เข้าสู่ระบบ![[Unlimited Money] ระบบเงินทุนไร้ขีดจำกัด](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
เสียงกดคีย์บอร์ดดังไม่หยุด ชายหนุ่มหนวดเครายาวเฟื้อยดวงตาแดงก่ำ จ้องมองหน้าจอคอมจนตาคาง คืนนี้เป็นคืนที่สองแล้วที่เขาเล่นเกม เพื่อหาเงินในเกมมาขายให้คนที่ไม่มีเวลาเล่น
“เฮอ...บ้าจริงทั้งวันทั้งคืนยังได้ไม่ถึงครึ่งขอค่าแรงขั้นต่ำด้วยซ้ำ สงสัยคงต้องนอนพักก่อน” ร่างผอมแห้งของชายร่างสูงโปร่ง เดินลากสังขารไปที่เตียง เขากำลังจะเอนกายลงนอน ทว่าเสียงท้องเจ้ากรรมดันร้องเสียงดัง เห็นทีคงต้องหาอะไรกินสักหน่อย พอเดินออกจากห้องพักราคาย่อมเยา ที่เขาพอจะมีปัญญาจ่ายไหว ก็ได้ยินเสียงป้าข้างห้องสองสามคนกำลังพูดถึงเขาในระยะเผาขน แต่เขาไม่ได้สนใจอะไร คนพวกนี้นั่งคุยกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ พูดเรื่องของทุกคนในตึก ไม่ต่างอะไรกับหน่วยข่าวกรองดีของที่นี่ คำดูถูกสาดเข้าใส่เมื่อเขาเดินผ่านไป ยิ่งท่าทางตอนนี้ ทำให้ป้าสามคนคิดไปทางลบอย่างเดียว “ดูสิโตจนป่านนี้แล้วยังขี้เกียจสันหลังยาว งานการไม่มีทำ เล่นเกมทั้งวันทั้งคืน และขอเงินพ่อแม่ใช้ ไม่เหมือนลูกชายฉัน ตอนนี้มีงานดีรายได้มั่นคง เทียบกันไม่ได้เลย" ป้าสายพูดเสียงดัง พร้อมกับเบะปากมองด้วยหางตา ส่วนตรงหน้าคือป้าแจ่ม นั่งฟังด้วยความคันปากอยากจะอวดลูกชายตัวเองบ้าง “วัยรุ่นสมัยนี้ก็แบบนี่แหละ ไม่ทำงานขอเงินพ่อกับแม่ใช้ไปวัน ๆ ไม่เหมือนลูกสาวฉัน ตอนนี้ได้งานบริษัทใหญ่ทำอนาคตงามแน่นอน” “ลูกของเธอสองคนก็ดีจริง ๆ ส่วนลูกชายของฉันก็ไม่ได้ดีอะไร ทำงานเงินเดือนสามสี่หมื่นเอง แต่ว่าก็ว่าเถอะไอ้เด็กที่เดินผ่านเมื่อกี้ ได้ยินว่าติดยาด้วย ระวังตัวด้วยล่ะ" ป้าทับทิมพูดเสียงกระซิบ หาเรื่องมาใส่สีตีไข่ได้อีก ทั้งหมดที่พวกเขาพูดถึงก็คือ เอส สภาพตอนนี้ทำให้ หลายคนต่างคิดไปต่าง ๆ นานา เพราะร่างกายที่ผอมซีดราวกับศพเดินได้ เสื้อผ้าดำสนิท สวมหมวกมิดชิด แม้แต่เจ้าของร้านประจำยังแอบกลัวเขา แต่เอสไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ใครจะมองแบบไหนก็ช่าง จะว่าเขาขี้แพ้ก็เชิญ แค่เอาชีวิตรอดในยุคนี้ก็วิเศษแล้ว ทว่าสองเท้าเจ้ากรรมดันไม่ขยับ ราวกับถูกตรึงด้วยโซ่ตรวน หัวใจหินพลันเต้นตุบ ๆ เมื่อตรงหน้าคือหญิงสาวที่คุ้นเคย เธอมีใบหน้าสวยหวาน หุ่นเพรียวบางสวมชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดแขนสั้นปล่อยผมยาวสลวย ‘เธอยังสวยไม่เคยเปลี่ยน’ “อ้าว...เอสเหรอ นึกว่าใครซะอีกทำไมเปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้เลย" เธอทักด้วยเสียงดัง พอเห็นเอสมาแต่ไกลก็จำได้ ก่อนจะคว้าแขนของชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ ใส่ทองทั้งตัวมาข้าง ๆ “นี่พี่เอ็มแฟนเราเอง ส่วนนี้เอสแฟนเก่าหนูเองค่ะ" สีหน้าแสนดีใจปิดไม่มิดของเธอ ทำให้เอสได้แต่ยิ้มแห้ง เหมือนกับว่าตัวเองเป็นพระเอกในละครคุณธรรม แต่ติดตรงที่เขาไม่ได้ซ่อนความร่ำรวยเหมือนในละคร ก็เลยต้องเก็บความรู้สึกต่ำต้อยเอาไว้ เธอคือ วิภาดา ทั้งสองคบกันมาตั้งแต่มัธยมต้น จนจบมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายก็แพ้ให้กับผู้ชายที่โปรไฟล์ดี คบกัน เกือบสิบปีไม่มีค่าอะไรจริง ๆ “แฟนเก่าหนูเหรอ ทำไมสภาพแย่ขนาดนี้ ไม่มีงานทำหรอ ให้พี่ช่วยหางานเอาไหม...” คำพูดเหมือนเห็นใจ แต่ก็แฝงด้วยคำดูหมิ่น สีหน้าทั้งสองคนวันนี้มันทำให้เอสเข้าใจว่า พวกเขาเหมาะสมกันจริง ๆ “ไม่เป็นไรครับ" “ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ เห็นแกความผูกพันหลายปีแค่นี้เราช่วยได้" “ใช่...ศักดิ์ศรีกินไม่ได้หรอก ยิ่งงาน...อ้าวไปแล้วเหรอแค่นี้ก็รับไม่ได้” “อย่าสนใจเลยค่ะ หนูแค่ทักไปงั้นแหละ เห็นไหมคงจะอายน่าดู” “สมน้ำหน้า พวกขี้แพ้" ใครจะทนต่อไปก็ทน แต่เอสไม่ทน ได้ของที่ซื้อไว้ก็รีบเดินออกมาเลย แต่ยังไงมันก็แอบแค้นใจจริง ถ้ารู้ว่าเธอเป็นแบบนี้แต่แรกคงไม่มีวันจีบเธอ และกลายเป็นเบ้ให้เธอตั้งหลายปี ผิดเองที่โง่เกินไป “ถ้าหากเป็นเหมือนละครคุณธรรมก็คงดีสิ ที่พระเอกกลายเป็นคนรวยในข้ามคืน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคนนี้จะไม่สนใจยัยผู้หญิงแบบนั้น จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ เฮ้อ คงจะบ้าจริง ๆ" มาถึงห้องเขาก็ทิ้งตัวลงนอนเพราะหมดแรง ความหิวที่เคยชัดเจนมันจางไป ความรู้สึกไร้ค่าเข้ามาทำหน้าที่รุมเร้าราวกับว่า ‘อยากให้ตัวฉันหายไปจากโลกนี้เหรอ ก็จริงนะเรามันไร้ค่าขนาดนี้ ชีวิตสุดจะไร้ค่าเลย ตายไปไม่ดีกว่าเหรอ’ เสียงในหัวบอกออกมาแบบนี้ เหมือนภาพเดจาวูที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่คิดแบบนี้ ทว่าวันนี้มันหนักหนาเหลือเกิน แววตาเอสสั่นไหวราวกับถูกดึงวิญญาณออกไป จ้องมองเพดานตั้งนาน แม้ไม่รู้ว่ามองเพราะอะไร ในห้องนี้มันมืดจริง ๆ ก่อนที่มือหุ้มกระดูกจะคว้าเอายาแก้ปวดกล่องหนึ่งออกมา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลทั้งสองข้าง วันนี้ขอร้องไห้เป็นวันสุดท้าย ตายไปแล้วญาติพี่น้องก็ไม่มีสักคน ยังดีที่ตั้งข้อความอัตโนมัติเอาไว้ ผ่านไปไม่นานก็คงมีคนมาเก็บศพเอง “ยี่สิบเม็ดพอไหมนะ...เฮ้อ ขอโทษกูภัยด้วยนะที่ต้องมาเหนื่อยเก็บศพฉัน...” เมื่อเม็ดยาบนฝ่ามือจำนวนยี่สิบเม็ด กำลังจะถูกเอาเข้าปาก ทุกอย่างราวกับความฝันแต่ทว่า เสียงของมือถือก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ ไม่ใช่เสียงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือข้อความใด ๆ แต่เป็นเสียงคนพูด ใช่เสียงเหมือนเอไอนิดหน่อย “สวัสดีฉันคือระบบของคุณ‘เอส’ ฉันคือ BOSS” หูของเขายังปกติดีไหม ทำไมได้ยินเสียงแปลก ๆ โทรศัพท์พูดได้เหรอ หรือนี้เป็นอาการของคนใกล้ตายกันนะ “ฉันกำลังจะตายใช่ไหม นายน่าจะเป็นยมบาลมากกว่านะ" “ฉันคืระบบที่จะช่วยให้คุณร่ำรวย และเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล คุณพร้อมหรือยัง" “ระบบหรอ นายมาผิดที่แล้วนี้ไม่ใช่มังงะจีนนะพวก จะมีระบบอะไรกัน" “ถ้าคุณยังไม่เชื่อ นี่คือสิงที่จะพิสูจน์ว่าคุณ กลายเป็นเจ้าของระบบสุดแจ่ม" ก่อนเสียงมือถือสั่นพร้อมข้อความที่บอกว่า ‘คุณได้รับเงินเข้า บช จำนวน 1 ล้านบาท’ “เงินเข้าหรอ เป็นล้านเลยหรอ" เอสรีบเอามือถือมาตรวจดูให้แน่ใจ กดเข้าไป บช ดูว่ายอดคงเหลือเท่าไหร่ 1.001.980 บาท ดวงตาของเขาเบิกโพลงยิ่งกว่าตอนที่เจอวิภาดาอีก “นี่มันของจริง ฉันกลายเป็นเจ้าของระบบแล้ว" เสียงสิ้นหวังเมื่อก่อนหายไป ตอนนี้เขาร้องออกมาเสียงดังก่อนที่จะทำสิ่งที่อยากทำมานาน “ระบบ โอนเงินเข้า บช ฉันล้านล้านบาทเลย” ถึงคราวรวยของเอสแล้วโว้ย ใครจะคิดว่าโชคจากจักรวาลมนุษย์ต่างดาวอะไรก็ช่าง จะมาหล่นทับตัวเขาจัง ๆ รวย ๆ “ขอประทานโทษที่ทำตามคำขอไม่ได้ เงินที่โอนเข้าไปจะให้ได้แค่ 1 ล้าน ส่วนถ้าอยากได้เพิ่มต้องทำตามเงื่อนไขก่อน” เอสคิดว่าจะรวยแบบสบาย ๆ ที่ไหนได้ต้องทำตามเงื่อนไขอีก หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องยาก ๆ นะ เขาคิดในใจ “เงื่อนไขคืออะไร" ตอนนี้หัวใจเจ้ากรรมเต้นระรัว อยากได้เงินจนตัวสั่น ไม่รู้ว่าตัวเองทิ้งยาแก้ปวดไปตอนไหน แต่ที่แน่ ๆ จะไม่ขอหยิบมันอีก “เงือนไขคือคุณต้องลงทุน แล้วสร้างกำไรถึงจะสามารถใช้เงินได้ ระบบจะเป็นคนออกทุนให้ตามความเหมาะสม ของแผนธุรกิจที่คุณเลือก” ลงทุนเหรอ นี่มันทางของเรา เมื่อก่อนเคยทำอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลาวงการไปเพราะขาดทุน แม้แต่กำไรยังไม่มีให้เห็น เฮ้อ...ชีวิตหนอชีวิต บุณมีแต่กรรมบัง...เอสนั่งดื่มไวน์กับสาว ๆ ไม่สนใจพวกเขา เพราะไม่อยากเสียเวลาที่มีค่าไปกับเรื่องไม่สำคัญแต่ก็แอบขัดหูอยู่บ้าง เพราะอีเดนพูดอย่างกับกูรูสอนหุ้น เหมือนเป็นผู้ยังรู้อนาคตจนเขารู้สึกเลี่ยนขึ้นมาส่วนคนอื่น ๆ ก็เห็นตามโดยไร้ข้อกังขา จะต่างอะไรกับเผด็จการที่ไม่มีใครกล้าโต้แย้งความคิดของผู้นำ แต่อีเดนน่าจะเป็นเซียนหุ้นสายมู ใช้ความเชื่อของคนอื่น ทำให้ตัวเองดูมีความสามารถ ไร้เทียมทาน"ก่อนอื่นผมต้องขอบอกว่า การมองตลาดหุ้นต้องมองให้ทะลุปรุโปร่ง ไม่ใช่มองแค่ผิวเผิน ต้องรู้ข้อมูลสำคัญ จนสามารถคาดเดาอนาคตได้อย่างแม่นยำ"อีเดนพูดพลางกดเปิดบัญชีหุ้นทันที แล้วหันมามองเหล่าแฟนคลับที่ยืนให้กำลังใจ โดยเฉพาะพวกสิบบริษัทชั้นนำที่เป็นแฟนตัวยงของเขา"ผมจะใช้แค่สิบล้าน ทำให้เพิ่มขึ้นจนถึงพันล้าน ที่ผมจะบอกคือเงินทุนไม่ใช่ปัญหาถ้าคุณมีความสามารถมากพอ"เมื่อพูดจบก็ได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทำให้อีเดนรู้สึกเหมือนถูกเพิ่มพลัง จนไม่มีใครหยุดยั้งความเทพของตัวเองได้"สมแล้วที่เป็นเทพของวงการหุ้น พวกเราไม่มีใครกล้าเทียบกับคุณเลยครับ""พวกเราจะพยายามให้ถึงที่สุด แม้จะรู้ว่าต้องแพ้ก็ตาม"คนที่เข้าไปแข่งข
"ผ่านแล้วใช่ไหมคะ คงไม่มีข้อแก้ตัวอะไรอีกนะ"แคทหันมาพูดกับผู้จัดการ แต่แอบพุ่งเป้าไปที่อีเดนที่ยืนมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แม้จะได้สร้อยไป แต่เขาก็จ่ายในราคาที่สูงเกินไป เพราะอยากเอาใจผู้หญิงแต่ในสายตาของยาหยีเธอไม่คาดคิดว่าอีเดนจะหลงกลตื้น ๆ แบบนี้ ถูกยั่วยุให้ซื้อของแพง ทั้งที่เธอไม่ได้ต้องการเอาชนะ ขอแค่เป็นของขวัญที่จริงใจก็พอ"เรียบร้อยแล้วครับ ทุกอย่างเป็นไปตามการประมูลก่อนหน้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ"ผู้จัดการเดินมาหาอีเดนที่โต๊ะ หลังจากคืนบัตรธนาคารของเอสไปแล้วเขาไม่รีรอ รีบเอาบัตรธนาคารออกมาให้พนักงาน บัตรสีทองของเขามีได้เฉพาะผู้ที่มีทรัพย์สินเกินแสนล้าน แสดงให้คนอื่นเห็นว่า เงินแค่นั้นเขาจ่ายได้สบาย"รูดบัตรของฉัน แล้วเอาสร้อยมาให้ ตอนนี้ควรจะเป็นของฉันแล้ว"พนักงานทำการรูดบัตรแล้วนำสร้อยคอทับทิมมาให้อีเดนที่โต๊ะเขาหยิบมันขึ้นมาด้วยความคับแค้นใจ แต่ถ้าหากอนาคตได้ตัวของยาหยี เขาจะได้มามากกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่าแน่นอน ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน"เดี๋ยวพี่สวมสร้อยให้นะ" เขาหันไปยิ้มให้ยาหยี"อย่าดีกว่า ราคามันแพงไปฉันไม่กล้ารับค่ะ แค่รับไว้ด้วยใจก็พอแล้ว"ยาหยียิ้มตอบ
สาวชุดแดงเดินถือกล่องเครื่องประดับออกมาจากม่านเวที ก่อนจะเปิดออกให้เห็นข้างใน แสงสว่างของทับทิมส่องกระทบกับแสงไฟ ดูวิบวับสวยงามสร้อยทับทิมน้ำชมพูสีสวย เป็นที่หมายตาของสาว ๆ ในงาน ทว่ามีเงินอย่างเดียวไม่พอหรอก ราคาสร้อยเริ่มต้นก็สูงจน สามารถเปิดบริษัทขนาดเล็กได้แล้ว"นี่คือสร้อยคอทับทิมน้ำชมพูสวยงาม ขอเปิดที่ราคาสองร้อยล้านค่ะ บิดเริ่มต้นที่ 20 ล้าน"ในเวลานั้นทุกคนเงียบกริบ เพราะเกรงใจอีเดนที่ประกาศว่าจะซื้อ"ไม่มีคนประมูลเลยเหรอ หรือว่าจะกลัว...""เปล่าหรอก พวกเขาแค่ดูชั้นเชิงกันก่อน เดี๋ยวก็เปิดประตูมูลเอง"อีเดนตัดบทยาหยี กลัวว่าเธอจะไม่รับถ้ารู้ว่าเขาจงใจกดราคาให้ต่ำ ๆเขาส่งสัญญาณให้ประธานกลุ่มพลังงานให้เริ่มเปิดประตูก่อน แล้วค่อยตามทีหลัง"สองร้อยยี่สิบล้าน" เขายกป้ายขึ้น"สองร้อยสี่สิบ"ราคาดำเนินมาถึงสองรอยแปดสิบล้าน และเป็นราคาที่อีเดนพอใจจะซื้อ เขาจึงยกป้ายขึ้น"สามร้อยล้าน"คนอื่น ๆ ต่างไปกล้ายกมือประมูลต่อ และแสร้งพูดว่าไม่อยากได้เท่าไหร่ หรือ บอกว่าราคาสูงไป ทำให้อีเดนยิ้มอย่างพอใจสาวชุดแดงกวาดสายตามองแขกคนอื่นเพื่อรอให้ยกมือประมูล เพราะจากที่ประเมินสร้อยเส้นนี้มีมูลค่า
ในห้องน้ำหญิงมีเพียงมินนี่ กับพนิดาที่กำลังเติมปากเติมหน้า หลังจากที่เห็นเอสไปคุยกับผู้หญิงอื่น ทั้งสองจึงไม่อยากแพ้ ต้องสวยกว่าผู้หญิงคนนั้น"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนะ ทำไมพี่เอสถึงเข้าหาแบบนั้น พี่ดารู้จักไหม" มินนี่ถามพนิดาพลางมองดูตัวเองในกระจก"รู้จักสิ เธอเป็นลูกของผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ เป็นคนมีความสามารถในด้านธุรกิจอีกด้วย"มินนี่รู้สึกว่าเธออาจจะแพ้ได้ ถ้าหากสู้กับผู้หญิงคนนั้น เพราะตัสเธอไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากความสวย แต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ แม้จะรู้สึกต่ำต้อยถ้าเทียบกับคนอื่น"ไม่ยอมแพ้หรอก พี่เอสต้องเป็นของเรา" เธอหันมาพูดกับพนิดา"แน่นอนสิ เราตกลงกันแล้ว ว่าแต่ถ้าเธอยอมเข้าฮาเร็มของเอาล่ะ""นั่นสิ ต้องคิดเผื่อไว้ด้วย ยังไงมาที่หลังก็ต้องเป็นน้องเล็กอยู่แล้ว"สองสาวคุยกันถูกคอ โดยไม่รู้ว่ามีชายสองคนเข้ามาในห้องน้ำหญิง พร้อมกับเอาป้าย ปิดทำความสะอาดมาแปะเอาไว้พวกนั้นเดินเข้ามาข้างในก็เห็นพวกเธอยืนอยู่หน้ากระจก จึงไม่รีรอรีบใช้ยาสลบที่ใส่ไว้ในผ้าผืนเล็ก แค่ปิดปากพวกเธอเอาไว้ก็พอแล้ว จากนั้นก็พาพวกเธอขึ้นไปรอที่ห้องพวกนั้นค่อยเดินเข้าไปช้า ๆ ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว นะยะห่างกันเพียงสองเ
งานเลี้ยงถูกจัดในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในห้องโถงจัดงาน มีโต๊ะกลมตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สวยงาม บนเวทีมีนักดนตรีเล่นเพลงแจ๊ซเบา ๆ ท่ามกลางเสียงพูดคุยกันของบรรดาแขกที่เข้าร่วมห้องถูกตกแต่งในโทนสว่าง ส่วนแขกที่มาเข้างานแต่งตัวด้วยชุดสูท และ ชุดราตรีเรียบหรูทันใดนั้นเองทุกสายตาหันไปตรงหน้าทางเข้า เมื่อรถหรูสีดำขับมาจอดตรงนั้น เหล่าผู้บริหาร และ ประธานบริษัทต่างพากันออกไปต้อนรับ แม้แต่ประธานของ FP ยังให้เกียรติมาด้วยตนเองนอกจากนี้ยังมีกลุ่มบริษัทระดับประเทศอีกหลายบริษัท ทุกคนมีจุดประสงค์เดียวกันบริษัทอื่น ๆ มาเพื่อแลกเปลี่ยนนามบัตร และพบปะคนอื่น ๆ บางทีก็มีโอกาสเล็กน้อยในนั้นคืนนี้"คนที่ลงจากรถคือใครเหรอ ทำไมประธานของ FP ถึงไปต้อนรับด้วยตนเอง""ไม่รู้จักเหรอ นั่นคือคุณอีเดน นักธุรกิจจากแผ่นดินใหญ่ ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศเรา บริษัทของเขามูลค่ามากกว่า ห้าสิบล้านล้านบาทเลยนะ""แล้วผู้หญิงสวยข้าง ๆ เขาคือใคร ทำไมคุ้นหน้าจัง""ลูกสาวของคุณณัทพงศ์ไง ได้ข่าวว่าทำงานด้วยกัน แต่น่าจะมากกว่านั้น""เหมาะสมกันจริง มีแต่ระดับคนใหญ่คนโตของประเทศเลยนะ"แขกในงานต่างหันไปสนใจพวกเขา เมื่อเข้ามาข้า
"พูดมันง่ายนะแต่ทำยาก ผมคิดว่าเราควรเจรจากับบริษัท FP เราถึงจะมีทางรอด""ผมเห็นด้วย"คนอื่น ๆ เห็นด้วยกับการเจรจา แต่พวกเขาไม่รู้ว่า FP ไม่ใจดีอย่างที่คิด พวกเขาพร้อมจะควบคุมบริษัททั้งหมด ให้กลายเป็นบริษัทลูกของพวกเขาเอสนั่งลงบนโซฟาอย่างใจเย็น ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นคาดเดาสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง"เรื่องนี้ผมจัดการเอง รออีกสัปดาห์ทุกอย่างจะสามารถดำเนินการตามกำหนด ให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมให้ดี"พวกเขามองหน้ากันเพราะไม่มั่นใจคำพูดของเอส แม้เขาจะพูดออกมาแล้ว แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า บริษัทจะสามารถดำเนินการผลิตได้จริงเมื่อเห็นความสงสัยบนใบหน้าของพวกเขา ตอนนี้คงต้องทำอะไรสักอย่าง"คุณพนิดา ช่วยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัทซัปพลายเออร์ให้ผมหน่อยนะ และ ฝ่ายบุคคลให้เปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มตามแผนของคุณพนิดา รับเต็มโควตาเลยนะครับ ไม่ต้องกลัวงบประมาณไม่พอ""ได้ค่ะ""ไม่ได้นะครับ ถ้าเรารับพนักงาน แต่ถ้าบริษัทไม่สามารถผลิตได้ แบบนี้จะยิ่งเสียหายหนัก""ในเมื่อเราไม่สามารถรับประกันว่าบริษัทจะทำสัญญากับซัปพลายเออร์ได้ เราควรรอก่อนนะครับ นี้เป็นวิธีพื้นฐานของการทำธุรกิจ"พวกเขามองเอสด้วยสายต







