LOGIN2
รถเก๋งซีดานสีดำหยุดลงหน้าร้านข้างทางร้านหนึ่งไม่ใหญ่ไม่เล็กแต่สำหรับไมเนอร์มันดูเล็กและไม่สะอาดเอามาก ๆ เขาไม่ชอบร้านข้างทางพวกนี้เอาเสียเลย
"จอดทำไมคะ" เสียงใสถามขึ้นทันทีที่รถหยุดลงด้วยความสงสัยเธอคบกับเขามาเกือบปี น้อยครั้งที่แฟนหนุ่มของเธอจะยอมไปนั่งร้านข้างทางกับเธอ
"หาอะไรให้เจ้าจิ๋วในท้องรินกินไง พี่จำได้ว่ารินชอบกินราดหน้าร้านนี้" ไมเนอร์พูดจบก็เปิดประตูลงไปแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้แฟนสาวตนเอง
"ริน ๆ" เปิดประตูห้องได้รินลดาก็ทำท่าพะอืดพะอมแล้วพุ่งตัวไปที่ห้องน้ำ ครู่เดียวอาหารที่กินเข้าไปก็ออกมา ฝ่ามืออบอุ่นวางลงบนแผ่นหลังของรินลดาลูบไปมาด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปดึงกระดาษทิชชูด้านหลังมาเช็ดปากให้เธอซึ่งตอนนี้นั่งหมดสภาพพิงแขนเขาอยู่
"อา…ทำไมจู่ ๆ ก็เวียนหัว คลื่นไส้แบบนี้ล่ะเนี่ย" รินลดาพึมพำพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหน้าตนเอง ตอนนั่งกินข้าวที่ร้านเธอก็ยังปกติดีอยู่แท้ ๆ แต่พอถึงห้องดันเวียนหัวขึ้นมาซะเฉย ๆ
ชายหนุ่มหันไปกดชักโครกให้แล้วช้อนตัวเธอขึ้นมาแนบอกจากนั้นจึงพาเธอไปวางไว้ที่เตียง
"เดี๋ยวพี่เอายาให้กิน รินก็พักผ่อนซะตอนเย็นพี่จะพาไปเจอคุณแม่"
"แต่ตอนเย็นรินต้องไปทำงานนะ" รินลดาแย้งขึ้นแม้ตาจะยังปิดอยู่เพราะอาการเวียนหัวบ้านหมุน เธอจึงหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้แต่หูยังคงได้ยินชัดเจนว่าแฟนหนุ่มจะพาเธอไปเจอของเขาที่เป็นผู้ถือหุ่นมากสุดหรือก็คือประธานบริษัท
เธอจะไปกล้าเจอคนแบบนั้นได้อย่างไรกัน
"รินไม่ได้ฟังที่หมอบอกเหรอ รินต้องเลิกเหล้านะ ลาออกเลยพี่เลี้ยงเอง" รินลดาหันขวับมองคนพูดทันทีราวกับไม่เชื่อหูตนเอง คนพูดยื่นยาแก้คลื่นไส้อาเจียนให้เธอแล้วยิ้มหวาน
"สวัสดีค่ะ" รินลดายกมือไหว้คนอายุมากกว่าที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้าน เจ้าของบ้านรับไหว้ยิ้มให้หญิงสาวอย่างผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก จากที่เกร็ง ๆ ก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก
"สวัสดีจ๊ะ มานั่งสิอย่ามัวแต่ยืนกัน" เสียงแหบเล็กของเจ้าของบ้านดังขึ้น คนเป็นลูกจูงมือแฟนสาวไปนั่งลงบนโซฟาตัวถัดไปเพื่อจะได้คุยกันได้สะดวก
"แม่ครับ รินท้อง" ไมเนอร์พูดพร้อมกับเอื้อมไปจับมือของแฟนสาวข้างกายมากุมเอาไว้
"ตายแล้ว จริงเหรอแล้วจะทำยังไงล่ะเนี่ย แต่งงานกันเลยมั้ยล่ะลูก" คนเป็นแม่ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนรินลดารู้สึกโล่งใจที่ผู้เป็นแม่ของแฟนหนุ่มไม่ได้ดูเจ้ายศเจ้าอย่างเหมือนที่เธอคิดเอาไว้ในครั้งแรก
ตลอดเวลาที่คบกันมาไมเนอร์ชวนเธอมาพบแม่เขาหลายครั้งแต่เธอก็ปฏิเสธไปเสียทุกครั้งด้วยกลัวจะถูกรังเกียจที่ทำงานกลางคืนแบบนี้
"ต้องถามรินล่ะครับว่าจะเอายังไงผมตามใจริน" ใบหน้าสวยเหลียวมองแฟนหนุ่มที่พูดจาเอาอกเอาใจเธอมากกว่าเดิมหลังจากรู้ว่าเธอท้องรินลดาเงียบไปชั่วอึดใจก็รวบรวมความกล้าหันไปบอกกับแม่ของแฟนหนุ่ม
"รินไม่อยากแต่งงานค่ะ ถ้าจะแต่งรินก็อยากให้มีลูกอยู่ในรูปด้วยน่ะค่ะ"
"งั้นเหรอลูกงั้นรอน้องคลอดออกมาค่อยว่ากันก็ได้เนาะ" ดูเหมือนแม่ของแฟนเธอจะไม่ได้น่ากลัวเหมือนแม่สามีที่้เธอเคยรู้จักมา รินลดาเริ่มวางใจจึงเริ่มชวนแม่แฟนคุยบ้าง
"ย้ายมาอยู่นี่เลยมั้ยลูกจะได้มีคนคอยดูแล" คนเป็นลูกหันไปมองแฟนสาวของตนเองสลับกับหันไปมองผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าคาดหวังเขาชวนเธอมาอยู่ด้วยหลายครั้งหลายครามแต่เธอไม่เคยยอมตอบตกลงและมักจะบอกเขาเสมอว่าเมื่อไรเลิกกันเธอจะได้ไม่ต้องลำบากหาที่อยู่ใหม่
"เอ่อ… ริน"
"นั่นสิริน มาเถอะจะได้มีคนคอยช่วยดูแลพี่สัญญาเลยถ้ารินมาอยู่ด้วยพี่จะไปทำงานทุกวันไม่ให้ขาด"
"ถึงน้องไม่มาอยู่ เราก็ต้องทำงานมีลูกมีเมียแล้วจะทำตัวลอยไปลอยมาไม่ได้นะรู้มั้ยเจ้าไมค์" คุณมาริสาดุลูกชายด้วยความน้ำเสียงหยอกเย้าเธอเลี้ยงลูกสองคนด้วยตัวคนเดียวลำพังลูกชายทั้งสองที่ขาดพ่อจึงถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจและล้วนแต่ใช้เงินเลี้ยงมาทั้งสิ้น ไมค์พยักหน้าก่อนจะยกมือขึ้นมาทำท่าตะเบ๊ะรับทราบให้ผู้เป็นแม่
"ก็ได้ค่ะ"
"เย้ งั้นเราไปซื้อของเข้าบ้านกันเถอะ พี่จะพาไปลาออกด้วย"
รินลดาไปลาออกจากงานและวนกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่อพาร์ทเมนท์แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ยอมถาวรเพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นหากมีเรื่องราวเกิดขึ้นเธอยังสามารถเริ่มใหม่ได้
"รินครับหิวมั้ย"
"รินกินนี่หน่อยเร็วพี่ซื้อมาจากร้านที่รินชอบเลยนะ"
"รินพี่ลองทำแพนเค้กให้กินมาชิมหน่อยครับ"
"รินนี่ขนมร้านโปรดรินเลยนะพี่ต่อคิวนานมาก"
ไม่ว่าใครเห็นไมเนอร์ตอนนี้ก็ล้วนแต่คิดว่าเขาเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้นไม่เว้นแม้แต่แม่และพี่ชายทั้งคู่เหนื่อยใจกับนิสัยของไมเนอร์มานานเพราะถูกเลี้ยงด้วยเงิน เขาจึงมีนิสัยเอาแต่ใจอยากได้อะไรต้องได้ไม่อยากทำก็จะไม่ทำ
เรียนจบมาก็หลายปีจนอายุขนาดนี้ยังทำตัวลอยไปลอยมาไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแต่ระหว่างนี้ที่รินลดามาอยู่ด้วยเขาเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นจนคนเป็นแม่ปลื้มอกปลื้มใจ
"พี่ไมค์ต้องการขุนให้รินเป็นแม่หมูเลยเหรอคะ" รินลดาถามขึ้นขณะที่นั่งเด็ดผักอยู่ในครัวเพราะไม่ต้องการอยู่บ้านเฉย ๆ เธอจึงมักลงมาช่วยคนงานในบ้านทำนั่นทำนี่ส่วนไมเนอร์ที่เพิ่งกลับจากบริษัทก็ตรงดิ่งไปหาภรรยาในครัวทันทีพร้อมด้วยถุงขนมจากร้านโปรดของเธอ
"โหแค่4เดือนเองรินยังสวยอยู่เลยกินนิดกินหน่อยไม่อ้วนหรอกเจ้าจิ๋วจะได้กินด้วยไง"
"ไม่ต้องมาพูดหรอกค่ะอีก4เดือนก็คงบวมเป็นตุ่มแล้ว"
"เดี๋ยวหลังคลอดก็สวยเหมือนเดิมครับไม่สิต้องสวยกว่าเดิมแน่ ๆเลย" ไมเนอร์พูดยอภรรยาของตนเองแล้วแกะกล่องขนมป้อนเธอชิ้นแล้วชิ้นเล่าจนคนเป็นพี่ชายที่เดินตามมาพูดแขวะเพราะรำคาญที่น้องชายดูเป็นคนดีจนผิดปกติ
"น่ารำคาญทำเป็นพูดเสียงสองเสียงสามแกคิดว่ามันน่ารักมากเหรอไอ้ไมค์" เมจหรือเมเจอร์พี่ชายคนเดียวของไมเนอร์เขาพูดจบก็วางกล่องผลไม้สดที่เขาซื้อมาฝากน้องสะใภ้ลงบนโต๊ะ
"เป็นโรคขี้อิจฉาเหรอไอ้คนไม่มีลูกไม่มีเมีย" ไมค์ล้อเลียนก่อนแกะกล่องผลไม้หั่นชิ้นให้รินลดากิน
เกือบ 3 เดือนที่รินลดามาอยู่ในบ้านไมเนอร์ก็ดูขยันทำงานขึ้นผิดหูผิดตา ตื่นเช้าไปทำงานเลิกงานก็แวะหาซื้อของอร่อยร้านโปรดเธอ กลับมาถึงบ้านก็มานวดตัวนวดขาอ่านหนังสือแม่และเด็กให้เธอฟัง
หมอนัดตรวจเขาก็ไปเป็นเพื่อนเธอทุกครั้งไม่มีขาด ไม่ว่าเธอจะอยากกินอะไร งอแงแค่ไหนเขาก็ไม่เคยบ่น ตามใจเธอราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนไม่เหมือนก่อนท้อง
5"ดูเหมือนว่าน้องจะไม่กลับหัวเลยนะครับ กระดูกเชิงกรานก็ดูเล็กไป คุณแม่อาจจะต้องผ่าตัดคลอด" คำพูดของคุณหมอทำคนท้องเป็นกังวลอย่างมาก เธอตั้งใจว่าจะคลอดเองเพราะกลัวการผ่าตัดคลอดจะทำให้ต้องพักฟื้นนานกว่าการคลอดเองหญิงสาวผ่อนลมหายใจแห่งความเป็นกังวลจนหมอสังเกตเห็น หมอหันไปเขียนบางอย่างในชาร์ตคนไข้ก่อนจะหันกลับมาคุยกับว่าที่คุณแม่"กลัวเหรอครับ""ค่อนข้างค่ะ""ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ จริง ๆ มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น คุณแม่นอนนิ่ง ๆ แค่หนึ่งวัน ๆ ต่อมาก็ลุกเดินได้แล้วครับ""ค่ะ คุณหมอแล้วรินต้องทำอะไรเป็นพิเศษอีกมั้ย" คนเป็นกังวลถามหมอด้วยน้ำเสียงตื่น ๆ เธอกังวลจนคิดอะไรไม่ออกตั้งแต่รู้ว่าตนเองอาจจะต้องผ่าคลอด ซึ่งเป็นการคลอดที่เธอกลัวเอามาก ๆ"ไม่มีครับ คุณแม่แค่เตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ กินแต่อาหารที่มีประโยชน์ก็พอเพราะทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้หมดครับ" คุณหมอตอบก่อนจะหันมายิ้มอบอุ่นให้กำลังใจว่าที่คุณแม่ ก่อนจะหยิบใบอัลตร้าซาวด์สองใบให้เธอ"แล้วจะต้องผ่าวันไหนเหรอคะ""คุณแม่ดูตามตารางนี้ได้เลยครับ สีแดงแปรว่ามีคิว สีเขียวว่างสามารถจองคิวได้ครับ" หมอหนุ่มว่าพลางใช้นิ้วชี้ไล่ช่องว่าง
4"ริน พี่ซื้อสเต็กปลามาฝาก" น้ำเสียงทุ้มต่ำของพี่สามีดังขึ้นจากอีกฝั่งของเคาน์เตอร์ครัว เขาไปพบลูกค้าที่ร้านสเต็กชื่อดัง แล้วนึกถึงน้องสะใภ้ขึ้นมาจึงสั่งสเต็กแบบกลับบ้านมาให้เธอ"ขอบคุณค่ะ รินกำลังจะทำอะไรกินพอดี พี่เมจกินด้วยกันมั้ยคะ""พี่ไปคุยงานที่ร้านสเต็กเลยกินกับลูกค้ามาแล้ว นึกขึ้นได้ว่าคนท้องต้องทานโปรตีนเยอะ ๆ แต่จะสั่งสเต็กเนื้อก็กลัวจะย่อยยากเลยสั่งสเต็กปลามาให้" คนพูดวางถุงอาหารลงบนเคาน์เตอร์ก่อนจะเดินอ้อมไปล้างมือตรงอ่างล้างจาน ล้างเสร็จก็หันไปมองรอบห้องเพื่อหาน้องชายตัวดีของตนเอง"ไอ้ไมค์ยังไม่กลับเหรอ""ยังเลยค่ะ เห็นบอกว่ามีนัดต่อ" รินลดาพูดจบก็หยิบกล่องอาหารมาแกะดูด้วยสีหน้าซึม ๆ เล็กน้อย"มา พี่กินเป็นเพื่อน" เสียงนุ่มทุ้มพูดพลางยกจานสเต็กที่รินลดาจัดไว้เดินไปที่โต๊ะ แล้วนั่งกินอาหารเป็นเพื่อนคนท้อง"แล้วนี่จะคลอดเดือนไหนล่ะ""น่าจะเกือบสิ้นปีเลยค่ะ" พูดจบก็นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเจ้าของห้อง โชคดีที่เป็นสเต็กปลาเพราะช่วงนี้เธอรู้สึกว่าตนเองท้องผูกจากการตั้งครรภ์ ยิ่งทานเนื้อมากเธอก็ยิ่งท้องผูกไม่ว่าจะทานผักอย่างไรก็ยังมีอาการท้องผูกอยู่เสมอ"แล้วนี่ต้องผ่าหรือคล
3"พี่ไมค์ รินเจ็บขาอะ" เสียงหวานใสพูดขึ้นขณะกำลังเดินเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้า ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลเอกชลมากนัก หลังพบหมอประจำตัวเสร็จ รินลดาก็ชวนสามีมาที่ห้างเพื่อซื้อของเตรียมคลอดต่าง ๆ ให้เจ้าเด็กจิ๋วในท้องได้ยินแบบนั้นไมเนอร์จึงรีบวิ่งกลับไปที่รถแล้วยกวีลแชร์ลงมาเพื่อให้ภรรยาสาวนั่งตอนซื้อของ"สบายขึ้นหรือยังครับ""ขอบคุณค่ะ" รินลดาตอบพร้อมขยับตัวให้นั่งสบายมากขึ้น พอเห็นเธอนั่งเรียบร้อยเขาก็เข็นรถไปโซนของใช้แม่และเด็ก ที่อยู่ชั้นสองของห้าง"พี่ไมค์ดูตื่นเต้นจังเลยนะคะ""ก็ต้องตื่นเต้นสิครับ มีลูกกับคนที่รัก นี่ลูกของเราเลยนะ" คนเป็นสามีพูดอย่างอ่อนโยนก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวภรรยาบนวีลแชร์ เธอยิ้มออกมาด้วยความดีใจพลางนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ทั้งคู่เกือบเลิกกัน ลูกของเธอเกิดมาเพื่อเป็นโซ่คล้องใจจริง ๆ หญิงสาวลูบท้องที่นูนออกมาจนเห็นได้ชัดว่ากำลังตั้งครรภ์"ริน นี่รินใช่มั้ย" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากปากชายหนุ่มด้านข้างที่ไมค์เพิ่งเข็นวีลแชร์ผ่านมา หนุ่มแว่นรีบเดินตรงเข้าทักคนที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คนถูกทักขมวดคิ้วหน่อย ๆ ก่อนจะยิ้มให้ชายตรงหน้าแล้วเอ่ยทักเขา"พี่การใช
2รถเก๋งซีดานสีดำหยุดลงหน้าร้านข้างทางร้านหนึ่งไม่ใหญ่ไม่เล็กแต่สำหรับไมเนอร์มันดูเล็กและไม่สะอาดเอามาก ๆ เขาไม่ชอบร้านข้างทางพวกนี้เอาเสียเลย"จอดทำไมคะ" เสียงใสถามขึ้นทันทีที่รถหยุดลงด้วยความสงสัยเธอคบกับเขามาเกือบปี น้อยครั้งที่แฟนหนุ่มของเธอจะยอมไปนั่งร้านข้างทางกับเธอ"หาอะไรให้เจ้าจิ๋วในท้องรินกินไง พี่จำได้ว่ารินชอบกินราดหน้าร้านนี้" ไมเนอร์พูดจบก็เปิดประตูลงไปแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้แฟนสาวตนเอง "ริน ๆ" เปิดประตูห้องได้รินลดาก็ทำท่าพะอืดพะอมแล้วพุ่งตัวไปที่ห้องน้ำ ครู่เดียวอาหารที่กินเข้าไปก็ออกมา ฝ่ามืออบอุ่นวางลงบนแผ่นหลังของรินลดาลูบไปมาด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปดึงกระดาษทิชชูด้านหลังมาเช็ดปากให้เธอซึ่งตอนนี้นั่งหมดสภาพพิงแขนเขาอยู่"อา…ทำไมจู่ ๆ ก็เวียนหัว คลื่นไส้แบบนี้ล่ะเนี่ย" รินลดาพึมพำพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหน้าตนเอง ตอนนั่งกินข้าวที่ร้านเธอก็ยังปกติดีอยู่แท้ ๆ แต่พอถึงห้องดันเวียนหัวขึ้นมาซะเฉย ๆชายหนุ่มหันไปกดชักโครกให้แล้วช้อนตัวเธอขึ้นมาแนบอกจากนั้นจึงพาเธอไปวางไว้ที่เตียง"เดี๋ยวพี่เอายาให้กิน รินก็พักผ่อนซะตอนเย็นพี่จะพาไปเจอคุณแม่" "แต่ตอนเย็นรินต้องไปทำง
บทที่ 1"โถ่ พี่ก็มาขอโทษน้องรินไงครับ พี่ขอโทษจริง ๆ พี่แค่หงุดหงิดมากไปไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ " คนถูกถามรีบลุกจากเตียงอล้วปรี่เข้ามาจับไหล่ทั้งสองของเธอเบา ๆ อย่างเอาอกเอาใจ เพราะที่อพาร์ตเมนต์นี้ใช้ระบบสแกนนิ้วจึงทำให้ไมเนอร์สามารถเข้าออกได้ตามใจ เขาเลยมานั่งอยู่ในห้องโดยที่เธอไม่ได้อนุญาตได้"ไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอคะ ไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่ตรงไหนคะ ตั้งแต่ตอนรินอมหรือไม่ได้ตั้งใจว่ารินจะเห็น" น้ำเสียงประชดประชันออกมาไม่ขาดสายเธอไม่แม้แต่จะหันไปมองใบหน้าของเขาด้วยซ้ำ เพราะตั้งใจว่าจะตัดขาดกับเขาให้จบวันนี้เลยเกรงว่าหากหันไปมองอาจจะใจอ่อน"ช่างเถอะค่ะ ให้มันจบแค่นี้เถอะรินรับคำขอโทษพี่ไมค์กลับไปเถอะค่ะ แล้วจากนี้อย่ามาเจอกันอีก" รินลดาพูดเสียงเรียบพร้อมกับลูบครีมแก้มเนียนของตนเอง"ไม่เอาหรอก แฟนพี่อยู่ที่นี่จะให้พี่ไปไหนล่ะครับ พี่ขอโทษน้า ตบพี่เลยก็ได้พี่จะไม่ทำอีกแล้ว รินครับ""ไม่ละค่ะ รินไม่อยากต้องมานั่งทุกข์ใจเพราะให้โอกาสพี่อีก"ไมเนอร์ที่เห็นว่าครั้งนี้แฟนสาวดูจริงจังมากกว่าทุกครั้งก็กวาดสายตาไปรอบห้องเพื่อหาวิธีพูดโน้วน้าวใจแฟนสาว จนในที่สุดสายตาก็หยุดที่บางอย่างบนตลับแป้งของเธอ แผ่น
บทนำ"พี่ไมค์ คุยกับใครน่ะ" หญิงสาวร่างเปลือยเปล่าที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมากล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวไม่พอใจ ขณะที่เธอกำลังทำบางสิ่งบางอย่างให้เขาอยู่พลันสายตาก็ไปสบเข้ากับภาพกระจกทางด้านหลังของเขา คนตรงหน้าเธอกำลังแช็ตกับใครบางคนอยู่แต่เธอเห็นเพียงสติ๊กเกอร์รูปหัวใจในกระจกเพราะไม่ทันอ่านเธอลุกขึ้นมากระชากโทรศัพท์มือถือออกจากมือของเขา ก่อนจะเลื่อนแช็ตเพื่อดูข้อความก่อนหน้า'คิดถึงนะครับ' ข้อความก่อนที่สติ๊กเกอร์รูปหัวใจจะถูกส่งไปคนที่นั่งอยู่บนเตียงในตอนแรกรีบลุกขึ้นมาแย่งมือถือของตนเองทันทีที่ถูกแย่งไป เขาดึงโทรศัพท์ไปถือเอาไว้ก่อนจะหันมาเอาเรื่องเธอที่กล้ายุ่งกับของๆ เขาชายหนุ่มที่ร่างกายไร้เสื้อผ้าปกปิดยืนมองเธอด้วยสีหน้าโมโห พร้อมผลักไหล่เปลือยเปล่าของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรงจนเธอล้มลงกับพื้น"เป็นบ้าอะไรถึงมายุ่งกับของ ๆ กู""พี่ไมค์" หญิงสาวหันมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แววตาเจ็บปวดถูกส่งผ่านม่านน้ำตาออกมา เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะโมโหแค่เพราะเธอแย่งโทรศัพท์ของเขามาดู หนำซ้ำยังขึ้นกูมึงกับเธอทั้งที่ยามปกติไม่เคยพูด"แล้วถ้าไม่มีอะไรพี่จะหวงมันถึงขนาดนี้หรือไง" รินลดาพูดทั้งน้ำตาพลางยันตนเองให้ล







