Inicio / แฟนตาซี / Undisclosure / เพื่อนใหม่

Compartir

เพื่อนใหม่

last update Última actualización: 2025-02-12 15:27:48

“หวัดดี พวกนาย!” เทสซ่าเดินเข้ามา สวยเด่นมาแต่ไกล พอมาถึงก็เอามือเท้าเอว ส่วนอีกข้างเกาะขอบเก้าอี้ไว้ เทสซ่าสวมเสื้อสายเดี่ยวสีดำครึ่งตัวกับกางเกงทหารสีกากี ศีรษะของเธออยู่ประมาณหูของอเล็กซิส

“ได้เวลาพอดีเลย ลุยเลยเพื่อน!” เวดเชียร์เมื่อพวกพี่น้องโธมัสโผล่มา

เทสซ่าอายุสิบเก้า เป็นเพื่อนคนแรกของพวกเขา เธอทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าของที่นี่ คอยให้คำแนะนำและพาเดินชมรอบ ๆ จนพวกอเล็กซิสรู้ว่าที่ไหนเป็นอะไรบ้าง พวกเทสซ่าแทบจะเป็นประชากรกลุ่มแรกเลยก็ว่าได้ เพราะอยู่ที่มาก่อนเด็กซานโบซ่าราว ๆ สามอาทิตย์ เธอเล่าว่า ตอนแรกมีคนไม่เยอะเท่าไรนัก แต่เมื่อมีหน้าใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ที่นี่ก็เริ่มแน่นขึ้นอย่างที่เห็น

“อเล็กซิสจ๊ะ ฉันแอบเห็นเธอถามหาจอห์น ลีลอยด์ที่โรงหนังด้วยนะ ถ้าพวกฉันไม่เห็นเขา ก็ไม่มีใครเห็นแล้วล่ะ เชื่อเถอะ” เทสซ่าว่า สายตามองไปยังเสื้อแจ๊กเกตของเพื่อนสาว “ตัวนี้ก็สวยจัง”

ส่วนอีกสองคนที่อยู่ข้างหลังเทสซ่าคือ มินนี่และโนเอล มินนี่เป็นน้องเล็กสุด อายุสิบเจ็ดปี แม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่มินนี่ไม่เหมือนเทสซ่า เด็กสาวไม่ค่อยพูด แล้วยังชอบแอบร่างเล็ก ๆ อยู่ข้างหลังโนเอลเสมอ นาน ๆ ครั้งเธอจะพูดสักที และพอเธอพูด ทุกคนจะเงียบเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด ดังนั้นพวกอเล็กซิสเลยไม่ค่อยได้คุยกับมินนี่ ส่วนโนเอล พี่คนโตสุดและอาจจะอายุมากสุดในที่นี้เลยก็ว่าได้ เพราะเขาอายุยี่สิบแปดแล้ว โนเอลเคยเป็นทหารมาก่อน ร่างของเขาใหญ่ราวกับตึกทำเอาเด็กหนุ่มร่างบึ๊กอย่างเวดกลายเป็นเด็กน้อยไปเลย พี่น้องโธมัสมีลักษณะที่เหมือนกัน นั่นคือผิวสีน้ำตาลเชสนัทและผมสีดำเข้ม มินนี่และโนเอลมีดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล ส่วนเทสซ่ามีดวงตาสีเงินคล้ายกับมีแสงแฟลชอยู่ข้างใน เธอมีดวงตาที่สวยมาก

“พวกเรากำลังจะไปคลับ พวกเธอไปด้วยกันไหม” เธอถามคนทั้งสาม แต่สายตาจดจ่ออยู่ที่เวดคนเดียว

“แน่นอน” เวดรีบตอบตกลง ส่วนออสโล่ แทนที่เขาจะคุยกับสาวที่ตัวเองชอบกลับเอาแต่จ้องเครื่องดื่มในมือราวกับมันมีอะไรน่าสนใจมากกว่าคนตรงหน้า “ออสโล่ก็พูดอยู่เมื่อกี้ว่าจะไป”

คนที่ถูกอ้างชื่อหันไปจ้องเพื่อนเผยพิรุธทันที แต่อเล็กซิสจับหัวเขาให้อยู่นิ่งแล้วพยักหน้าเออออกับเวด

เทสซ่าอาจจะจะสังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของพวกเขาก็ได้ แต่เธอแค่ยิ้ม ไม่ว่าอะไร “ดี ๆ ไปกันเลยไหม”

เวดผลักออสโล่ให้ลงจากที่นั่ง หนุ่มผมแดงทำเสียงไม่พอใจเบา ๆ เมื่อเพื่อนบังคับให้เขารุกหน้าจีบสาว ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังใจไม่กล้าพอ

เพื่อช่วยให้ออสโล่มีแฟนกับเขาเสียที เวดเลยปล่อยให้เขาเดินกับเทสซ่าสองต่อสอง ส่วนตัวเองพยายามชวนมินนี่คุย อเล็กซิสประกบโนเอล พี่ชายของเทสซ่าคงสังเกตเห็นว่าพวกเขาวางแผนอะไรกัน ถึงได้เดินจ้องคนทั้งสอง ตาไม่กะพริบ

“เขาเป็นคนดีนะ” อเล็กซิสรีบบอก “จริง ๆ นะ นิสัยดีแล้วจิตใจดีอีก ฉันรับประกันได้เลย”

“อืม ฉันเห็นอยู่ว่าพวกเธอเล่นอะไรกัน แต่เทสซ่าไม่ใช่คนที่ใครจะมาเล่นจับคู่ให้ได้หรอกนะ แล้วเด็กคนนั้นก็ไม่ใช่สเป็กของเทสด้วย เธอก็น่าจะเห็น เขาขี้อายและอ่อนแอเกินไป ไม่ได้จะว่าเพื่อนเธอหรอกนะ แต่เขาเหมือนน้องชายของเทสซ่ามากกว่า ดูสิ” โนเอลพยักพเยิดหน้าไปทางทั้งสอง

อเล็กซิสไม่ได้เถียงกลับ เพราะโนเอลพูดถูกทุกประการ ออสโล่มีท่าทีอึดอัดและไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางแบบนี้จะทำลายโอกาสมัดใจผู้หญิงแน่นอน โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีความมั่นใจตัวเองสูงอยู่แล้วอย่างเทสซ่า เพราะเมื่อฝ่ายหญิงชวนคุย ออสโล่ตอบเพียงแค่ “ใช่ ๆ อ้อ นั่นสินะ”

ไม่น่ารอดแฮะ

“อ้อ จริงสิโนเอล พวกนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” อเล็กซิสถามชายหนุ่ม ทั้งหมดเดินเข้าไปในคลับ ใช้เวลาเพียงแค่สามสิบวินาทีจากที่เก่าเท่านั้น เพราะคลับกับเลานจ์ไม่ได้ห่างกันมาก

“อ้อ เรื่องมันยาวน่ะ”

“ไม่เป็นไร พวกเราอยากฟัง” เวดหันหน้ามาคุย สีหน้าเหม็นเบื่อเต็มทน เขาจนปัญญาที่จะคุยกับมินนี่ให้รู้เรื่อง แทนที่จะตอบคำถามของเวด มินนี่เอาแต่ฮัมเพลงอยู่คนเดียวราวกับโลกนี้มีแค่เธอ อเล็กซิสรีบหันไปมองทางอื่นเพื่อกลั้นขำ

เสียงดนตรีในคลับดังยิ่งกว่าที่เก่าเสียอีก อเล็กซิสเห็นผู้คนเต้นกันอย่างสุดเหวี่ยงเหมือนต้องการปลดปล่อยอารมณ์ โดยส่วนตัวแล้ว อเล็กซิสไม่ได้ชอบที่นี่มากไปกว่าเลานจ์เลย เธออาจไม่ได้ชอบเพลงแจ๊ซมากเท่าไร แต่ดนตรีอิเล็กโทรนิกแด๊นซ์ล้วน ๆ ไม่ใช่แนวยิ่งกว่า เทสซ่าชวนทุกคนออกไปขยับร่างกาย แต่มีเพียงออสโล่เท่านั้นที่ยอมออกไป (เพราะถูกกดดันด้วยสายตา) ส่วน

อเล็กซิสกับเวดเลือกที่จะนั่งฟังโนเอลเล่าเรื่องของเขาแทน

“พวกเธอไม่ค่อยชอบเต้นกันหรอกเหรอ เทสซ่าชอบมากเลยล่ะ แถวบ้านพวกเราไม่มีสถานรื่นเริงแบบนี้”

“ในเดอะ เวสท์น่ะเหรอ” อเล็กซิสถาม

“อื้อ สภาพเมืองก็เหมือนกับชื่อของมัน เมืองห่วย ๆ ผู้คนสันดานต่ำ ศูนย์รวมขยะเน่าจากทุกที่” เขาซดเบียร์ในมือตัวเองจนเกือบหมดแก้ว “เอาล่ะ อยากฟังเรื่องของพวกฉันใช่ไหม”

“รอมานานแล้ว” เวดตบหน้าตัก

“เอ้า ก็ได้ มันเริ่มมาจากที่ฉันเห็นกองทัพประกาศรับสมัคร ฉันก็สมัครทันที พอผ่านบททดสอบเบื้องต้นก็ถูกโอนย้ายไปฝึกเพื่อเป็นหน่วยคอมแมนโดเลย เพราะฉันเกิดมาแข็งแรงและตัวโตกว่าคนอื่นบวกกับทำงานตั้งแต่เด็ก ผลงานของฉันเลยเตะตาหัวหน้าเข้า เขาชอบฉันมาก เพราะแบบนี้ พวกขี้อิจฉาเลยกล่าวหาว่าฉันเป็นกลุ่มต้องสงสัย ฉันไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนไปแจ้งตำรวจเรื่องนี้ แถมยังไม่มีโอกาสหาหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง คนที่อาศัยอยู่ในเดอะ เวสท์ล้วนเกิดมาโชคร้ายกันทั้งนั้น แม้แต่พวกตำรวจยังไม่ใช่ตำรวจที่ดีเลย พอได้รับแจ้งข้อกล่าวหาก็จับฉันทันที ไม่ส่งไม่สืบอะไรแม่ง” ด้วยความโมโห โนเอลวางแก้ววางลงบนโต๊ะเสียงดังจนอเล็กซิสสะดุ้ง

“ดีแล้วที่นายไม่เจอการสอบสวนแบบพวกเรานะ” เธอแทรก สายตามองที่แก้วในมือโนเอล สงสัยว่ามันจะแตกไหม ส่วนเวดพยักหน้าเออออเป็นลูกคู่ “นายจะถูกทรมานแล้วก็ถูกตัดสินว่าผิดอยู่ดี”

“ว่าไงนะ นี่หมายความว่าไม่มีที่ไหนยึดหลักกฎหมายเลยเหรอ รู้ไหม หัวหน้าของฉันไม่พอใจมาก เพราะเขาเล็งว่าจะส่งฉันไปแถวชายแดนพร้อมกับหน่วยรถถังใหม่ แต่เขาไม่สามารถเข้ามาช่วยในคดีนี้ได้ แม่ของฉันร้องขอให้มีการสืบสวนก่อน แม่เป็นนักสู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไอ้พวกตำรวจเวรมันดันดูถูกเธอกับครอบครัวพวกเรา ตอนนั้นเองที่เทสซ่าทำบางสิ่งที่แม้แต่ฉันตอนนี้ยังไม่อยากจะเชื่อ”

“เธอเป็นกลุ่มเสี่ยงเหรอ” เวดถามทันที

ทั้งอเล็กซิสกับเวดต่างเงี่ยหูฟังเต็มที่ ถึงแม้อเล็กซิสจะเคยเจอกลุ่มเสี่ยงซึ่งก็คือซอนย่ามาแล้ว แต่ประสบการณ์ตอนนั้นแย่เกินกว่าที่เธออยากจะจำมัน และที่สำคัญ เธอไม่เห็นว่าซอนย่าแสดงความสามารถอย่างไร นอกจากรู้ว่าผลลัพธ์เป็นแบบไหนเท่านั้น พวกเขารู้ว่าในนี้ต้องมีกลุ่มเสี่ยงปะปนอยู่กับกลุ่มต้องสงสัยแน่นอน แต่สามวันมานี้ ทั้งหมดยังไม่เคยเห็นใครยอมเผยตัวออกมาเลยสักคน

โนเอลเหลือบมองเทสซ่าที่กำลังเต้นกับเด็กผู้ชายคนอื่น ส่วนออสโล่ถูกทิ้งยืนอยู่คนเดียว อเล็กซิสรู้สึกว่าเทสซ่ากำลังบอกพวกเขาผ่านภาษากายว่า “อย่าได้จับคู่ฉันกับเขาเชียวนะยะ”

โนเอลเล่าต่อ “เทสซ่าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยงมาก่อน ตอนนั้นเธอโกรธที่พวกตำรวจปฏิบัติกับพลเมืองแบบนั้น โดยเฉพาะเมื่อพลเมืองคนนั้นเป็นแม่ของพวกเรา เทสแค่อยากจะสาปแช่งพวกมันเฉย ๆ แต่เสียงที่ออกมากลับเป็นเสียงประหลาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยิน ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เสียงของเทสซ่าทำร้ายพวกตำรวจ แล้วทุกอย่างก็แย่ลงทันที เพราะเทสคุมตัวเองไม่ได้ จากนั้นพอทุกอย่างสงบ พวกเราสามพี่น้องก็ถูกจับกันหมด”

“เสียใจด้วยนะ” อเล็กซิสบอก “แต่ว่า...ทำไมถึงถูกจับกันหมดเลยล่ะ นายถูกจับอยู่ก่อนแล้ว พอเข้าใจได้ แต่มินนี่เกี่ยวอะไรด้วย”

โนเอลยิ้มอย่างขมขื่น “พวกมันบอกว่า ความสามารถเหนือมนุษย์อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับทั้งพี่และน้อง ฉันถูกตัดสินไปแล้ว ส่วนมินนี่เลยถูกตัดสินว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัยทันที”

 เวดกับอเล็กซิสมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่ซานโบซ่า ออสโล่คงจะโชคร้ายที่สุด เพราะเขามีพี่น้องร่วมสายเลือดถึงสี่คน ทั้งสองไม่แน่ใจว่าควรใช้คำว่า ‘โชคดี’ หรือไม่ แต่อย่างน้อย กระบวนการทางกฎหมายในเมืองซานโบซ่ายังดีกว่าในเดอะ เวสท์ แต่คำว่า ‘ดีกว่า’ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันถูกต้องแล้ว

ทุกคนเหลือบมองเด็กหนุ่มผมแดงที่ยืนทำตัวไม่ถูกเมื่อเทสซ่าเอาแต่สนุกกับคนอื่น อเล็กซิสสงสัยว่าตัวเองทำถูกหรือเปล่าที่พยายามผลักดันให้เขาจีบเทสซ่า เพราะเธอไม่ชอบใจเวลาเห็นเพื่อนถูกกระทำแบบนี้

“เราเรียกเขากลับมาเถอะ” อเล็กซิสบอกเวด

“ลองดูอีกนิดน่า”

“ไม่สำเร็จหรอก” มินนี่ที่นาน ๆ ทีจะพูดเกิดนึกอยากร่วมบทสนทนาขึ้นมา เธอชี้นิ้วไปทางพี่สาวของตัวเองกับออสโล่ “เทสไม่ชอบเขา เทสชอบคนแบบนาย” เด็กสาวชี้นิ้วไปที่เวด “แล้วก็คนนั้น” เธอมองไปยังโต๊ะที่อยู่มุมสุด เลยไปไกลจากโต๊ะของพวกเขา เด็กหนุ่มคนดังกล่าวนั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางแสงไฟหลากหลายสีสันที่ฉายแสงใส่คนในคลับ มีเพียงหอคอยแก้วชอตที่เขาสร้างขึ้นตั้งอยู่บนโต๊ะเป็นเพื่อนเท่านั้น เขาไม่คุยกับใครเลย แต่แค่นั่งเฉย ๆ กลับดึงดูดสายตาโดยไม่ต้องทำอะไร

Continúa leyendo este libro gratis
Escanea el código para descargar la App

Último capítulo

  • Undisclosure    หยุดยั้ง

    “แต่คุณบอกว่ามันจะใช้คุณเป็นตัวประกัน” ไมเคิลเถียง“ใช่ ตัวฉัน เพียงแค่ร่างกายที่ยังมีลมหายใจ”อเล็กซิสเข่าอ่อนจนทรุดตัวลง ก้มหน้าซ่อนสะอื้นลงกับตักหญิงสาว นาฮีมานาอาจไม่ใช่แม่ของกลุ่มเสี่ยง แต่เปรียบเหมือนกับผู้ใหญ่หรือไม่ก็พี่สาวที่พวกเขารู้สึกสบายใจเวลาเห็นเธอ เปรียบดั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาทางจิตใจ“แต่ว่า...ก่อนจะออกไป ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”เมื่อนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้น นาฮีมานาจับมืออเล็กซิสกับไมเคิล“เผาทุกอย่างในนี้”ทั้งสองพยักหน้า“ถ้าเห็นอะไร ทำใจไว้นะ แต่ฉันคิดว่าอย่าปล่อยไปเลย พวกเขายังไม่รับรู้อะไรหรอก”ทว่าประโยคหลังนั้น ทั้งสองไม่เข้าใจ นาฮีมานาคะยั้นคะยอให้พวกเขาออกไปจากที่นี่อีกครั้ง มืออีกข้างหยิบปืนที่พวกนั้นทิ้งไว้ เธอพยักหน้าให้ทั้งสองเห็นว่าไม่เป็นไร“พวกเธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ไปเถิด”“เหลืออีกห้านาที”นาฮีมานาไม่ต้องการให้พวกเขามอง หรือรับรู้ ทั้งสองจึงเดินออกไปหน้าลิฟต์ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นจึงได้ยิน

  • Undisclosure    จุดจบของผู้อยู่มานาน

    “พาตัวเธอมา” เธอหันไปสั่งเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง อเล็กซิสไม่มีวันรู้ไม่ถึงหนึ่งนาทีได้ คนของอาร์คาเดียจึงประคองนาฮีมานาออกมา เธออยู่ในสภาพอิดโรย ผมสีดำยุ่งเหยิง แก้มที่ตอบอยู่แล้วลึกลงไปราวกับผิวหนังปกคลุมเพียงโครงกระดูก เธอออกจากกลุ่มไปก่อน อเล็กซิสไม่รู้เลยว่าหญิงสาวโดนจับไปเมื่อไร“ได้โปรด เราพาเธอมาแล้ว”“เหลืออีกสิบนาที” พวกเขามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกเพราะกลัวหนีไม่ทัน“ทำไม ที่นี่จะระเบิดหรือ”พวกเขาส่ายหน้า ทั้งสองไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นนาฮีมานาพยักหน้าให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง อเล็กซิสจึงหันไปพยักหน้ากับไมเคิล เขาจึงบอกให้คนที่เหลือออกไป ทั้งหมดทิ้งอาวุธแล้วรีบวิ่งหนี บางคนแย่งกันออกไปจนมีเสียงโวยวายล้มลุกคลุกคลาน ส่วนพวกเขารีบไปประคองนาฮีมานาที่ถูกทิ้งลงกับพื้น“มานา...”หญิงสาวสบตากับทั้งสองแล้วยกมือจับแก้มคนทั้งคู่ เพียงสัมผัสอเล็กซิสกลับรู้สึกสบายตัว อากาศปวดตามตัวและที่หน่วงอยู่ในท้องก็อันตรธานหายไปทันใด เมื่อเธอมองไมเคิลจึงเห็นว่าบาดแผลบนใบหน้

  • Undisclosure    ไม่มีการต่อรอง

    “เหลืออีกยี่สิบนาที”สิ่งที่อเล็กซิสเกลียดที่สุดคือการไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น แม้เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ลักพาตัว แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวการเป็นใคร ทั้งสองยืนมองนักวิทยาศาสตร์วิ่งหนีออกจากตึกจากบานหน้ากระจกขนาดใหญ่บนชั้นลอยเปิดสู่โถงด้านล่าง ประตูทางออกนั้นไม่ได้เปิดออกไปแล้วเห็นด้านนอก แต่ไปยังลิฟต์ที่เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบน โถงด้านล่างกินพื้นที่ถึงห้าชั้น มันกว้างใหญ่ พวกเขาวิ่งหนีขึ้นลิฟต์ บ้างแย่งกัน แต่เพราะจำนวนมีจำกัดจึงไม่อาจขนส่งคนออกไปได้ทันทีแต่ก็ทำให้เธอรู้ว่าทั้งหมดอยู่ใต้ดินขณะนั้นไมเคิลปรายตามองทีมรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านล่าง พวกเขาไม่ได้สวมชุดทหารสีเทาแต่เป็นสีน้ำตาล ในมือถือปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่เล็งมาแต่ยังไม่ได้ยิง หรือพูดไม่ถูกคือไม่กล้ายิงเพราะกลัวผลโต้ตอบที่รุนแรงกว่า อีกกลุ่มคอยอพยพและจัดระเบียบ พวกเขามองขึ้นมาอย่างหวาดผวา ส่วนเธอกับไมเคิลมองลงไปด้วยสายตาว่างเปล่า“ปล่อยไปเถอะ เราต้องการเพียงมานา”อเล็กซิสไม่ได้ใจดี เธอแค่ไม่อยากเสียเวลาไมเคิลพยักหน้าแต่สายตายังจับจ้อง

  • Undisclosure    ทำลาย

    แม้สายตาจะคอยชำเลืองมองแฝดที่ยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าประตูรอให้พวกมันเข้ามา อเล็กซิสใช้เวลานี้เรียกข้อมูลขึ้นมาเรื่อย ๆ นอกจากจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของพวกเขาแล้ว พวกมันต้องการเซลล์ไข่ของเธอและสเปิร์มของแฝดเพื่อผสมเทียม สมมติฐานของคนพวกนี้นั่นคือ เธอและไมเคิลเป็นกลุ่มเสี่ยงคู่เดียวที่สามารถให้กำเนิดทายาทที่มีลักษณะพิเศษได้ เหมือนอย่างที่ลูก้าและเจมม่าเคยให้กำเนิดคนทั้งสอง เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงคนอื่นล้วนมีภาวะมีบุตรยากหรืออาจจะถึงขนาดไร้ประสิทธิภาพที่จะมีทายาทเลยก็ว่าได้เพื่ออะไร ผลิต...ผลิตกองทัพผู้มีพลังพิเศษด้วยตัวเองหรือปัญหาคือ เธออยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง เอไลโตทั้งหมด หรือบางคน? ที่แน่ ๆ พวกมันใช้คาเรลที่สมควรถูกประหารชีวิตไปแล้วปลอมตัวเป็นไมเคิลมากหลอกเธอเสียงฝีเท้ามากมายมาเป็นโขยงโดยที่แฝดชายยืนรออยู่ อเล็กซิสถอยห่างจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน“อยู่เฉย ๆ” คนข้างนอกตะโกนเข้ามา “อย่าขยับไม่อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องยิง!”ชายหนุ่มผมเงินหัวเราะดูแคลนคนข้างนอก พริบตาเดียวเปลวเพลิงลุกโถมเข้าใส่ประตูด้านหน้า ทีมรักษาความป

  • Undisclosure    ละเลงเลือด

    ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้งพร้อมกับสภาพเครื่องมือล้มระเนระนาด รวมทั้งจานที่บรรจุเซลล์ไข่แตกละเอียด เพียงเธอมอง ของเหลวในนั้นแห้งเหือดตรงมุมขวาของห้องมีกล้องวงจรปิดอยู่ อเล็กซิสยกมือขึ้นทำท่าบิด มันแตกแล้วตกลงมา เพียงเท่านั้นเธอรีบลุกออกจากเตียงเพื่อไปหาไมเคิล แต่เพียงขยับก็เจ็บหน่วงที่ท้อง สุดท้ายกลั้นใจหยิบผ้าคลุมมาพันตัวแล้วเดินไปหาน้องชาย มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่แปลบ ๆ หน่วง ๆ เหมือนเวลาที่เธอเคยมีประจำเดือน“ไมเคิล” เธอจับแก้มที่มีแผลไหม้แล้วสงสารจับใจ ใบหน้าของเขาคือของขวัญล้ำค่าที่ไม่ว่าใครก็อยากจะถนอมดูแล แล้วดูตอนนี้สิ อเล็กซิสดึงเครื่องรัดออกแล้วสวมกอดคนที่นอนอยู่แน่นเพื่อให้เขาฟื้นตัว “ไมเคิล ตื่นสิ ไมเคิล”ชายหนุ่มส่งเสียงครางอือ ๆ เบา ๆ เธอถอนตัวขึ้นมาเพื่อรอให้เขาฟื้น เขาเริ่มขยับริมฝีปาก “รอ...”“ไม่ต้องรอ” เธอบอกพลางกุมมือเขาแน่น น้ำตาเอ่อขึ้นมาเมื่อมองแฝดชายราวกับเห็นร่างของซีโน่ที่กำลังจะตาย “ตื่นขึ้นมา ฉันจะปกป้องนายเอง”เขากะพริบตาก่อนจะลืมตามอง ดวงตาสีฟ้าเข้มสบกับของเ

  • Undisclosure    แหกคุก

    มีกี่เรื่องที่ทำให้คนเราฝันร้าย แต่เมื่อตื่นเหมือนกับโผล่ขึ้นผิวน้ำปีศาจในความทรงจำล้วนมีมากหน้าหลายตา และกลุ่มแรกมีชื่อว่าคาเมรอนกับบรูซ ยังดีที่โชคยังเข้าข้าง ต่างกับตอนนี้ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือปีศาจใต้หน้ากาก หมดสิ้นอิสรภาพโดยสิ้นเชิงสติไปไหน เหตุใดจึงรู้สึกล่องลอย บางครั้งตื่นตัว บางครั้งไม่รู้สึกมันมากันเป็นกลุ่ม จับร่างของอเล็กซิสขึงเพื่อเอาบางสิ่งจากกาย หากขัดขืนดิ้นรนก็จะได้รับความเจ็บปวดสาหัสจนไม่อาจขยับได้ไปหลายนาที คงเป็นเพราะกายหยาบนี้ทนทานต่อยาสลบจึงตื่นเร็วเกินไป แต่ต่อให้ทนได้เพียงใดก็ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาเสียงกรีดร้องอ้อนวอนขอให้พวกมันหยุดไม่เป็นผล แม้เมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการก็ยังไม่ปล่อยอเล็กซิสกับไมเคิลไป พวกมันเอาขาหยั่งออกแล้วปล่อยให้ขาเธอนอนเหยียดยาวโดยมีเครื่องล็อกตรึงไว้ไม่ให้ขยับ“พวกแกต้องชดใช้” เสียงที่ตะโกนออกไปกลั่นออกมาจากความแค้นที่อยู่ลึกสุด แต่กลับฟังดูอ่อนแอเกินกว่าจะขู่ให้ผู้ใดกลัว ตรงกันข้ามกลับเรียกเสียงหัวเราะขำขันแทนเธอหันไปมอง

Más capítulos
Explora y lee buenas novelas gratis
Acceso gratuito a una gran cantidad de buenas novelas en la app GoodNovel. Descarga los libros que te gusten y léelos donde y cuando quieras.
Lee libros gratis en la app
ESCANEA EL CÓDIGO PARA LEER EN LA APP
DMCA.com Protection Status