“คุณพ่อนายเหรอ” อเล็กซิสเดา ถ้าเจมม่าคือแม่ คนที่ให้น่าจะเป็นพ่อมิใช่หรือ“เปล่า” ไมเคิลตอบ “เขาเป็นคนดูแลฉันหลังจากพ่อกับแม่ตายหมด ไม่สิ จริง ๆ เขาดูแลพวกเราทั้งครอบครัว ตั้งแต่จำความได้พวกเราเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อย คิดว่าทางการมีคนที่มีพลังพิเศษเหมือนกัน และพลังนั้นคือความสามารถตรวจจับว่าใครเข้าข่ายเอชโอวัน ทั้งฉันและปาสคาลเข้าข่ายด้วยกันทั้งคู่จึงต้องหนี อ้อ พ่อแม่ของฉันล้วนเข้าข่ายเอชโอวันเหมือนกัน”“ไล่ล่าเลยเหรอ” เบนทึ่ง “ฉันนึกว่าถ้ามีคนรายงานตำรวจ หรือเห็นอะไรประหลาด พวกเขาถึงจะจับ”เธอพยักหน้ายืนยันคำพูดไมเคิล “มีคนเคยเล่าว่ามีหน่วยงานนี้อยู่ แม้ประกาศยกเลิกไปนานแล้ว แต่พวกเขายังทำงานอยู่ลับ ๆ เรื่องของไมเคิลทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่...” เธอถอนหายใจเมื่อนึกถึงครูโดบี้ส์กับแมรี่ สตีเว่น “...ครูเคยเล่า”ดวงตาสีฟ้าของเด็กหนุ่มมองเลยผ่านเพื่อนอีกสองคนไป “ซานโบซ่าเป็นเมืองที่สงบดีนะ ฉันกับปาสคาลชอบมาก อยากจะอยู่ถาวรเลยด้วยซ้ำ ฉันฝันอยากไปโรงเรียนและมีเพื่อนเหมือนคนอ
“และพวกเขาก็ตายไปพร้อมกันมัน” ไมเคิลสรุป “อย่าคาดคั้น เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ และมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันโกรธพวกเขา”แวบหนึ่งที่ดวงตาสีฟ้าเข้มมองขึ้นไปด้านบนเหมือนเห็นท้องฟ้า แต่เมื่ออเล็กซิสมองตามสายตาไมเคิล สิ่งที่เธอเห็นคือเพดานถ้ำสีเทาทึบกับหินงอกหินย้อยแหลมเฟี้ยวจนกลัวว่ามันอาจจะตกลงมาเสียบหัว“...มันเหมือนโลกภายในตัวเธอล่มสลาย...” ท้องฟ้าจำลองในหอพักอาจเป็นที่เดียวที่พาเธอออกจากไข่ใบนี้ เป็นอิสระจากความคิดตัวเอง และเมื่อคิดถึงห้องนั้น เธอคิดถึงดวงตาสีดำของอเล็กซ์ด้วย ตอนนี้เธอมาถึงโซนสี่แล้ว จะมีสิ่งใดการันตีได้ไหมว่าคนธรรมดาที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้พร้อมกับมนุษย์พลังพิเศษทั้งสองคน และเมื่อถึงตอนนั้น วันที่เธอรอดไปเจอเขาอีกครั้ง อเล็กซ์จะยังอยากเรียกเธอว่า “สกาย” อยู่หรือเปล่าอีกไม่กี่วัน เหมือนไม่กี่ปี“แปลกดีนะ ตาของเธอเหมือนมีไฟจุดอยู่ข้างใน อะไรบางอย่างที่ส่องประกาย”“หา”ไมเคิลชี้ไปที่ดวงตาของเขาแล้วเลื่อนม
“นั่นรอยอะไรเหรอครับ”เด็กชายจ้องแก้มเธอเขม็ง หากมองดี ๆ จะเห็นรอยช้ำสีเขียวคล้ำบริเวณแก้มจนถึงคาง นาตาเลียจับหน้าตัวเองอัตโนมัติ พอนึกขึ้นได้จึงทำทีขยับสร้อยเพชรเส้นงามที่ประดับบนคอระหงให้เข้าที่ “ไม่มีอะไรจ้ะ ทำไมเราถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ”ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอมเหลืองจับจ้องหญิงสาวอย่างเจ้าเล่ห์เกินอายุ นิ้วชี้กลมป้อมแตะริมฝีปากเป็นเชิงบอกไม่ให้เธอพูดเสียงดัง “ผมแอบอเล็กซ์อยู่” เขาหรี่เสียงเบาเหมือนกระซิบเธอหัวเราะเสียงขรึม รอยยิ้มสุขุมแฝงความหวาน ดวงตาสีฟ้าเหมือนท้องนภาเต็มไปด้วยก้อนเมฆฝนขมุกขมัวกลับส่อเค้าสดใสขึ้น พอเธอเห็นสายตาเชื่อมของเด็กชายก็เผยอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยิ่งทำให้เจ้าหนุ่มตัวกะเปี๊ยกเคลิบเคลิ้ม รอยยิ้มน่ารักเหมือนลูกแมวเช่นนี้ ไม่ว่าใครย่อมตกอยู่ในภวังค์ ยิ่งยามปกติเธอมักทำหน้าเคร่งขรึมอันเนื่องจากสถานะราชินีสาวเคียงคู่ราชาอาณาจักรโวลคอฟ หรือหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงแห่งโวลคอฟ คอร์เปอเรชั่น กรุ๊ป รอยยิ้มนี้แหละที่ทำให้เบนเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเขาจึงชอบมองแบมบี้นักหญิงสาวหยิบตลับแป้งออกจากกระเป๋าปักเลื่อมสีเงิน เธอเริ่มบรรจงปกปิดรอยดังกล่าว ระหว่างนั้นชำเลืองมองซ้ายขวากลัวว่าม
“เฮ้”อเล็กซิสโบกมือไปมาเบนกลืนน้ำลาย อยู่ ๆ เกิดนึกถึงความฝันครั้งล่าสุดขึ้นมาเฉยเลย “มีอะไร”“ฉันเห็นนายเหม่อ เป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่านี่”เธอทำหน้าสงสัยแต่ไม่ได้ซักไซ้ เด็กสาวนั่งลงข้างไมเคิล ทั้งสองชี้นิ้ววางแผนราวกับเป็นนักรบวางกลยุทธ์กำจัดข้าศึก แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือกระโดดลงไปแล้วว่ายขึ้นฝั่งเท่านั้นเองว่ายขึ้นฝั่ง ถูกต้อง ทางออกอีกไม่ไกล“งั้นฉันโดดลงไปก่อน” เจ้าหัวเงินเสนอตัวก่อนทุกครั้ง แน่นอนว่าเบนไม่เคยห้าม“อย่าเพิ่งเลย”คนที่มักห้ามคือคนนี้ แบมบี้มักเสนอตัวเองด้วย ชายหนุ่มส่ายหัวถอนหายใจ เจ้าพวกกวางน้อยในป่าใหญ่แต่ครั้งนี้แบมบี้ไม่ได้จะโดดลงไปก่อน เธอโกยหินก้อนเล็กแล้วโยนลงไป ทั้งหมดชะโงกมองข้างล่าง มันเป็นแม่น้ำสายเล็ก หากกระโดดแล้วว่ายขึ้นฝั่งใช้เวลาไม่นานมากนัก แต่ไม่มีใครวางใจกับกลไกของที่นี่ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งหมดถอนหายใจ แต่โล่งอกได้ไม่นานกลับอ้าปากค้างกันถ้วนหน้า มวลน้ำเริ่มจับกลุ่มก้อ
“ทำใจดี ๆ” เขาบอก อเล็กซิสหายใจหนักหน่วง เธออ้าปากหายใจ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เกิดอาการระหว่างว่ายในน้ำ ไม่งั้นกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งแน่“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะ...” ไมเคิลสูดหายใจเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องยาก ทันทีที่เห็นว่าไอ้หัวเงินอ้าแขนจะโอบกอดเด็กสาว ไหนว่าไม่ชินกับคนจับตัวไงวะ เบนตัดหน้าดึงตัวคนป่วยเข้ามากอดแทน สิ่งแรกที่เขาทำคือจับมือเล็กคู่นี้แล้วบีบช้า ๆ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ“พยายามควบคุมลมหายใจ” เขาพูด “นายนวดขาเธอซะ”“ครับ ๆ” ไมเคิลบรรจงถอดรองเท้าผ้าใบออกดวงหน้าจิ้มลิ้มเอาแต่จ้องมือตัวเองราวกับว่ามันจะกลับมาเป็นปกติเพียงแค่ใช้สายตา แรงปรารถนาที่ฝังอยู่ถูกกดทับด้วยความขบขันกับท่าทางกวางน้อย บางส่วนขำที่ตัวเองกระหายไม่ดูเวล่ำเวลา ณ ตอนนี้ เพียงแค่อยากกอดแล้วลูบหัวให้เธอหายเป็นปกติก็พอแล้ว“ตัวเลขยังนิ่งอยู่” ไมเคิลพากย์เสียงไปนวดคลึงเท้าเธอไป“ทำไงได้ เราไม่มีน้ำอุ่นหรือผ้าแห้งเลย”เด็กหนุ่มนิ่งคิด “จะว่าไป ตรงนี้มันเย็นนะ&rdq
สองชั่วโมงถัดมา ทั้งสามหยุดอยู่ตรงหน้าผาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เบื้องล่างเป็นธารลาวาร้อนระอุที่ไม่ใช่เพียงเครื่องประดับฉากเหมือนตอนขาเข้า พวกเขาต้องกระโดดข้ามแท่นหินลอยสามท่อน เลยจุดนั้นคือจุดที่แสงสว่างสาดเข้ามาทางออกหัวใจของเขากลับมาเต้นแรง อเล็กซ์ หวังว่าตอนนี้นายคงหายดีแล้วนะอเล็กซิสรอบคอบเหมือนทุกครั้ง เธอโยนหินนำไปก่อน ลูกธนูนับสิบวิ่งตัดผ่านแท่นหินก้อนแรก เด็กสาวโยนอีกก้อนไปไกลกว่าเดิม กับดักธนูทำงานอีกครั้ง แต่มันพุ่งตัดผ่านเฉพาะแท่นหินก้อนที่สอง“ห้าวินาทีก่อนกับดักทำงาน ไม่เร็วไปสำหรับฉัน” ไมเคิลว่า “และนายก็หยุดลูกธนูได้”คนโตกว่าสั่นหัว “หยุดอาจทำได้แต่ไม่หมด เมื่อกี้ฉันจับสัมผัสมันไม่ทันเลย ลูกธนูมันเบากว่าหิน แต่ฉันว่าฉันกระโดดข้ามทัน เพียงแต่...”“มันไม่กว้าง ฉันกระโดดข้ามไปได้” อเล็กซิสรีบตอบเหมือนรู้ว่าเขาจะพูดอะไร “แต่พวกนายไม่ต้องห่วงนะ ไปให้ถึงฝั่งตรงข้ามให้ได้ อย่าลังเลพะวงหลัง”เธอเคยกลัวตายบ้างไหม เบนนึกภาพเมื่อครั้งอเล็กซิสวิ่งเข้าหาห
“อย่าปล่อยนะ” เขากัดฟันพูด “อย่าปล่อยเด็ดขาด” เขาจับมือเธอไว้แน่นหมอนั่นต้องการเธอ เธอต้องอยู่ “รอก่อน ฉันพยายามอยู่” เสียงไมเคิลลอยเข้าหูอเล็กซิสยังคงจ้องเขา น้ำตาเอ่อคลอเบ้า“ฉันไม่ปล่อยเธอหรอก” เขาให้คำมั่น เหมือนที่เธอไม่ทิ้งให้เขาตาย ครั้งนี้เขาจะปล่อยเด็กคนนี้ไม่ได้ร่างถูกกระตุกขึ้น ชีวิตของอเล็กซิสไม่ได้ขึ้นอยู่กับเบนคนเดียว แต่กับไมเคิลด้วย“นาย...” ไมเคิลตาค้างเมื่อดึงเขาขึ้นมาสำเร็จ แต่เบนพะวงอยู่แต่อีกคน มือของเขาไม่ยอมปล่อยเด็กสาว “ช่วยเร็ว” ไมเคิลดึงตัวอเล็กซิสขึ้นมาได้ในจังหวะเดียว ทั้งหมดข้ามมาอีกฝั่งได้สำเร็จหนุ่มผมสีเงินหอบแต่ดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องเขานิ่ง “ฉันขอโทษ”“ไม่ใช่ความผิดของนาย” เบนก้มหน้าลงมองที่อก อนิจจา ปลายลูกธนูโผล่ออกมาจากอกข้างซ้าย มันช่างพอดิบพอดีทั้งสองคนหน้าซีดเผือด อเล็กซิสแทบฉีกกระเป๋าตัวเองเพื่อหาเครื่องมือปฐมพยาบาล แต่สิ่งที่เบนทำเป็นอย่างแรกคือถอดนาฬิกาไร้รสนิยมออกจา
“อเล็กซิส”ดวงไฟสีฟ้าเข้มส่องสว่างจ้า เธอกะพริบตา ปรากฏว่าแท้จริงแล้วไฟสีฟ้าคือดวงตาของไมเคิลนั่นเอง“ตื่นแล้วสินะ” เขาถอยกลับไป ปล่อยให้เธอเผชิญหน้ากับดวงไฟสีขาวบนเพดานแทน เส้นเลือดในหัวเต้นดังตุบเหมือนมีคนเคาะไม้ในหัว เธอยันตัวเองขึ้น “ที่...” ลำคอแห้งผากจนไอออกมาเสียงดัง “แค่ก ๆ ที่ไห...”ไมเคิลส่งแก้วน้ำให้ดื่ม อเล็กซิสดื่มจนหมดในคราวเดียว เสียงน้ำกระทบกระเพาะและลำไส้บ่งบอกว่าภายในว่างเปล่า หิว ไม่ใช่หิวธรรมดา แต่หิวจนแทบจะกินแขนตัวเองได้ก้อนขนมปังกลมจ่ออยู่ตรงหน้าเหมือนรู้งาน เธอคว้ามันยัดเข้าปากในคำเดียว ไมเคิลหัวเราะแล้วนั่งลงบนเตียง“เกิดอะไรขึ้น” เธอถามเพื่อนเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่“เธอเป็นลม”“ไม่ ก่อนหน้านั้น”อเล็กซิสพยายามนึกย้อนเหตุการณ์ ฝูงห่าซอมบี้นับพันตัววิ่งออกมาจากกำแพง ใช่ เธอกับไมเคิลพยายามปีนบันไดที่ทำจากเชือก สัตว์ นึกแล้วโมโหนัก โลหะไม่พอสร้างบันไดเหรอไงวะ และเธอก็ขึ้น
บลูรู้แล้วว่าเขาได้อยู่กลุ่มบี แต่ต้องลุ้นว่าตัวเองจะได้อยู่หน่วยไหน และสุดท้าย “บลู เทอร์นเนอร์” เขาตบบ่าเพียซและโอลิแวนเพื่อไปเข้ากับหน่วยรุก ชายหนุ่มจงใจเดินผ่านลูกบ้านสาวตาน้ำเงิน เธออยู่กลุ่มบีกับเขา แต่น่าจะเป็นหน่วยสนับสนุน สีหน้าเด็กสาวบ่งบอกว่าประหลาดใจเมื่อเห็นบลู แค่นั้นเขาพอใจกลุ่มของเขาจะบุกตึกร้าง ซึ่งบลูไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนเพราะไม่ได้เข้าอบรมเหมือนคนอื่น แม้เขาเคยเห็นราซาในสภาพเมืองที่มีชีวิตมาก่อนเมืองร้าง แต่ในเมื่อมันเป็นเมืองร้าง ตึกทุกแห่งย่อมร้างผู้คน รถถังเคลื่อนทัพนำไปก่อน ภายในใจเริ่มปล่อยวางเมื่อเห็นว่าพวกทหารเป็นฝ่ายห้อมล้อมกลุ่มอาสา หาได้ปล่อยให้พวกเขาเป็นแนวหน้าไม่ แม้จะอยู่ในหน่วยรุก พวกเขายังรอฟังคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยอยู่ดี และพวกทหารจะเป็นฝ่ายเปิดคอยระแวดระวังให้ก่อน กลุ่มอาสามาเพิ่มกำลังให้จริงดังคำเชิญชวน บลูค่อนข้างเหงานิดหน่อยเพราะโอลิแวนและเพียซอยู่แถวหลัง ๆ แม้บางคนเขารู้จักแต่แค่เพียงผิวเผิน บลูจึงผูกสัมพันธ์กับรีเวอร์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มต้องสงสัยไม่กี่คนในหน่วยนี้ เขาเรียกว่าไรดี การต่อสู้คราวนั้นก่อให้เกิดมิตรภาพได้ ด
“ถ้างั้นเลือกสักอย่างเผื่อไว้” เจ้าหน้าที่กดปุ่มบนโต๊ะ ตัวแผ่นพลิกขึ้นเผยให้เห็นคลังอาวุธข้างใน ทว่าแม้บลูจะพอเดาได้ว่าอันไหนปืน อันไหนมีด แต่เขาใช้ไม่เป็นเลยสักอัน จึงสุ่มเลือกมีดสั้นด้ามหนาขึ้นมา มันมีลักษณะเหมือนมีดพกธรรมดา เขาถนัดของเบสิก“อันนี้สามารถเสียบไว้ใต้แขน”ชายหนุ่มหงายแขนตัวเองขึ้น เห็นที่เสียบเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ “ใช้ยังไงเหรอ”ทหารหนุ่มจับมีดแล้วตวัด ใบมีดโผล่ออกมา “เหมือนมีดพกก็จริง” เขาตวัดกลับ ใบมีดกลับเข้าไปข้างใน บลูจ้องตาไม่กะพริบ เมื่อใช้นิ้วโป้งกดตรงสัน ใบมีดโค้งโผล่ออกมาจากปลายทั้งสองด้าน และเมื่อมันถูกเขวี้ยงออกไปกลับแล่นกลับมาหาเจ้าของคล้ายกับบูมเมอแรงนั่นเอง “ลองดู”บลูมองมีดในมือแล้วตวัดไปตวัดมา จากนั้นลองใช้แบบบูมเมอแรง อุปกรณ์นั้นใช้ง่าย อาจเป็นเพราะมันมีระบบอัตโนมัติติดตั้งเอาไว้ให้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากนัก“มีสองที่ ก็เอาไปสอง” เขาหงายมือแล้วเสียบมีด จากที่ตัวเบาก็เริ่มพะรุงพะรังขึ้นนิดหน่อย “หมดแล้วใช่ไหม” เขาถาม&ldqu
หน้าประตูเหล็กสีดำ นายทหารสองนายยืนประจำการเฝ้าอยู่ พวกเขามองไปรอบ ๆ แปลกใจที่ไม่เห็นกลุ่มคนเลยทั้งที่นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าเพิ่งเจ็ดโมงยี่สิบเจ็ดนาที ในใจบลูหวาดกลัวว่ามันอาจเป็นกลลวง และเอมอนอาจตกอยู่ในอันตรายจึงปรี่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทั้งสอง พอเห็นชายสองคนตรงเข้ามา ทั้งสองนายพร้อมใจกันยกมือให้พวกเขาหยุด “อาสาสมัครใช่หรือไม่ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้”“พวกเราไม่ได้ลงทะเบียน” เขาตอบ “พวกเขาไปกันแล้วเหรอ”ทั้งสองคนมองหน้ากัน คนหนึ่งพยักหน้า ชี้นิ้วโป้งไปทางประตู “เตรียมตัวอยู่ข้างใน ถ้างั้นพวกนายก็กลับไปซะ”“เดี๋ยว” อีกคนยั้งเพื่อนไว้ ทำมือบอกพวกเขาให้รอตรงนี้ทหารคนนั้นทาบมือกับบานประตู แผ่นเหล็กเลื่อนลงเผยให้เห็นช่องทึบข้างใน บลูจะชะโงกหน้าดู แต่เมื่อเห็นอีกคนที่เฝ้าอยู่เหล่มองก็ก้มหน้า ไม่กี่วินาทีต่อมา “บอกชื่อพวกนายมา” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับริงโก้ แล้วตอบไป“บลู เทอร์นเนอร์”“โบธิสต้า ซานโดวอล”นั่นคือจริงของริงโก้ เขาไม่รู้ที่มาว่าทำไมชายคนนี
บลูสลัดมือแล้วเช็ดเสื้อชายหนุ่ม เวลาเขาอยู่ข้างริงโก้ทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์บอบบางที่พยายามล้มช้างแมมมอธ พอโดนแกล้งคืน ริงโก้ฮึดฮัด บลูยิ่งหัวเราะสะใจ “ฝากที่เหลือด้วยนะจ๊ะที่รัก” แล้วคว้าลังเบียร์เดินออกไปเลย ใครจะอยู่ฟังคำสบถแสลงหูเล่าดาดฟ้ากลายเป็นที่ประจำของบลูไปเสียแล้ว มือหนึ่งดีดฝาไฟแช๊ก อีกมือหยิบบุหรี่ ปากคาบแล้วจุดลมเย็นพัดผ่านร่าง หากไม่ได้สวมเสื้อแจ็กเกตกันหนาวคงสะท้านน่าดู ไม่ทันที่เขาจะหย่อนก้นลงบนม้านั่ง เอมอนเปิดประตูเหล็กอย่างแรง มือหนึ่งถือกล่องกระดาษ อีกข้างถือแผ่นพับกระดาษ “เล่นกันไหม”“เออ จัดเลย”น้องชายกางตารางกระดาษลงบนโต๊ะ เทของข้างในออกจากกล่อง มันเป็นฝาขวดที่เขาสะสม จากนั้นวางมันลงแทนหมากบนตาราง “ยัยเด็กนั่นเป็นไงบ้างล่ะ”เอมอนแบมือ เขาส่งซองบุหรี่ให้ “อย่างที่ริงโก้ว่า เธอใช้ยาระงับอาการ ตอนริงโก้เคาะเลยเปิดให้ไม่ได้ ตอนนี้เดสก็ทดลองถอนพิษให้อยู่” ชายหนุ่มหยุดคิด “แต่ไม่น่าจะทำได้”ดูเหมือนว่าความล้มเหลวทำให้เอมอนเลิกโลกสวย “แ
เครื่องหมักเนยผสมกระเทียม มะนาว และผักชีลอยฟุ้งส่งความหอมละมุนผสมเปรี้ยว กลิ่นตลบผสานกับเนื้อแซลมอนบนกระทะร้อนส่งเสียงฉู่ฉ่าชวนให้น้ำลายสอ ด้านหลังโอลิแวน ไฟในเตาอบส่องสว่างฉายให้เห็นเนื้อหมูสันในอบกับมันฝรั่งหั่นเต๋าคละเคล้ากับเครื่องเทศมากมาย ส่วนผู้ปรุงแต่งสวมผ้ากันเปื้อนสีส้มอ่อน มือจับชามและทัพพีคลุกน้ำสลัด มีเพียซ ลูกมือคอยหั่นมะเขือเทศเป็นแว่นอยู่ข้างกาย ระหว่างนั้นเอมอนวางผ้าปูเตรียมมีด ส้อมและแก้ว แต่ละคนล้วนปิดปากเงียบ ไม่พูดคุยกัน หมกมุ่นกับเรื่องในใจบลูเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น “พรุ่งนี้ไปกันกี่โมง” ตั้งใจทำลายความเงียบและปลุกทุกคนออกจากภวังค์ เขาเขยิบก้นนั่งบนเก้าอี้ริมข้างเคาท์เตอร์บาร์“เจ็ดโมง” เอมอนวางแก้วเปล่าลงข้างหน้าพี่ชาย “หรือจะเอาเบียร์”“น้ำนี่แหละ” บลูตอบ “เจ็ดเลยเหรอวะ โคตรเช้า”เมื่อเดสซิเรเดินเข้ามา ไอ้น้องบ้าผู้หญิงไม่รอช้าบริการหญิงสาวทันที เธอนั่งมุมโต๊ะ จากนั้นริงโก้เข้ามาเป็นคนสุดท้าย เลือกนั่งข้างบลู สายตามองถาดเนื้อหมูในเตาอบ พอโอลิแวนวางชามสลัดลงตรงกลาง หนุ่มร่างใหญ่ยืดตัวขึ้นตักแบ่งใส่จานตัวเองทันที บลูฟังเดสซิเรทวนกำหนดการสำหรับวันพรุ่งนี้ พวกเหล่าอ
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้