ่มสนทนา ไมเลสชำเลืองมองเธอบ่อยครั้ง กระทั่งเธอรู้สึกเหมือนถูกจับจ้อง แก้มใสเงยหน้ามอง
“คุณมองอะไร”
เขาจ้องมองเม็ดข้าวเม็ดเล็ก ๆ ที่ติดอยู่มุมปาก ก่อนจะวางช้อนลง
คนฟังไม่ตอบ แต่ยื่นมือเรียวยาวไปตรงหน้า ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเม็ดข้าวที่ติดอยู่มุมปากของเธอออก ปลายนิ้วสัมผัสที่แผ่วเบานั้นทำให้แก้มใสถึงกับนิ่งค้างไปเล็กน้อย
มาเฟียหนุ่มมองเม็ดข้าวที่ติดอยู่บนนิ้วเขาด้วยสายตานิ่ง ก่อนจะใส่เข้าปากตัวเองอย่างไม่แยแส
คนมองตาเบิกโพลง ไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้ เธอวางสีหน้าไม่ถูก
“คุณทำอะไร” คนถูกถามไหวไหล่ ไมเลสเห็นอาการของเธอแล้วระเบิดหัวเราะออกมา ก่อนจะกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ
“เธอนี่...น่าสนใจกว่าที่ฉันคิด”
หลังจากทานเสร็จ ทันทีที่เธอลุกขึ้นยืนหันหลังเตรียมเข้าครัวล้างจาน จู่ ๆ ไมเลสก็คว้าแขนเธอไว้ ดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้จนแผ่นหลังบางแนบชิดกับอกแกร่ง
“จะรีบไปไหน” เขาเอ่ยเสียงพร่า ก่อนจะโน้มหน้าลงมาหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ แล้วไล้จูบไปตามซอกคอหอมกรุ่น
“ฉันยังกินไม่ค่อยอิ่ม” แก้มใสรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ลมหายใจอุ่นร้อนรดต้นคอพาให้มวลท้อง ใจเธอเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ วันนี้เขาเป็นอะไรไป
“ฉะ...ฉันตัวเหม็น มีกลิ่นเหงื่อ กลิ่นกับข้าว” พูดไปใช่ว่าคนฟังจะสนใจ ปลายจมูกโด่งยังคลอเคลียบนแก้มนวลเนียนพลางเอ่ย
“เหม็นอะไร หอมจะตาย”
“คุณปล่อยฉันก่อนสิ เดี๋ยวจานก็แตกพอดี” แก้มใสถือจานชามเพื่อเก็บไปล้าง แต่กลับถูกเขากักไว้กับตัว
“แล้วถ้าฉันแตกใส่เธอด้วยล่ะ”
“คุณนี่มันลามกที่สุดเลย ปล่อยค่ะ”
“เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ฉันอยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อ” เขาพึมพำก่อนจะผละเธอออกเล็กน้อย แล้วตบก้นเธอเบา ๆ
“อุ๊ย!...คุณ” แก้มใสหันมองเขาด้วยสายตาคาดโทษ
“ไปล้างจานได้แล้ว หรือเธออยากให้ฉันแตกใส่เธอตรงนี้” เรียวปากได้รูปเปิดยิ้มกว้าง เขาสนุกที่ได้แกล้งเธอ
“ไอ้บ้า หื่นที่สุดเลย”
เธอค้อนขวับเขาหนึ่งที อยากเถียงเขาใจจะขาดแต่ถึงจะเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ เผลอๆ เขาต้องหาเรื่องกวนประสาทเธอกลับมาอีกแน่ สุดท้ายเธอก็จำต้องเดินไปที่ซิงค์ล้างจานด้วยท่าทางงอน ๆ ปล่อยให้ไมเลสนั่งยิ้มอย่างพึงพอใจ
ในช่วงบ่ายของอีกวัน ขณะที่แก้มใสกําลังทำความสะอาดอยู่ภายในอาคาร เสียงกลไกหน้าประตูดังขึ้น ไมเลสที่นั่งอยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ายังคงเรียบเฉย
“มาได้เวลาพอดีเลยพวกมึง” ขณะที่ประตูเปิดออก ปรากฏร่างของชายหนุ่มถึงสองคนก้าวเดินเข้ามาในอาคาร คนแรกคือ เคนโซ มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับอยู่บนใบหน้า แววตาแพรวพราวราวกับหยุดคนทั้งโลก ส่วนอีกคนคือไทเธย์ ผู้มีใบหน้าหล่อเรียบนิ่ง แววตาเยือกเย็นและดูสุขุมที่สุดในบรรดาสองคนนี้
“คิดถึงเพื่อนรักแทบแย่” เคนโซเดินเข้ามากอดเพื่อนรักที่ไม่เจอกันนาน “นี่มึงมาแอบมีเมียอยู่ที่นี่หรือไงวะ ไหนว่าโดนพวกไอ้ดอนมันตามล่า”
สายตาของเคนโซกวาดมองมาที่แก้มใสอย่างเปิดเผย ขณะที่ไทเธย์เพียงแค่พยักหน้าให้แก้มใสเล็กน้อย หญิงสาวยกมือไหว้ชายหนุ่มทั้งสองโดยไม่มีคำพูดใด ๆ
“เมียอะไรของมึงไร้สาระ นี่แม่บ้านของกู” ไมเลสตอบห้วน ๆ ทว่าแววตาของเขาเหลือบมองไปที่แก้มใสแวบหนึ่ง
“เต็มปากเต็มคำ แม่บ้านของกูว่ะไอ้เธย์” เคนโซเอ่ยแซวเพื่อนสนิทพลางส่งยิ้มกวน ๆ
“ไปคุยกันในห้อง” เขาเอ่ยเสียงเรียบแล้วหันไปสั่งแก้มใส เธอยืนก้มหน้าอยู่ด้านหลัง
“ยกเหล้าเข้าไปในห้องด้านในสุดด้วย”
“มึงคิดว่ากูสองคนจะเชื่อเหรอว่าเธอเป็นแค่แม่บ้าน” เคนโซยิ้มกรุ้มกริ่ม เธอสวยออกปานนี้ยังไงก็ต้องเป็นผู้หญิงของมันแน่
“ว่าแต่จัดกันไปกี่ยกแล้วล่ะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่”
แววตาของคนฟังฉายแววไม่พอใจ เขาหันไปมองแก้มใสเธอกำลังถือถาดที่มีขวดเหล้าและแก้วคริสตัล ชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็รีบก้าวเท้าไปหยิบถาดมาถือด้วยตัวเอง
“หมดหน้าที่เธอแล้ว จะไปทำอะไรก็ไป” แก้มใสพยักหน้ารับคำ เขาจ้องเธอเขม็ง ใบหน้าหล่อเผยความโกรธฉายชัด แก้มใสแสดงสีหน้างุนงง นี่เธอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจตอนไหนกัน
“ไอ้เธย์มึงเชื่อไหมว่าผู้หญิงสวย ๆ คนนั้นจะเป็นแค่แม่บ้าน” คนถูกถามส่ายหน้า
เคนโซและไทเธย์จึงเดินตามหลังเพื่อนไว ๆ ไมเลสเดินเข้าห้องด้านในสุดทิ้งให้พวกเขาเดินตามหลัง เพราะกลัวว่าเพื่อนจะซักถามถึงแก้มใสอีก
มาเฟียหนุ่มทั้งสองหันหลังกลับไปมองแก้มใสพร้อมกัน พวกเขาสงสัยว่าทำไมคนที่เพื่อนอ้างว่าเป็นแม่บ้านถึงได้หน้าตาสะสวยสวยขนาดนี้
ตอนพิเศษ 4ร่างสูงใหญ่ในท่าทีที่น่าเกรงขาม ‘ไทเธย์’ นั่งพิงเบาะหลังรถยนต์หรูคันที่สองในขบวน รถกำลังขับออกจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง สายฝนเดือนพฤศจิกายนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายจนหน้าต่างรถพร่ามัว เขาเลื่อนกระจกลงเล็กน้อยเพื่อสูดกลิ่นไอดินและหญ้าที่ปะปนมากับความชื้นของสายฝน ชายหนุ่มอายุ 30 ปีผู้เป็นเจ้าของธุรกิจมืดหลายอย่าง มีใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยวที่เฝ้ามองเหยื่ออยู่ตลอดเวลา เขาเปิดอ่านเอกสารสำคัญในมืออย่างตั้งใจ ก่อนที่รถถูกเบรคกกระทันหัน “ขอโทษครับนาย” ไทเธย์เงยหน้าขึ้นมองคนขับด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เขามองไปยังรถคันสีดำที่จอดอยู่ข้างหน้า กระทั่งมีบอดี้การ์ดวิ่งมา เขาจึงลดกระจกลงเล็กน้อย “นายครับ มีผู้หญิงมายืนตัดหน้ารถ เธอบอกว่าจะขอคุยกับนายครับ” ไทเธย์เงียบฟัง ดวงตาคมย้ายไปมองทางข้างหน้า เขากำลังใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยสั่งเสียงเข้ม“จับเธอออกไป” บอดี้การ์ดคนเดิมก้มหัวรับคำ รีบเดินไปจัดการ ผู้หญิงคนนั้น แต่ทว่าเขากลับได้ยินเสียงของเธอตะโกนให้ได้ยิน “ปล่อยฉันนะ ฉันต้องการคุยกับเขา คุณคะ หนูอยากเจอคุณ” ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองตามเสียงร้อง เขาเห็นร่างบอบบางของหญิงสาวกำลังถ
เขาพึมพำเสียงพร่า มืออีกข้างเลื่อนขึ้นเคล้นทรวงอกอิ่ม บดขยี้ยอดถันอย่างหิวกระหายจนเธอต้องแอ่นกายรับสัมผัสนั้นอย่างห้ามไม่ได้ ดวงตาของทั้งคู่สบกันอย่างยั่วยวน แก้มใสเม้มปากล่างแน่น ดวงตาเยิ้มพร่าด้วยแรงอารมณ์ ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นลงอย่างไม่ยั้ง “ซี๊ด~ ดีมากที่รัก” “อ๊ะ อ๊ะ อ๊าาา~” เสียงครางหวานประสานกับเสียงทุ้มต่ำก้องกังวานในห้องแต่งตัว แก้มใสกระแทกสะโพกลงกับตักหนาแรงขึ้นเสียงเนื้อกระทบกันดังระงม ความร้อนรุ่มพลุ่งพล่านราวกับไฟลุกโชนทำให้เขาและเธอแทบไม่รู้ตัวว่าร้องครางออกมาอย่างไร้การควบคุม “ยั่วฉันเกินไปแล้ว” เสียงเขาแหบพร่าขณะที่มือใหญ่รั้งเอวบางแน่น กดตรึงให้จังหวะของเธอยิ่งลึกและแนบชิดขึ้น สะโพกหนายกสวนโต้ตอบอย่างรุนแรง ริมฝีปากร้อนรุ่มลากไล้จูบจากลำคอขาวเนียนขึ้นมาถึงกลีบปากบาง แล้วบดขยี้จูบอย่างเร่าร้อน เสียงหอบหายใจสอดประสานกับเสียงดูดดื่มที่ชวนให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดดูดกลืนกันจนเธอแทบขาดอากาศ“อื้อ! ที่รัก…ฉันจะไม่ไหวแล้ว” แก้มใสร้องเสียงสั่น สะโพกเล็กเร่งเร้าเร็วถี่ ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วร่างจนขาเรียวสั่นระริก เขากระตุกยิ้มร้าย สายตาคมกริบสอดประส
ตอนพิเศษ 3 “ไม่ค่ะ” แก้มใสเอ่ยปฏิเสธคำขอของสามี ก่อนจะออกแรงผลักให้ร่างใหญ่ทรุดนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะกระจก แล้วเธอก็ตามมานั่งทับลงบนตักกว้างนั้นอย่างท้าทาย“หืม~ วันนี้เธอจะรุกฉันงั้นเหรอคนสวย” “ก็เห็นอยู่นี่คะ ว่ากำลังจะทำอะไร” แก้มใสเอ่ยเสียงพร่า มือเรียวค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า ดวงตาคู่มองสบกันไม่วาง ความร้อนรุ่มคุกรุ่นไปทั่วอกจนไมเลสแทบทนไม่ไหว เขาจึงช่วยเร่งกระชากเสื้อออกจากตัวอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นเรือนกายแข็งแกร่งที่เธอปรารถนาอยากจะครอบครองไมเลสเอื้อมมือไปปลดซิปชุดเดรสออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรูดลงจนผ้าเลื่อนหลุด เผยให้เห็นชุดชั้นในลูกไม้สีดำที่แนบตึงไปกับเนินอกอวบ เขามองความขาวสูดลมหายใจลึก แววตาคมกริบเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่กำลังปะทุเขาใช้นิ้วปลดตะขอสิ่งขัดขวางตรงหน้า แก้มใสรูดสายชั้นในลงอย่างช้า ๆ ส่งสายตายั่วยวนสามีที่นั่งกัดปากอย่างอดทน“ลูกคนที่สองเมื่อไหร่จะมาสักที ฉันอยากได้ลูกสาว” ไมเลและแก้มใสเคยคุยกันไว้ ลูกคนที่สองพวกเขาทั้งคู่จะรอให้อีธานมีอายุครบสองขวบก่อน ช่วงนี้เขาเร่งปล่อยเร่งที่อยากจะผลิตตัวน้อย ๆ ในท้องภรรยาเต็มที “อาจจะ...
หลังจากที่หมอวินเดินห่างออกไป ดวงตาก้าวเท้าอย่างเชื่องช้า เห็นลูกสาวและลูกเขยนั่งอยู่บนเตียง ทั้งคู่คล้ายจะมีปากเสียง เมื่อเห็นว่าแก้มใสทำท่าจะยกมือตีไมเลส ส่วนอีธานหลานชายเธอนั่งมองทั้งคู่อยู่บนตักแก้มใส เด็กคนนี้ช่างน่ารัก น่าชังเหลือเกิน “แม่...” สองสามีภรรยามองไปยังดวงตา แก้มใสลดมือลง ทันทีที่เห็นมารดาน้ำตาสีใสคลอเบ้า ไมเลสจับลูกชายวัยซนมานั่งบนตักแทน “ลูก...สวยมาก เหมาะสมกันมาก” ดวงตาหันมองคู่สามีภรรยา “ขอบคุณครับ/ค่ะ” ดวงตามองหน้าลูกสาวเพียงคนเดียว ในจังหวะเดียวกันหญิงวัยกลางคนก็เหลือบมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังมองเธอตาแป๋วเช่นกัน “อีธานครับ สวัสดีคุณยายเร็ว” เจ้าเด็กแสบทำท่ายกมือธุจ้า อีธานอารมณ์ดียิ้มร่าเริงให้คุณยาย “คุณยายชื่อดวงตา เป็นแม่ของแม่นะครับ” อีธานรับฟังเสียงของมารดา ก่อนจะนั่งโยกตัวบนตักบิดา ทว่าจู่ ๆ เด็กน้อยกางแขนป้อม ๆ ราวกับอยากให้คุณยายอุ้ม “ยะ ยะ” ทันทีที่ดวงตาเห็นหลานชายอยากให้เธออุ้ม เธอกางมือทำท่าจะรับมา แต่ไมเลสกลับไม่ยอม สายตาคมคล้ายไม่ไว้ใจ แค่เขายอมให้ดวงตามางานแต่งงานด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว “คุณคะ” แก้มใสส่งเสียงดุสามี “เอ่อ...ไม่เป็นไร แม่เข้าใจ” ดวงต
เสียงดนตรีคลอไปทั่วห้องบอลรูมของโรงแรมหรูใจกลางเมือง แสงไฟระยิบระยับส่องประกายไปทั่วงาน ไมเลสยืนอยู่บนเวทีในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขแก้มใสในชุดเจ้าสาวที่สง่างาม เธอเดินถือช่อดอกไม้สีขาวเพื่อเข้าสู่ห้องงาน ทุกก้าวย่างของเธอสวยสง่าราวกับหลุดออกมาจากนิยาย ก่อนที่เธอจะส่งยิ้มหวานไปให้ไมเลส ผู้ชายที่ยืนรอเธออยู่บนเวทีงานแต่งงานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นตามที่ไมเลสเคยบอกไว้กับแก้มใส เขาจะจัดงานแต่งงานก็ต่อเมื่อลูกชายของเขาลืมตาดูโลกขึ้นมาแล้วเท่านั้น และวันนี้อีธานก็ได้อยู่ในงานแต่งของพ่อและแม่ของเขาแล้ว ทว่าอีกฟากฝั่งจากมุมหนึ่งภายในห้องบอลลูม หญิงวัยกลางคนยืนนิ่ง เธอกำลังยืนมองบรรยากาศในงานด้วยน้ำตาเอ่อคลอ “...ลูก” ดวงตาได้บัตรเชิญให้มางานแต่งของลูกสาวเมื่อเดือนก่อน มีชายชุดดำมายืนอยู่หน้าบ้านถึงสองคน ยื่นการ์ดสีขาวมาให้โดยไม่พูดอะไร ดวงตารับมาไว้แล้วอ่านข้อความบนการ์ดนั้น ทว่าอยู่ ๆ น้ำตาสีใสก็ไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว กระทั่งดาบสามีคนปัจจุบันเดินเข้ามาแล้วแย่งการ์ดงานแต่งมาอ่าน “เหอะ! ไอ้ลูกเลี้ยง มันสบายนี่ แล้วดูมึงกับกูสิ ลำบากฉิบหาย” ดาบย
ตอนพิเศษ 1มอแกนก้าวลงจากรถซูเปอร์คาร์คันหรู เขายืนอยู่ตรงหน้าทางเข้ารีสอร์ตเล็ก ๆ ในจังหวัดเมืองรอง ที่ที่เขาเคยใช้เป็นที่พักชั่วคราวเมื่อครั้งหลบหนีออกมาจากเรือนจำ ร่างสูงยังอ่อนแรงจากการพักฟื้นที่โรงพยาบาล ใบหน้าซีดเซียวสะท้อนให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า ทว่าดวงตาเขากลับสงบนิ่ง เขากวาดสายตามองรอบ ๆ ความเงียบของรีสอร์ต มอแกนหลับตาลงสูดบรรยากาศถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ความสวยงามเริ่มทำให้เขาคลายความตึงเครียดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ มอแกนกดสายตามองซองสีน้ำตาลที่เขาถืออยู่ในมือ สองเท้าก้าวเข้าไปในล็อบบี้เพื่อติดต่อขอเข้าพัก...อีกครั้ง แต่กลับไม่พบพนักงานอยู่ประจำหน้าเคาน์เตอร์ เขายื่นมือออกไปกดกริ่งกริ๊ง กริ๊ง~ “สวัสดีค่ะ...” เสียงอ่อนหวานที่เขาคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง มอแกนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอสวมชุดเดรสยาวสีขาวสะอาดตา เผยให้เห็นเรือนร่างที่บอบบางและผิวขาวผ่อง สีหน้าของเธอดูตกใจไม่น้อยที่ได้เจอกับเขา มอแกนมองหน้าเธออย่างไม่เชื่อสายตา ‘สายธาร’ เขาจำเธอได้ทันที เธอคือหญิงสาวคนเดียวกันที่เขาเคยเจอที่สุสานใน







