นี่คือสิ่งที่เธอรู้สึกตั้งแต่เข้าโซนสี่ ไม่สิ ตั้งแต่เขาเห็นภาพหลอน เบนกลายเป็นคนขรึมระคนเศร้า เดี๋ยวเงียบ เดี๋ยวกวนประสาท ยากนักที่จะจับต้นชนปลายอารมณ์ได้ถูก อาการนี้ยิ่งปรากฏชัดขึ้นเมื่อโนเอลตาย หากมีสิ่งหนึ่งที่เธอเริ่มเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวคนคนนี้ นอกจากเรื่องที่เขาปกป้องอเล็กซ์ยิ่งชีพและช่วยชีวิตคนทั้งกลุ่มหลายครา คงเป็นเรื่องที่เบนรอโนเอล เขาไม่ได้เฉยชาเหมือนกับตอนซาร่าห์และเอ็มเมต เบนรอให้โนเอลลุกขึ้นมาเหมือนที่เธอรอ“คิดว่าพอร์ตจะส่งพวกเขาไปถึงปลายทางจริงเหรอ หรือว่ามันเป็นกับดัก หรือว่าฉันส่งเขาไปตาย” เขาถามทั้งสองคน “ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ”“มันเป็นภาพหลอน” เธอย้ำ “ภาพหลอน นายอย่ายึดติดกับพลังของเบ็กกี้ อเล็กซ์และแนทที่นายเห็นในหัวคือผลพวงจากพลังของเธอ”เบนเลิกคิ้วข้างหนึ่ง “มันเป็นคำถาม...ถ้ามันเป็นแบบนั้นล่ะ ถ้าพวกเขาคือตัวจริง พวกเธอหันปืนไปทางไหน หรือเธออยากจะเชื่อแบบนั้น ฉันคิดถึงความเป็นไปได้ พวกมันนึกอยากจะทำอะไรก็ทำได้ ดูรอบตัวสิ จำพวกสัตว์ผสมอุบาทว์ได้ไหม พวกมันจะทำอะไรกับเขา”“เบน ใจเย็น ๆ ฉันอยากให้เขาปลอดภัยไม่ต่างจากนาย”“รู้ แต่ถ้ามันไม่ใช่ล่ะ”เธอเงียบ ไมเค
“คุณพ่อนายเหรอ” อเล็กซิสเดา ถ้าเจมม่าคือแม่ คนที่ให้น่าจะเป็นพ่อมิใช่หรือ“เปล่า” ไมเคิลตอบ “เขาเป็นคนดูแลฉันหลังจากพ่อกับแม่ตายหมด ไม่สิ จริง ๆ เขาดูแลพวกเราทั้งครอบครัว ตั้งแต่จำความได้พวกเราเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อย คิดว่าทางการมีคนที่มีพลังพิเศษเหมือนกัน และพลังนั้นคือความสามารถตรวจจับว่าใครเข้าข่ายเอชโอวัน ทั้งฉันและปาสคาลเข้าข่ายด้วยกันทั้งคู่จึงต้องหนี อ้อ พ่อแม่ของฉันล้วนเข้าข่ายเอชโอวันเหมือนกัน”“ไล่ล่าเลยเหรอ” เบนทึ่ง “ฉันนึกว่าถ้ามีคนรายงานตำรวจ หรือเห็นอะไรประหลาด พวกเขาถึงจะจับ”เธอพยักหน้ายืนยันคำพูดไมเคิล “มีคนเคยเล่าว่ามีหน่วยงานนี้อยู่ แม้ประกาศยกเลิกไปนานแล้ว แต่พวกเขายังทำงานอยู่ลับ ๆ เรื่องของไมเคิลทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่...” เธอถอนหายใจเมื่อนึกถึงครูโดบี้ส์กับแมรี่ สตีเว่น “...ครูเคยเล่า”ดวงตาสีฟ้าของเด็กหนุ่มมองเลยผ่านเพื่อนอีกสองคนไป “ซานโบซ่าเป็นเมืองที่สงบดีนะ ฉันกับปาสคาลชอบมาก อยากจะอยู่ถาวรเลยด้วยซ้ำ ฉันฝันอยากไปโรงเรียนและมีเพื่อนเหมือนคนอ
“และพวกเขาก็ตายไปพร้อมกันมัน” ไมเคิลสรุป “อย่าคาดคั้น เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ และมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันโกรธพวกเขา”แวบหนึ่งที่ดวงตาสีฟ้าเข้มมองขึ้นไปด้านบนเหมือนเห็นท้องฟ้า แต่เมื่ออเล็กซิสมองตามสายตาไมเคิล สิ่งที่เธอเห็นคือเพดานถ้ำสีเทาทึบกับหินงอกหินย้อยแหลมเฟี้ยวจนกลัวว่ามันอาจจะตกลงมาเสียบหัว“...มันเหมือนโลกภายในตัวเธอล่มสลาย...” ท้องฟ้าจำลองในหอพักอาจเป็นที่เดียวที่พาเธอออกจากไข่ใบนี้ เป็นอิสระจากความคิดตัวเอง และเมื่อคิดถึงห้องนั้น เธอคิดถึงดวงตาสีดำของอเล็กซ์ด้วย ตอนนี้เธอมาถึงโซนสี่แล้ว จะมีสิ่งใดการันตีได้ไหมว่าคนธรรมดาที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้พร้อมกับมนุษย์พลังพิเศษทั้งสองคน และเมื่อถึงตอนนั้น วันที่เธอรอดไปเจอเขาอีกครั้ง อเล็กซ์จะยังอยากเรียกเธอว่า “สกาย” อยู่หรือเปล่าอีกไม่กี่วัน เหมือนไม่กี่ปี“แปลกดีนะ ตาของเธอเหมือนมีไฟจุดอยู่ข้างใน อะไรบางอย่างที่ส่องประกาย”“หา”ไมเคิลชี้ไปที่ดวงตาของเขาแล้วเลื่อนม
“นั่นรอยอะไรเหรอครับ”เด็กชายจ้องแก้มเธอเขม็ง หากมองดี ๆ จะเห็นรอยช้ำสีเขียวคล้ำบริเวณแก้มจนถึงคาง นาตาเลียจับหน้าตัวเองอัตโนมัติ พอนึกขึ้นได้จึงทำทีขยับสร้อยเพชรเส้นงามที่ประดับบนคอระหงให้เข้าที่ “ไม่มีอะไรจ้ะ ทำไมเราถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ”ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอมเหลืองจับจ้องหญิงสาวอย่างเจ้าเล่ห์เกินอายุ นิ้วชี้กลมป้อมแตะริมฝีปากเป็นเชิงบอกไม่ให้เธอพูดเสียงดัง “ผมแอบอเล็กซ์อยู่” เขาหรี่เสียงเบาเหมือนกระซิบเธอหัวเราะเสียงขรึม รอยยิ้มสุขุมแฝงความหวาน ดวงตาสีฟ้าเหมือนท้องนภาเต็มไปด้วยก้อนเมฆฝนขมุกขมัวกลับส่อเค้าสดใสขึ้น พอเธอเห็นสายตาเชื่อมของเด็กชายก็เผยอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยิ่งทำให้เจ้าหนุ่มตัวกะเปี๊ยกเคลิบเคลิ้ม รอยยิ้มน่ารักเหมือนลูกแมวเช่นนี้ ไม่ว่าใครย่อมตกอยู่ในภวังค์ ยิ่งยามปกติเธอมักทำหน้าเคร่งขรึมอันเนื่องจากสถานะราชินีสาวเคียงคู่ราชาอาณาจักรโวลคอฟ หรือหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงแห่งโวลคอฟ คอร์เปอเรชั่น กรุ๊ป รอยยิ้มนี้แหละที่ทำให้เบนเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเขาจึงชอบมองแบมบี้นักหญิงสาวหยิบตลับแป้งออกจากกระเป๋าปักเลื่อมสีเงิน เธอเริ่มบรรจงปกปิดรอยดังกล่าว ระหว่างนั้นชำเลืองมองซ้ายขวากลัวว่าม
“เฮ้”อเล็กซิสโบกมือไปมาเบนกลืนน้ำลาย อยู่ ๆ เกิดนึกถึงความฝันครั้งล่าสุดขึ้นมาเฉยเลย “มีอะไร”“ฉันเห็นนายเหม่อ เป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่านี่”เธอทำหน้าสงสัยแต่ไม่ได้ซักไซ้ เด็กสาวนั่งลงข้างไมเคิล ทั้งสองชี้นิ้ววางแผนราวกับเป็นนักรบวางกลยุทธ์กำจัดข้าศึก แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือกระโดดลงไปแล้วว่ายขึ้นฝั่งเท่านั้นเองว่ายขึ้นฝั่ง ถูกต้อง ทางออกอีกไม่ไกล“งั้นฉันโดดลงไปก่อน” เจ้าหัวเงินเสนอตัวก่อนทุกครั้ง แน่นอนว่าเบนไม่เคยห้าม“อย่าเพิ่งเลย”คนที่มักห้ามคือคนนี้ แบมบี้มักเสนอตัวเองด้วย ชายหนุ่มส่ายหัวถอนหายใจ เจ้าพวกกวางน้อยในป่าใหญ่แต่ครั้งนี้แบมบี้ไม่ได้จะโดดลงไปก่อน เธอโกยหินก้อนเล็กแล้วโยนลงไป ทั้งหมดชะโงกมองข้างล่าง มันเป็นแม่น้ำสายเล็ก หากกระโดดแล้วว่ายขึ้นฝั่งใช้เวลาไม่นานมากนัก แต่ไม่มีใครวางใจกับกลไกของที่นี่ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งหมดถอนหายใจ แต่โล่งอกได้ไม่นานกลับอ้าปากค้างกันถ้วนหน้า มวลน้ำเริ่มจับกลุ่มก้อ
“ทำใจดี ๆ” เขาบอก อเล็กซิสหายใจหนักหน่วง เธออ้าปากหายใจ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เกิดอาการระหว่างว่ายในน้ำ ไม่งั้นกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งแน่“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะ...” ไมเคิลสูดหายใจเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องยาก ทันทีที่เห็นว่าไอ้หัวเงินอ้าแขนจะโอบกอดเด็กสาว ไหนว่าไม่ชินกับคนจับตัวไงวะ เบนตัดหน้าดึงตัวคนป่วยเข้ามากอดแทน สิ่งแรกที่เขาทำคือจับมือเล็กคู่นี้แล้วบีบช้า ๆ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ“พยายามควบคุมลมหายใจ” เขาพูด “นายนวดขาเธอซะ”“ครับ ๆ” ไมเคิลบรรจงถอดรองเท้าผ้าใบออกดวงหน้าจิ้มลิ้มเอาแต่จ้องมือตัวเองราวกับว่ามันจะกลับมาเป็นปกติเพียงแค่ใช้สายตา แรงปรารถนาที่ฝังอยู่ถูกกดทับด้วยความขบขันกับท่าทางกวางน้อย บางส่วนขำที่ตัวเองกระหายไม่ดูเวล่ำเวลา ณ ตอนนี้ เพียงแค่อยากกอดแล้วลูบหัวให้เธอหายเป็นปกติก็พอแล้ว“ตัวเลขยังนิ่งอยู่” ไมเคิลพากย์เสียงไปนวดคลึงเท้าเธอไป“ทำไงได้ เราไม่มีน้ำอุ่นหรือผ้าแห้งเลย”เด็กหนุ่มนิ่งคิด “จะว่าไป ตรงนี้มันเย็นนะ&rdq
สองชั่วโมงถัดมา ทั้งสามหยุดอยู่ตรงหน้าผาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เบื้องล่างเป็นธารลาวาร้อนระอุที่ไม่ใช่เพียงเครื่องประดับฉากเหมือนตอนขาเข้า พวกเขาต้องกระโดดข้ามแท่นหินลอยสามท่อน เลยจุดนั้นคือจุดที่แสงสว่างสาดเข้ามาทางออกหัวใจของเขากลับมาเต้นแรง อเล็กซ์ หวังว่าตอนนี้นายคงหายดีแล้วนะอเล็กซิสรอบคอบเหมือนทุกครั้ง เธอโยนหินนำไปก่อน ลูกธนูนับสิบวิ่งตัดผ่านแท่นหินก้อนแรก เด็กสาวโยนอีกก้อนไปไกลกว่าเดิม กับดักธนูทำงานอีกครั้ง แต่มันพุ่งตัดผ่านเฉพาะแท่นหินก้อนที่สอง“ห้าวินาทีก่อนกับดักทำงาน ไม่เร็วไปสำหรับฉัน” ไมเคิลว่า “และนายก็หยุดลูกธนูได้”คนโตกว่าสั่นหัว “หยุดอาจทำได้แต่ไม่หมด เมื่อกี้ฉันจับสัมผัสมันไม่ทันเลย ลูกธนูมันเบากว่าหิน แต่ฉันว่าฉันกระโดดข้ามทัน เพียงแต่...”“มันไม่กว้าง ฉันกระโดดข้ามไปได้” อเล็กซิสรีบตอบเหมือนรู้ว่าเขาจะพูดอะไร “แต่พวกนายไม่ต้องห่วงนะ ไปให้ถึงฝั่งตรงข้ามให้ได้ อย่าลังเลพะวงหลัง”เธอเคยกลัวตายบ้างไหม เบนนึกภาพเมื่อครั้งอเล็กซิสวิ่งเข้าหาห
“อย่าปล่อยนะ” เขากัดฟันพูด “อย่าปล่อยเด็ดขาด” เขาจับมือเธอไว้แน่นหมอนั่นต้องการเธอ เธอต้องอยู่ “รอก่อน ฉันพยายามอยู่” เสียงไมเคิลลอยเข้าหูอเล็กซิสยังคงจ้องเขา น้ำตาเอ่อคลอเบ้า“ฉันไม่ปล่อยเธอหรอก” เขาให้คำมั่น เหมือนที่เธอไม่ทิ้งให้เขาตาย ครั้งนี้เขาจะปล่อยเด็กคนนี้ไม่ได้ร่างถูกกระตุกขึ้น ชีวิตของอเล็กซิสไม่ได้ขึ้นอยู่กับเบนคนเดียว แต่กับไมเคิลด้วย“นาย...” ไมเคิลตาค้างเมื่อดึงเขาขึ้นมาสำเร็จ แต่เบนพะวงอยู่แต่อีกคน มือของเขาไม่ยอมปล่อยเด็กสาว “ช่วยเร็ว” ไมเคิลดึงตัวอเล็กซิสขึ้นมาได้ในจังหวะเดียว ทั้งหมดข้ามมาอีกฝั่งได้สำเร็จหนุ่มผมสีเงินหอบแต่ดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องเขานิ่ง “ฉันขอโทษ”“ไม่ใช่ความผิดของนาย” เบนก้มหน้าลงมองที่อก อนิจจา ปลายลูกธนูโผล่ออกมาจากอกข้างซ้าย มันช่างพอดิบพอดีทั้งสองคนหน้าซีดเผือด อเล็กซิสแทบฉีกกระเป๋าตัวเองเพื่อหาเครื่องมือปฐมพยาบาล แต่สิ่งที่เบนทำเป็นอย่างแรกคือถอดนาฬิกาไร้รสนิยมออกจา
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้
พวกผู้หญิงมีวิธีบรรเทาความเครียดต่างกับผู้ชาย ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน การได้จับจ่ายซื้อของคือความสุขและวิธีปลดปล่อยมวลพลังลบทั้งปวง ถึงแม้ที่นี่ไม่มีร้านบูติกแบรนด์ชั้นนำ หรือแม้แต่ร้านโนเนมดีไซน์ล้ำ มีเพียงตลาดมือสองและแผนกเสื้อผ้าในซูเปอร์ตั้งราวเรียงกันเป็นตับ ไร้รสนิยม แม้ทอยซิตี้ไม่มีตัวเลือกให้กับผู้หญิงมากนัก แต่แค่ได้สวมใส่ ลอง และซื้อ ก็สนองนี้ดได้ไม่ยาก และเพราะมันเป็นหนทางเดียวสำหรับพวกเธอคงมีแค่อเล็กซิสที่นั่งเท้าคางรอเทสซ่าแต่งตัวคนอย่างอเล็กซิสหรือจะแค่นั่งรอ เด็กสาวผู้ชื่นชอบสะสมเสื้อผ้าสวยและน้ำหอมเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งที่ค่าตัวจากงานพิเศษต่าง ๆ ละลายไปกับของพวกนี้ เหตุใดเธอจึงนั่งเบื่อ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ใครคือคนที่ช้อปด้วยต่างหาก และก็ไม่ใช่เพราะเทสซ่าแน่นอนเทสซ่าเดินออกจากห้องลองเสื้อพร้อมเบลินดา สวมเสื้อแจ็กเกตดำแบบเดียวกับที่เธอชอบยืมอเล็กซิสใส่สมัยอยู่ในหอพัก (ท่าทางจะชอบจริง ๆ) เสื้อนอกทับเสื้อสายเดี่ยวสีเขียวข้างใน ด้วยบุคลิกทะมัดทะแมง ผิวสีเชสนัทเกลี้ยงเกลา และรองเท้าบูตส์หนัง เธอยิ่งสวยและเท่เหมือนนางเอกเดินออกจากหนังแอคชั่น “สามพันสองร้อยชิป ไม่ใช่หนั
ไมเคิลส่ายหัวปัดมือให้เธอถอยออกไป (ไม่กล้าแตะตัวเธออีก) อเล็กซิสในอ้อมกอดอเล็กซ์ไม่ได้นอนหรือหลับ หากแต่ตื่นอยู่แต่เหมือนไม่ค่อยมีสติ ริมฝีปากพึมพำว่า “ปล่อย” เบา ๆ ในลำคอ“เปิดประตูสิ” อเล็กซ์สั่งเพราะมือทั้งสองอุ้มเพื่อนของเขาไว้“นายก็เขยิบสิ” เขาสั่งกลับ อเล็กซ์เลื่อนตัวเข้ามาใกล้ประตู เขาจับมืออเล็กซิสแตะที่ตัวสแกนเพื่อปลดกลอน มีเสียงดังกริ๊ก มือผลักบานประตูเปิดให้อเล็กซ์เข้าข้างใน “นี่” ไมเคิลไม่สนใจหญิงสาวเลยปิดประตูใส่หน้าหล่อนดังปัง เธอทุบครั้งหนึ่งก่อนจะด่าออกมา เมื่อนั้นเสียงฝีเท้าห่างออกไป ในที่สุด“ฉันอยากได้ผ้าชุบน้ำ”ไมเคิลพยักหน้า ส่วนอเล็กซิสก็พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ “ไม่...ต้อง...” จนอเล็กซ์ดันตัวเธอลง “ไม่” สภาพอเล็กซิสไม่ต่างจากคนเมายา เขาไม่รู้ว่าเธอไปโดนอะไรมาแต่ก็ทำตามที่อเล็กซ์บอก นั่นคือเข้าไปในห้องน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก พอเปิดก๊อกก็พบว่าน้ำแรงปกติ โกหกจริงด้วย มือทั้งสองรีบบิดน้ำหมาด ๆ พอออกมาก็เห็นสองอเล็กซ์เถียง
ไมเคิลรุดไปยังหน้าต่างตรงทางเดิน ยกบานหน้าต่างจนสุดแล้วชะโงกหน้าออกไป ลมแรงตีปะทะหน้า ถึงแม้เขาจะชอบอากาศเย็นสบายมากกว่าร้อน แต่เมื่อทอยซิตี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ลมกลับไม่น่าพิสมัย สายตาของเขาเลื่อนไปช้า ๆ ทีละจุด ทีละจุด แต่ไร้ประโยชน์ ถึงอเล็กซิสอยู่แถวนี้ก็ยากที่จะเห็นอยู่ดี ทำไมต้องโกหก เธอไปไหนกันแน่ หัวใจบีบรัดเมื่อความผิดหวังจู่โจม เขาคิดว่าเธอไม่ไว้ใจเขา ทั้งที่เข้าใจว่าตนเองคือคนที่เธอสนิทใจที่สุด มากกว่าเทสซ่า แต่สุดท้าย เขาคิดผิดอเล็กซ์โผล่หน้าออกมาข้าง ๆ ผมของเขายาวจนต้องจับมันไว้ไม่ให้ปลิวและพัดเข้าหน้า “เขามีท่าทีแบบนี้มาสักพักแล้วยัง”ไมเคิลไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนทั้งสองจะพักอารมณ์เหม็นขี้หน้าชั่วคราว ถึงแม้ทุกคนเห็นว่าเธอค่อนข้างโทรมและเงียบกว่าตอนอยู่ในศูนย์ฝึก แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นเลย ใช่แล้ว ไม่มีใครสังเกตเลยรวมทั้งตัวเขาเองด้วย“เขาบอกอะไรนายบ้าง” ชายหนุ่มเริ่มยิงคำถาม “มันเกี่ยวกับที่โดนจับไปหรือเปล่า หรือไม่ใช่”“ไม่รู้!” ไมเคิลตอบอย่างมีอารมณ์ “แล้วนาย
ห้องของไมเคิลกับเรมีแออัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อรองรับคนถึงเก้าคน คอมพิวเตอร์จอแบนขนาดสิบห้านิ้วตั้งกลางวง หน้าตามันดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาประกอบกันเอง เรมีเสียบปลั๊กแล้วกดเปิด หน้าจอสีดำกะพริบถี่ ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลปรากฏเปลวไฟเป็นตัวอักษรรูปตัวเอทับต้นไม้ มันพลิ้วไหวเหมือนไฟมีชีวิต “โอ้โห” พวกเขาตื่นเต้น ไม่นานกล่องสีขาวเด้งออกมาเพื่อให้กรอกรหัส“ข้างในมีอะไรบ้าง” อเล็กซิสยื่นหน้าเข้ามา มือกำขวดน้ำแน่นท่าทางกระหายน้ำตั้งแต่เข้ามาในห้อง“ต้องกรอกรหัสก่อน” เรมีย้ำ สายตาจดจ่อกับหน้าจอดังกล่าว“กรอกสิ” เทสซ่าเร่ง “ฉันอยากรู้แล้ว”“เอ่อ” หนุ่มน้อยวัยสิบหกเคาะคีย์บอร์ดสัมผัส “เรายังแฮคมันไม่ได้”“หา?” พวกที่เหลือร้องออกมาพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น...พวกนายเรียกให้พวกเราดูแค่ว่ามันเปิดได้”“ใช่” เรมีพยักหน้าหงึก ๆ “ไม่ตื่นเต้นกันเหรอ”“ฉันบอกแล้วว่าเราควรเจาะรหัสให้ได้ก่อน” อาคุสะพูดเสียงเรียบ เข
อเล็กซิสเงยหน้ามองไฟข้างบนอย่างกับจะจับผิดระบบ แต่ไมเคิลรู้ตัวการดีจึงเหยียดเท้าถีบเก้าอี้ข้างหน้า แม้ยั้งแรงไว้บ้างแต่ตัวอเล็กซ์อัดเข้ากับขอบโต๊ะจัง ๆ ไม่ทันร้องว่าเจ็บก็ลุกพรวดจนเก้าอี้กระแทกโต๊ะข้างหลังซึ่งก็คือระหว่างไมเคิลและอเล็กซิส เขาหมุนตัวเตรียมจะพุ่งเข้ามา ไมเคิลรออยู่แล้วง้างหมัดเตรียมสวน ทว่าสงครามยุติก่อนที่มันจะเริ่ม อเล็กซิสกับเรมีพร้อมใจกันกดเขาไว้กับโต๊ะ ส่วนอาคุสะและฟีบี้ทำแบบเดียวกันกับอเล็กซ์“ตรงนั้นมีอะไรกัน!”“เข้าใจผิดครับ เข้าใจผิด” เรมีตะโกน “พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้”ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับเป็นศัตรูมาช้านาน ยิ่งอเล็กซ์ไม่ได้ตัดผมโกนหนวด หน้าตารุงรัง ยิ่งทำให้สีหน้านั้นเอาเรื่องกว่าตอนใบหน้าเกลี้ยงเกลา “บอกให้เขาหยุดสิ” ไมเคิลเถียง เสียงแหบแห้งเพราะน้ำลายติดคอ“นายนั่นแหละที่หยุด” เรมีกดศีรษะเขาลง“เบา ๆ เรมี ไมเคิลนายอยู่นิ่ง ๆ” อเล็กซิสว่า“ฉันไม่ได้เริ่ม!” เขาจ้องหน้าอเล็กซ์เขม็ง“เฮ้ ๆ พวกนาย” เทสซ่ายืนขึ้นเตรียมพ