พลั่ก!
หลังจากภารกิจครั้งนี้ลุล่วง ผมผลักหวาที่กำลังหอบหมดแรงลงจากตัก ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่หลังห้องทำงานไอ้เคซิส ผมใช้เวลาอาบน้ำอยู่ในนั้นประมาณเกือบยี่สิบนาที ในหัวก็คิดว่าหวาคงจะกลับไปแล้ว จึงได้เดินออกมาจากห้องน้ำเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันท่อนล่างมาด้วย
“ทำไมนานจังคะ หวานึกว่าหมดแรงในนั้นแล้วซะอีก”
เชี่ย! ผมสะดุ้งตกใจหลังจากเดินใจลอยออกมาจากในห้องน้ำ
“ยังไม่กลับอีกเหรอ?” ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่พร้อมกับจ้องมองร่างบางที่นอนเอนอยู่บนโซฟาตัวเดิม
“ทำไมไล่เมียแบบนี้ล่ะคะ เมื่อกี้ยังกอดหวาแทบจะไม่อยากปล่อย”
ผมขมวดคิ้วมุ่นหลังจากที่ได้ยินสรรพนามแทนตัวเองของเธอ
“เมีย?” ผมทวนคำนั้นเสียงขุ่น
“อ้าว! ไม่ให้เรียกเมียแล้วเมื่อกี้ที่ทำไปคืออะไรล่ะคะ นี่อย่าบอกนะว่าได้หวาแล้วจะเขี่ยทิ้ง หวาไม่ใช่ยัยปากแดงนั่น แล้วก็ผู้หญิงคนอื่นๆ ของพี่หรอกนะ”
หวาพูดรัวยาวออกมา ทำหน้าไม่พอใจใส่ผม ให้ตายสิวะ!
ผู้หญิงอะไรโคตรน่ารำคาญ แถมยังขี้จุ๊อีกต่างหาก ถ้าการที่ผมมีอะไรกับเธอแค่ครั้งเดียวแล้วให้ยกย่องเป็นเมีย ป่านนี้ไอ้ฉายาเสือร้อยรักแบบผมคงมีเมียเป็นร้อยแล้วล่ะมั้ง!
“ฉันว่าเธอคงเข้าใจอะไรผิด” ผมกอดอกยืนมองหน้าผู้หญิงที่ยกตัวเองเป็นเมียผม เธอกำลังนั่งกอดอกทำหน้าเบ้อยู่ที่โซฟาสีเบจตัวเดิม
“เข้าใจผิดยังไง” หวาหันหน้ามามองผมด้วยแววตาคาดคั้น
น้อยใจกับผีสิ!
คิดว่าผมแคร์ผู้หญิงที่เพิ่งมีอะไรกันทุกคนหรือไงวะ?“ฉันกับเธอไม่ใช่สามีหรือภรรยา”
ผมเลือกใช้คำพูดสุภาพ พร้อมกับน้ำเสียงที่เรียบเฉยเอ่ยออกไป
“เผื่อเธอจะไม่รู้ one night stand?”
ผมเลิกคิ้วมองหน้าหวาที่ตอนนี้นั่งทำหน้าเหวออ้าปากค้าง
“ตะ แต่ หวา...”
“รีบแต่งตัวก่อนที่เพื่อนฉันจะมา เพราะไม่งั้นเธอคงไม่ได้จบที่ฉันคนเดียว” ผมพูดไว้แค่นั้นแล้วเดินหนีเข้ามาในห้องนอนที่อยู่หลังห้องทำงานไอ้เคซิสอีกครั้ง
เบื่อฉิบหาย! เจอผู้หญิงงี่เง่า แถมขี้ตู่แบบนี้ หวังว่าออกไปอีกทีเธอคงไม่หน้าด้านอยู่ที่เดิมอีกหรอกนะ
[End part]
โอ๊ย! เพลย์เยอร์กลุ้ม จะทำยังไงถึงจะหาตัวไอ้หัวขาวสายเหลืองที่เคยเจอตอนนั้นเจอเนี่ย นี่ฉันก็มาเรียนที่มหาลัย RNN ตั้งสองสัปดาห์แล้วนะ ยังไม่เห็นวี่แววของคนที่ฉันกำลังอยากฉีกกระชากหน้ากากแอ๊บแมนนั่นสักที
“หน้าบูดเป็นตูดลิง” ยีนส์เดินมานั่งม้านั่งข้างๆ พร้อมกับวาจาจิกกัด
“เป็นอะไรเหรอ” ฉันที่มัวแต่เหล่ตามองหน้ายีนส์เลยไม่ทันสังเกตว่าตาหวานก็มาพร้อมกับนางด้วย
“นี่หวาน เธอแน่ใจนะว่าไอ้หัวขาวอะไรนั่นเรียนอยู่ที่นี่จริง?” ฉันเริ่มจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เรื่องที่ตาหวานเคยเล่าก่อนหน้า
เธอบอกว่าหมอนั่นเป็นคนดังในมหาลัยนี้ แต่ทำไมฉันยังไม่เคยเห็นหัวหมอนั่นอีกเลยตั้งแต่เจอเรื่องอุบาจครั้งนั้น
“หมายถึงพี่ซาดีนส์น่ะเหรอ?” ตาหวานเอียงคอน้อยๆ ถามฉันกลับ ฉันพยักหน้าให้เธอ พร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาไอ้คนที่ฉันอยากเจอไปด้วย นี่ขนาดฉันนั่งอยู่ที่หน้าตึกศิลป์ ที่หวานเคยบอกว่าหมอนั่นเรียนอยู่ ฉันยังไม่เคยเจอแม้แต่เงา
“นั่นสิ หลายวันมานี้ หวานก็ไม่เห็นกลุ่มพวกพี่ซาดีนส์มาเรียนกันสักคน”
ตาหวานพูดพร้อมกับหันซ้ายแลขวาเหมือนกับกำลังมองหากลุ่มคนที่เธอเพิ่งเอ่ยถึงไป
“แกจะอยากเจอพวกนั้นทำไม” ยีนส์ที่นั่งกินขนมเงียบๆ ถามขึ้นมา
“ก็จะได้ตามไปจับให้ได้คาหนังคาเขาแล้วเอามาแฉให้พวกหล่อนรู้ความจริงน่ะสิ” ฉันยืดอกเชิดหน้าขึ้นตอบเพื่อนยีนส์อย่างแน่วแน่
เคยบอกไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเองว่าจะทำให้คนทั้งมหาลัยตาสว่างเรื่องไอ้หัวขาว เรื่องที่หมอนั่นแค่แอ๊บแมนต่อหน้าสาวๆ แต่ลับหลังก็กินกันเอง
“นี่ยังไม่เลิกคิด?” ยีนส์ถามฉัน ทำหน้าตาเบื่อหน่าย สงสัยยัยยีนส์มันยังไม่เชื่อฉัน เออลืมไป ยัยนี่มันพวกเชื่อคนยากถ้าไม่เห็นกับตาตัวเอง
“ฉันไม่ได้คิดไปเอง แกดูปากฉันนะยีนส์ ฉัน ไม่ ได้ คิด ไป เอง” ฉันเน้นย้ำทีละคำให้กับเพื่อนรัก จะให้พูดกี่ล้านรอบ ฉันก็ขอยืนยันคำเดิมว่า ไอ้หัวขาวนั่นเป็นเกย์ชัวร์ เพลย์เยอร์คอนเฟิม!
แล้วปฏิกิริยาที่ฉันได้รับจากเพื่อนรัก หลังจากที่ฉันอุตส่าห์เน้นย้ำเธออย่างหนักแน่นคือ...
“แกเบ้ปากใส่ฉันแบบนี้แสดงว่าไม่ยอมเชื่อชัวร์!” ฉันเลิกคิ้วถามยีนส์อีกรอบเพราะนางเอาแต่ส่ายหัว ทำปากคว่ำปากงอใส่ฉัน ยีนส์พยักหน้าแทบจะทันทีที่ฉันย้ำความคิดของเธอ
“ได้ยีนส์! มาพนันกัน ถ้าฉันจับได้ว่าไอ้หัวขาวนั่นเป็นเกย์ แกต้องนอนแก้ผ้าเป็นเพื่อนฉัน!” ฉันยกนิ้วก้อยขวาขึ้นเพื่อทำสัญญากับยีนส์
“ยัยเพลย์น้อยขี้หื่น” ยีนส์ยิ้มมุมปากให้ฉันเหมือนเธอมั่นใจว่าเธอต้องชนะ แล้วที่ยีนส์เรียกฉันว่าเพลย์น้อยขี้หื่นไม่ใช่ว่าฉันหื่นอย่างที่เธอบอกหรอก
ฉันมันเป็นพวกประเภท ขี้ร้อน ขี้หงุดหงิด เวลานอนชอบนอนเปลือย
แบบว่ามันโล่งแล้วก็นอนสบายดีอะ
“เฮ้ย! นั่นไง มาแล้ว” ฉันที่กำลังเล่นจ้องตากับยีนส์ เสียงตาหวานที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือฉันก็ดังลั่นขึ้น พร้อมกับแรงเขย่าแขนฉันเหมือนกับดีใจอะไรสักอย่าง
“อะไร ไหนใครมา”
“แต่งเลย / แต่งเลย”ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงตะโกนจากด้านล่างก็ดังขึ้น ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนให้ฉันตอบรับซาดีนส์ ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของพวกเรา“ฉะ ฉัน” มันตื้นตันจนตอบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้“ว่าไงครับ เพลย์น้อยของซีนส์ วันนี้จะยอมเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายคนนี้หรือเปล่า” รอยยิ้มที่มาพร้อมกับประโยคร้องขอทำให้ฉันฝืนน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป“ฮึก อึก”“เด็กขี้แย ถ้าไม่ตอบ...” ซาดีนส์เงียบเสียงลง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ไม่มีเสียง ‘ฉันจะจับเธอกินทั้งคืน’ ฉันถึงกับกัดปากแน่น แบบนี้เรียกมัดมือชกไหมนะ“อื้อ” ฉันพยักหน้า อยากตอบเขาเป็นคำพูดแต่ตอนนี้มันดีใจสุดๆ มันตื้นตันจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งออกมาแล้ว“ไม่เอาสิ อยากได้ยินคำพูดหวานๆ พูดให้ซีนส์ดีใจสักคำสิครับ” เสียงออดอ้อนพร้อมกับแววตาเว้าวอนและโหยหาของซาดีนส์ทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออึกๆ“ก็บอกว่าอื้อไง” ฉันกัดปากอีกครั้ง เบือนหน้าไปทางอื่นตอนนี้มันทั้งอายและก็ดีใจไปในเวลาเดียวกัน อายเพื่อนๆ และพ่อแม่ดีใจ ที่คำสัญญาในวัยเด็กเป็นจริงสักที“ดื้ออีกแล้ว คนเขาอุตส่าห์บอกความในใจหมดแล้วนะ”ทำเป็นน้อยใจ ชิ! ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ฉันพูดแบบไม่มีเสียงให้เขา
“สวัสดีค่ะ / ครับ” ทั้งตาหวาน ตาโตรวมถึงยีนส์ยกมือไหว้ป๊ากับแม่เล็กหลังจากได้ยินท่านถามประโยคนั้น “ตามสบายนะเด็กๆ วันนี้เป็นวันพิเศษของพิเศษ” ฉันมองหน้าป๊าแบบงงๆ นิดหน่อยวันพิเศษของพิเศษ คือมันแสนจะพิเศษใช่ไหมนะ?“เด็กๆ เข้าบ้านกันเถอะจ๊ะ เดี๋ยวเลยฤกษ์ดีกันพอดี”ฤกษ์ดี? ฉันกำลังจะเอ่ยถามแม่เล็กแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อท่านเดินนำเข้าไปยังตัวบ้านที่ประดับประดาหรูหราไม่แพ้ด้านนอกเลยสักนิดเดียว“สวัสดีค่ะคุณป้า” เมื่อเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยฉันมองเห็นแม่ซาดีนส์นั่งรออยู่ที่โต๊ะข้างเวทีทรงเตี้ยที่มีป้ายอะไรสักอย่างถูกปิดด้วยผ้าสีขาวผืนบางอีกที “นั่งก่อนสิจ๊ะหนูเพลย์”ป้าแพรวกวักมือเรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ ท่าน“คุณพิณนี่ตาถึงนะคะ เลือกชุดให้หนูเพลย์เข้ากับงานวันนี้จริงๆ” เสียงป้าแพรวแซวแม่เล็กขำๆ ฉันว่าชุดที่แม่เล็กส่งมาให้มันดูหรูมากเกินไปด้วยซ้ำในตอนแรกเดรสลูกไม้แบบรัดรูปสีชมพูอ่อน เปิดโชว์ช่วงเนินอก กระโปรงยาวคลุมเข่าปลายระบายกว้างนิดๆ เหมือนจะไปงานการ่าดินเนอร์เสียด้วยซ้ำ“เอ่อ คุณป้าคะ” ฉันเสียมารยาทพูดแทรกผู้ใหญ่ทั้งสองที่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาคนไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน “ว่าไงจ๊ะลูก”
“หึ” ฉันมองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากเฮียการ์เซียผ่านกระจกมองหลังด้วยแหละ แต่คนถูกถามกลับไม่ตอบคำถามฉัน ทำไมแลดูมีลับลมคมนัยจังนะ“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เมื่อรถจอดหน้าคอนโดเรียบร้อย ยีนส์ลงไปจากรถเป็นคนแรกโดยที่ไม่ได้ล่ำลาหรือกล่าวขอบคุณเฮียการ์เซีย เลยทำให้ฉันที่ยังไม่ลงจากรถรีบเอ่ยขอบคุณเขาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ กับความเสียมารยาทของเพื่อนรัก“อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวมันกลับมาเธอจะยิ่ง... หลงมัน”“คะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะคะ” เพราะคำพูดท้ายๆ เฮียการ์เซียเบาเสียงลงฉันเลยไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร “รีบลงไปเถอะ เพื่อนเธอจะกินหัวฉันอยู่แล้ว”เขาไม่ตอบอีกแล้ว ฉันมองตามออกไปนอกรถตามคำบอกเล่าเฮียการ์เซีย เห็นยีนส์กำลังยืนทำท่าทางเบื่อหน่ายและเซ็งๆ จ้องมองมาทางพวกเราที่อยู่ในรถเลยต้องรีบปลีกตัวลงไป@สามวันต่อมาฉันอยากเอาหัวโขลกกำแพงให้มันตายรู้แล้วรู้รอดรู้อะไรไหม? ตั้งแต่ที่ซาดีนส์บอกไปธุระต่างประเทศนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนะ ไหนเขาบอกจะไปแค่สองวัน วันแรกที่เขาไปคือวันที่เฮียการ์เซียมาส่งฉันกับยีนส์ และหลังจากวันนั้นก็ผ่านมาอีกแล้วสองวัน ซึ่งซาดีนส์ควรจะกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแต่นี่ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของ
“นั่นสิเพลย์ เฮียซาดีนส์เขาอาจจะติดธุระจริงๆ จนรอเพลย์ตื่นไม่ไหวมั้ง”ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงตาหวาน แต่ยีนส์ก็ดันพูดแทรกมาก่อน“ว่าแต่…” ยีนส์เงียบ เหล่ตามองคล้ายกับจับผิดอะไรฉัน“อะไรของแก” ฉันหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรัก“ปกติแกไม่น่าจะนอนขี้เซาขนาดนั้นนะ แกบอกว่าตื่นมาเกือบแปดโมง นั่นมันเลยเวลาปกติที่แกจะต้องตื่นมาเตรียมตัวเรียนเช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”ไม่ได้มาแค่คำถามนะ แต่สายตาอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับจ้องจับผิดของยีนส์ที่ส่งมาทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ“กะ... ก็เมื่อวานไปทำธุระมา เมื่อยไปหน่อยเลยเผลอหลับยาว” นิ้วกลางไขว่นิ้วชี้ไว้เพลย์เยอร์ แค่โกหกเพื่อนเองไม่บาปหรอกเนอะ“เหรอ~” เสียงลากยาวแบบไม่เชื่อสุดๆ ของเพื่อนรักทำเอาฉันหน้าแดงฉ่าแค่มองตายีนส์ฉันก็รู้แล้วว่าเธอไม่เชื่อที่ฉันพูด แถมฉันยังคิดว่าเธอต้องคิดไปถึงเรื่อง... เอ่อ ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยเนอะ!“เฮ้อ! หิวข้าวจัง” แกล้งยกมือลูบท้องเปลี่ยนเรื่อง“เปลี่ยนเรื่องแบบนี้...” ยังไม่เลิกล้อฉันอีกนะ ยัยยีนส์บ้า!“ยีนส์เลิกแกล้งเพลย์เถอะ ดูสิ จะร้องไห้อยู่แล้ว” น่ารักมากตาหวานที่ช่วยพูด“รักหวานที่สุดเลย งั้นเราไปกินข้าวกัน ปล่อยใ
ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้แค่ว่าพอรู้สึกตัวมาเหมือนร่างกายผ่านสงครามรบที่ไหนมาไม่รู้ เรี่ยวแรงที่ควรจะมีหลังจากได้หลับพักผ่อนมันน่าจะกลับมาแล้ว แต่เปล่าเลย ตอนนี้ฉันยังรู้สึกปวดเมื่อยไปทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะตรงนั้น!“ไอ้บ้าซาดีนส์” ฉันพึมพำกับตัวเองหลังจากตื่นเต็มตาแล้วคิดแล้วก็น่าโมโห! เมื่อวาน ไม่สิ ไม่น่าพลาดท่ายอมรับข้อแลกเปลี่ยนของหมอนั่นตั้งแต่ก่อนไปถ่ายแบบให้เฮียทีมเลย น่าจะรู้นะว่านิสัยแฟนตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์แค่ไหน ยอมรับเลยว่าครั้งนี้ฉันพลาดมาก พลาดเองเต็มๆ“อ๊ะ ชิ!” แค่ลุกขึ้นนั่งยังรู้สึกปวดแปรบตรงส่วนอ่อนไหว ไม่ต้องคิดถึงตอนเดินเลยว่ามันจะทรมานขนาดไหน“ไอ้บ้าซา...” เสียงฉันหยุดลงเมื่อคิดว่าหันกลับมาจะเจอกับคนที่ทำให้ร่างกายฉันเป็นแบบนี้แต่เปล่าเลย... ซาดีนส์ไม่ได้อยู่บนเตียงกับฉันไปไหนของหมอนี่? เมื่อคืนเขาก็น่าจะหมดแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แล้วนี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง เขาไม่น่าจะตื่นเช้าแล้วหายตัวไปแบบนี้ แถมตอนนี้ฉันยังกลับมานอนห้องตัวเองแล้ว คงจะเป็นฝีมือซาดีนส์นั่นแหละที่อุ้มฉันมาส่ง“อูย!” ฉันสูดปากระบายความระบมอีกรอบเมื่อกวาดขาจะลงจากเตียงนั่งทำใจอยู่นาน
“อื้อ” จบคำพูดเอาแต่ใจ คนตัวโตด้านหลังก็คว้าปลายคางฉันให้หันไปรับรสจูบที่แสนดูดดื่มและเร่าร้อน เรียวลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาได้อย่างง่ายดายเมื่อฉันไม่ทันตั้งตัวเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาตักตวงความหวานหอมด้านในจากแค่จูบ ตอนนี้มือไม้ซาดีนส์ที่ว่างอยู่ค่อยๆ ไต่แตะไปตามเรือนร่างของฉัน จวบจนมือหนาใหญ่ข้างหนึ่งตะปบเข้ากับหน้าอกคู่งามที่มีเตียงรองรับน้ำหนักของมัน“อืม” เสียงครางแหบพร่าหลุดออกมาจากคนที่กำลังพันธนาการฉันด้วยสัมผัส เขาคงกำลังควบคุมอารมณ์บางอย่างที่ตอนนี้มันตื่นตัวจนฉันแทบเป็นบ้า“ขอสด... นะ!” ฉันเบิกตาโพลง ไม่ได้โง่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันทำไมแค่ประโยคนี้ฉันจะแปลความหมายมันไม่ออก“มะ ไม่ได้นะซาดีนส์ มัน อ๊ะ!”ฉันห้ามไม่ทันเมื่อคนเขาแต่ใจค่อยๆ ดุนดันส่วนแข็งขืนนั้นกับสะโพกฉันจากทางด้านหลัง “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยน”ชิ! ฉันได้แต่จิ๊ปากให้กับความพลาดครั้งใหญ่หลวงของตัวเองตอนแรกก็คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยน ว่าซาดีนส์ต้องขออะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้ แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดถึงขั้นไม่สวมเครื่องป้องกัน!หมับ! ตุ้บ!“อ๊ะ” ตัวฉันลอยกลางอากาศ เมื่อคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยกสะโพกฉันลอยขึ้นเหนือพื