วินาทีที่อเล็กซิสหันไปมอง เด็กคนนั้นมองกลับมาอย่างรวดเร็ว มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาด เขามักจะมองกลับมาเร็วเสมอเหมือนรู้สึกตัวตลอดเวลาว่ามีคนมองอยู่ รูปลักษณ์ของเขาดึงดูดสายตาของอเล็กซิสได้สนิท ทั้งผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าเข้ม สีหน้าของเขาเหมือนกับกระจกสะท้อนสีหน้าของอเล็กซิสเช่นกัน เธอสอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีเรดาร์ติดตัวหรืออย่างไร ในเมื่อเขาสามารถจับสายตาคนได้ตลอด เธอจำเด็กหนุ่มคนนี้ได้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่ พวกเขาเหมือนรู้จักกันมาก่อน อันที่จริง ควรใช้คำว่า พอคุ้นหน้าคุ้นตามากกว่า
“เด็กคนนั้น” โนเอลพึมพำ “เขาไม่คุยกับใครเลย พวกเราพยายามจะเป็นเพื่อนกับเขา แต่เขากลับอยากอยู่คนเดียว เป็นเด็กที่แปลกจริง ๆ ไม่มีใครรู้ชื่อเขาเลยด้วย”
“ไมเคิล” อเล็กซิสตอบ
“เธอรู้จักเขาเหรอ” เวดถาม เริ่มกระวนกระวายขึ้นมาทันที
“อื้อ เราเคยเจอกันนานพอสมควร ฉันว่าเขาน่าจะเป็นคนขี้อายมาก ๆ ...หรือไม่ก็ ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่สิ ไม่ชอบคน”
“แล้วไปรู้จักกันตอนไหน”
“ตอนที่ไปเทสต์หน้ากล้อง”
“งานอะไร”
อเล็กซิสข่มอารมณ์ “เล็กซี่ไง เขามาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าไม่อยากมา เหมือนถูกบังคับให้มาอะไรแบบนั้น พอรู้ว่าที่นั่นมีไว้สำหรับแคสต์นักแสดงถ่ายโฆษณา เขาโวยวายและพยายามจะหนีออกไปให้ได้ แต่เขาเด่นมากเลยนะ พวกผู้หญิงมองเป็นตาเดียว ฉันยังจำได้เลยว่าพอจอห์นเห็นเขาเท่านั้น ก็บอกให้ไมเคิลเป็นนักแสดงหลักทันที ส่วนจอห์นจะไปเป็นตัวประกอบแทน คือ ฉันรู้ว่าเขาเล่นมุกนะ แต่สายตาของจอห์นเหมือนอยากจะปั้นเด็กคนนั้นด้วยตัวเอง”
“แค่นี้เหรอ” เวดถามจี้
เธอทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่นิสัยช่างซักของเพื่อนชาย
“เขาจ้องอเล็กซิสกลับด้วย” มินนี่ตั้งข้อสังเกต
“ใช่สิ เพราะพวกเราจำกันได้ ดูจากสีหน้าก็รู้ แต่เขาไม่พูดกับฉันเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ฉันเจอเขาที่โรงอาหาร ก็เลยเข้าไปทักและชวนมานั่ง แต่แทนที่เขาจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ กลับตอบด้วยการเดินหนี” อเล็กซิสหัวเราะในลำคอ
ตอนนี้เด็กหนุ่มคนนั้นหันกลับไปแล้ว
“ใช่ เขาเป็นแบบนี้แหละ พอใครคุยด้วยก็เดินหนี” โนเอลว่า “เจอเหมือนกัน”
“อ้อ ฉันว่า ก็แค่เด็กผู้ชายธรรมดา พวกพิลึกอะไรแบบนั้น” เวดทำราวกับเขาไม่สนใจ แต่ไม่อาจกลบน้ำเสียงอิจฉาได้
“เขาหล่อมาก...มากกว่านายหลายเท่าเลย” ถ้าจะพูด มินนี่ไม่สนใครทั้งนั้น เวดขยับตัว นิ่วหน้า “เขาเป็นหนึ่งในหนุ่มที่เทสซ่าปลื้มสุด ๆ ทั้งนาย เด็กคนนั้น แล้วก็...”
“มินนี่ อย่าเผาพี่ตัวเองสิ” โนเอลสั่นหัว
เด็กสาวไม่ได้พูดเกินจริงหรอก ไมเคิลเป็นเด็กหนุ่มที่พวกผู้หญิงลืมจอห์น ลีลอยด์ทันทีที่เขาปรากฏตัว เธอจำช่วงเวลานั้นได้ดี เพราะเหตุนี้จอห์นจึงหันมาแซวตัวเองก่อนที่ใครจะเริ่ม คงไม่เป็นการพูดเกินจริงถ้าจะเปรียบว่าไมเคิลงดงามราวกับเทพบุตรเลยทีเดียว อาจเป็นเพราะสีผมที่ต่างจากคนอื่น และอเล็กซิสยอมรับว่าเธอเองก็เป็นพวกผู้หญิงในกลุ่ม ที่ลืมจอห์นเสียสนิท
“เธอเป็นนางแบบด้วยเหรอ” มินนี่ถาม ท่าทางเหมือนสนใจ อเล็กซิสไม่แน่ใจว่าเธอควรดีใจหรือไม่ที่ทำให้มินนี่สนใจตัวเองได้
“ไม่เชิงหรอก ฉันยังเป็นมือสมัครเล่น พวกตัวประกอบนะ” อเล็กซิสตอบ
มินนี่ขยับตัวมานั่งปลายเบาะ เอามือเท้าคางจ้องหน้าเธอ “ถ้าอย่างนั้นคนนั้นก็เป็นนายแบบเหมือนกันใช่ไหม เขาเป็นสเป็กเธอหรือเปล่า ฉันเห็นว่าเขามอง ๆ เธออยู่ตั้งแต่พวกเราเข้ามาในนี้แล้ว”
“ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้นหรอกมินนี่ เชื่อเถอะ” อเล็กซิสเม้มปาก ก่อนจะย้ำคำตัวเอง “ฉันเพิ่งบอกไปแล้วไงว่าพวกเราเคยเจอกันมาก่อน”
“แต่เขาไม่เคยมองเทสซ่าเกินห้าวินาทีเลยนะ เขามองเธอตั้งสิบวินาที”
โนเอลหัวเราะ “นี่น้องนับด้วยเหรอ” สายตาที่เขามองน้องสาวคนเล็กเหมือนกับเวลาที่พ่อมองชาร์ลี
มินนี่พยักหน้าหงึก ๆ
“เขาไม่ใช่สเป็กของอเล็กซิสหรอก” เวดสรุปเอาเอง
“อ้าว นายรู้ได้ยังไงล่ะ เขาน่ารักจะตาย” อเล็กซิสเผลอปากไว แต่มันเป็นความผิดมหันต์ เพราะเวดไม่ชอบใจที่เธอชมเด็กหนุ่มคนนั้น
“คือ ถ้าเปรียบเทียบกับแฟนเก่าของเธอนะ ผู้ชายจะต้องผมสีทอง ตัวสูง หล่อ แล้วก็เป็นนักกีฬา นิสัยดี อ่อนโยน”
“เวด...อย่าเริ่มได้ไหม ฉันไม่ใช่คาร์เตอร์” อเล็กซิสเกือบลืมไปแล้วว่าเวลาโดนมีดแทงข้างหลังมันเป็นอย่างไร แค่คิดถึงครอบครัวและเพื่อนมันทรมานน้อยเกินไปใช่ไหม ทำไมเขาต้องขุดเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาพูดให้เธอกระอักเลือดเล่น
“โทษ ก็แค่ตอบมินนี่เฉย ๆ” เขายักไหล่
“เปล่า นายไม่ได้จะตอบเธอ นายตั้งใจแกล้งฉันต่างหาก”
“นายหมายถึงตัวเองเหรอ ว่านายเป็นสเป็กของอเล็กซิส แต่ฉันว่านายไม่ใช่คนอ่อนโยนนะ” มินนี่ว่า ไม่สนใจว่าการใช้คำพูดของเธอนั้นมีปัญหา อย่างไรก็ตาม อเล็กซิสไม่คิดว่าเวดจะสนใจ เขาสมควรโดนซะบ้าง
“ใช่ มินนี่พูดถูก นายนิสัยไม่ดี” เธอย้ำคำมินนี่
“เด็ก ๆ ไม่ทะเลาะกันน่า” โนเอลแทรกขึ้น เขาทำตัวราวกับเป็นผู้เฒ่าของกลุ่ม “มินนี่ อย่าถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่น” พอโดนพี่ชายปราม มินนี่จึงเอนหลังพิงไปกับพนักเก้าอี้ กลับไปนั่งมองคนในคลับด้วยสายตาช่างฝันเหมือนเดิม ไม่สนใจพวกเวดกับอเล็กซิสอีก
“ขอโทษ” เวดกระซิบบอก
“นายไม่ได้อยากขอโทษหรอก เพราะนายเป็นแบบนี้ทุกที” อเล็กซิสบ่น “ตั้งแต่พวกเรามาอยู่ที่นี่ นายก็ทำตัวเหมือน...”
“ก็แค่อยากรู้ว่าเธอลืมหมอนั่นแล้วหรือยัง” เวดไม่ยอมแพ้ “ถ้าเธอลืมเดวี่ได้แล้ว ทำไมเธอต้องหงุดหงิดใส่ฉันด้วยล่ะ”
“ฉันหงุดหงิดเพราะนิสัยนายต่างหาก แล้วฉันบอกเมื่อไหร่ว่าลืมเขาได้แล้ว”
โนเอลนั่งเงียบ เมื่อบทสนทนาที่คุยกันอยู่ดี ๆ กลายเป็นบททะเลาะ อเล็กซิสรู้ดีว่า ถึงเขาทำเป็นไม่สนใจ แต่กำลังฟังอยู่ “รู้อะไรไหม เวด ไปหาคาร์เตอร์ซะ ถ้านายอยากฝึกลับฝีปากล่ะก็ และถ้านายอยากรู้ ใช่ ฉันยังรักเดวี่อยู่ พอใจไหม”
พอฟังจบ เวดลุกขึ้นทันที เขาเดินไปหาเทสซ่าแล้วสั่งให้ออสโล่กลับมานั่งที่โต๊ะ ส่วนตัวเองก็เต้นกับผู้หญิงแทน ไม่สนใจว่าออสโล่จะรู้สึกอย่างไร เทสซ่าเองก็ยินดีที่เขามาแทนออสโล่
เพื่อนผมแดงเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วนั่งลงข้าง ๆ อเล็กซิสด้วยท่าทางโล่งใจมากกว่าโกรธเคือง “เป็นอะไรของเขา นี่ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”
พอไม่มีเบลินดา คาร์เตอร์ เวดจึงหาคนทะเลาะคนใหม่ ซึ่งก็คืออเล็กซิส เขาชอบกระตุ้นให้เธอโหยหาวันเก่า ๆ ทั้งที่พยายามใช้ชีวิตตามหลักการของเขาแล้ว แต่มันยากกว่าที่คิดไว้มาก เหตุการณ์แม้เพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่กลับเหมือนผ่านมาเป็นปี ถึงกระนั้น อเล็กซิสยังจำได้ว่าเธอเสียใจขนาดไหนเมื่อรู้ว่าเดวี่กับจูนทำอะไรลับหลัง แต่ตอนนั้นอเล็กซิสยังมีครอบครัวและเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ ไม่เหมือนตอนนี้
บางทีอาจเป็นเพราะความเหงา เธอคิดว่าลืมความเจ็บปวด แต่ยิ่งโหยหายิ่งเจ็บ
มันยากนะ ที่จะกลับไปเป็นตัวเองเหมือนเมื่อก่อน ในเมื่อฉันสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว นายคิดว่าฉันต้องทำอย่างไรเหรอเวด คบกันนายทันทีอย่างงั้นเหรอ
“โอเค พวกเธอตีกันอีกแล้วจริง ๆ สินะ” ออสโล่สรุป เมื่อเธอไม่ตอบ
“นายก็รู้ เขาชอบย้ำแผลเก่าฉันอยู่เรื่อย” เธอฟ้องเพื่อน
“ก็เขาเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองนี่นา” ออสโล่พูด “ฉันว่า แทนที่หมอนั่นจะทำตัวเป็นกูรูเรื่องความรัก เขาควรเรียนรู้ที่จะเป็นคนสุภาพอ่อนน้อม แล้วจีบเธอให้สำเร็จเสียก่อน”
“นี่แหละ ข้อเสียของความรักหนุ่มสาว มีแต่ใช้อารมณ์กันทั้งนั้น” โนเอลพึมพำลอย ๆ ขึ้นมา
อเล็กซิสไม่พอใจที่เขาใช้คำว่า ‘ความรักหนุ่มสาว’ จึงโต้ตอบไป “โธ่ คุณปู่ ความรักของเด็ก ๆ ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเรื่องไร้สาระไปทุกเรื่องหรอกนะ และระหว่างฉันกับเวดไม่ได้เรียกว่าความรักด้วย”
เขายกมือขึ้นทั้งสองข้าง ทำท่าเหมือนยอมแพ้ “ไม่เอาน่า ฉันไม่ทะเลาะกับพวกเธอหรอก ต้องไปทำหน้าที่พี่ชายก่อนแล้ว” จากนั้นโนเอลก็เดินอาด ๆ ตรงไปยังเวดกับเทสซ่าที่ดูเหมือนจะถึงเนื้อถึงตัวกันมากขึ้น
ออสโล่ถอนหายใจ “หมอนี่เด็กจริง ๆ พยายามเรียกร้องความสนใจจากเธออยู่นั่นแหละ”
“แล้วนายรู้สึกอย่างไรล่ะ ออสโล่” อเล็กซิสพยักพเยิดไปทางเพื่อนตัวเองกับสาวผมดำ
เขาหัวเราะ “เอาจริง ๆ นะ ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่หึงหวง ไม่รู้สึกแย่กับเวดด้วย ฉันเพิ่งเจอเทสซ่านะ เธอสวยก็จริง แต่ว่า...ฉันยังคิดถึงคริสติน่าอยู่ เพราะอย่างนี้ ฉันถึงเข้าใจเธอไงล่ะ อเล็กซ์ ดังนั้น หลังจากนี้เลิกช่วยเขาจับคู่ให้ฉันได้แล้ว”
“เข้าใจแล้ว” อเล็กซิสตอบรับเสียงอ่อน
สถานการณ์ต่าง ๆ ทำให้เวด อเล็กซิส และออสโล่สนิทกันมากขึ้น ในขณะที่เบลินดาหาเพื่อนใหม่และต่างฝ่ายต่างทำเป็นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ที่เหลืออีกสามคนจึงมักเกาะกลุ่มกัน สิ่งที่ทำให้อเล็กซิสอึดอัดคือการที่เวดคิดว่าเขากำลังจะกลายเป็นแฟนของเธอ เขาเป็นเพื่อนที่ดีมาก ยกเว้นนิสัยน่ารำคาญข้อนี้ข้อเดียว บางครั้ง จู่ ๆ เขายกเรื่องเดวี่กับจูนขึ้นมาพูดเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอหน้าตาเฉย อเล็กซิสยอมรับว่า บาดแผลที่จูนกับเดวี่เทียบไม่ได้เลยกับบาดแผลที่พวกตำรวจและรัฐบาลทำกับเธอ แต่แผลเป็นก็คือแผลชนิดหนึ่ง มันอาจจะไม่เจ็บปวดเหมือนแผลสด แต่เมื่อคุณมองเห็นมัน คุณจะนึกออกว่าความเจ็บปวดแบบนั้นเคยทำร้ายคุณอย่างไร
โนเอลเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับเทสซ่า ใบหน้าของเธอแดงจัด และมันไม่ใช่เพราะเหล้า “ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะพี่!”
“แต่เธอทำตัวเป็นเด็กเอง อย่าเล่นหูเล่นตาไปทั่วได้ไหม เลิกเล่นได้แล้ว อย่ามาเล่นเกมอะไรแบบนี้”
“พี่ไม่ใช่พ่อสักหน่อย ฉันอยากจะทำอะไรก็ได้!”
“ฉันไปหาเครื่องดื่มเพิ่มดีกว่า” อเล็กซิสกระซิบบอกออสโล่แล้วรีบหนีออกมาจากจุดนั้น
“เฮ้ย รอด้วย” ออสโล่ตามมา “นี่มันวันอะไรวะเนี่ย วันทะเลาะแห่งชาติเหรอไง ไปทางไหนก็เจอแค่คนตีกัน”
พวกเขาสั่งไลต์เบียร์มาคนละแก้วและตัดสินใจนั่งแอบอยู่หลังน้ำพุไวน์ ทั้งสองคุยสัพเพเหระไปเรื่อย พอไม่มีเวด อเล็กซิสสามารถพูดความคิดของเธอออกมาให้ออสโล่ฟังได้มากกว่า ยกเว้นเสียแต่ว่า ถ้าเธอคิดจับคู่เรื่องเขากับเทสซ่าอีก ออสโล่ก็จะขายเธอทันที
“นั่นเบลินดานี่” ออสโล่ชี้
กลุ่มกบฏบางกลุ่มต้องการทำลายนิวโฮป จึงไม่ใช่ทุกกลุ่มที่ยินดีอ้าแขนต้อนรับพวกเขา และข้อสำคัญคือ พวกเขาจะติดต่อคนเหล่านี้ได้อย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มไหนตอบโจทย์ที่พวกเขาต้องการไม่มีใครตอบได้ แม้แต่บลูก็จนแต้ม เขาเพียงแค่อยากอยู่ที่นี่ ใกล้กับหลุมศพน้องชาย“ไมเคิล ฉันว่าไม่ปกตินะ” จอห์นปลุกสติของเขาอีกครั้งสายฟ้าของอเล็กซ์ฟาดซัดต้นไม้แถบนั้นเป็นจุณทีเดียวนับสิบต้น ขณะเดียวกันกระแสไฟฟ้าแล่นเป็นวงรอบตัวเขา อาคุสะเริ่มตื่นตัว ออร่าสีเขียวและเหลืองแผ่ออกไป“อเล็กซิส ถอยออกไป!” เป็นอเล็กซ์ที่ตะโกนเตือนแฟนสาว “ฉันคุมมันไม่ได้!”“แย่ละ” ไมเคิลกับจอห์นวิ่งเข้าไปอเล็กซิสควบคุมมวลน้ำเพื่อดับไฟ แต่กระแสไฟฟ้าของคนรักยังแล่นออกมาเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มหาที่หลบไม่ได้ เขาหาทางจะเข้าไปช่วยฝาแฝด ตอนนี้แทบมองไม่เห็นอเล็กซ์เพราะมีแต่กระแสไฟฟ้าพัวพันรอบตัวเทสซ่าหวีดร้องขึ้นมา เธอกับอาคุสะจับมือกันแน่น พื้นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือน เขาสบตากับจอห์น ใช่ แผ่นดินไหว แต่...ฝีมือธรรมชาติหรือสัญชาตญ
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ที่แท้นาฮีมานาไม่ได้คิดจะให้พวกเขากลับนิวโฮปแต่แรก ไมเคิลหันไปมองพวกเพื่อน ๆ เทสซ่านั้นคิ้วขมวดจนเป็นปม เธอนั่งกอดอกหลังตรงแล้วเม้มปากแน่น หากแต่ไหล่สั่น ขณะที่คนอื่นถกเถียงกัน อเล็กซิสก็นั่งเท้าคางใช้ความคิด ไมเคิลสัมผัสความรู้สึกร่วมของคนในนี้ได้อย่างหนึ่ง นั่นคือความเศร้าเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้กลับบ้าน หรืออาจจะไม่มีวันได้กลับ“ถ้าหาก...ถ้าหากเราทำให้เมเคอร์เข้าใจได้ว่าพวกเราไม่เป็นภัย พวกเราเป็นชาวนิวโฮป อยากปกป้องบ้านเหมือนกัน ถ้าเราทำให้เขาเห็นจุดยืนของพวกเราว่าไม่ได้เป็นภัยต่อไลบราเรีย ต่อโลก...” ไมเคิลเลิกคิ้ว เพราะเทสซ่าพูดเหมือนอเล็กซิสเปี๊ยบ“ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยเทสซ่า เมเคอร์ไม่มีวันให้กองกำลังกับพวกเธอแน่”“ฉันไม่ได้หมายถึงกองกำลัง ฉันหมายถึงตัวพวกเราเอง ถ้าเขามองว่าพวกเราเป็นภัย ทำไมไม่มองว่าพวกเราเป็นอาวุธให้พวกเขาได้”“เทสซ่าพูดถูก” เซนว่า “ทหารสามคนนั้นก็เป็นกลุ่มเสี่ยง”“ลูเซียนบอกว่าเพราะพวกเขาเป็นชาวไลบราเรียนอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังถ
มีเพียงสิ่งลมเขย่ากิ่งไม้ไปมา แสงสีแดงริบหรี่จนแทบเลือนหายไป ความมืดย่างกรายแทนที่ แต่ดวงตาสีน้ำเงินของอเล็กซิสกลับสว่างไสว ช่างเหมือนกับดวงตาคู่นั้นที่คอยจ้องเขายามค่ำคืน ไมเคิลในวัยเด็กมีอาการตื่นตระหนกบ่อยครั้ง และลูก้าเป็นคนปลอบเขา ถึงแม้เขาไม่เคยล่วงรู้เรื่องแฝดอีกคน แต่เพราะดวงตาของเธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากอยู่ใกล้เธอ ในยามนี้เขาอ่านความคิดเธอออก ผ่านแววตาและสีหน้า ทั้งคู่ไม่คิดว่าลูเซียนโกหก อย่างไรก็ตามยังคิดว่าอีกฝ่ายบอกไม่หมด ความปรารถนาดีมีบางอย่างเคลือบแฝง ผลงานของลูเซียนคือเครื่องมือที่ฆ่าโนเอลและเบน เขาไม่มีวันให้อภัย เพียงแต่ว่า พวกเขาจะต้องชั่งใจให้ได้ว่าการเชื่อฟังลูเซียนจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพิกเฉยหรือไม่เขารู้ว่าอเล็กซิสเสียใจ เธอบอกน้องชายคนนี้เสมอว่านิวโฮปจะเป็นบ้านใหม่ของพวกเขา“อเล็กซิส ไมเคิล” หญิงสาวผมสีดำเรียกสติฝาแฝดทั้งสอง “กลับกันเถอะ มืดแล้ว”“เดี๋ยว...” เขาชะลอเธอรอฟัง แต่เป็นพี่สาวของเขาที่พูด“ถ้าคุณอยากให้พวกเราคล้อยตามลูเซียน คุณต้องบอกมาให้หมดว่าคุณกับเขารู้จักกัน
ดวงตาสีแดงกลอกไปมาราวกับดูแคลนคำพูดของพวกเขา “ผมหวังดี ที่พวกเขากลับไปไม่ใช่เพราะถอย แต่จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกองทหารและอาวุธมากมาย เมเคอร์ไม่ปล่อยพวกคุณแน่นอน เขาไม่อยากยืดเยื้อ และคราวนี้ได้คงใช้วิธีดึงอาร์คาเดียมาช่วย ทั้งนิวโฮปก็เจอปัญหา ดังนั้นถ้ากำจัดพวกคุณได้เร็วเท่าไร ฝ่ายทหารจะโฟกัสกลับนิวโฮปได้ดีขึ้น”“เกิดอะไรกับนิวโฮป” อเล็กซิสซักทันที “เมเคอร์...เจ้าชายเมเคอร์ใช่ไหม ที่คุณว่า”ลูเซียนพยักหน้า “ใช่ ตำแหน่งเขาสูงกว่าผม ถ้าคุณสังเกตคำนำหน้า ผมเป็นลอร์ด เขาถือตำแหน่งเจ้าชาย เมเคอร์ต้องการทำลายกลุ่มเสี่ยง เขาเห็นว่าพวกคุณเป็นภัย” ชายอัลบิโนขยับตัว มีภาพยานสงครามฝูงหนึ่งปรากฏขึ้น เขาชี้ไปที่รูปพวกนี้ “นี่คือสิ่งที่พวกคุณจะเจอ ในดิสก์แผ่นนี้ ผมมอบโลเคชันให้พวกคุณหนีไปหลบภัย รับรองว่าไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับที่นี่ได้ เมื่อสถานการณ์ในนิวโฮปดีขึ้น ผมจะหาทางทำให้เมเคอร์เปลี่ยนใจ”“คุณมีพลังจิตไม่ใช่หรือ คุณควบคุมจิตใจเขาได้...” อเล็กซิสว่า“ถ้าผมทำได้ผมทำไปนานแล้ว” แต่สาย
แดดสนธยาส่องผ่านร่มไม้จนเกิดลำแสงสีทองเป็นริ้ว คนสามคนเดินย่ำเท้าไปตามใบไม้แห้ง ลมเย็นโชยสลับผสานกับลมร้อนในตอนกลางวัน เวลากำลังผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางคืน“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ใช่กับดัก” อเล็กซิสถามยายแม่มด (และพักนี้ไมเคิลมักใช้คำนี้บ่อย เพราะไอ้นิสัยชอบรู้เรื่องมากมายแต่ไม่ยอมเล่าให้หมดของนาฮีมานาทำให้เขารำคาญ) “เราจับโดรนสอดแนมมาได้สามวัน แล้ววันนี้เขาก็เรียกแค่พวกเราแค่สามคน ทำไมต้องเป็นคุณ ทำไมต้องเป็นพวกเรา”“เขาไม่ชอบคนเยอะ อาจเป็นเพราะพวกเธอเห็นหน้าเขาแล้วมั้ง แต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นจุดประสงค์ดี”เธอมั่นใจอะไรในตัวคนคนนี้กัน คนที่สามารถแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเมื่อไรก็ได้เพียงแค่ควบคุมสมองไม่ให้มองเห็น สามารถปรับเปลี่ยนความคิดใครก็ได้ แล้วจะเชื่อใจนาฮีมานาได้อย่างไร ไมเคิลสงสัยนัก“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ” เขาโพล่ง “ลูเซียนเป็นหัวหน้าทีมวิจัย คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้างกับงานของทีมวิจัย เราต้องเสียอะไรบ้างกับงานของเขา”“ฉันรู้ดี” นาฮีมานาตอบโดยไม่หันมามอง เ
เช้าวันต่อมา บอร์ญ่ายังคงเป็นคนมาเสิร์ฟอาหาร และบราวน์ไม่เข้ามาอีกเลย เขานั่งนับวันตั้งแต่โดนจับจึงนึกได้ว่านี่คือวันศุกร์ เจ้าของบ้านคงออกไปทำงาน ดังนั้นทั้งวัน เขาเอาแต่ทบทวนสิ่งที่ชายคนนั้นบอก“ตัวตนที่ยังหลงเหลือ” เจสซี่ไม่มีความรู้เรื่องสมองของมนุษย์ คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาโทรหาไบรซ์หรือคาเลบได้ ความทรงจำของมนุษย์ถูกลบได้หรือเปล่า สมองของมนุษย์ทำงานอย่างไร“ไลบราเรียน...เอไลโต” เขาท่อง “ฟุตบอล ออสโล่”เมื่อถึงมื้ออาหารเย็น แคดมันเดินเข้ามา อาหารเย็นวันนี้มีเพียงแซนด์วิชกับน้ำเปล่า และช็อกโกแลตบาร์สองแท่ง เมื่ออีกฝ่ายวางถาด เขาเอื้อมไปจับข้อมือ“เวด”แคดมันสะบัดออกจนน้ำหกกระจาย ดวงตาที่มีสีฮาเซลอ่อนกว่าจ้องกลับมา แววตาคู่นี้ขึงขังดุดันและพร้อมจะเอาเรื่องได้ตลอดเวลา“นายจำอเล็กซิสได้ไหม”“หุบปาก”“ออสโล่ เด็กหนุ่มผมสีแดงใบหน้าตกกระ เกิดอะไรขึ้นกับเขา”“หุบปาก!”“ซานโบซ่า!”มือข้างขว