LOGINแสงจากหน้าจอมือถือส่องสว่าง ดวงตาแดงก่ำเพราะอดนอนหลายวันของเขาจ้องไม่กระพริบ เมื่อหลายนาทีก่อนเขายังเป็นคนขี้แพ้ และ สิ้นหวัง แต่ตอนนี้ราวกับว่าได้รับการเยียวยาทุกอย่าง
“เงินเยอะขนาดนี้ เอาไปทำอะไรดี เราเองก็ไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนด้วยสิ” เอสใช้ชีวิตโดยไร้ความหวังมานาน ทำให้ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะลงทุนอะไร จะบริหารเงินแบบไหนดี คิดอะไรไม่ออกเลย “แต่ว่านะ...ไม่ไหวแล้ว" ลมหายใจของเขาเข้าออกแผ่วเบา ร่างกายผอมแห้งได้หลับไปแล้ว เพราะเล่นเกมติดต่อกันโดยไม่พักถึงสองวัน อีกอย่างคงเป็นเพราะทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี เขาจึงไร้กังวล . . หน้าจอ LED ขนาดใหญ่ บนตึกระฟ้าในใจกลางเมืองกำลังแสดงภาพเคลื่อนไหวของโฆษณา ช่วยดึงดูดความสนใจด้วยดาราชื่อดัง ก่อนจะถูกตัดบทเพราะข่าวด่วน ข่าวด่วนที่ไม่มีใครอยากให้มี “ข่าวด่วนมาอีกแล้ว ทุกช่องทางออนไลน์เลยนะ ครั้งนี้เป็นอะไรอีกล่ะ ลดพนักงานหรือลดค่าจ้างงาน” “ได้ข่าวว่า บริษัทใหญ่กำลังจะยื่นฟ้องล้มละลาย ที่เคยเป็นข่าวล้มละลายไง" “หมายถึง บริษัทที่รับพนักงานเยอะ ๆ ตอนนั้นหรอ ฉันพอรู้จัก แบบนี้คงแย่แน่ คนตกงานหลายหมื่นคนเลยขอบอก" กลุ่มคนเดินชนไหล่กันไปมา ต่างหยุดมองดูการแถลงข่าว เพราะนี้อาจจะเป็นโอกาสที่พวกเขาจะเตรียมตัวทัน ก่อนพายุลูกใหญ่จะเข้ามา ท่ามกลางผู้คนที่ดูผ่านมือถือ และ ทีวี หญิงสาวใบหน้าหมดจดขาวเนียนราวกับผิวทารก แก้มแดงอ่อนริมฝีปากแดงเข้ากับบุคลิกสาวมั่นสุดสวย เธอยืนอยู่บนเวทีแถลงข่าว ในชุดสูทสีดำแทรกลายเส้นสีเทา ดวงตาคู่สวยจ้องมองกล้อง ที่กำลังถ่ายทอดสดในตอนนี้ “สวัสดีค่ะ ดิฉันนางสาว พนิดา สุขเจริญ CEO ของบริษัท FOOD&MART และเป็นผู้รับผิดชอบในการแถลงข่าววันนี้ และเนื้อหาสำคัญที่จะแถลง คาดว่าหลายคนน่าจะรู้ข่าวกันแล้ว ทางบริษัทได้ทำงานยื่นฟ้องล้มละลาย เพื่อแก้ไขให้บริษัทมีทางออกที่ดีกว่า และ เพื่อไม่ให้มีการเข้าใจผิด จึงขอแจ้งมานะตรงนี้ ว่าบริษัทยังไม่ล้มละลาย แต่กำลังพยายามแก้ไขให้เข้าที่ ขอบคุณค่ะ” หลังพูดจบเธอยังคงยืนนิ่ง เพราะกำลังคิดหนัก วิกฤตครั้งนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนที่พูดเอาไว้ สิ้นสุดการแถลงข่าวทุกคนต่างใจหล่นลงตาตุ่ม โดยเฉพาะพนักงานของบริษัท และเหล่าแฟรนไชส์ ที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะอะไรเหรอ ในแถลงข่าวก็บอดว่าแค่มีการแก้ไขให้เข้าที่ไม่ใช่เหรอ แต่ทว่าความทรงจำในอดีตเมื่อหลายปีก่อนจนถึงตอนนี้ บริษัทที่ประกาศล้มละลายไม่เคยได้โอกาสกลับมา นั่นคือเรื่องที่ทุกคนกลัว และ บริษัทนี้ก็เช่นกัน ยิ่งราคาหุ้นตกจนต่ำสุด จนต้องปิดการซื้อขาย รอให้มีการแก้ไข . . หนึ่งวันผ่านไป... แสงสว่างลอดผ่านม่านสีดำ ที่ฝุ่นเกาะราวกับหิมะสีน้ำตาล ในห้องที่มืดมนไม่ต่างอะไรกับเจ้าของที่มืดมนยิ่งกว่า เมื่อแสงอาทิตย์สว่างจนทำให้เจ้าของร่างอันผอมแห้งขยับเปลือกตาถี่ ๆ “เช้าแล้วเหรอ?" มือถืออยู่ไหน? นั่นคือสิ่งแรกที่เอสมองหา เขารีบเปิดแอปธนาคารอีกครั้ง ถ้าหาเป็นแค่ฝันก็คงจะแย่มากในตอนนี้ และเพียงไม่นานทุกอย่างก็ชัดเจน “มันคือความจริง ไม่ใช่ฝัน ฮ่า ๆ เฮ้อ รอดสักที จากนี้ไปเส้นทางสู่ความร่ำรวยก็อยู่ไม่ไกลแล้ว" แต่ก่อนอื่นเขาสั่งอาหารมาทาน ปกติไม่คิดจะสั่งออนไลน์ เพราะราคาแพงกว่ามาม่าร้านสะดวกซื้อ เพราะเขาต้องประหยัด แต่ตอนนี้ขอกินอาหารอร่อยก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นเอสใช้ปลายนิ้วกดเปิดเมนูใน โทรศัพท์ที่มีชื่อว่า "BOSS" ขึ้นมา สิ่งที่ปรากฏคือใบหน้าสี่เหลี่ยม เหมือนหุ่นยนต์ในนั้น แล้วระบบจะกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง “วันนี้มีแผนอะไรไหม?" แผนเหรอ ไม่เคยมีในหัวเลย ชีวิตมืดมนแบบเขาจะมีแผนอะไรได้ละหรือว่าจะ “ระบบบฉันอยากเอาเงินฝากที่ธนาคารเพื่อรับดอกเบี้ย นับว่าเป็นกำไรของฉันได้ไหม” เอสพูดด้วยความหนักแน่น และคิดว่าเป็นวิธีดีสุดแล้ว ‘เพราะนี้คือการลงทุน ที่ไม่มีความเสี่ยงอะไร แถมยังไม่ต้องคิดมากอีก ฉลาดแบบนี้แหละเรา’ “ไม่ผ่าน!” “ห๊ะ! ทำไมถึงไม่ผ่าน” มันมีอะไรผิดพลาดตรงไหนเหรอ ไม่ใช่ว่าจะเอาไปทำอะไรก็ได้เหรอ เขาเอาแต่คิดในใจ “ต้องลงทุนใน บริษัท หุ้น และอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่รวมธนาคาร ป.ล หัดใช้สมองบ้างเถอะ” ใบหน้าของเขามืดลง ราวกับเดินมาถึงทางตัน มีกำแพงทั้งแปดด้าน ถูกด่าก็ว่าไปอย่าง แต่จะให้คิดแผนอะไรดี ๆ ออกกันล่ะ ในยุคนี้ใครก็ระวังตัวเรื่องเงิน ธุรกิจขนาดใหญ่ล้มกันเป็นแถว แต่เขายังพอคิดอะไรออกบ้าง แม้มันจะบ้าบิ่นไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้นอกเหนือจากเงื่อนไขที่กำหนด “ฉันจะลงทุนกับบริษัทไหน...ก็ทำได้ใช่ไหม” อยู่ ๆ เขาก็มีความคิดดี ๆ สักที “ใช่แล้ว” “งั้นก็ลงทุนกับบริษัททั่วประเทศเลยแล้วกัน” คราวนี้ต้องผ่านแน่นอน “ไม่ผ่าน เพื่อความสมเหตุสมผล ต้องหาแผ่นงานบริษัทที่จะลงทุน ถ้าระบบประเมินว่าจะขาดทุนจะไม่ผ่าน ป.ล อย่าลงทุนมั่ว ๆ จะได้ไหม!” เอสได้แต่เกาศีรษะพร้อมกับทำหน้าเจื่อน เขาคงไม่มีความสามารถด้านการลงทุนจริง ๆ ไม่รู้สิ ตอนนี้อยากเอาเงินไปก็เติมเกม ซื้อไอเทมแรร์มาใช้ เท่านี้ก็หาเงินได้วันละกลายร้อย ถึงพัน ไม่ต้องออกไปเจอสังคมที่เป็นพิษอีกด้วย เขาคิดได้แค่นี้ “เอานี้ไปอ่านจะได้มีความรู้" มือถือได้รับข้อความการแจ้งเตือน เพราะระบบส่งหนังสือให้เขา ทำเอาเจ้าตัวหน้ามืดมนกว่าเดิม ‘จะอ่านได้กี่หน้ากันนะ’ แต่ถึงไม่ชอบอ่านเขาก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดไฟล์อ่านจนได้ ก็จริงอยู่ที่ไม่มีความรู้ด้านนี้ แต่เขาก็อยากให้ทุกคนผ่านวิกฤตไปด้วยกัน นั่นคือสิ่งที่เขาอยากทำ ถ้าเขามีเงินทุนเยอะก็อยากช่วยคนอื่น โดยเฉพาะคนที่ตกงานตอนนี้ 30% เขาก็อยู่ในนั้นด้วยจึงพอจะเข้าใจ เท่าที่เขาหาข้อมูลก็พบว่าวงการธุรกิจมันยากจริง ๆ ใช้เวลาทั้งวันยังทำความเข้าใจได้นิดเดียว แต่ก็เพียงพอแล้ว เขามีแผนลงทุนกับหลายบริษัท แต่ก่อนอื่นต้องไปที่งานสำคัญอย่าง ‘capital bridge’ และงานที่ว่าก็คือ บริษัทใหญ่ ๆ ชั้นนำจะมานำเสนอแผนธุรกิจ เพื่อดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่ และ รายย่อย แต่ทว่าบัตรเข้างานหายากมาก เพราะเป็นถึงงานระดับพรีเมี่ยม ที่จัดติดต่อกันเกือบยี่สิบปี “ระบบ...ช่วยหาบัตรเข้างานได้ไหม" เอสไม่คาดหวังกับคำขอนี้ “ได้เลย นี้คือบัตรของคุณ” "สุดยอดเลย" แต่ผลลัพธ์เกินคาดจริง ๆ คราวนี้ก็หายห่วง โชคดีที่จัดการทุกอย่างได้ทันเวลา หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัว ในชุดสูทกับเสื้อยืดสีดำ พร้อมกับโกนหนวดให้เรียบร้อย ก่อนจะมองดูตัวเองในกระจก “คนอื่นคงไม่คิดว่าฉันเสพยาใช่ไหมเนี่ย ไม่ไหว ๆ เดี๋ยวต้องดูแลตัวเองให้ดีสักหน่อยแล้ว” เอสเดินทางด้วยรถแท็กซี่ จนมาถึงหน้าตึกระฟ้าที่เป็นศูนย์กลางของเมืองกรุง ที่นี่สมชื่อจริง แสงสีสว่างไสว ผู้คนเดินสวนกันตามถนน ทำให้คิดว่าตึกนี้ไม่เคยหลับสักวัน เอสยืนมองไปที่ข้างบน ยอดตึกยังคงส่องสว่าง และสวยงาม ก่อนจะเดินเข้าไป ระหว่างที่เดินผ่านคนอื่น เขาจะเป็นเป้าสายตาเพราะบุคลิกที่เหมือนคนเติมมาไม่พอ แล้วก็ใบหน้าผอมแห้ง ขอบตาดำคล้ำ ยังดีที่ความสูง 180 ทำให้เขาไม่แย่มากเกินไป แถมดูแบด ๆ ในตัว งานจัดอยู่ชั้นที่สามสิบ ในห้องใหญ่สุดของตึกนี่ แต่พอมาถึงประตูลิฟต์ เขาก็ต้องหยุดปลายเท้าที่กำลังจะเดินให้ทันก่อนลิฟท์จะปิด “เจอกันอีกแล้ว ต้องขอโทษนะคะพอดีลิฟต์เต็ม ว่าแต่มาทำอะไรในที่แบบนี้เหรอ” “อ้าว หรือจะรู้ว่าฉันทำงานที่นี่ แล้วมาขอความช่วยเหลือ ไม่ไหวเลยนะ นึกว่าจะหยิ่งในศักดิ์ศรีกว่านี้อีก" คำพูดที่คุ้นหู กับใบหน้าทั้งสองคนที่มองมาราวกับว่าเขาเป็นตัวตลกที่ทุกคนในลิฟต์ตัดสินว่าแบบนั้น สายตามากมายทำให้เอสก้าวขาไม่ออก แม้ที่ว่างจะเหลืออยู่ แต่ไม่มีที่ว่างสำหรับเขา “ไปก่อนเลย ฉันรอขึ้นครั้งถัดไป” วิภาดาเบะปากก่อนจะทำหน้าเหมือนเห็นอกเห็นใจ “ขอโทษทีนะ เพราะที่นี่ไม่มีที่ว่างให้คนแบบนาย" เธอจงใจพูดเสียงดังจนทุกคนได้ยิน ก่อนจะมองมาที่เอสราวกับเป็นตัวอะไรสักอย่าง พวกเขาก็คิดเหมือนกัน เพราะแต่ละคนแต่งตัวดูดี สีหน้าสดใส ไม่เหมือนเอส ที่เพิ่งออกมาจากโลกส่วนตัว ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดจะออกมา “คนนี้เหรอที่เธอเคยเล่าให้ฟัง แย่กว่าที่เล่ามาอีกนะ” “แค่ดูก็รู้ว่าใช้ชีวิตมาแบบไหน อย่าให้เข้ามาในลิฟต์นะ น่ากลัว” “พวกแบบนี้มีเยอะในยุคนี่ อย่าไปมองให้เสียตาเลยครับทุกคน” จะทำอะไรได้อีก ได้แต่ถอนหายใจเฮือกยาว ก็ไม่อยากเป็นเหมือนละครคุณธรรมแท้ ๆ แต่ชีวิตจริงมันยิ่งกว่าละครอีก หวังว่าคงไม่มีคนห้ามเข้างานเหมือนในหนังสั้นจีนอีกนะ เฮ้อ...เอสนั่งดื่มไวน์กับสาว ๆ ไม่สนใจพวกเขา เพราะไม่อยากเสียเวลาที่มีค่าไปกับเรื่องไม่สำคัญแต่ก็แอบขัดหูอยู่บ้าง เพราะอีเดนพูดอย่างกับกูรูสอนหุ้น เหมือนเป็นผู้ยังรู้อนาคตจนเขารู้สึกเลี่ยนขึ้นมาส่วนคนอื่น ๆ ก็เห็นตามโดยไร้ข้อกังขา จะต่างอะไรกับเผด็จการที่ไม่มีใครกล้าโต้แย้งความคิดของผู้นำ แต่อีเดนน่าจะเป็นเซียนหุ้นสายมู ใช้ความเชื่อของคนอื่น ทำให้ตัวเองดูมีความสามารถ ไร้เทียมทาน"ก่อนอื่นผมต้องขอบอกว่า การมองตลาดหุ้นต้องมองให้ทะลุปรุโปร่ง ไม่ใช่มองแค่ผิวเผิน ต้องรู้ข้อมูลสำคัญ จนสามารถคาดเดาอนาคตได้อย่างแม่นยำ"อีเดนพูดพลางกดเปิดบัญชีหุ้นทันที แล้วหันมามองเหล่าแฟนคลับที่ยืนให้กำลังใจ โดยเฉพาะพวกสิบบริษัทชั้นนำที่เป็นแฟนตัวยงของเขา"ผมจะใช้แค่สิบล้าน ทำให้เพิ่มขึ้นจนถึงพันล้าน ที่ผมจะบอกคือเงินทุนไม่ใช่ปัญหาถ้าคุณมีความสามารถมากพอ"เมื่อพูดจบก็ได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทำให้อีเดนรู้สึกเหมือนถูกเพิ่มพลัง จนไม่มีใครหยุดยั้งความเทพของตัวเองได้"สมแล้วที่เป็นเทพของวงการหุ้น พวกเราไม่มีใครกล้าเทียบกับคุณเลยครับ""พวกเราจะพยายามให้ถึงที่สุด แม้จะรู้ว่าต้องแพ้ก็ตาม"คนที่เข้าไปแข่งข
"ผ่านแล้วใช่ไหมคะ คงไม่มีข้อแก้ตัวอะไรอีกนะ"แคทหันมาพูดกับผู้จัดการ แต่แอบพุ่งเป้าไปที่อีเดนที่ยืนมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แม้จะได้สร้อยไป แต่เขาก็จ่ายในราคาที่สูงเกินไป เพราะอยากเอาใจผู้หญิงแต่ในสายตาของยาหยีเธอไม่คาดคิดว่าอีเดนจะหลงกลตื้น ๆ แบบนี้ ถูกยั่วยุให้ซื้อของแพง ทั้งที่เธอไม่ได้ต้องการเอาชนะ ขอแค่เป็นของขวัญที่จริงใจก็พอ"เรียบร้อยแล้วครับ ทุกอย่างเป็นไปตามการประมูลก่อนหน้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ"ผู้จัดการเดินมาหาอีเดนที่โต๊ะ หลังจากคืนบัตรธนาคารของเอสไปแล้วเขาไม่รีรอ รีบเอาบัตรธนาคารออกมาให้พนักงาน บัตรสีทองของเขามีได้เฉพาะผู้ที่มีทรัพย์สินเกินแสนล้าน แสดงให้คนอื่นเห็นว่า เงินแค่นั้นเขาจ่ายได้สบาย"รูดบัตรของฉัน แล้วเอาสร้อยมาให้ ตอนนี้ควรจะเป็นของฉันแล้ว"พนักงานทำการรูดบัตรแล้วนำสร้อยคอทับทิมมาให้อีเดนที่โต๊ะเขาหยิบมันขึ้นมาด้วยความคับแค้นใจ แต่ถ้าหากอนาคตได้ตัวของยาหยี เขาจะได้มามากกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่าแน่นอน ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน"เดี๋ยวพี่สวมสร้อยให้นะ" เขาหันไปยิ้มให้ยาหยี"อย่าดีกว่า ราคามันแพงไปฉันไม่กล้ารับค่ะ แค่รับไว้ด้วยใจก็พอแล้ว"ยาหยียิ้มตอบ
สาวชุดแดงเดินถือกล่องเครื่องประดับออกมาจากม่านเวที ก่อนจะเปิดออกให้เห็นข้างใน แสงสว่างของทับทิมส่องกระทบกับแสงไฟ ดูวิบวับสวยงามสร้อยทับทิมน้ำชมพูสีสวย เป็นที่หมายตาของสาว ๆ ในงาน ทว่ามีเงินอย่างเดียวไม่พอหรอก ราคาสร้อยเริ่มต้นก็สูงจน สามารถเปิดบริษัทขนาดเล็กได้แล้ว"นี่คือสร้อยคอทับทิมน้ำชมพูสวยงาม ขอเปิดที่ราคาสองร้อยล้านค่ะ บิดเริ่มต้นที่ 20 ล้าน"ในเวลานั้นทุกคนเงียบกริบ เพราะเกรงใจอีเดนที่ประกาศว่าจะซื้อ"ไม่มีคนประมูลเลยเหรอ หรือว่าจะกลัว...""เปล่าหรอก พวกเขาแค่ดูชั้นเชิงกันก่อน เดี๋ยวก็เปิดประตูมูลเอง"อีเดนตัดบทยาหยี กลัวว่าเธอจะไม่รับถ้ารู้ว่าเขาจงใจกดราคาให้ต่ำ ๆเขาส่งสัญญาณให้ประธานกลุ่มพลังงานให้เริ่มเปิดประตูก่อน แล้วค่อยตามทีหลัง"สองร้อยยี่สิบล้าน" เขายกป้ายขึ้น"สองร้อยสี่สิบ"ราคาดำเนินมาถึงสองรอยแปดสิบล้าน และเป็นราคาที่อีเดนพอใจจะซื้อ เขาจึงยกป้ายขึ้น"สามร้อยล้าน"คนอื่น ๆ ต่างไปกล้ายกมือประมูลต่อ และแสร้งพูดว่าไม่อยากได้เท่าไหร่ หรือ บอกว่าราคาสูงไป ทำให้อีเดนยิ้มอย่างพอใจสาวชุดแดงกวาดสายตามองแขกคนอื่นเพื่อรอให้ยกมือประมูล เพราะจากที่ประเมินสร้อยเส้นนี้มีมูลค่า
ในห้องน้ำหญิงมีเพียงมินนี่ กับพนิดาที่กำลังเติมปากเติมหน้า หลังจากที่เห็นเอสไปคุยกับผู้หญิงอื่น ทั้งสองจึงไม่อยากแพ้ ต้องสวยกว่าผู้หญิงคนนั้น"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนะ ทำไมพี่เอสถึงเข้าหาแบบนั้น พี่ดารู้จักไหม" มินนี่ถามพนิดาพลางมองดูตัวเองในกระจก"รู้จักสิ เธอเป็นลูกของผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ เป็นคนมีความสามารถในด้านธุรกิจอีกด้วย"มินนี่รู้สึกว่าเธออาจจะแพ้ได้ ถ้าหากสู้กับผู้หญิงคนนั้น เพราะตัสเธอไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากความสวย แต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ แม้จะรู้สึกต่ำต้อยถ้าเทียบกับคนอื่น"ไม่ยอมแพ้หรอก พี่เอสต้องเป็นของเรา" เธอหันมาพูดกับพนิดา"แน่นอนสิ เราตกลงกันแล้ว ว่าแต่ถ้าเธอยอมเข้าฮาเร็มของเอาล่ะ""นั่นสิ ต้องคิดเผื่อไว้ด้วย ยังไงมาที่หลังก็ต้องเป็นน้องเล็กอยู่แล้ว"สองสาวคุยกันถูกคอ โดยไม่รู้ว่ามีชายสองคนเข้ามาในห้องน้ำหญิง พร้อมกับเอาป้าย ปิดทำความสะอาดมาแปะเอาไว้พวกนั้นเดินเข้ามาข้างในก็เห็นพวกเธอยืนอยู่หน้ากระจก จึงไม่รีรอรีบใช้ยาสลบที่ใส่ไว้ในผ้าผืนเล็ก แค่ปิดปากพวกเธอเอาไว้ก็พอแล้ว จากนั้นก็พาพวกเธอขึ้นไปรอที่ห้องพวกนั้นค่อยเดินเข้าไปช้า ๆ ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว นะยะห่างกันเพียงสองเ
งานเลี้ยงถูกจัดในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในห้องโถงจัดงาน มีโต๊ะกลมตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สวยงาม บนเวทีมีนักดนตรีเล่นเพลงแจ๊ซเบา ๆ ท่ามกลางเสียงพูดคุยกันของบรรดาแขกที่เข้าร่วมห้องถูกตกแต่งในโทนสว่าง ส่วนแขกที่มาเข้างานแต่งตัวด้วยชุดสูท และ ชุดราตรีเรียบหรูทันใดนั้นเองทุกสายตาหันไปตรงหน้าทางเข้า เมื่อรถหรูสีดำขับมาจอดตรงนั้น เหล่าผู้บริหาร และ ประธานบริษัทต่างพากันออกไปต้อนรับ แม้แต่ประธานของ FP ยังให้เกียรติมาด้วยตนเองนอกจากนี้ยังมีกลุ่มบริษัทระดับประเทศอีกหลายบริษัท ทุกคนมีจุดประสงค์เดียวกันบริษัทอื่น ๆ มาเพื่อแลกเปลี่ยนนามบัตร และพบปะคนอื่น ๆ บางทีก็มีโอกาสเล็กน้อยในนั้นคืนนี้"คนที่ลงจากรถคือใครเหรอ ทำไมประธานของ FP ถึงไปต้อนรับด้วยตนเอง""ไม่รู้จักเหรอ นั่นคือคุณอีเดน นักธุรกิจจากแผ่นดินใหญ่ ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศเรา บริษัทของเขามูลค่ามากกว่า ห้าสิบล้านล้านบาทเลยนะ""แล้วผู้หญิงสวยข้าง ๆ เขาคือใคร ทำไมคุ้นหน้าจัง""ลูกสาวของคุณณัทพงศ์ไง ได้ข่าวว่าทำงานด้วยกัน แต่น่าจะมากกว่านั้น""เหมาะสมกันจริง มีแต่ระดับคนใหญ่คนโตของประเทศเลยนะ"แขกในงานต่างหันไปสนใจพวกเขา เมื่อเข้ามาข้า
"พูดมันง่ายนะแต่ทำยาก ผมคิดว่าเราควรเจรจากับบริษัท FP เราถึงจะมีทางรอด""ผมเห็นด้วย"คนอื่น ๆ เห็นด้วยกับการเจรจา แต่พวกเขาไม่รู้ว่า FP ไม่ใจดีอย่างที่คิด พวกเขาพร้อมจะควบคุมบริษัททั้งหมด ให้กลายเป็นบริษัทลูกของพวกเขาเอสนั่งลงบนโซฟาอย่างใจเย็น ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นคาดเดาสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง"เรื่องนี้ผมจัดการเอง รออีกสัปดาห์ทุกอย่างจะสามารถดำเนินการตามกำหนด ให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมให้ดี"พวกเขามองหน้ากันเพราะไม่มั่นใจคำพูดของเอส แม้เขาจะพูดออกมาแล้ว แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า บริษัทจะสามารถดำเนินการผลิตได้จริงเมื่อเห็นความสงสัยบนใบหน้าของพวกเขา ตอนนี้คงต้องทำอะไรสักอย่าง"คุณพนิดา ช่วยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัทซัปพลายเออร์ให้ผมหน่อยนะ และ ฝ่ายบุคคลให้เปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มตามแผนของคุณพนิดา รับเต็มโควตาเลยนะครับ ไม่ต้องกลัวงบประมาณไม่พอ""ได้ค่ะ""ไม่ได้นะครับ ถ้าเรารับพนักงาน แต่ถ้าบริษัทไม่สามารถผลิตได้ แบบนี้จะยิ่งเสียหายหนัก""ในเมื่อเราไม่สามารถรับประกันว่าบริษัทจะทำสัญญากับซัปพลายเออร์ได้ เราควรรอก่อนนะครับ นี้เป็นวิธีพื้นฐานของการทำธุรกิจ"พวกเขามองเอสด้วยสายต







