Share

บทที่ 0007

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-11 15:11:07

“ฉันมีเรื่องจะขออนุญาตนาย” หลังจากจูบกันจนพอใจแล้ว โจไซอาห์ก็ได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปทางด้านหลังของเมอร์ลิน เมอร์ลินจึงหันมองตาม เขาก็เห็นเอกสารมากมายของตัวเองรวมถึงรูปสแกนที่แนบมา มือเรียวรีบหยิบกระดาษเอกสารอื่นปิดทับรูปนั้นทันที

“จะขออะไรครับ” ถามกลับทั้งที่ไม่หันมามองหน้า

“ฉันจะขอเอาเอกสารสำคัญของนายให้กับหมอคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก ...ความพิเศษของนายจะใช้หมอคนไหนก็ได้ไม่ได้เด็ดขาด” เห็นอย่างนี้เขาก็มีพอมีเพื่อนสนิทที่คบอยู่บ้างแม้จะมีคนเดียวก็ตาม เป็นโชคดีที่เพื่อนคนนั้นเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลในเครือโรนัลเดล มีความสามารถมากพอที่จะรับมือกับความพิเศษของเมอร์ลินได้ และเป็นคนเดียวที่เขาไว้ใจให้เห็นร่างกายเมอร์ลิน ก็เพราะว่าเพื่อนคนนั้นแต่งงานมีครอบครัวเรียบร้อยแล้ว

“คุณไม่จำเป็นต้องขอผมก็ได้ครับ”

“ถึงฉันจะเป็นสามีนายแต่ฉันไม่มีสิทธิ์เอาข้อมูลสำคัญของนายไปให้ใครก็ได้โดยปราศจากการยินยอม ว่าไง?”

“คุณทำแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ นะครับ... เฮ้อ แต่เอาเถอะ ถ้าคุณคิดว่ามันดีกับผม ก็เอาไปเถอะครับ” เมอร์ลินละมือออกจากเอกสารแล้วดันอกกว้างให้ถอยห่างก่อนลงจากโต๊ะทำงาน “ขอบัตรหน่อยสิ ผมจะออกไปข้างนอกหน่อย” พอจบจากเรื่องอันน่าปวดหัว รอยยิ้มของเมอร์ลินก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมพร้อมแบมือกระดิกนิ้วรอบัตร โจไซอาห์ที่กำลังรู้สึกดีกับบรรยากาศเมื่อครู่พลันหน้าตึงราวกับมีคนมาสับสวิตช์

“อะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นครับ? เมื่อกี๊สีหน้าคุณมันไม่ได้เป็นแบบนี้นะ” ถามเหมือนไม่รู้แต่ริมฝีปากที่พยายามกลั้นยิ้มนั่นน่ะคืออะไร?

“นายเพิ่งใช้เงินไปเมื่อไม่สัปดาห์ก่อนเองนะ?”

“ถ้าไม่อยากให้ผมขอบ่อย ๆ ก็ทำบัตรให้ผมสิครับ” เมอร์ลินกอดอกมองหน้าสามีอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ความจริงเรื่องบัญชีธนาคารและบัตรต่าง ๆ ควรจะเสร็จตั้งนานแล้ว แต่เมอร์ลินอยากรอให้ทรัพย์สินของตัวเองมาถึงก่อนแล้วค่อยทำทีเดียว ทว่าทางคาร์ลอฟกลับละเลยจนเวลาล่วงเลยมาห้าปีแถมเขายังลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ คิด ๆ แล้วก็... เขานี่ถูกคาร์ลอฟละเลยยิ่งกว่าขยะอีกนะเนี่ย?

“รอบนี้จะใช้ซื้ออะไร? บ้าน คฤหาสน์ รถ คอนโด ห้าง? หรือเมืองไหนในรันเซีย?”

“ประชดเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? ไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าคุณประชดเป็นด้วย” เมอร์ลิน

หรี่ตามองหน้าโจไซอาห์อย่างต้องการคำตอบ ปกติคนที่ประชดมันมีแค่เขานี่นะ พอคุณสามีตรงหน้าพูดประชดเป็นมันก็จะเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยถึงปานกลาง

“พอดีตรงหน้าฉันมีคนที่โคตรจะประชดเก่งอยู่ ฉันเรียนรู้มาจากคนคนนั้น” และ คนคนนั้น ที่ว่าก็กำลังถลึงตาใส่เขาอยู่ เหมือนจะรู้ตัวว่าหมายถึงใคร

“คุณนี่มัน... เอาบัตรมาสักทีครับ!”

“นายมัน...!” โจไซอาห์กัดฟันแล้วทำท่าจะชี้หน้าแต่สุดท้ายก็ต้องเก็บนิ้วไปแล้วส่งบัตรเครดิตธรรมดาให้ไปแทน

“อะไรเนี่ย บัตรกาก ๆ นี่คืออะไรครับ?!” ปฏิกิริยาไม่ต่างจากที่คิดไว้ เมอร์ลินมองบัตรเครดิตที่ไร้ซึ่งราศีแล้วมองหน้าสามีที่ทำเป็นไม่เข้าใจ

“รูดเพลินเหมือนกัน เชื่อฉันสิ” มุมปากกระตุกยิ้มแล้วเดินอ้อมกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ เมอร์ลินปรายตามองแก้วกาแฟแล้วทำฮึดฮัดใส่ก่อนจะหมุนตัวรีบเดินออกจากห้อง พอในห้องเหลือแค่เขา โจไซอาห์ก็เก็บเอกสารใส่กระเป๋าดังเดิมก่อนจับหูแก้วกาแฟยกขึ้น เขาหมุนแก้วเบา ๆ ให้กาแฟในแก้ววนเล็กน้อยจากนั้นก็จรดริมฝีปากแล้วรับรสชาติของกาแฟเข้าไป วินาทีที่ลิ้นสัมผัสกับความเย็นชืดและรสชาติอันหวานหยด

แค่ก!

“เมอร์ลิน!!!” สีหน้าของโจไซอาห์ก็บิดเบี้ยวพร้อมสำลักความหวานของกาแฟ พลันตวาดเสียงแข็งเรียกชื่อของคนที่ยกกาแฟเข้ามาให้ เขาโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เจ้าของชื่อที่ยืนอยู่หน้าห้องหัวเราะคิกคักอย่างพอใจก่อนโผล่หน้ากลับเข้ามาแล้วแลบลิ้นให้สามีที่จ้องตาเขียว

“ผมใส่ความหวานของชีวิตคู่เราลงไปเลยนะ ฮึ ๆ เขินเหรอครับ? หน้าแดงเชียว... บัยย” โบกมือมาด้วยบัตรเครดิและนิ้วกลาง โจไซอาห์ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนเช็ดปากแล้วกดอินเตอร์คอมหาห้องครัวให้เอมี่นำกาแฟกับน้ำเปล่าขึ้นมาให้อย่างด่วนที่สุด

เมอร์ลินขับรถไปตามท้องถนนด้วยความเร็วคงที่ พอหนีออกจากคนคุ้มกันของสามีที่ส่งมาได้ เขาก็ได้อยู่คนเดียวสักที ระหว่างที่ขับรถอยู่ เมอร์ลินพลันคิดถึงกระเป๋าเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงานของโจไซอาห์ กระเป๋าใบนั้นมันกลับมาที่คาร์ลอฟพร้อมกับตัวเขาที่ออกจากโรงพยาบาล สายตาของครอบครัวที่มองมาหลังจากอ่านเอกสารที่อยู่ข้างในแล้ว... จนวันนี้เมอร์ลินยังจำสายตานั้นได้เป็นอย่างดี อยากจะลืมแต่มันก็ลืมยากเหลือเกิน

บูกัตติเลี้ยวเข้าห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขตอาศัยของโรนัลเดล

เมอร์ลินไม่อยากเสี่ยงไปไกลโดยไร้โรมันหรือไทกิ เขายังไม่ชินทางไกล ๆ เท่าไหร่เพราะทุกครั้งที่ออกมาข้างนอกส่วนมากก็มีคนขับให้ตลอด มิหนำซ้ำใช่ว่าเขาจะได้ออกมาทุกครั้งตามที่ต้องการเมื่อไหร่ เมอร์ลินวนหาที่จอดรถอยู่สักพักก็เจอที่ว่างพอดี พอจอดรถแล้วก็ได้เวลา

“มันนี่ไทม์~” เมอร์ลินเดินเข้าห้างอย่างอารมณ์ดี ได้เที่ยวคนเดียวครั้งแรกมันก็จะดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่

ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มีชื่อว่า ‘Runsia Mall’ เป็นห้างขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงรันเซียแห่งนี้ เมอร์ลินไม่เคยมาที่นี่แต่เขาเคยผ่านมัน บ่อยครั้งที่คิดว่าอยากจะเดินเที่ยวแต่โอกาสก็ไม่มาสักที พอเข้ามาข้างในแล้วสิ่งแรกที่เมอร์ลินมองหาคือของกิน! ท้องของเขาต้องการเติมเต็มด้วยอาหารอร่อย ๆ เมอร์ลินขึ้นมาที่ชั้นสองของห้างซึ่งนับว่ามันเป็นสวรรค์เลยก็ว่าได้ ร้านอาหารต่าง ๆ มากมายหลากหลายสัญชาติเรียงกันให้เต็มสองฝั่งทาง แต่เมอร์ลินก็มีของโปรดที่อยากกินอยู่แถมร้านยังอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง

“เอาทุกเมนูที่อยู่ในหน้านี้มาเลยครับ” เมอร์ลินเข้าร้านที่อยู่ใกล้ที่สุด เป็นร้านที่มีเมนูส่วนใหญ่เป็นอาหารเส้นที่เมอร์ลินชอบ อย่างสปาเก็ตตี้ พาสต้า แต่ใช่ว่าเมนูแบบอื่นเขาจะกินไม่ได้ เมอร์ลินไม่ใช่คนเลือกกิน ใครทำอะไรมาให้เขาก็กินได้หมด เพียงแต่อาหารเส้นมันเป็นของโปรดก็เท่านั้น ระหว่างที่นั่งรอ เมอร์ลินเล่นโทรศัพท์ไปพลางมองนั่นมองนี่ไปพลาง นานมากเหมือนกันนะที่เขาไม่ได้เห็นผู้คนมากมายขนาดนี้ บางครั้งเวลาที่เห็นคนอื่น ๆ ใช้ชีวิตกัน เมอร์ลินก็จะมีความรู้สึกว่าตัวเขาก็ใช้ชีวิตไม่ต่างจากหมู่คนเหล่านั้น แล้วทำไมแค่ท้องได้ถึงได้กลายเป็นตัวประหลาด?

‘นายจะเป็นตัวประหลาดก็ต่อเมื่อนายมองตัวเองเป็นแบบนั้น’

อยู่ ๆ คำพูดของใครบางคนก็แวบขึ้นมาในหัว เมอร์ลินชะงักไปชั่วขณะก่อนสะบัดศีรษะแรง ๆ แล้วตบแก้มตัวเองเบาๆ นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไงถึงได้ไปนึกถึงคำพูดของคนเฮงซวยนั่น จริง ๆ เลย อุตส่าห์หนีออกมาเที่ยวคนเดียวทั้งที ยังจะตามมาหลอกหลอนกันอีก

“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะครับ” รถเข็นเต็มไปด้วยจานอาหารที่สั่งหยุดลงข้างโต๊ะ พนักงานกล่าวขออนุญาตก่อนยกจานอาหารออกจากรถเข็นแล้ววางลงบนโต๊ะอย่างเบามือ เมอร์ลินมองความสวยงามที่ถูกตกแต่งมาอย่างดีอย่างพึงพอใจ ไหนจะกลิ่นหอม ๆ ที่โชยแตะจมูก มันทำให้ความอยากอาหารทำงานหนักมาก

“ทานให้อร่อยนะครับ” พนักงานค้อมศีรษะเล็กน้อยแล้วเข็นรถที่ว่างเปล่าออกไป เมอร์ลินไม่รีรอรีบหยิบส้อมม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากทันที

“อืม...” ความสุกของเส้นมันพอดีมาก ๆ หนุบหนับทุกครั้งที่เคี้ยว รสชาติของซอสก็เข้มข้นจนอยากขอซื้อสูตรไปให้แม่ครัวที่โรนัลเดล ความเข้ากันนี่มันอะไรเนี่ย... อร่อยมาก ๆ เลย เมอร์ลินกินไปปลื้มไป ไม่เสียแรงที่ทุ่มทุนหนีออกมา คุ้มแล้วจริง ๆ จานแรกหมดไปต่อด้วยจานที่สองทันที ระหว่างนั้นเองที่ส้อมหยุดชะงักพร้อมกับความรู้สึกว่าเขากำลังถูกใครสักคนมองอยู่

‘จริงสินะ ที่รันเซียไม่ได้มีแค่โรนัลเดล สบายใจมากเกินไปจนลืมเรื่องสำคัญจนได้’ เมอร์ลินบ่นตัวเองในใจแล้วทำตัวตามปกติ ห้ามให้คนเหล่านั้นรู้เด็ดขาดว่าเขารู้ตัวแล้ว

เมอร์ลินกินทุกเมนูที่สั่งมาจนหมด เขาดื่มน้ำแล้วลุกไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า ความจริงเรียกพนักงานมาก็ได้แต่เขาอยากรีบ ๆ ออกไปจากที่นี่

“ขอบคุณครับ อาหารอร่อยมากเลย” พูดยิ้ม ๆ กับพนักงานที่คืนบัตรให้

เมอร์ลินเดินออกจากร้านแล้วขึ้นไปชั้นสาม เขาแสร้งทำเป็นเข้าร้านนู้น ออกร้านนี้ พร้อมกับค้นหาชื่อองค์กรมาเฟียรันเซียในหัว ในวันแต่งงานเขากับโจไซอาห์มีองค์กรไหนมาบ้าง? ขณะที่หัวคิ้วกำลังขมวดอย่างใช้ความคิด เมอร์ลินพลันหัวเราะออกมาพร้อมกับสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้ ทว่าในใจเขากลับร้องไห้แล้ว

‘ฉิบหาย จำไม่ได้สักชื่อ’ เมอร์ลินหัวเราะอย่างสิ้นหวังก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถอนหายใจออกช้า ๆ ควบคุมสติให้กลับเข้าที่ก่อนเลี้ยวเข้าห้องน้ำชายที่ตอนนี้ไร้เงาคน

เมอร์ลินเดินเข้ามาด้านในสุดแล้วหยุดยืนหันหน้าไปทางประตู สองแขนยกกอดอกไร้ซึ่งความหวาดกลัวและทันทีที่คนเหล่านั้นเดินเข้ามา พวกมันก็ดูจะตกใจที่เมอร์ลินไม่ได้แอบแต่อย่างใด

“พวกนายมาจากที่ไหนน่ะ?” เอ่ยถามออกไปตรง ๆ แล้วสำรวจความต่างของสรีระร่างกาย คนพวกนี้ดูตัวหนาและบึกบึนกว่าเขามาก จากจำนวนที่มีเพียงสาม ยังไง ๆ ก็เสียเปรียบแต่ไม่ว่ายังไงเมอร์ลินต้องจัดการพวกมันแล้วกลับออกไปให้ได้ จริง ๆ จะหนีก็ได้อยู่แต่แบบนั้นมันไม่สมกับเป็นตัวเขาเลยน่ะสิ

“...ตกใจเลยนะครับที่คุณดูไม่กลัวพวกผม” คนที่ดูจะเป็นหัวหน้าของอีกสองคนพูดขึ้น ทางนั้นใช้สายตาสำรวจเมอร์ลินอย่างไม่ปิดบัง เสียมารยาทจนอยากจิ้มลูกตานั่นให้บอด

“พ่อสามีฉันน่ากลัวกว่าพวกนายร้อยเท่าพันเท่า ในสายตาฉันเลยเห็นพวกนายเป็นเด็กน้อยน่ะ” เมอร์ลินหัวเราะเบา ๆ แล้วมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบนิ่ง “แน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะแตะต้องฉัน?” ความทะเล้นเมื่อครู่หายไปพร้อมกับน้ำเสียงที่เยือกเย็นเอ่ยถามบุคคลทั้งสามคนตรงหน้า

“พวกผมแค่ต้องการคุยกับคุณเท่านั้นเองครับ”

“หากคนมันมีจุดประสงค์ดีคงเข้ามาทักตั้งแต่อยู่ในร้านอาหารแล้ว แล้วรู้ไหมว่าตอนนี้สายตาพวกนายมองฉันยังไง?” แม้ปากของพวกมันบอกว่าต้องการคุย ทว่าสายตาที่มองมา มันเป็นสายตาที่มองศัตรูชัด ๆ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เข้ามาเลยดีไหม?” สิ้นเสียงของเมอร์ลิน ชายตรงหน้าก็พุ่งเข้าหาพร้อมกับฝ่ามือที่ยื่นมาหมายจะคว้าคอเขา

หมับ! ปึก!

“อึก!” แต่เมอร์ลินเบี่ยงตัวหลบได้ทันแล้วคว้าข้อมือที่พุ่งเข้ามาด้วยมือขวาก่อนมือซ้ายจะยกสับเข้าที่แขนเต็มแรงและมันก็มากพอให้รู้สึกปวดร้าวไปชั่วขณะ ไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว ทันทีที่สับแขนแล้วก็กระชากเข้าหาตัวทันทีจนมันถลามาตามแรง

พลั่ก! ปัก!

ทั้งศอกขวาที่เข้าใบหน้าและเข่าขวาที่แทงเข้าท้องด้วยแรงทั้งหมดของเมอร์ลิน ความมึนงง ความจุก เข้าโจมตีฉับพลันท่ามกลางความตกตะลึงของอีกสองคนที่ยืนดูอยู่ แล้วก่อนที่หน้ามันจะได้จูบพื้น

ผัวะ!

“อั่ก แค่ก!” เมอร์ลินก็แถมด้วยการเตะเสยเข้าที่ปลายคาง สายตาสองคู่มองตามเรียวขาที่ยกขึ้นสูงก่อนมันจะดิ่งลงพร้อมกับส้นเท้าสับเข้าที่ท้ายทอยของหัวหน้าพวกมันเต็มแรง

ปัก!

“เอาล่ะ” เมอร์ลินเหยียบท้ายทอยของคนที่นอนโอดครวญพร้อมกับขยี้ส้นเท้าหนัก ๆ เสริมด้วยกระทืบเล็กน้อย “จะยอมถอยก่อนไหม?” เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มแล้วภาวนาในใจว่าขอให้พวกยอมถอยไป ตอนนี้เขาเหนื่อยแล้วและเขาสู้กับอีกสองคนไม่ไหวแน่นอน แค่คนเดียวก็ต้องงัดแรงทั้งหมดที่มีเข้าใส่ ต่อให้มีเทคนิคดีแค่ไหน หากเรี่ยวแรงติดลบก็ไม่ต่างอะไรกับกระสอบทรายนั่นแหละ หงุดหงิด... หงุดหงิดตัวเองที่อ่อนแอลง

‘อยู่ดีกินดีเกินไปสินะเรา’ บ่นตัวเองในใจ เพราะอยู่แต่ในเขตของโรนัลเดล ความปลอดภัยมันเลยสูงจนไม่ต้องกังวลอะไร แถมไม่ต้องแข่งกับใครเหมือนตอนอยู่ในคาร์ลอฟ เมอร์ลินเลยละเลยเรื่องการออกกำลังกาย เห็นทีคราวนี้กลับไปคงต้องจริงจังกับเรื่องนี้แล้วสิ

“พวกผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่บอกโรนัลเดล”

“ก่อนจะตอบคำถาม พวกนายรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นใคร?” เมอร์ลินสงสัยตรงนี้มากที่สุด บนหน้าเขาไม่ได้เขียนข้อความไว้สักหน่อยว่ามาจากไหนหรือเป็นคนของใคร

“นายท่านพวกผมได้เข้าร่วมงานแต่งของคุณ พวกเราเลยจำคุณได้”

“แต่ฉันแทบจะไม่ได้ออกจากโรนัลเดลเลยตลอดเวลาห้าปีนี้ แกจำฉันได้ยังไง?” หรือจะมีสปายอยู่ในโรนัลเดล?

“คุณแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยนะครับ นอกจากความสูงที่เพิ่มเล็กน้อย”

“...หัวร้อนกับคำตอบว่ะ” ว่าแล้วก็ออกแรงที่เท้าจนคนที่โดนเหยียบร้องขอให้พอ “ฉันจะไม่บอกโรนัลเดลแน่นอนเพราะฉันก็ไม่ได้รักโรนัลเดลขนาดนั้น ถอยไป ฉันจะกลับ” พวกมันดูลังเลแต่เพราะหัวหน้ามันบอกให้ปล่อยไป เมอร์ลินจึงเดินผ่านออกมาง่าย ๆ ทว่าก่อนจะออกจากห้องน้ำ เขาหยุดตรงหน้าประตู หันมองทั้งสามคนแล้วพูดออกไปว่า

“แต่ฉันจะบอกสามี พวกแกเตรียมฉิบหายได้เลย ไอ้พวกx-วย” ชูนิ้วกลางพร้อมแลบลิ้นให้อย่างทะเล้นแล้ววิ่งหนีมาท่ามกลางเสียงหัวเราะ พอลงมาถึงชั้นแรกของห้างก็อยากจะเดินดูของหน่อยแต่เดี๋ยวเจอกับพวกนั้นจะซวยเอา แถมวิ่งจากชั้นสามลงมาชั้นแรก เรี่ยวแรงก็ถูกสูบออกไปอีก ไม่มีแรงให้วิ่งหนีแล้ว คิดแบบนั้นก็ฮัมเพลงเตรียมออกจากห้าง ทว่า...

“สนุกมากไหม?” ออกมาก็เจอกับสามีที่กำลังจะเดินเข้าห้างพอดีแล้วพอมองไปทางด้านหลัง กลุ่มคนคุ้มกันของเมอร์ลินก็มีรอยช้ำที่มุมปากกันทุกคนแล้วพอมองหน้าโจไซอาห์ อืม คนร้ายคือคนนี้นี่เอง

“อยู่นั่นไง!” แต่โชคดีเหลือเกินที่ไอ้พวกเวรนั่นตามมาพอดี เมอร์ลินได้ทีแกล้งถลาเข้าหาอกกว้างแล้วกอดเอวหนาด้วยสองแขน เงยหน้ามองสามีตาปริบ ๆ

“ไอ้สามคนนั้นมันตามล่าผม แถมตามเข้าไปในห้องน้ำด้วย เกือบถูกลวนลามแล้วครับ” ทำหน้าจะร้องไห้ ส่วนโจไซอาห์มีสีหน้าเอือมระอาไม่แม้จะสนใจสายตาปริบ ๆ ของภรรยาที่พยายามเต็มที่ เขาเลื่อนสายตาหาคนสนิทแล้วออกคำสั่ง

“โรมัน ไทกิ ไปจับไอ้สามตัวนั่นมา”

“รับทราบครับคุณชาย” ไทกินำคนเข้าไปด้านในห้างส่วนโรมันนำคนล้อมรอบห้างสรรพสินค้าไว้ โจไซอาห์มองลูกน้องที่เริ่มทำตามคำสั่งอย่างพอใจ แล้วละสายตามามองเมอร์ลินที่ตอนนี้ผละออกพร้อมยืนกอดอกอยู่ข้างเขา

“นายรู้สึกผิดบ้างไหม?”

“รู้สึกผิดอะไรครับ?”

“เพราะนายหนีมา พวกมันถึงต้องโดนลงโทษ ไม่รู้สึกผิดเลยหรือไง?”

“รู้สึกผิดสิครับ แต่จะให้ผมทำยังไงในเมื่อผมอึดอัดเวลามีพวกนั้นอยู่ด้วย คุณเคยถามความต้องการผมบ้างไหมว่าผมอยากให้มีทีมคุ้มกันอะไรนั่นหรือเปล่า” เมอร์ลินมองหน้าคนข้างกายด้วยสายตาจริงจัง “แค่คนเดียวก็พอแล้วครับ แต่นี่ห้าคนเลยนะ แค่เห็นก็อึดอัดจะแย่แล้ว” ตอนเมอร์ลินเดินมาที่โรงรถเตรียมพาลูกรักออกไปชมวิว เขาก็ต้องงงกับจำนวนคนคุ้มกันที่คอยเดินตามหลังถึงห้าคน พอถามก็ได้ความว่าสามีส่งมาดูแล ทั้งที่ตอนไปดูรถยังมีแค่โรมันคนเดียวอยู่เลย คิดจะเพิ่มก็เพิ่มโดยไม่บอกกันหรือไง

“พวกมันเพิ่งจะมาคุ้มกันนายวันแรก แค่ยังไม่ถึงสิบนาทีนายอึดอัดก็เลยหนีออกมา? พอไม่มีคนคุ้มกันแล้วเป็นยังไง? ตกเป็นเป้าหมายของพวกมันเลยไม่ใช่หรือไง?”

“จะชวนผมทะเลาะเหรอครับ? นอกบ้านเนี่ยนะ?”

“ฉันไม่ได้ชวนทะเลาะ”

“เห็น ๆ อยู่ว่าชวนทะเลาะ” ยังไงก็มั่นใจว่าชวนทะเลาะแน่นอน

“ส่วนไหนที่ชวนทะเลาะ?”

“ทุกส่วนที่คุณพูดมาทั้งหมด”

“ฉันแค่บ่นนายเรื่องที่นายหนีมา มันชวนทะเลาะตรงไหน?”

“ตรงที่คุณเป็นคนพูด” โจไซอาห์ถึงกับนิ่งกับสิ่งที่ได้ยิน เขาถอนหายใจอย่างปลงกับชีวิตก่อนมองเมอร์ลินที่ดูเงียบไป

“เป็นอะไร?”

“แค่คิดอะไรนิดหน่อยครับ” ตอบกลับมาแค่นั้นแล้วเงียบอีกครั้ง เมอร์ลินมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “ไม่รู้สึกเบื่อเหรอครับที่ทำอะไร ๆ ก็ต้องมีคนคอยตามหลังตลอด เห็นคนเหล่านั้นไหมครับ” นิ้วเรียวชี้ไปยังผู้คนมากมายที่เดินกันขวักไขว่แม้จะมีชายชุดดำวิ่งไปมาก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตื่นกลัวเลย กลับกันอาจจะมีตกใจบ้าง แต่ก็กลับไปร่าเริงกับเพื่อน ครอบครัว คนรัก เหมือนเดิม แล้วย้อนกลับมาที่เขากับโจไซอาห์สิ ด้านหลังมีแต่ลูกน้องที่พร้อมเข้าปกป้องทุกเมื่อ แม้จะมีเพียงเรื่องเล็กน้อยเกิดขึ้นก็ตาม

“ผมอยากใช้ชีวิตแบบพวกเขา แค่วันเดียวก็ยังดี”

“...” โจไซอาห์มองคนข้างกาย สายตาของเมอร์ลินที่มองตรงไปข้างหน้าดูเศร้ายังไงชอบกล แล้วเขาก็ไม่ชอบเลย ไม่ชอบความรู้สึกที่ประดังเข้ามายามเห็นเมอร์ลินเศร้าเสียใจ

“...ทำอะไรของคุณเนี่ย?” เมอร์ลินได้ยินเสียงเสียดสีของเนื้อผ้าจึงมาหันมองสามีที่อยู่ข้างกาย เขาตกใจมากที่อยู่ ๆ ก็ถอดเสื้อสูทออกแล้วโยนไปให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง ตามด้วยเนกไท จัดการปลดกระดุมสองเม็ดบนพร้อมพับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นมาถึงข้อศอก

“พวกแกห้ามตามฉันมาแม้แต่คนเดียว” หันไปบอกกับลูกน้องที่ค้อมศีรษะให้ก่อนมือหนาจะจับมือของภรรยาพลางออกแรงดึงเบา ๆ ให้ก้าวเดินไปด้วยกัน เมอร์ลินหันมองไปด้านหลังก็พบว่าลูกน้องของโจไซอาห์ถอยออกไปหมดจนหน้าประตูห้างเหลือเพียงรปภ. เท่านั้น แล้วพอหันกลับมามองโจไซอาห์ เขาก็เกิดความรู้สึกบางอย่างก่อนจะเอ่ยออกไป

“ขอบคุณนะครับ ว่าแต่เราจะเดตกันเหรอ?” เมอร์ลินถามยิ้ม ๆ แล้วกระชับมือหนาที่จับพลางดึงแรง ๆ ให้สามีเซมาหาพอให้ต้นแขนชนกัน โจไซอาห์หันมองเมอร์ลินแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“เดตอะไรของนาย”

“ไม่ต้องเขินน่า อยากเดตกับผมก็บอกมาเถอะ” ได้ทีก็เอาใหญ่เลย

“นายมากกว่าที่อยากเดตกับฉัน เพราะคนที่นึกถึงคำว่าเดตก่อนมันคือนายนี่?”

โจไซอาห์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางยิ้มอย่างพอใจที่เมอร์ลินดูหงุดหงิดกับคำพูดของเขา

“คุณนั่นแหละที่อยากเดตกับผม!” เบ้ปากใส่แล้วเถียงกลับไป

“นายนั่นแหละ”

“คุณนั่นแหละ”

“นายนั่นแหละ”

“คุณนั่นแหละ”

“นาย”

“คุณ”

“นาย”

“คุณ”

“เมอร์”

“....ขี้โกงแล้วครับ” เมอร์ลินเบือนหน้าหนีพลางยกมืออีกข้างทำเป็นเช็ดปาก แท้จริงก็แค่ซ่อนความเขินที่ไม่รู้ที่มาที่ไป มุมปากของสามียกยิ้มน้อย ๆ ก่อนโน้มหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบข้างหูว่า

“ยกนี้ฉันชนะ”

“เหอะ!”

ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์นับจากวันนั้น เมอร์ลินยังคงจดจำวันที่เขาและสามีเดินเที่ยวในห้างด้วยกันสองคนได้เป็นอย่างดี มันเป็นความทรงจำที่ดีมาก ๆ มากกว่าทุกความทรงจำที่เมอร์ลินมีเลยก็ว่าได้ เขาไม่คิดเลยว่าการเที่ยวกับโจไซอาห์จะสนุกขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องมีการ์ดเดินตามเพื่อคอยดูแลหรือช่วยเหลือ ต่างคนต่างดูแลกัน ต่างคนต่างช่วยกันถือของ บ้างก็แย่งกันถือก็มี เมอร์ลินมีความสุขจนหาคำไหนมาเปรียบไม่ได้และนั่นอาจจะเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ เป็นโดยที่ไม่ต้องคอยพูดหรือคอยเรียกกันว่าสามี ภรรยา ทุกครั้งไป

“นี่คุณสามีครับ” แต่ไม่ใช่ครั้งนี้... “ไม่ใช่ว่าวันนี้คุณนัดเพื่อนไว้หรอกเหรอ?” เมอร์ลินเบือนหน้าหลบเลยทำให้ริมฝีปากหนากดจูบลงบนคอแทน

“เหลือเวลาตั้งเท่าไหร่” ตอบกลับไปแล้วทำรอยลงบนคอภรรยา เมอร์ลินขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะคนด้านบนดูดคอเขาแรงไปนิด ช่วงนี้ ไม่สิ ต้องบอกว่าหลังจากกลับมาจากห้าง ระยะห่างของพวกเขาดูเหมือนจะลดลงเล็กน้อย เล็กน้อยจริง ๆ เว้นแต่เรื่องเซ็กซ์ที่ดูเหมือนจะถี่ขึ้น จากที่อยากทำช่วงไหนให้ตกลงกันไว้แล้วโจไซอาห์จะได้หาเวลา

สามวันติดโดยไม่ออกจากห้อง นั่นคือข้อตกลงของเซ็กซ์ที่ได้จากคืนแรกแล้วยึดหลักนั้นมาเรื่อย ๆ ทว่า เร็ว ๆ นี้ก็คือแทบจะวันเว้นวัน ถึงจะมากสุดแค่สองรอบ แต่รอบนึงมันหนักมากเลยนะ...

“โอ้ย กัดทำไมครับ?” เมอร์ลินถลึงตามองหน้าสามีพลางยกมือกุมไหล่ที่ถูกกัด “เป็นหมาเหรอ”

“ไม่ชอบหรือไง?”

“มาให้กัดคืนเลยครับ” ยกแขนโอบรอบคอหนาแล้วรั้งลงมา เมอร์ลินอ้าปากกัดคอแทนไหล่เข้าไปเต็ม ๆ โจไซอาห์หัวเราะก่อนจับต้นขาของคนข้างใต้ดันโน้มมาด้านหน้าเล็กน้อย ขณะที่ส่วนแข็งขืนของสามีขยับถูกับของภรรยา เมอร์ลินก็ละมือข้างหนึ่งลงมาแล้วจับแกนกายของสามีให้ส่วนหัวกดจ่อที่ปากทางจากนั้นออกแรงดันเล็กน้อยจนมันผลุบเข้ามา

“อึก... ยิ่งเวลาเหลือน้อยก็ต้องรีบไม่ใช่เหรอครับ อือ...!” ดันสะโพกสวนเข้าหาตัวตนแข็งขืนรวดเดียวจนสุดความยาว ตามด้วยสะโพกสอบที่หยัดกระแทกเข้าออกรัวแรงจนเสียงเนื้อกระทบกันดังก้องห้อง เมอร์ลินกอดคอสามีแน่นพร้อมซุกหน้าเข้ากับไหล่กว้าง เหลือเวลาไม่มากก่อนถึงเวลานัด ดังนั้น ต้องใส่ทุกอย่างที่มีเพื่อให้เสร็จก่อนเวลา โจไซอาห์ปล่อยมือออกจากต้นขาแล้วมาโอบเอวภรรยาพร้อมเปลี่ยนมาอยู่ในท่านั่ง เขาพิงหัวเตียงก่อนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของเมอร์ลิน

นัยน์ตาคู่สวยลุกวาวพร้อมริมฝีปากขยับยิ้มก่อนพูดออกมาว่า

“กำลังจะขอเลยครับ...” เพียงสิ้นเสียง สะโพกของเมอร์ลินก็ขย่มยกตัวขึ้นลงสลับกับหมุนควงเป็นวงกลมพาให้ส่วนแข็งขืนถูรอบผนังอ่อน มือเรียวสอดเข้าที่กลุ่มผมช่วงท้ายทอยของสามีพร้อมจิกดึงจนใบหน้าหล่อเหลาหงายขึ้น แลบลิ้นเลียริมฝีปากหนาอย่างอ้อยอิ่ง แล้วสอดเข้าไปควานหาเรียวลิ้นของโจไซอาห์ ทันทีที่การนัวลิ้นได้เริ่มขึ้น สะโพกเมอร์ลินก็ควบถี่ยิบ เคล้าคลอด้วยเสียงครางอืออึงในลำคอของทั้งคู่ เมอร์ลินต้องทุ่มทุกอย่างเพื่อให้สามีไปทันนัด แต่...

“ฮ่า...” ถอนริมฝีปากออกแล้วเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อกอบโกยอากาศเข้าปอดแล้วมองหน้าสามี “เลื่อนนัด... ไปอีกชั่วโมงได้หรือเปล่าครับ?”

ปึก...

นาฬิกาดิจิตอลถูกคว่ำหน้าลงทันทีที่ภรรยาขอ ไม่มีคำพูดใด ๆ เพิ่มเติมนอกจากรอยยิ้มของเมอร์ลินและบทรักที่คนเป็นภรรยาขอเป็นฝ่ายควบคุมเอง

บนเตียงที่หลงเหลือร่องรอยของความดุเดือดเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ตอนนี้เหลือเพียงเมอร์ลินที่นอนเล่นโทรศัพท์ของสามี ส่วนตัวเจ้าของออกไปตามนัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมอร์ลินไม่คิดว่าโจไซอาห์จะยอมให้โทรศัพท์ง่าย ๆ เพียงแค่เขาพูดว่าขอดูโทรศัพท์หน่อย ก็โยนให้ทันทีแล้วออกไปโดยไม่รอรับคืน เมอร์ลินแค่อยากจะดูเฉย ๆ ว่ามีอะไรน่าสนใจหรือเปล่า แต่นอกจากแอปพลิเคชันพื้นฐานที่ติดมา ในเครื่องก็ไม่มีอะไรเลย...

“หือ ไอจี?” เมอร์ลินดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นเต้นแล้วแตะไอคอนอินสตราแกรมทันที แต่จากที่ตื่นเต้นก็ค่อย ๆ ไร้อารมณ์เมื่อเขาเห็นชื่อไอจีของสามี

[abcdefghigk01111]

“ถามจริง?” ราวกับนั่งกดไปทีละตัวเพื่อไล่เช็กว่าชื่อใช้ได้ไหม รูปก็ไม่มีลงสักรูป พอกดดูที่ประวัติการค้นหากลับมีเพียงไอจีของเขาแสดงขึ้นมา “อา...” แอบเขินนิด ๆ เขินที่เขินจริง ๆ ด้วยความอยากรู้ว่าจะมีกดใจให้กันบ้างไหม เมอร์ลินเลยเข้าส่องอินสตราแกรมของตนเองในนามของสามี แตะดูที่รูปแรกก็เห็นว่ากดใจให้ด้วย ริมฝีปากเริ่มยิ้ม รูปที่สองเริ่มยิ้มกว้างกว่าเดิม จนกระทั่งสาม สี่ ห้า ไปเรื่อย ๆ จนถึงรูปแรกสุดที่ลง

“บ้าเอ้ย กดทุกรูปเลยเหรอเนี่ย” เมอร์ลินชันเข่าขึ้นมาแล้วซบหน้าลงบนหัวเข่า เขาเขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว ริมฝีปากหุบยิ้มไม่ได้ แม้จะพยายามไม่ยิ้มก็ตาม แล้วพอเลื่อนดูทุกรูปใหม่อีกครั้ง มันก็แสดงหัวใจสีแดงทุกรูปเหมือนเดิม

“แล้วจะมองหน้ายังไงไม่ให้เขินล่ะเนี่ย...” นึกภาพไม่ออกเลยว่าเขาจะมองหน้า

โจไซอาห์โดยไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้ได้ยังไง

ก๊อก ๆ

“คุณชายเมอร์ลินคะ ขออนุญาตเข้าไปได้หรือเปล่าคะ?”

“เข้ามาเลยเอมี่” เมอร์ลินวางโทรศัพท์ลงแล้วส่งเสียงบอกคนหน้าประตู เอมี่เปิดประตูห้องแล้วยิ้มให้ก่อนเข็นรถที่เต็มไปด้วยของกินเข้ามา

“นายท่านสั่งไว้ก่อนจะออกไปน่ะค่ะว่าให้เตรียมอาหารไว้ให้คุณชาย แต่ฉันเห็นว่าคุณชายยังไม่ลงมาเสียทีเลยถือวิสาสะนำขึ้นมาให้ คงไม่ว่ากันนะคะ”

“ขอบใจนะ ว่าแต่มีอะไรกินบ้า...” เมอร์ลินชะงักเมื่อกลิ่นอาหารที่เคยหอมกลายเป็นกลิ่นเหม็นแปลก ๆ จนพาลให้รู้สึกอยากอาเจียน ทั้งที่หน้าตาของอาหารยังดูสดใหม่อยู่เลยแท้ ๆ แต่เมอร์ลินก็ไม่ได้พูดออกไป เขากล้ำกลืนฝืนทนทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นขณะที่สองมือกำผ้าห่มแน่น

“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณชาย?” เอมี่ถามอย่างสงสัยที่อยู่ ๆ เสียงของคุณชายก็เงียบไป เมอร์ลินยิ้มแล้วส่ายหน้าเบา ๆ แต่ในใจตอนนี้เขาอยากอาเจียนและอยากให้เอมี่ยกมันออกไปมาก “เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญคุณชายทานได้เลยนะคะ” เอมี่หันมายิ้มให้หลังจากจัดโต๊ะเรียบร้อย

“อืม” พยักหน้าแล้วดึงผ้าห่มออกไปก่อนก้าวลงจากเตียง ทันทีที่ยืนขึ้นเต็มความสูง ในหัวมันก็วิงเวียนจนซวนเซเล็กน้อย เอมี่ที่สังเกตเห็นรีบวิ่งอ้อมมาหาอย่างรวดเร็ว

“คุณชายโอเคหรือเปล่าคะ?” ถามด้วยความเป็นห่วงแล้วช่วยประคองให้นั่งลงบนเตียง เมอร์ลินเกาะแขนเอมี่แน่นขณะที่อาการพะอืดพะอมเริ่มหนักขึ้น

“ห้อ... น...”

“คะ?”

“ห้อง น้ำ...” ได้ยินแบบนั้นก็รีบพาเมอร์ลินมาที่ห้องน้ำ พอเข้ามาแล้ว เมอร์ลินพุ่งตรงไปที่ชักโครกพร้อมกับอาเจียนออกมาทันที เอมี่ที่ได้ยินเสียงอาเจียนดังออกมาได้แต่ยืนงงและทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า

“เรื่องจริงงั้นเหรอ?!” พึมพำขึ้นมาอย่างตกใจพลางยกมือปิดปากก่อนจะรีบเข้าไปหาเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตน

‘แย่ที่สุด...’ เมอร์ลินคิดในใจขณะเอื้อมมือไปกดชักโครกแล้วส่งเสียงเรียกเอมี่ มือเรียวยกเช็ดปากลวก ๆ ก่อนให้เอมี่ช่วยประคองกลับมาที่เตียง แต่พอได้กลิ่นอาหาร ก็เริ่มอาเจียนรอบสองทันที มันวนเวียนอยู่แบบนี้แม้เอมี่จะเอาอาหารออกไปแล้วก็ตาม พอได้พักหน่อยก็เหมือนจะดีขึ้นมาบ้าง เมอร์ลินขยับกายนอนตะแคง มือเรียวควานหาก่อนหยิบโทรศัพท์ของโจไซอาห์แล้วกำมันแน่น

“ฮึ ๆ” ทว่าพอนึกถึงเรื่องชื่อที่ตั้งในอินสตราแกรมแล้ว ความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นก็พลันหายไปแต่แทรกด้วยความตลกขบขันที่สามีทำโดยไม่ตั้งใจ

abcdefghijk01111

เห็นทีหากกลับมาแล้ว คงต้องบอกให้เปลี่ยนแล้วสิ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0274

    ฝ่ามือเรียวที่เหี่ยวย่นตามวัยวางกรอบรูปกรอบใหม่ลงบนโต๊ะที่อัดแน่นด้วยกรอบรูปมากมาย เศษกระดาษที่ถูกตัดถูกขยำรวบใส่ถังขยะ ก่อนจะยกถังขยะนั้นกลับไปไว้ที่ของมัน มารีแอนน์มองภาพเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันหลังให้เมื่อมีเสียงเรียก ประตูบ้านถูกเปิดออกพร้อมแสงสว่างของช่วงสายสาดส่องเข้ามาด้านในกรอบรูปที่ติ

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0273

    “พี่เมอร์ลิน เอ่อ ยินดีด้วยนะครับกับการแต่งงาน” อูรีเอลเอ่ยอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“เออ ขอบใจ” และเมอร์ลินก็ขอบใจห้วน ๆ เพราะยังไม่ชอบหน้าอูรีเอลเหมือนเคย“ผมรู้ว่านายเกลียดผม แต่ช่วยรับของขวัญชิ้นนี้ได้หรือเปล่า?” อิการาชิพูดขึ้นมาก่อนวางกล่องบางอย่างที่มีขนาดเท่าฝ่ามือลง เมอร์ลินไม่ได้แสดงท่าทางรังเกีย

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0272

    เมื่อได้เวลาอันสมควร เรเธเซียก็ถูกเมอร์ลินอุ้มพามาที่กลางสนาม จากซุ้มแต่งงานกลายเป็นโต๊ะที่มีเค้กช็อกโกแลตและลูกสตอเบอร์รี่วางเรียงเป็นชั้น ๆ บนเค้กมีเทียนเลขสามปักอยู่พร้อมตัวอักษร HBD.SIASIA เขียนอยู่ ผู้คนมากมายที่รายล้อมล้วนเป็นคนที่รักหนูน้อยเรเธเซียคนนี้ แต่เสียใจด้วยที่ในสายตาของเรเธเซียมีแต่

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0271

    “แต่เรเธเซียคงยังไม่รู้สินะว่าตัวเองจะเป็นพี่สาวแล้ว” พอพูดแล้วก็หันมองเจ้าหญิงน้อยที่สนใจแต่เล่นกับคุณลุงมาเวอริค เมอร์ลินยิ้มบางก่อนสายตาจะสะดุดกับใบหน้าที่ดูซีดเล็กน้อยของอิการาชิ ตามจริงไม่จำเป็นต้องใส่ใจ แต่เขาก็ไม่อยากให้ใครมาตายในที่ของเขา เมอร์ลินจึงขอตัวแล้วเดินเข้ามาหาพี่ชาย“จะตายเหรอ? ถ้

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0270

    ‘ถ้าเซียเซียเห็นดาดี๊กับมามี๊จุ๊บ ๆ กัน เซียเซียต้องปิดตาแบบนี้นะคะ’ทั้งบอกและทำให้ดูเป็นตัวอย่าง การอบรมของคุณอาฝาแฝดก็เลยประสบความสำเร็จ ยกเว้นโอนิกซ์ที่ยืนจ้องตาแป๋ว ซึ่งแน่นอนว่ารามิเอลกับอิดอนได้แต่กำหมัดอยากซัดหน้าโจไซอาห์เหลือเกินช่วงเวลานี้นับเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขรองลงมาจากตอนเห็นหน้าลู

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0269

    โจไซอาห์ทำให้พี่ชายอย่างมาเวอริครู้สึกอุ่นใจที่จะฝากน้องชาย แม้ความเป็นจริงเขาจะไม่มีสิทธิ์เข้ายุ่งเพราะทั้งคู่เคยแต่งงานกันแล้ว แต่พอได้รับหน้าที่พี่ชายจากเมอร์ลิน ความหวงน้องมันก็ทำงานเกินหน้าตาทันที“พ่อได้ยินและได้รับรู้ถึงความรักที่ลูกมีต่อภรรยา ขอให้พระเจ้าทรงมอบพรแด่ลูก” บาทหลวงกล่าวขึ้นพร้อม

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status