LOGINหลังจากยืนรอขึ้นลิฟต์รอบถัดไป เขาก็ขึ้นมาถึงที่จัดงาน ทว่าสิ่งที่เขาเห็นก็คือห้องจัดงานขนาดใหญ่ มีโต๊ะหลายตัว ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสี มีอาหารและเครื่องดื่มสุดหรู สมกับที่เป็นงานระดับประเทศ
นี้เป็นงานแรกที่เขามา เห็นแต่ในทีวีไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับตัว แต่คนที่เก็บตัวไม่ยุ่งกับใครเลย ก็ได้แต่หาที่เงียบ ๆ นั่ง ทว่าก่อนจะเดินเข้าไป เอสหายใจเข้าแรง ๆ ไม่คิดว่าจะเจอแต่เรื่องยุ่งยาก เอาพยายามทำตัวให้กลมกลืน เพราะไม่อยากมีเรื่อง "หยุดก่อน...ใครอนุญาตให้เขาไป" พวกนั้นอีกแล้ว พวกเขาเป็นพนักงานที่รับผิดชอบงาน ดูจากการแต่งตัวก็พอเดาออก “คนอย่างนายกล้าเดินเข้ามางานนี้ด้วยเหรอ ไม่ดูสารรูปตัวเองเลย" เอ็มยืนเท้าเอวพูด พร้อมกับมองดูด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ “ใครเหรอ?” ชายอายุราวห้าสิบถามขึ้น ดูจากการวางตัวน่าจะเป็นเจ้านายของเอ็ม เขาไม่รอช้าเปลี่ยนจากท่าที่อวดเบ้งเป็นประจบสอพลอทันที “อย่าสนใจเลยครับหัวหน้า หมอนี้ก็แค่พวกขี้แพ้ที่โชคดีได้บัตรมา เขาไม่มีงานทำด้วยซ้ำ จะมีเงินมาลงทุนได้ไง คิดว่าใส่สูทจากตลาดนัด แล้วจะเปลี่ยนตัวเองได้เหรอ” ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะไม่เห็นจะสนใจอะไร แม้จะเป็นเสื้อผ้าราคาไม่แพง แต่ก็ไม่ทำให้งานเสื่อมเสียหรอก จะอะไรนักหนา “ถ้าไม่มีอะไรขอตัวก่อนนะ...” เอสเดินเข้าไปแต่ก็ถูกขวางไว้ เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ทั้งที่ไม่เคยสนใจพวกนี้ แต่ทำไมชอบมาวุ่นวายแบบนี้ “หมายความว่าไง?” เอ็มรีบขยับเข้ามาพูดต่อหน้า “นายคิดว่าแค่มี บัตรเชิญก็จะเข้างานได้เหรอ” ก่อนจะหันไปมองคนในงานที่กำลังพูดคุยกัน “เห็นหรือเปล่าว่าแต่ละคนแต่งตัวดูดีมีระดับ แต่ดูตัวแก่สิ มีเงินในบัญชีถึงหลักหมื่นรึเปล่าวะ ออกไปได้แล้ว” “มีสิทธิ์อะไรมาไล่แขกที่ถือบัตรเชิญมางานให้ออกไป ดูเหมือนว่านายจะมีอำนาจมากเลยนะ” เสียงใสของใครบางคนดังขึ้นทำให้เอสหันไปมองตาม เจ้าของเสียงเดินเข้ามาด้วยความมั่นใจ แม่เจ้าเธอสวยมาก แม้จะไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจแต่คนช่างฝันอย่างเขาก็เห็นเธอผ่านตามาบ้าง พนิดา นักธุรกิจสาวคนนั้นเอง “เอ่อ...เป็นเรื่องเข้าใจผิดครับถ้างั้นผม...” เมื่อเจอกับคนใหญ่คนโตถึงกับ เลิกลักเลยทีเดียว ทว่าเธอกลับไม่สนคำพูดของเขา แต่หันไปหาเอสที่ยืนนิ่งอยู่ แต่แวบแรกเธอเหมือนจะนิ่งไปพร้อมสำรวจการแต่งตัวของคนที่อยู่ตรงหน้า ‘ดูยังไงก็คนจน แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้ทุกบาทมีความหมายมาก’ หลังจากที่ครุ่นคิดสักพักเธอก็ยิ้มให้กับคนที่เคยเห็นเห็นครั้งแรกด้วยความเป็นมิตร นั้นคือความสามารถของเธอ “เข้ามาเถอะค่ะ ถ้ามีอะไรฉันรับผิดชอบเอง” เมื่อพูดจบเธอก็เดินเข้าไปพร้อมกับเลขาชายหญิงทั้งสองคนที่เดินตามไปติด ๆ “ก็แค่ยักษ์ที่กำลังจะล้มอวดดีไปเถอะ จะอยู่ได้ถึงวันไหน เหอะ” “คงไม่ถึงสามเดือนหรอก บริษัทที่ประกาศล้มละลายไม่รอดสักราย" เจ้านายกับลูกน้องพูดกันสนุกปาก แต่ก็ช่างพวกเขาเถอะ เอสเดินเข้าไปในมุมมืด ก่อนที่สายตาหลายคู่จะจับจ้องมาที่เขา และไม่มีใครสนใจ สายตาพวกนั้นคือเครื่องสแกนที่เหล่าบริษัทใหญ่คอยตรวจสอบ พวกเขาจะยินดีต้อนรับราวกับว่าคุณคือพระเจ้าถ้าคุณเป็นคนรวย มีทรัพย์สินมากมาย แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยค่อนข้างจนอย่างเอส ใครจะสนนอกจากบริษัทที่กำลังจะปิดตัว ทว่าตอนนี้เองสาวสวยรูปร่างดีแต่งตัวในชุดสูทกระโปรงสั้น รูปร่างสมส่วน ขาเรียวยาวแถมยังผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส เธอเดินมาหาเอสที่ไม่ถูกบริษัทไหนจับตามอง เป็นเทคนิคดึงดูดความสนใจของผู้ชายโดยเฉพาะ “สวัสดีค่ะฉันมาจากบริษัท food&mart ถ้าคุณยังไม่มีบริษัทที่จะลงทุนรบกวนดูรายละเอียดของบริษัทเราก่อนก็ได้นะคะ” เธอสวยจริง ๆ แถมยังพูดเพราะอีกด้วย เอสจึงรับมาดู “ขอบคุณครับ” “ถ้าไม่เข้าใจอะไรถามดิฉันได้นะคะ” สาวสวยพูดจบก็จากไปพร้อมรอยยิ้ม ‘ถ้าไม่ใช่คำสังของบอส ฉันไม่สนใจคนระดับล่างแบบนี้หรอก’ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นจะปิดเอาไว้ไม่มิดชิด ดูเหมือนในสายตาคนพวกนี้เขาเป็นเพียงขยะเท่านั้น แต่จะโทษอะไรได้ ในยุคนี้ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็จงหางานที่ดี และหาเพื่อน และสังคมที่ดี นั้นคือสิ่งที่ผู้คนจำไว้เป็นสิ่งเตือนใจ “น่าเบื่อจริง ๆ ฉันไม่ชอบอะไรที่จอมปลอมด้วยสิ แค่เดินมาพูด ไม่ต้องยิ้มให้ก็ได้ถ้าจะฝืนใจ เฮ้อ...” เขาบ่นพึมพำ ก่อนจะนั่งกินอาหารบนโต๊ะอย่างสบายใจ เพราะไม่มีใครอยากมาร่วมโต๊ะกับเขา ในห้องเตรียมตัวของบริษัทที่กำลังจะพรีเซ็นงาน เจ้าของร่างเพรียวบางนั่งหลังตรงอยู่ที่เก้าอี้หนังสีดำ ดวงตาคมใต้ขนตางอนกวาดมองข้อมูลในหน้าจอไอแพดนิ่ง ๆ ลมหายใจหนัก ๆ ออกจากจมูกเมื่อเห็นรายชื่อคนที่จะลงทุนกับบริษัท มีไม่ถึงสิบราย และส่วนใหญ่ก็แค่คนที่มีทรัพย์สิน 30-50 ล้านเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้บริษัทเธอจะไปรอดได้ไง? “จิ้งจอกพวกนั้นคงคาบเหยื่อดี ๆ ไปหมดแล้ว...” เธอบ่นเสียงแข็ง นิ้วเรียวเคาะไอแพดเบา ๆ ตามจังหวะความคิด “คิดจะล้มเราให้ได้เลยเหรอ ปวดหัวกับพวกนี้จริง ๆ” “ตามความจริงแล้วก็คงเป็นแบบนั้น” คิม เลขาฯ สาวของเธอเอ่ยเสียงเรียบ น้ำเสียงฟังดูใจเย็นเกินเหตุในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ “ถ้าบริษัทเราล้ม พวกเขาจะทำกำไรได้เยอะขึ้น และคู่แข่งทางการตลาดก็ไม่มี จะเป็นการผูกขาดตลาดอาหารไปเลย" คิมสวมแว่นทรงเหลี่ยม ผมสั้นตัดตรงประบ่า เสริมลุคให้ดูฉลาดและมั่นใจ เธอกอดแฟ้มไว้แน่นขณะพูด “แล้วทำไมนักลงทุนรายย่อยถึงไม่สนับสนุนเรา ทั้งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองมากกว่า…” หญิงสาวขมวดคิ้ว เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ เริ่มเดินวนรอบโต๊ะเล็ก ๆ อย่างคนคิดไม่ตก “ถ้าเกิดพวกเราล้มก็เป็นพวกเขาเองไม่ใช่เหรอที่ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพแพง ทำไมแค่นี้ยังคิดไม่ได้!” “ ใครก็อยากลงทุนกับ บริษัทที่ได้กำไรเยอะ ปันผลดี ๆ แต่บริษัทเราจะเหมือนสถานสงเคราะห์ไปทุกทีแล้วครับ” เจมส์ เลขาฯหนุ่มพูดแทรก ก่อนจะเอารายชื่อคนที่ยังไม่ตัดสินว่าจะเลือกบริษัทไหนให้เจ้านายดู “นี้ครับ ข้อมูลของนักลงทุนรายย่อย” ทำให้เธอหยุดเดินแล้วหันมาดูข้อมูลให้ดีกว่านี้ “เหลือเยอะอยู่ ถึงแม้จะดึงตัวพวกเขามาได้แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ว่าเพวกเขาจะเลือกเราทั้งหมด" เมื่อเธอเห็นรูปของบางคนก็ทำให้ใบหน้าเธอร้อนผ่าว “ฉันอุตส่าห์ช่วยให้เข้างาน ทำไมไม่เลือกบริษัทฉันล่ะ ทำไม” เลขาฯทั้งสองจ้องตามถึงเข้าใจ ถ้าเป็นคนปกติน่าจะลงทุนกับเจ้านายเธอแล้ว เพราะไม่มีตัวเลือกอื่น อีกอย่างแผนงานของพวกเธอก็ไม่ได้แย่ ก็ไม่แปลกที่เจ้านายเธอจะโกรธ “เอาล่ะ จัดการคนที่เหลืออีกครั้ง ส่วนคนนี้ฉันคุยเอง” พนิดาเดินออกไปจากห้องเตรียมตัว ก่อนที่จะมองหาเป้าหมายเป็นอันดับแรก “ขอนั่งด้วยคนนะคะ” “ได้ครับ เชิญ...” ใครจะคิดว่าสาวสวยคนนี้จะอยากนั่งร่วมโต๊ะกับเขา ทำให้สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ทั้งสองนั่งอยู่ และเสียงจากโต๊ะอื่นก็ดังขึ้นมา “คงเข้าตาจนจริง ๆ ถึงขั้นให้ผู้บริหารมาคุยกับนักลงทุนรายย่อย แถมจนมาก ๆ ด้วย" “ฉันก็มีเงินอยู่ร้อยล้าน ถ้าอยากให้ฉันลงทุนด้วยคืนนี้ก็ทำให้ฉันพอใจสิ...หึ ๆ” “ถ้าได้แบบนี้ผมเองก็คงต้องทำบ้าง” เสียงเหล่านั้นไม่เข้ารูหูของเธอด้วยซ้ำ อะไรที่ไม่ทำให้เธอได้ประโยชน์จะไม่อยู่ในสายตาเธอ ก็เหมือนกันกับผู้ชายตรงหน้า “ดูเหมือนพวกเขาจะพูดถึงคุณอยู่นะ” เจ้าตัวไม่รู้สึกอะไร แถมยังยกแก้วไวน์สีทองมาดื่มอย่างสบายใจ ใบหน้ายังคงนิ่ง “มาเข้าเรื่องกันเถอะ” เธอเอาเอกสารออกมาวางบนโต๊ะให้เอสดูอีกครั้ง “คุณมีตัวเลือกแล้วหรือยังคะ สนใจบริษัทเราไหม แม้ตอนนี้กำไรจะไม่เยอะ แต่ระยะยาวจะเพิ่มขึ้นแน่นอน” ท่าทางของเธอไม่เหมือนเดิม ไร้รอยยิ้มจอมปลอมราวกับว่าเธอเป็นคนละคน สายตาดุดันมีเสน่ห์ และดูจริงจัง ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป “น่าสนใจนะครับ ผมจะคิดดูแล้วกัน” “ดีเลย ฉันจะรอฟังข่าวดีนะคะ” มือเรียวหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาชนกับแก้วไวน์ของเอส แล้วดื่มรวดเดียว “ถ้างั้นขอตัวก่อนนะคะ” “ครับ” เอสมองแผ่นหลังเธอจนสุดสายตา ก่อนจะคิดถึงแผนงานตรงหน้า รายละเอียดครบถ้วน อย่างที่เธอพูดว่าแผนงานนี้ใช้เวลา แล้วใครจะอยากลงทุนโดยเฉพาะกับบริษัทที่กำลังจะล้มละลายจริง ๆเอสนั่งดื่มไวน์กับสาว ๆ ไม่สนใจพวกเขา เพราะไม่อยากเสียเวลาที่มีค่าไปกับเรื่องไม่สำคัญแต่ก็แอบขัดหูอยู่บ้าง เพราะอีเดนพูดอย่างกับกูรูสอนหุ้น เหมือนเป็นผู้ยังรู้อนาคตจนเขารู้สึกเลี่ยนขึ้นมาส่วนคนอื่น ๆ ก็เห็นตามโดยไร้ข้อกังขา จะต่างอะไรกับเผด็จการที่ไม่มีใครกล้าโต้แย้งความคิดของผู้นำ แต่อีเดนน่าจะเป็นเซียนหุ้นสายมู ใช้ความเชื่อของคนอื่น ทำให้ตัวเองดูมีความสามารถ ไร้เทียมทาน"ก่อนอื่นผมต้องขอบอกว่า การมองตลาดหุ้นต้องมองให้ทะลุปรุโปร่ง ไม่ใช่มองแค่ผิวเผิน ต้องรู้ข้อมูลสำคัญ จนสามารถคาดเดาอนาคตได้อย่างแม่นยำ"อีเดนพูดพลางกดเปิดบัญชีหุ้นทันที แล้วหันมามองเหล่าแฟนคลับที่ยืนให้กำลังใจ โดยเฉพาะพวกสิบบริษัทชั้นนำที่เป็นแฟนตัวยงของเขา"ผมจะใช้แค่สิบล้าน ทำให้เพิ่มขึ้นจนถึงพันล้าน ที่ผมจะบอกคือเงินทุนไม่ใช่ปัญหาถ้าคุณมีความสามารถมากพอ"เมื่อพูดจบก็ได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทำให้อีเดนรู้สึกเหมือนถูกเพิ่มพลัง จนไม่มีใครหยุดยั้งความเทพของตัวเองได้"สมแล้วที่เป็นเทพของวงการหุ้น พวกเราไม่มีใครกล้าเทียบกับคุณเลยครับ""พวกเราจะพยายามให้ถึงที่สุด แม้จะรู้ว่าต้องแพ้ก็ตาม"คนที่เข้าไปแข่งข
"ผ่านแล้วใช่ไหมคะ คงไม่มีข้อแก้ตัวอะไรอีกนะ"แคทหันมาพูดกับผู้จัดการ แต่แอบพุ่งเป้าไปที่อีเดนที่ยืนมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แม้จะได้สร้อยไป แต่เขาก็จ่ายในราคาที่สูงเกินไป เพราะอยากเอาใจผู้หญิงแต่ในสายตาของยาหยีเธอไม่คาดคิดว่าอีเดนจะหลงกลตื้น ๆ แบบนี้ ถูกยั่วยุให้ซื้อของแพง ทั้งที่เธอไม่ได้ต้องการเอาชนะ ขอแค่เป็นของขวัญที่จริงใจก็พอ"เรียบร้อยแล้วครับ ทุกอย่างเป็นไปตามการประมูลก่อนหน้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ"ผู้จัดการเดินมาหาอีเดนที่โต๊ะ หลังจากคืนบัตรธนาคารของเอสไปแล้วเขาไม่รีรอ รีบเอาบัตรธนาคารออกมาให้พนักงาน บัตรสีทองของเขามีได้เฉพาะผู้ที่มีทรัพย์สินเกินแสนล้าน แสดงให้คนอื่นเห็นว่า เงินแค่นั้นเขาจ่ายได้สบาย"รูดบัตรของฉัน แล้วเอาสร้อยมาให้ ตอนนี้ควรจะเป็นของฉันแล้ว"พนักงานทำการรูดบัตรแล้วนำสร้อยคอทับทิมมาให้อีเดนที่โต๊ะเขาหยิบมันขึ้นมาด้วยความคับแค้นใจ แต่ถ้าหากอนาคตได้ตัวของยาหยี เขาจะได้มามากกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่าแน่นอน ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน"เดี๋ยวพี่สวมสร้อยให้นะ" เขาหันไปยิ้มให้ยาหยี"อย่าดีกว่า ราคามันแพงไปฉันไม่กล้ารับค่ะ แค่รับไว้ด้วยใจก็พอแล้ว"ยาหยียิ้มตอบ
สาวชุดแดงเดินถือกล่องเครื่องประดับออกมาจากม่านเวที ก่อนจะเปิดออกให้เห็นข้างใน แสงสว่างของทับทิมส่องกระทบกับแสงไฟ ดูวิบวับสวยงามสร้อยทับทิมน้ำชมพูสีสวย เป็นที่หมายตาของสาว ๆ ในงาน ทว่ามีเงินอย่างเดียวไม่พอหรอก ราคาสร้อยเริ่มต้นก็สูงจน สามารถเปิดบริษัทขนาดเล็กได้แล้ว"นี่คือสร้อยคอทับทิมน้ำชมพูสวยงาม ขอเปิดที่ราคาสองร้อยล้านค่ะ บิดเริ่มต้นที่ 20 ล้าน"ในเวลานั้นทุกคนเงียบกริบ เพราะเกรงใจอีเดนที่ประกาศว่าจะซื้อ"ไม่มีคนประมูลเลยเหรอ หรือว่าจะกลัว...""เปล่าหรอก พวกเขาแค่ดูชั้นเชิงกันก่อน เดี๋ยวก็เปิดประตูมูลเอง"อีเดนตัดบทยาหยี กลัวว่าเธอจะไม่รับถ้ารู้ว่าเขาจงใจกดราคาให้ต่ำ ๆเขาส่งสัญญาณให้ประธานกลุ่มพลังงานให้เริ่มเปิดประตูก่อน แล้วค่อยตามทีหลัง"สองร้อยยี่สิบล้าน" เขายกป้ายขึ้น"สองร้อยสี่สิบ"ราคาดำเนินมาถึงสองรอยแปดสิบล้าน และเป็นราคาที่อีเดนพอใจจะซื้อ เขาจึงยกป้ายขึ้น"สามร้อยล้าน"คนอื่น ๆ ต่างไปกล้ายกมือประมูลต่อ และแสร้งพูดว่าไม่อยากได้เท่าไหร่ หรือ บอกว่าราคาสูงไป ทำให้อีเดนยิ้มอย่างพอใจสาวชุดแดงกวาดสายตามองแขกคนอื่นเพื่อรอให้ยกมือประมูล เพราะจากที่ประเมินสร้อยเส้นนี้มีมูลค่า
ในห้องน้ำหญิงมีเพียงมินนี่ กับพนิดาที่กำลังเติมปากเติมหน้า หลังจากที่เห็นเอสไปคุยกับผู้หญิงอื่น ทั้งสองจึงไม่อยากแพ้ ต้องสวยกว่าผู้หญิงคนนั้น"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนะ ทำไมพี่เอสถึงเข้าหาแบบนั้น พี่ดารู้จักไหม" มินนี่ถามพนิดาพลางมองดูตัวเองในกระจก"รู้จักสิ เธอเป็นลูกของผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ เป็นคนมีความสามารถในด้านธุรกิจอีกด้วย"มินนี่รู้สึกว่าเธออาจจะแพ้ได้ ถ้าหากสู้กับผู้หญิงคนนั้น เพราะตัสเธอไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากความสวย แต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ แม้จะรู้สึกต่ำต้อยถ้าเทียบกับคนอื่น"ไม่ยอมแพ้หรอก พี่เอสต้องเป็นของเรา" เธอหันมาพูดกับพนิดา"แน่นอนสิ เราตกลงกันแล้ว ว่าแต่ถ้าเธอยอมเข้าฮาเร็มของเอาล่ะ""นั่นสิ ต้องคิดเผื่อไว้ด้วย ยังไงมาที่หลังก็ต้องเป็นน้องเล็กอยู่แล้ว"สองสาวคุยกันถูกคอ โดยไม่รู้ว่ามีชายสองคนเข้ามาในห้องน้ำหญิง พร้อมกับเอาป้าย ปิดทำความสะอาดมาแปะเอาไว้พวกนั้นเดินเข้ามาข้างในก็เห็นพวกเธอยืนอยู่หน้ากระจก จึงไม่รีรอรีบใช้ยาสลบที่ใส่ไว้ในผ้าผืนเล็ก แค่ปิดปากพวกเธอเอาไว้ก็พอแล้ว จากนั้นก็พาพวกเธอขึ้นไปรอที่ห้องพวกนั้นค่อยเดินเข้าไปช้า ๆ ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว นะยะห่างกันเพียงสองเ
งานเลี้ยงถูกจัดในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในห้องโถงจัดงาน มีโต๊ะกลมตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สวยงาม บนเวทีมีนักดนตรีเล่นเพลงแจ๊ซเบา ๆ ท่ามกลางเสียงพูดคุยกันของบรรดาแขกที่เข้าร่วมห้องถูกตกแต่งในโทนสว่าง ส่วนแขกที่มาเข้างานแต่งตัวด้วยชุดสูท และ ชุดราตรีเรียบหรูทันใดนั้นเองทุกสายตาหันไปตรงหน้าทางเข้า เมื่อรถหรูสีดำขับมาจอดตรงนั้น เหล่าผู้บริหาร และ ประธานบริษัทต่างพากันออกไปต้อนรับ แม้แต่ประธานของ FP ยังให้เกียรติมาด้วยตนเองนอกจากนี้ยังมีกลุ่มบริษัทระดับประเทศอีกหลายบริษัท ทุกคนมีจุดประสงค์เดียวกันบริษัทอื่น ๆ มาเพื่อแลกเปลี่ยนนามบัตร และพบปะคนอื่น ๆ บางทีก็มีโอกาสเล็กน้อยในนั้นคืนนี้"คนที่ลงจากรถคือใครเหรอ ทำไมประธานของ FP ถึงไปต้อนรับด้วยตนเอง""ไม่รู้จักเหรอ นั่นคือคุณอีเดน นักธุรกิจจากแผ่นดินใหญ่ ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศเรา บริษัทของเขามูลค่ามากกว่า ห้าสิบล้านล้านบาทเลยนะ""แล้วผู้หญิงสวยข้าง ๆ เขาคือใคร ทำไมคุ้นหน้าจัง""ลูกสาวของคุณณัทพงศ์ไง ได้ข่าวว่าทำงานด้วยกัน แต่น่าจะมากกว่านั้น""เหมาะสมกันจริง มีแต่ระดับคนใหญ่คนโตของประเทศเลยนะ"แขกในงานต่างหันไปสนใจพวกเขา เมื่อเข้ามาข้า
"พูดมันง่ายนะแต่ทำยาก ผมคิดว่าเราควรเจรจากับบริษัท FP เราถึงจะมีทางรอด""ผมเห็นด้วย"คนอื่น ๆ เห็นด้วยกับการเจรจา แต่พวกเขาไม่รู้ว่า FP ไม่ใจดีอย่างที่คิด พวกเขาพร้อมจะควบคุมบริษัททั้งหมด ให้กลายเป็นบริษัทลูกของพวกเขาเอสนั่งลงบนโซฟาอย่างใจเย็น ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นคาดเดาสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง"เรื่องนี้ผมจัดการเอง รออีกสัปดาห์ทุกอย่างจะสามารถดำเนินการตามกำหนด ให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมให้ดี"พวกเขามองหน้ากันเพราะไม่มั่นใจคำพูดของเอส แม้เขาจะพูดออกมาแล้ว แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า บริษัทจะสามารถดำเนินการผลิตได้จริงเมื่อเห็นความสงสัยบนใบหน้าของพวกเขา ตอนนี้คงต้องทำอะไรสักอย่าง"คุณพนิดา ช่วยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัทซัปพลายเออร์ให้ผมหน่อยนะ และ ฝ่ายบุคคลให้เปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มตามแผนของคุณพนิดา รับเต็มโควตาเลยนะครับ ไม่ต้องกลัวงบประมาณไม่พอ""ได้ค่ะ""ไม่ได้นะครับ ถ้าเรารับพนักงาน แต่ถ้าบริษัทไม่สามารถผลิตได้ แบบนี้จะยิ่งเสียหายหนัก""ในเมื่อเราไม่สามารถรับประกันว่าบริษัทจะทำสัญญากับซัปพลายเออร์ได้ เราควรรอก่อนนะครับ นี้เป็นวิธีพื้นฐานของการทำธุรกิจ"พวกเขามองเอสด้วยสายต







