วินาทีที่อเล็กซิสหันไปมอง เด็กคนนั้นมองกลับมาอย่างรวดเร็ว มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาด เขามักจะมองกลับมาเร็วเสมอเหมือนรู้สึกตัวตลอดเวลาว่ามีคนมองอยู่ รูปลักษณ์ของเขาดึงดูดสายตาของอเล็กซิสได้สนิท ทั้งผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าเข้ม สีหน้าของเขาเหมือนกับกระจกสะท้อนสีหน้าของอเล็กซิสเช่นกัน เธอสอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีเรดาร์ติดตัวหรืออย่างไร ในเมื่อเขาสามารถจับสายตาคนได้ตลอด เธอจำเด็กหนุ่มคนนี้ได้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่ พวกเขาเหมือนรู้จักกันมาก่อน อันที่จริง ควรใช้คำว่า พอคุ้นหน้าคุ้นตามากกว่า
“เด็กคนนั้น” โนเอลพึมพำ “เขาไม่คุยกับใครเลย พวกเราพยายามจะเป็นเพื่อนกับเขา แต่เขากลับอยากอยู่คนเดียว เป็นเด็กที่แปลกจริง ๆ ไม่มีใครรู้ชื่อเขาเลยด้วย”
“ไมเคิล” อเล็กซิสตอบ
“เธอรู้จักเขาเหรอ” เวดถาม เริ่มกระวนกระวายขึ้นมาทันที
“อื้อ เราเคยเจอกันนานพอสมควร ฉันว่าเขาน่าจะเป็นคนขี้อายมาก ๆ ...หรือไม่ก็ ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่สิ ไม่ชอบคน”
“แล้วไปรู้จักกันตอนไหน”
“ตอนที่ไปเทสต์หน้ากล้อง”
“งานอะไร”
อเล็กซิสข่มอารมณ์ “เล็กซี่ไง เขามาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าไม่อยากมา เหมือนถูกบังคับให้มาอะไรแบบนั้น พอรู้ว่าที่นั่นมีไว้สำหรับแคสต์นักแสดงถ่ายโฆษณา เขาโวยวายและพยายามจะหนีออกไปให้ได้ แต่เขาเด่นมากเลยนะ พวกผู้หญิงมองเป็นตาเดียว ฉันยังจำได้เลยว่าพอจอห์นเห็นเขาเท่านั้น ก็บอกให้ไมเคิลเป็นนักแสดงหลักทันที ส่วนจอห์นจะไปเป็นตัวประกอบแทน คือ ฉันรู้ว่าเขาเล่นมุกนะ แต่สายตาของจอห์นเหมือนอยากจะปั้นเด็กคนนั้นด้วยตัวเอง”
“แค่นี้เหรอ” เวดถามจี้
เธอทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่นิสัยช่างซักของเพื่อนชาย
“เขาจ้องอเล็กซิสกลับด้วย” มินนี่ตั้งข้อสังเกต
“ใช่สิ เพราะพวกเราจำกันได้ ดูจากสีหน้าก็รู้ แต่เขาไม่พูดกับฉันเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ฉันเจอเขาที่โรงอาหาร ก็เลยเข้าไปทักและชวนมานั่ง แต่แทนที่เขาจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ กลับตอบด้วยการเดินหนี” อเล็กซิสหัวเราะในลำคอ
ตอนนี้เด็กหนุ่มคนนั้นหันกลับไปแล้ว
“ใช่ เขาเป็นแบบนี้แหละ พอใครคุยด้วยก็เดินหนี” โนเอลว่า “เจอเหมือนกัน”
“อ้อ ฉันว่า ก็แค่เด็กผู้ชายธรรมดา พวกพิลึกอะไรแบบนั้น” เวดทำราวกับเขาไม่สนใจ แต่ไม่อาจกลบน้ำเสียงอิจฉาได้
“เขาหล่อมาก...มากกว่านายหลายเท่าเลย” ถ้าจะพูด มินนี่ไม่สนใครทั้งนั้น เวดขยับตัว นิ่วหน้า “เขาเป็นหนึ่งในหนุ่มที่เทสซ่าปลื้มสุด ๆ ทั้งนาย เด็กคนนั้น แล้วก็...”
“มินนี่ อย่าเผาพี่ตัวเองสิ” โนเอลสั่นหัว
เด็กสาวไม่ได้พูดเกินจริงหรอก ไมเคิลเป็นเด็กหนุ่มที่พวกผู้หญิงลืมจอห์น ลีลอยด์ทันทีที่เขาปรากฏตัว เธอจำช่วงเวลานั้นได้ดี เพราะเหตุนี้จอห์นจึงหันมาแซวตัวเองก่อนที่ใครจะเริ่ม คงไม่เป็นการพูดเกินจริงถ้าจะเปรียบว่าไมเคิลงดงามราวกับเทพบุตรเลยทีเดียว อาจเป็นเพราะสีผมที่ต่างจากคนอื่น และอเล็กซิสยอมรับว่าเธอเองก็เป็นพวกผู้หญิงในกลุ่ม ที่ลืมจอห์นเสียสนิท
“เธอเป็นนางแบบด้วยเหรอ” มินนี่ถาม ท่าทางเหมือนสนใจ อเล็กซิสไม่แน่ใจว่าเธอควรดีใจหรือไม่ที่ทำให้มินนี่สนใจตัวเองได้
“ไม่เชิงหรอก ฉันยังเป็นมือสมัครเล่น พวกตัวประกอบนะ” อเล็กซิสตอบ
มินนี่ขยับตัวมานั่งปลายเบาะ เอามือเท้าคางจ้องหน้าเธอ “ถ้าอย่างนั้นคนนั้นก็เป็นนายแบบเหมือนกันใช่ไหม เขาเป็นสเป็กเธอหรือเปล่า ฉันเห็นว่าเขามอง ๆ เธออยู่ตั้งแต่พวกเราเข้ามาในนี้แล้ว”
“ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้นหรอกมินนี่ เชื่อเถอะ” อเล็กซิสเม้มปาก ก่อนจะย้ำคำตัวเอง “ฉันเพิ่งบอกไปแล้วไงว่าพวกเราเคยเจอกันมาก่อน”
“แต่เขาไม่เคยมองเทสซ่าเกินห้าวินาทีเลยนะ เขามองเธอตั้งสิบวินาที”
โนเอลหัวเราะ “นี่น้องนับด้วยเหรอ” สายตาที่เขามองน้องสาวคนเล็กเหมือนกับเวลาที่พ่อมองชาร์ลี
มินนี่พยักหน้าหงึก ๆ
“เขาไม่ใช่สเป็กของอเล็กซิสหรอก” เวดสรุปเอาเอง
“อ้าว นายรู้ได้ยังไงล่ะ เขาน่ารักจะตาย” อเล็กซิสเผลอปากไว แต่มันเป็นความผิดมหันต์ เพราะเวดไม่ชอบใจที่เธอชมเด็กหนุ่มคนนั้น
“คือ ถ้าเปรียบเทียบกับแฟนเก่าของเธอนะ ผู้ชายจะต้องผมสีทอง ตัวสูง หล่อ แล้วก็เป็นนักกีฬา นิสัยดี อ่อนโยน”
“เวด...อย่าเริ่มได้ไหม ฉันไม่ใช่คาร์เตอร์” อเล็กซิสเกือบลืมไปแล้วว่าเวลาโดนมีดแทงข้างหลังมันเป็นอย่างไร แค่คิดถึงครอบครัวและเพื่อนมันทรมานน้อยเกินไปใช่ไหม ทำไมเขาต้องขุดเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาพูดให้เธอกระอักเลือดเล่น
“โทษ ก็แค่ตอบมินนี่เฉย ๆ” เขายักไหล่
“เปล่า นายไม่ได้จะตอบเธอ นายตั้งใจแกล้งฉันต่างหาก”
“นายหมายถึงตัวเองเหรอ ว่านายเป็นสเป็กของอเล็กซิส แต่ฉันว่านายไม่ใช่คนอ่อนโยนนะ” มินนี่ว่า ไม่สนใจว่าการใช้คำพูดของเธอนั้นมีปัญหา อย่างไรก็ตาม อเล็กซิสไม่คิดว่าเวดจะสนใจ เขาสมควรโดนซะบ้าง
“ใช่ มินนี่พูดถูก นายนิสัยไม่ดี” เธอย้ำคำมินนี่
“เด็ก ๆ ไม่ทะเลาะกันน่า” โนเอลแทรกขึ้น เขาทำตัวราวกับเป็นผู้เฒ่าของกลุ่ม “มินนี่ อย่าถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่น” พอโดนพี่ชายปราม มินนี่จึงเอนหลังพิงไปกับพนักเก้าอี้ กลับไปนั่งมองคนในคลับด้วยสายตาช่างฝันเหมือนเดิม ไม่สนใจพวกเวดกับอเล็กซิสอีก
“ขอโทษ” เวดกระซิบบอก
“นายไม่ได้อยากขอโทษหรอก เพราะนายเป็นแบบนี้ทุกที” อเล็กซิสบ่น “ตั้งแต่พวกเรามาอยู่ที่นี่ นายก็ทำตัวเหมือน...”
“ก็แค่อยากรู้ว่าเธอลืมหมอนั่นแล้วหรือยัง” เวดไม่ยอมแพ้ “ถ้าเธอลืมเดวี่ได้แล้ว ทำไมเธอต้องหงุดหงิดใส่ฉันด้วยล่ะ”
“ฉันหงุดหงิดเพราะนิสัยนายต่างหาก แล้วฉันบอกเมื่อไหร่ว่าลืมเขาได้แล้ว”
โนเอลนั่งเงียบ เมื่อบทสนทนาที่คุยกันอยู่ดี ๆ กลายเป็นบททะเลาะ อเล็กซิสรู้ดีว่า ถึงเขาทำเป็นไม่สนใจ แต่กำลังฟังอยู่ “รู้อะไรไหม เวด ไปหาคาร์เตอร์ซะ ถ้านายอยากฝึกลับฝีปากล่ะก็ และถ้านายอยากรู้ ใช่ ฉันยังรักเดวี่อยู่ พอใจไหม”
พอฟังจบ เวดลุกขึ้นทันที เขาเดินไปหาเทสซ่าแล้วสั่งให้ออสโล่กลับมานั่งที่โต๊ะ ส่วนตัวเองก็เต้นกับผู้หญิงแทน ไม่สนใจว่าออสโล่จะรู้สึกอย่างไร เทสซ่าเองก็ยินดีที่เขามาแทนออสโล่
เพื่อนผมแดงเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วนั่งลงข้าง ๆ อเล็กซิสด้วยท่าทางโล่งใจมากกว่าโกรธเคือง “เป็นอะไรของเขา นี่ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”
พอไม่มีเบลินดา คาร์เตอร์ เวดจึงหาคนทะเลาะคนใหม่ ซึ่งก็คืออเล็กซิส เขาชอบกระตุ้นให้เธอโหยหาวันเก่า ๆ ทั้งที่พยายามใช้ชีวิตตามหลักการของเขาแล้ว แต่มันยากกว่าที่คิดไว้มาก เหตุการณ์แม้เพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่กลับเหมือนผ่านมาเป็นปี ถึงกระนั้น อเล็กซิสยังจำได้ว่าเธอเสียใจขนาดไหนเมื่อรู้ว่าเดวี่กับจูนทำอะไรลับหลัง แต่ตอนนั้นอเล็กซิสยังมีครอบครัวและเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ ไม่เหมือนตอนนี้
บางทีอาจเป็นเพราะความเหงา เธอคิดว่าลืมความเจ็บปวด แต่ยิ่งโหยหายิ่งเจ็บ
มันยากนะ ที่จะกลับไปเป็นตัวเองเหมือนเมื่อก่อน ในเมื่อฉันสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว นายคิดว่าฉันต้องทำอย่างไรเหรอเวด คบกันนายทันทีอย่างงั้นเหรอ
“โอเค พวกเธอตีกันอีกแล้วจริง ๆ สินะ” ออสโล่สรุป เมื่อเธอไม่ตอบ
“นายก็รู้ เขาชอบย้ำแผลเก่าฉันอยู่เรื่อย” เธอฟ้องเพื่อน
“ก็เขาเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองนี่นา” ออสโล่พูด “ฉันว่า แทนที่หมอนั่นจะทำตัวเป็นกูรูเรื่องความรัก เขาควรเรียนรู้ที่จะเป็นคนสุภาพอ่อนน้อม แล้วจีบเธอให้สำเร็จเสียก่อน”
“นี่แหละ ข้อเสียของความรักหนุ่มสาว มีแต่ใช้อารมณ์กันทั้งนั้น” โนเอลพึมพำลอย ๆ ขึ้นมา
อเล็กซิสไม่พอใจที่เขาใช้คำว่า ‘ความรักหนุ่มสาว’ จึงโต้ตอบไป “โธ่ คุณปู่ ความรักของเด็ก ๆ ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเรื่องไร้สาระไปทุกเรื่องหรอกนะ และระหว่างฉันกับเวดไม่ได้เรียกว่าความรักด้วย”
เขายกมือขึ้นทั้งสองข้าง ทำท่าเหมือนยอมแพ้ “ไม่เอาน่า ฉันไม่ทะเลาะกับพวกเธอหรอก ต้องไปทำหน้าที่พี่ชายก่อนแล้ว” จากนั้นโนเอลก็เดินอาด ๆ ตรงไปยังเวดกับเทสซ่าที่ดูเหมือนจะถึงเนื้อถึงตัวกันมากขึ้น
ออสโล่ถอนหายใจ “หมอนี่เด็กจริง ๆ พยายามเรียกร้องความสนใจจากเธออยู่นั่นแหละ”
“แล้วนายรู้สึกอย่างไรล่ะ ออสโล่” อเล็กซิสพยักพเยิดไปทางเพื่อนตัวเองกับสาวผมดำ
เขาหัวเราะ “เอาจริง ๆ นะ ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่หึงหวง ไม่รู้สึกแย่กับเวดด้วย ฉันเพิ่งเจอเทสซ่านะ เธอสวยก็จริง แต่ว่า...ฉันยังคิดถึงคริสติน่าอยู่ เพราะอย่างนี้ ฉันถึงเข้าใจเธอไงล่ะ อเล็กซ์ ดังนั้น หลังจากนี้เลิกช่วยเขาจับคู่ให้ฉันได้แล้ว”
“เข้าใจแล้ว” อเล็กซิสตอบรับเสียงอ่อน
สถานการณ์ต่าง ๆ ทำให้เวด อเล็กซิส และออสโล่สนิทกันมากขึ้น ในขณะที่เบลินดาหาเพื่อนใหม่และต่างฝ่ายต่างทำเป็นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ที่เหลืออีกสามคนจึงมักเกาะกลุ่มกัน สิ่งที่ทำให้อเล็กซิสอึดอัดคือการที่เวดคิดว่าเขากำลังจะกลายเป็นแฟนของเธอ เขาเป็นเพื่อนที่ดีมาก ยกเว้นนิสัยน่ารำคาญข้อนี้ข้อเดียว บางครั้ง จู่ ๆ เขายกเรื่องเดวี่กับจูนขึ้นมาพูดเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอหน้าตาเฉย อเล็กซิสยอมรับว่า บาดแผลที่จูนกับเดวี่เทียบไม่ได้เลยกับบาดแผลที่พวกตำรวจและรัฐบาลทำกับเธอ แต่แผลเป็นก็คือแผลชนิดหนึ่ง มันอาจจะไม่เจ็บปวดเหมือนแผลสด แต่เมื่อคุณมองเห็นมัน คุณจะนึกออกว่าความเจ็บปวดแบบนั้นเคยทำร้ายคุณอย่างไร
โนเอลเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับเทสซ่า ใบหน้าของเธอแดงจัด และมันไม่ใช่เพราะเหล้า “ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะพี่!”
“แต่เธอทำตัวเป็นเด็กเอง อย่าเล่นหูเล่นตาไปทั่วได้ไหม เลิกเล่นได้แล้ว อย่ามาเล่นเกมอะไรแบบนี้”
“พี่ไม่ใช่พ่อสักหน่อย ฉันอยากจะทำอะไรก็ได้!”
“ฉันไปหาเครื่องดื่มเพิ่มดีกว่า” อเล็กซิสกระซิบบอกออสโล่แล้วรีบหนีออกมาจากจุดนั้น
“เฮ้ย รอด้วย” ออสโล่ตามมา “นี่มันวันอะไรวะเนี่ย วันทะเลาะแห่งชาติเหรอไง ไปทางไหนก็เจอแค่คนตีกัน”
พวกเขาสั่งไลต์เบียร์มาคนละแก้วและตัดสินใจนั่งแอบอยู่หลังน้ำพุไวน์ ทั้งสองคุยสัพเพเหระไปเรื่อย พอไม่มีเวด อเล็กซิสสามารถพูดความคิดของเธอออกมาให้ออสโล่ฟังได้มากกว่า ยกเว้นเสียแต่ว่า ถ้าเธอคิดจับคู่เรื่องเขากับเทสซ่าอีก ออสโล่ก็จะขายเธอทันที
“นั่นเบลินดานี่” ออสโล่ชี้
อเล็กซิสมองตาม เห็นอดีตประธานนักเรียนกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหม่อย่างสนุกสนาน เบลินดาปรับตัวกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับที่เวดทำได้ คงเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาเหมือนกัน เธอดูมีความสุขมากขึ้น หากนับจากวันที่ถูกจับมาด้วยกัน“นายยังคุยกับคาร์เตอร์อยู่ ฉันเห็น” อเล็กซิสพูด “นายไม่โกรธเธอเลยเหรอ”เขาสั่นหัว “หายโกรธไปแล้ว พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่นา ฉันค่อนข้างเห็นใจเบลนะ พวกเธอสองคนเย็นชาใส่เขามากไปหน่อย”อเล็กซิสจ้องตาออสโล่เขม็ง ชี้นิ้วไปที่หน้าตัวเอง “ฉันเนี่ยนะ เย็นชาเหรอ เขาตั้งใจจะให้ฉันถูกจับเลยนะ”“ฉันรู้ ๆ อย่างน้อยเธอก็แค่ไม่สนใจเบล ก็ยังดี ฉันก็ไม่ได้จะว่าเธอสักหน่อย”อเล็กซิสถอนหายใจอย่างแรง “ออสโล่ ฉันรู้ว่านายใจอ่อนง่าย โอเค ฉันอาจไม่บ่น ไม่กล่าวโทษคาร์เตอร์ แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะเตือนนายให้ระวังคนแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าคาร์เตอร์คิดอะไรอยู่ แถมเธอยังไม่เคยขอโทษพวกเราเลยด้วยซ้ำ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายยังคุยกับคนแบบนั้นได้ นับถือจริง ๆ”“
เครื่องตรวจจับควันถูกติดตั้งแทบทุกตารางนิ้ว ยกเว้นห้องใหม่ที่เพิ่งเปิด พวกเขานึกขอบคุณความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ติดตั้งระบบ เบนกับอเล็กซ์จึงได้โอกาสสูบกัญชาอัดปอดกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีสิ่งรบกวน น่าแปลกที่ว่า เบนควรรู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ (ซึ่งตอนแรกก็รู้สึกแบบนั้น) ทว่าอารมณ์เริงร่ายินดีกับเรื่องนี้หมดลง เมื่อเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ทำตัวแปลกไป นับวันอเล็กซ์ยิ่งมีอาการแย่ลง แย่ลง เขาเอาแต่สิงอยู่ในท้องฟ้าจำลองตั้งแต่ที่พบว่ามันเป็นเขตปลอดเครื่องดักจับควัน คิดไปว่าห้องนี้คือพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง เบนมองว่าอเล็กซ์คงเลือกนอนตายในห้องนี้แน่นอนอเล็กซ์ค่อนข้างหงุดหงิดในช่วงแรกที่คนอื่นรู้ว่ามีห้องใหม่ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบหรือตื่นเต้นไปกับดวงดาวเท่าไรนัก (เหมือนกับเบน) มีไม่เยอะนักที่จะมานั่งแช่นาน ๆ ดังนั้น ไม่กี่วันผ่านไปจึงเหลือไม่กี่คนที่เข้ามาดู อีกเหตุผลหนึ่งที่แขกมีจำนวนน้อย เพราะอเล็กซ์สูบบุหรี่ เมื่อเขาเริ่มจุด คนเริ่มทยอยหนีออกไป เพราะเหตุนี้ ห้องจึงมีกลิ่นกัญชาเกือบตลอดเวลา อเล็กซ์รู้วิธีไล่คนออกไปจากห้อง เขาต้องการยึดห้องนี้ไว้คนเดียว&
เขาเดินเตร็ดเตร่ไปตามทาง พวกเขาอาจจะถูกปล่อยให้เน่าตายอยู่ในนี้ก็ได้ทั้งสองคนตกนรกมาเกือบเดือน มันเริ่มมาจากคืนนั้น เบน อเล็กซ์ และซาร่าห์ ดื่มมากเกินไปหน่อย หรืออาจจะเรียกว่า บริโภคแอลกอฮอล์ไปเกือบถัง ไม่ใช่ถังปกติ แต่ระดับถังกักเก็บน้ำก็เป็นได้ ปกติแล้ว เท่าที่เบนศึกษาจากตัวพวกเขาเอง มนุษย์ที่มีพรสวรรค์ต้านทานฤทธิ์แอลกอฮอล์และยาได้ดีกว่าคนทั่วไปมาก หรืออาจจะเรียกว่าของพวกนี้ทำอะไรเขาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเขาสูบหรือดื่มในปริมาณขนาดนั้น สุดท้าย ร่างกายก็ยอมแพ้อยู่ดี เมื่อสมองถูกแอลกอฮอล์หรือยาสักชนิดเล่นงาน สติค่อย ๆ ลดลง มันเป็นความประมาทเลินเล่อของพวกเขาด้วย วันนั้น ในห้องเพนต์เฮาส์ของอเล็กซ์ (ของอเล็กซ์จริง ๆ ไม่ใช่ของครอบครัว) ด้วยปราศจากสติสัมปชัญญะ พวกเบนทำเรื่องโง่เง่าที่สุดลงไป นั่นก็คือแสดงพลังเพื่อข่มกันและกันเบนค้นพบความสามารถเหนือมนุษย์มาตั้งแต่เด็ก ส่วนอเล็กซ์ได้รับพลังพิเศษมาจากอุบัติเหตุ สำหรับซาร่าห์ เขาไม่แน่ใจว่าเธอได้มาได้อย่างไร เพราะเธอไม่เคยเล่าให้ฟัง วันนั้นพวกเขาเพียงแค่แสดงความสามารถที่มี ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคนใกล้ชิดคิดทรยศ
เขาพยายามคิดว่าอเล็กซิสจะอยู่ที่ไหน บางทีอาจเป็นห้องฉายภาพยนตร์ เท่าที่เห็น เด็กสาวดูไม่น่าจะชอบที่จอแจ หากเป็นพวกผู้หญิงที่ง่ายหน่อยก็ไม่ต้องใช้เวลามาก แต่กับอีกประเภท ชั้นเชิงเป็นสิ่งจำเป็น แต่เด็กคนนี้ยังเด็กอยู่เลย บางทีอาจไม่ต้องใช้เวลามากก็ได้มั้ง แค่ให้ไอ้หัวทองไปไกล ๆ ก็พออย่างไรก็ตาม เขาไม่เจออเล็กซิสอยู่ดี เขาเจอผู้หญิงอีกคนเขาไม่แปลกใจที่เห็นเธอยืนเหมือนรออยู่แล้ว หญิงสาวยืนพิงกำแพงส่งยิ้มงาม เธอเคยสวยกว่านี้ เบนคิด วันเวลา สภาพที่ถูกกักขังในสถานที่ปิดลดทอนความสดใสในตัวคน ซาร่าห์ตรงหน้าเขาไม่ต่างจากกุหลาบใกล้ตาย เธอบิดริมฝีปากกึ่งเหยียดกึ่งยินดีเมื่อเขายิ้มให้เธอ เขารู้ว่าเธอต้องการอะไร หญิงสาวอาจไม่ผ่านบททดสอบ และแม้ดอกไม้ดอกนี้กำลังแห้งเหี่ยว แต่มันก็ยังดูสวยสง่าในแบบของมัน“ตายแล้ว นี่คือแบตเตอรี่ที่กำลังเสื่อมสภาพหรือเปล่า” ปากเธอว่าอย่างนั้น แต่มือกลับคล้องคอเขา ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหน อีตัวก็คืออีตัวอยู่วันยังค่ำ กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวแตะจมูก มันเป็นกลิ่นกุหลาบ“เธอเคยเห็นกระป๋องซุปข้าวโพดที่ไม่ม
อ้อ ไม่นับว่าหากเบนคนเดียวอยู่กับผู้หญิงมากกว่าหนึ่ง ข้อนี้ยกเว้น พวกเขาไม่สามารถมองหน้ากันระหว่างทำเรื่องแบบนี้ได้ เขาไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทั้งที่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกันได้แท้ ๆอเล็กซ์เลื่อนสายตามองไปทางอื่นเมื่อเห็นท่าทางยั่วยวนของซาร่าห์ “เอ่อ ล้อเล่น ช่างมันเถอะ คือ ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าหิว ก็เลยออกมา แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียง...เสียงนั้นนั่นแหละ” เขาหรี่ตามองทั้งคู่พร้อมรอยยิ้มร้ายแน่นอนว่าอเล็กซ์ต้องคุ้นกับเสียงของซาร่าห์ พวกเขาคบหาเป็นคู่รักกันตั้งสองสามสัปดาห์ก่อนที่เบนจะทำลายความสัมพันธ์ลง อย่างน้อย ตอนนี้ทั้งสองต่างคุยกันอย่างปกติ เหมือนเพื่อนที่ดีต่อกัน“มันยากนักเหรอไง ที่จะหาผู้ชายสักคน” อเล็กซ์ถามอดีตแฟน “ที่ดีกว่าหมอนี่?”“ใช่” ซาร่าห์สารภาพระหว่างสางผมสีทองของตัวเอง “ที่นี่ไม่ได้มีหนุ่มฮอตเยอะแยะสักหน่อย แถมส่วนใหญ่ก็ดูจะไม่สนใจพวกผู้หญิงกันแล้ว...รวมถึงนายด้วย”“เปล่าซะหน่อย...” อเล็กซ์เม้มปาก “ก็พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
กำหนดตรวจสุขภาพวันที่ 21 กรกฎาคม 3012 เวลา 9 นาฬิกา โปรดมาที่ห้องโถงภายในเวลาที่กำหนด “ตรวจสุขภาพเหรอ เพื่ออะไร”ในคลับ กลุ่มอเล็กซิสที่ตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเลือกนั่งโต๊ะตัวเดิมเสมือนเป็นเจ้าของที่ตรงนั้นไปแล้ว ไม่มีใครกล้ามานั่ง ในกลุ่มประกอบไปด้วยพี่น้องโธมัสสามคนบวกกับเด็กจากเมืองซานโบซ่าอีกสามคนเป็นหกคน“ฉันว่านะ พวกเขาอาจต้องการฝึกพวกเราทำอะไรบางอย่าง ถึงได้มีการตรวจสุขภาพนี่ไง” เวดแสดงความเห็น “หน่วยทหารพิเศษอะไรพวกนั้น" อเล็กซิสมองออกว่ามันไม่ใช่แค่ความเห็น แต่เพื่อนของเธออยากให้มันเป็นแบบนั้นต่างหาก“นายดูหนังมากไปแล้ว” ออสโล่ค้าน“แต่ฉันว่าเขามีเหตุผล” โนเอลสนับสนุนทฤษฎีของเวด “อีกอย่าง คิดแบบนี้ดีกว่าแบบอื่นเป็นไหน ๆ”“ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมรัฐบาลปล่อยให้พวกเราสับสนกันอยู่ตั้งนาน ทำไมไม่บอกพวกเราไปตรง ๆ” อเล็กซิสยังคงตั้งข้อสังเกต “ฉันไม่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น พวกเขาปกปิดบางอย่าง...ที่ไม่ดีแน่ ๆ ถ้าจะฝึกพวกเราเป็นทหารจริง ๆ ก็ไม่เห็นต้องเงียบแบบนี้นี่นา”“แล้วเธอคิดว่าพวกเขาจะทำอะไรล่ะ” เทสซ่าถามสาวจากซานโบซ่าสั่นหัว “ไม่รู้เหมือนกัน” แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ“เธอเองยังไม่รู
“โนเอลโกรธพี่ เขากลัวว่าพี่จะกลายเป็นผู้หญิงสำส่อนและตอแหล” มินนี่เฉลยทุกอย่าง“เมื่อไหร่เธอจะเลิกเอาเรื่องของฉันมาพูดกับคนอื่นสักที” พี่สาวมองน้องตาขวาง “เธอเป็นน้องของฉันหรือเปล่า ไปนอนได้แล้วย่ะ”“ถ้าฉันไม่เล่าเรื่องของพี่ ฉันจะไปเล่าเรื่องของใครล่ะ” มินนี่ยิ้มทะเล้นแล้ววิ่งหนีไป อเล็กซิสหัวเราะเบา ๆ แต่พอเห็นสายตาเทสซ่าดุจนน่ากลัว อารมณ์ขันนั้นหายวับไปทันที“โทษที...” เด็กสาวมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง สามทุ่มแล้ว “เอาล่ะ ฉันขอตัวก่อนนะ”เทสซ่าหันไปหาออสโล่เหมือนขอความเห็น หนุ่มผมแดงสั่นหัว เธอจึงหันกลับมาหาอเล็กซิสอีก “ไม่ ไม่ ไม่ได้สิ นี่ยังไม่ดึกเลยนะ” โทนเสียงไม่เห็นด้วยสุด ๆ แต่เธอหยุดพูดสักพักเพื่อมองเวดจูบดูดดื่มกับสาวคนนั้น “อเล็กซิส เธอทำตัวเป็นยายแก่เลย”“คงจะแก่แล้วมั้ง”“เพราะเวดหรือเปล่า”เธอหัวเราะ “ไม่ใช่ สำหรับเรื่องนั้น ฉันสบายดี ยินดีเสียอีกที่เขาเจอคนใหม่ ดูเธอสิ สวยเป็นบ้าแถมยังมีชีวิตชีวาก
เธอหันไปเผชิญหน้ากับคนที่คอยไล่ทุกคนออกจากห้องด้วยกลิ่นนี้ เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง ค่อนข้างเพรียวแต่ไม่ผอมแห้ง ออกจะแข็งแรงด้วยซ้ำ คนตรงหน้าสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงยีน และรองเท้าบูตส์ (ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าสีอะไร) เขาจ้องมา ขณะเดียวกัน อเล็กซิสก็จ้องกลับ สำรวจมองลักษณะจึงเห็นผมสีดำยุ่ง ๆ ที่ทำให้เธอนึกถึงเจสซี่ ชายหนุ่มคนนี้ดูหล่อก็จริง แต่ก็ดูนิสัยร้ายกาจด้วย เมื่อแสงจากการระเบิดของดวงดาวสาดเข้าที่ใบหน้านี้ เธอจึงเห็นว่าสีหน้าของเขาเหมือนสะลึมสะลือ แต่พอกะพริบตาอีกทีกลับส่งแววตายียวนกวนประสาท“ช่วยหยุดสูบบุหรี่ได้ไหม” เด็กสาวขอร้องอย่างสุภาพแทนที่จะตอบรับ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาตรงหน้า พร้อมกับบุหรี่ที่คาบไว้ในปาก “ทามมายล่ะ มีกฎห้ามหรา” เขาตอบเสียงยานคางมุมปากข้างหนึ่งของเขากระตุกเหมือนยิ้มเยาะเมื่อเห็นว่าเธออึ้งที่เขาปฏิเสธ ไม่สนใจมารยาทอันใด ชายร่างสูงจ้องหน้ายักคิ้วข้างหนึ่ง โทสะปะทุขึ้นในใจแต่ยังอยู่ในระดับแค่มีคนมาจุดไฟเย็นข้างใน อเล็กซิสพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง ปล่อยให้ไฟไหม้จนหมดแท่งเด็กสาวเดินหนีและพูดกับเจ้าเครื่องฉายว่า &ld
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้
พวกผู้หญิงมีวิธีบรรเทาความเครียดต่างกับผู้ชาย ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน การได้จับจ่ายซื้อของคือความสุขและวิธีปลดปล่อยมวลพลังลบทั้งปวง ถึงแม้ที่นี่ไม่มีร้านบูติกแบรนด์ชั้นนำ หรือแม้แต่ร้านโนเนมดีไซน์ล้ำ มีเพียงตลาดมือสองและแผนกเสื้อผ้าในซูเปอร์ตั้งราวเรียงกันเป็นตับ ไร้รสนิยม แม้ทอยซิตี้ไม่มีตัวเลือกให้กับผู้หญิงมากนัก แต่แค่ได้สวมใส่ ลอง และซื้อ ก็สนองนี้ดได้ไม่ยาก และเพราะมันเป็นหนทางเดียวสำหรับพวกเธอคงมีแค่อเล็กซิสที่นั่งเท้าคางรอเทสซ่าแต่งตัวคนอย่างอเล็กซิสหรือจะแค่นั่งรอ เด็กสาวผู้ชื่นชอบสะสมเสื้อผ้าสวยและน้ำหอมเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งที่ค่าตัวจากงานพิเศษต่าง ๆ ละลายไปกับของพวกนี้ เหตุใดเธอจึงนั่งเบื่อ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ใครคือคนที่ช้อปด้วยต่างหาก และก็ไม่ใช่เพราะเทสซ่าแน่นอนเทสซ่าเดินออกจากห้องลองเสื้อพร้อมเบลินดา สวมเสื้อแจ็กเกตดำแบบเดียวกับที่เธอชอบยืมอเล็กซิสใส่สมัยอยู่ในหอพัก (ท่าทางจะชอบจริง ๆ) เสื้อนอกทับเสื้อสายเดี่ยวสีเขียวข้างใน ด้วยบุคลิกทะมัดทะแมง ผิวสีเชสนัทเกลี้ยงเกลา และรองเท้าบูตส์หนัง เธอยิ่งสวยและเท่เหมือนนางเอกเดินออกจากหนังแอคชั่น “สามพันสองร้อยชิป ไม่ใช่หนั
ไมเคิลส่ายหัวปัดมือให้เธอถอยออกไป (ไม่กล้าแตะตัวเธออีก) อเล็กซิสในอ้อมกอดอเล็กซ์ไม่ได้นอนหรือหลับ หากแต่ตื่นอยู่แต่เหมือนไม่ค่อยมีสติ ริมฝีปากพึมพำว่า “ปล่อย” เบา ๆ ในลำคอ“เปิดประตูสิ” อเล็กซ์สั่งเพราะมือทั้งสองอุ้มเพื่อนของเขาไว้“นายก็เขยิบสิ” เขาสั่งกลับ อเล็กซ์เลื่อนตัวเข้ามาใกล้ประตู เขาจับมืออเล็กซิสแตะที่ตัวสแกนเพื่อปลดกลอน มีเสียงดังกริ๊ก มือผลักบานประตูเปิดให้อเล็กซ์เข้าข้างใน “นี่” ไมเคิลไม่สนใจหญิงสาวเลยปิดประตูใส่หน้าหล่อนดังปัง เธอทุบครั้งหนึ่งก่อนจะด่าออกมา เมื่อนั้นเสียงฝีเท้าห่างออกไป ในที่สุด“ฉันอยากได้ผ้าชุบน้ำ”ไมเคิลพยักหน้า ส่วนอเล็กซิสก็พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ “ไม่...ต้อง...” จนอเล็กซ์ดันตัวเธอลง “ไม่” สภาพอเล็กซิสไม่ต่างจากคนเมายา เขาไม่รู้ว่าเธอไปโดนอะไรมาแต่ก็ทำตามที่อเล็กซ์บอก นั่นคือเข้าไปในห้องน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก พอเปิดก๊อกก็พบว่าน้ำแรงปกติ โกหกจริงด้วย มือทั้งสองรีบบิดน้ำหมาด ๆ พอออกมาก็เห็นสองอเล็กซ์เถียง
ไมเคิลรุดไปยังหน้าต่างตรงทางเดิน ยกบานหน้าต่างจนสุดแล้วชะโงกหน้าออกไป ลมแรงตีปะทะหน้า ถึงแม้เขาจะชอบอากาศเย็นสบายมากกว่าร้อน แต่เมื่อทอยซิตี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ลมกลับไม่น่าพิสมัย สายตาของเขาเลื่อนไปช้า ๆ ทีละจุด ทีละจุด แต่ไร้ประโยชน์ ถึงอเล็กซิสอยู่แถวนี้ก็ยากที่จะเห็นอยู่ดี ทำไมต้องโกหก เธอไปไหนกันแน่ หัวใจบีบรัดเมื่อความผิดหวังจู่โจม เขาคิดว่าเธอไม่ไว้ใจเขา ทั้งที่เข้าใจว่าตนเองคือคนที่เธอสนิทใจที่สุด มากกว่าเทสซ่า แต่สุดท้าย เขาคิดผิดอเล็กซ์โผล่หน้าออกมาข้าง ๆ ผมของเขายาวจนต้องจับมันไว้ไม่ให้ปลิวและพัดเข้าหน้า “เขามีท่าทีแบบนี้มาสักพักแล้วยัง”ไมเคิลไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนทั้งสองจะพักอารมณ์เหม็นขี้หน้าชั่วคราว ถึงแม้ทุกคนเห็นว่าเธอค่อนข้างโทรมและเงียบกว่าตอนอยู่ในศูนย์ฝึก แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นเลย ใช่แล้ว ไม่มีใครสังเกตเลยรวมทั้งตัวเขาเองด้วย“เขาบอกอะไรนายบ้าง” ชายหนุ่มเริ่มยิงคำถาม “มันเกี่ยวกับที่โดนจับไปหรือเปล่า หรือไม่ใช่”“ไม่รู้!” ไมเคิลตอบอย่างมีอารมณ์ “แล้วนาย
ห้องของไมเคิลกับเรมีแออัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อรองรับคนถึงเก้าคน คอมพิวเตอร์จอแบนขนาดสิบห้านิ้วตั้งกลางวง หน้าตามันดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาประกอบกันเอง เรมีเสียบปลั๊กแล้วกดเปิด หน้าจอสีดำกะพริบถี่ ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลปรากฏเปลวไฟเป็นตัวอักษรรูปตัวเอทับต้นไม้ มันพลิ้วไหวเหมือนไฟมีชีวิต “โอ้โห” พวกเขาตื่นเต้น ไม่นานกล่องสีขาวเด้งออกมาเพื่อให้กรอกรหัส“ข้างในมีอะไรบ้าง” อเล็กซิสยื่นหน้าเข้ามา มือกำขวดน้ำแน่นท่าทางกระหายน้ำตั้งแต่เข้ามาในห้อง“ต้องกรอกรหัสก่อน” เรมีย้ำ สายตาจดจ่อกับหน้าจอดังกล่าว“กรอกสิ” เทสซ่าเร่ง “ฉันอยากรู้แล้ว”“เอ่อ” หนุ่มน้อยวัยสิบหกเคาะคีย์บอร์ดสัมผัส “เรายังแฮคมันไม่ได้”“หา?” พวกที่เหลือร้องออกมาพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น...พวกนายเรียกให้พวกเราดูแค่ว่ามันเปิดได้”“ใช่” เรมีพยักหน้าหงึก ๆ “ไม่ตื่นเต้นกันเหรอ”“ฉันบอกแล้วว่าเราควรเจาะรหัสให้ได้ก่อน” อาคุสะพูดเสียงเรียบ เข
อเล็กซิสเงยหน้ามองไฟข้างบนอย่างกับจะจับผิดระบบ แต่ไมเคิลรู้ตัวการดีจึงเหยียดเท้าถีบเก้าอี้ข้างหน้า แม้ยั้งแรงไว้บ้างแต่ตัวอเล็กซ์อัดเข้ากับขอบโต๊ะจัง ๆ ไม่ทันร้องว่าเจ็บก็ลุกพรวดจนเก้าอี้กระแทกโต๊ะข้างหลังซึ่งก็คือระหว่างไมเคิลและอเล็กซิส เขาหมุนตัวเตรียมจะพุ่งเข้ามา ไมเคิลรออยู่แล้วง้างหมัดเตรียมสวน ทว่าสงครามยุติก่อนที่มันจะเริ่ม อเล็กซิสกับเรมีพร้อมใจกันกดเขาไว้กับโต๊ะ ส่วนอาคุสะและฟีบี้ทำแบบเดียวกันกับอเล็กซ์“ตรงนั้นมีอะไรกัน!”“เข้าใจผิดครับ เข้าใจผิด” เรมีตะโกน “พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้”ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับเป็นศัตรูมาช้านาน ยิ่งอเล็กซ์ไม่ได้ตัดผมโกนหนวด หน้าตารุงรัง ยิ่งทำให้สีหน้านั้นเอาเรื่องกว่าตอนใบหน้าเกลี้ยงเกลา “บอกให้เขาหยุดสิ” ไมเคิลเถียง เสียงแหบแห้งเพราะน้ำลายติดคอ“นายนั่นแหละที่หยุด” เรมีกดศีรษะเขาลง“เบา ๆ เรมี ไมเคิลนายอยู่นิ่ง ๆ” อเล็กซิสว่า“ฉันไม่ได้เริ่ม!” เขาจ้องหน้าอเล็กซ์เขม็ง“เฮ้ ๆ พวกนาย” เทสซ่ายืนขึ้นเตรียมพ