แต่ทันใดนั้นเองที่เกมเดินเข้ามาทางผมและทำสีหน้าท่าทางดูยิ้มแย้มแจ่มใสมากเข้า ผมรีบคว้าเเขนของเกมทันทีอย่างแน่นก่อนที่จะทำหน้าเข้มใส่เขาส่วนเกมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั้นก็ไม่ได้จะทำอะไรตอบเพราะคงคิดว่าผมคงจะยังโกรธที่เขาไปถามเขาเรื่องเมื่อเช้า
“มีอะไรรึป่าวเพิร์ท กูเจ็บนะ”เกมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แฝงความเจ็บปวดขณะพยายามดึงมือกลับจากการจับแน่นของผม สายตาของเกมจ้องมาที่ผมด้วยความสงสัยปนไม่พอใจเล็กน้อย ใบหน้าของมันนิ่วเล็กน้อยเหมือนอยากจะถามให้แน่ชัดว่าผมเป็นอะไรไป
ผมหันไปสบตากับเกมแต่สายตาผมกลับตวัดไปที่โต๊ะนั้น โต๊ะที่ผมเห็นพวกมันมองมาที่เกมตั้งแต่ก้าวแรกที่เกมออกมาเสิร์ฟ รอยยิ้มบางๆที่ไม่จริงใจของลูกค้าพวกนั้นทำให้ใจผมกระตุกอย่างบอกไม่ถูก ความห่วงกังวลฉายชัดบนใบหน้าของผมขณะที่เอ่ยเสียงเครียด
“มึงอย่าไปยุ่งกับโต๊ะนั้นมากนะเว้ย กูเห็นมันมองมึงตั้งแต่เข้าร้านละ”เกมเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับถอนหายใจแรงๆเหมือนกำลังหงุดหงิดที่ผมเข้ามาแทรกการทำงานของมัน
“จะอะไรนักหนาวะ ลูกค้านะเว้ย!”มันพูดออกมาพร้อมกับสะบัดมือออกแรงจนผมปล่อยมือโดยไม่ตั้งใจ
ผมมองตามมันที่เดินกลับไปอย่างหัวเสียแผ่นหลังเล็กๆของมันหันหนีไปอย่างไม่แยแส ขณะที่ในใจผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกทิ้งไว้ในความกังวลที่หนักอึ้ง เสียงก้าวเท้าของเกทที่เดินกลับไปยังโต๊ะนั้นยิ่งทำให้ผมหัวเสียมากขึ้น รู้ตัวอีกทีมือของผมกำหมัดแน่นโดยไม่ตั้งใจ สายตาจับจ้องไปที่โต๊ะนั้นด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเป ทั้งห่วง ทั้งหวง และทั้งไม่พอใจในตัวเองที่พูดอะไรออกไปไม่ได้ดีกว่านี้
เกมไม่ได้สนใจในคำพูดของผมเลยก่อนที่จะเดินไปเสิร์ฟของตามปกติ แต่ระหว่างที่จะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์นั้นชายปริศนาคนเดินก็ได้รีบคว้าแขนของเกมทันที ทำเอาผมที่แอบมองอยู่นั้นรู้สึกตะหงิดๆใจมาได้สักพักแล้ว
“เดี๋ยวสิครับ แลกไลน์กันได้ไหมครับ พอดีกลิ่นน้ำหอมของคุณหอมดีมาก อยากซื้อตามบ้างครับ”เสียงลูกค้าชายเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความจงใจ ขณะจับแขนของไอ้เกทไว้สายตาของเขาเป็นประกายแพรวพราวอย่างเห็นได้ชัด
หมับบ
มือของเขาจับแขนไอ้เกมไว้แน่นเหมือนจงใจให้เกมไม่มีทางเลี่ยง สายตาที่มองดูเหมือนเล่นๆนั้นกลับผมรู้สึกไม่พอใจทันที ความหงุดหงิดพุ่งขึ้นมาจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้
“เกรงว่าจะไม่ได้หรอกครับ”ผมเอ่ยเสียงนิ่งแต่น้ำเสียงนั้นฟังชัดว่าไม่ยินดีสักนิด ก่อนจะรีบก้าวออกมาจากเคาน์เตอร์ทันทีโดยไม่ลังเล มือของผมคว้าข้อมือของเกมดึงออกจากการเกาะกุมของลูกค้าชายอย่างเด็ดขาด
“ปะ มึง”ผมเอ่ยสั้นๆแต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยคำสั่งชัดเจน ก่อนจะพยายามพาเกมเดินหนีออกไปทันที
“เออ มึงไปชงกาแฟต่อเนาะ”ผมตัดบททันทีก่อนจะหันไปมองลูกค้าชายคนนั้นพร้อมส่งยิ้มสุภาพแต่เย็นชา
ผมดึงเกมออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง ความรู้สึกหวงที่อัดแน่นอยู่ในใจทำให้ผมไม่มีทางปล่อยให้สถานการณ์นี้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ สายตาผมตวัดมองลูกค้าชายคนนั้นแวบหนึ่ง เห็นแววความตกใจและงุนงงปรากฏชัดเจน แต่ในตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากพาเกทกลับไปให้ไกลจากสายตาคู่นั้น
หลังจากที่เกมเองได้พาผมเดินเข้าไปยังเคาน์เตอร์ผมก็ไม่ได้พูดจาอะไรและให้น้องๆสองคนเป็นคนไปเสิร์ฟเอง พี่ตี๋ที่ดูว่าทุกอย่างเริ่มดูไม่ดีจึงรีบลากผมออกไปคุยเพราะเขาเองนั้นก็ดันไปเห็นผมได้ยืนแลกไลน์กับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่แต่เขาก็ไม่ได้เพราะคิดว่าตามประสาเสืออย่างมันเอง
“มึงมีอะไรรีบๆพูด กูจะไปทำงาน”
“ไอ้เพิร์ท มึงชอบไอ้เกมหรอวะ”ผมทำหน้าเจื่อนเพราะคำถามของตี๋นั้นก็ทำให้เขาจนมุมเพราะด้วยสถานการณ์ตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าเขานั้นชอบไอ้เกมจริงรึป่าว เขาไม่ได้ตอบตี๋ก่อนที่เสียงไลน์จากมายด์จะดังขึ้นมา ตี๋ถอนหายใจให้กับคนตรงหน้าที่โง่และไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก
ตึง ตึง ตึง
"ไอ้เพิร์ทถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรกับไอ้เกมจริง กูจะยุให้มันคบกับแม่งนั่นนะเว้ย"เสียงของไอ้พี่ตี๋ดังขึ้น พร้อมสายตาที่จ้องนิ่งมาเหมือนต้องการคำตอบที่ชัดเจน มันพาดแขนไว้บนพนักเก้าอี้ ท่าทางผ่อนคลายแต่แฝงด้วยความจริงจังที่ไม่อาจละเลยได้
"แม่งเป็นรุ่นน้องกูเอง แถมนิสัยดีอีกด้วย"มันพูดต่อริมฝีปากยกยิ้มน้อยๆเหมือนจงใจยั่วอารมณ์ผมได้แต่เงียบไปสายตาหลุบต่ำลงมองพื้น ก่อนจะเงยขึ้นมาจ้องเพื่อนตรงหน้า นัยน์ตาของมันมีทั้งความลังเลและความหงุดหงิดที่ปนเปกันอยู่ มันกำมือแน่นวางไว้บนเข่า ก่อนจะพูดเสียงต่ำและกระชากอย่างคนที่พยายามเก็บอารมณ์
"มึงจะยุให้มันไปคบกับแม่งได้ไง นี่มันคนของกูนะเว้ย"คำพูดที่หลุดออกมาไม่ได้ดังนัก แต่เต็มไปด้วยน้ำหนักที่ทำให้ไอ้เต้าหยุดชะงัก คำว่า "คนของกู" หลุดออกมาอย่างที่ไอ้เพิร์ทไม่ทันคิด แต่ความหมายมันชัดเจนเกินกว่าจะย้อนกลับไปแก้ไขได้
//เชี้ยพูดอะไรไปวะไอ้เพิร์ทเอ้ยยยย
"ตกลงมึงชอบไอ้เกมหรอ มึงคิดยังไงกันแน่"เสียงของไอ้พี่ตี๋ฟังดูไม่พอใจปนกับความผิดหวังในตัวเพื่อน มันจ้องตรงไปที่ผมด้วยสายตาคมที่เหมือนพยายามมองทะลุเข้าไปในใจอีกฝ่าย ข้อมือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น ท่าทางนั้นชัดเจนว่าเขากำลังข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้ระเบิด
"กูไม่รู้ กูสับสนอ่ะ หลายวันมาเนี่ยไม่รู้ว่ากูเป็นห่าอะไร"ผมพูดด้วยเสียงที่แผ่วลงเหมือนคนที่กำลังสารภาพบางสิ่งที่ยากจะยอมรับ สายตาของเขาหลุบต่ำลงไปมองมือของตัวเองที่กำกระชับไว้บนหน้าขา คล้ายพยายามควบคุมความสั่นไหวที่เริ่มเกิดขึ้นในร่างกาย
"กูเริ่มใจสั่นเวลาอยู่กับมันตลอด..."ผมพูดต่อน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้าของเขาเริ่มมีสีแดงระเรื่อดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนที่ไหลเวียนอยู่ภายใน ไอ้พี่ตี๋ยังคงจ้องนิ่งแต่สีหน้ากลับแสดงออกถึงความผิดหวังที่มากขึ้นกว่าเดิม มันตัดบทคำพูดของเพิร์ทด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
"แล้วมึงก็ยังมีหน้าขอไปแลกไลน์กับผู้หญิงคนนั้นหรอวะเพิร์ท มึงไม่เหี้ยไปหน่อยหรอ!"คำพูดของไอ้พี่ตี๋ดังชัดเจนจนเพิร์ทสะดุ้งเขาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนตรงหน้า นัยน์ตาเบิกกว้างเหมือนเพิ่งถูกตบด้วยความจริงอะไรบางอย่าง ดวงตาของเขาสั่นระริก เหมือนคนที่รู้ว่าตัวเองทำผิด
"มึงคิดถึงจิตใจมันบ้างปะ มึงรู้ไหมไอ้เกมชอบมึงนะเว้ย!"เสียงของไอ้พี่ตี๋ดังกว่าเดิม มันลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ใช้มือทุบโต๊ะจนเสียงดังไปทั่วร้านกาแฟที่ตอนนี้แทบจะเงียบสนิทผมอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา เขาได้แต่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาเริ่มหม่นหมอง มือทั้งสองข้างจับเก้าอี้แน่นเพื่อยึดตัวเองไว้ เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุนคว้าง ความผิดชอบชั่วดีและอารมณ์ที่ตีกันยุ่งเหยิงในหัวของเขา
ผมไม่ได้ตอบอะไรตี๋และเดินเข้าไปในร้านทันทีพร้อมกับนั่งทำงานไปคิดเรื่องที่ตี๋บอกไปพลางกับสายตาที่เหล่มองมาทางเกมบ้างเพราะกลัวว่าเกมนั้นจะมีใจให้มัน
ทุกคนต่างทำหน้าที่ของกันไปจนเลิกเวลางานและกำลังจะกลับบ้านเขาก็ต้องตื่นตูมอีกครั้งเพราะพอเก็บของเสร็จเขาก็ไม่ได้เจอกับเกมอีกเลย ผมตามหาเกมทั่วร้านแต่ก็ไม่เจอจนมาที่ข้างร้านที่ที่มีกามเทพตั้งไว้และเห็นเกมนั่งคุกเข่ามองมันอยู่
“มึงอยู่นี่เอง ตามหาซะทั่วเลย มาทำไรที่นี่วะ”เสียงของผมดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของบริเวณหลังร้านกาแฟ ที่มุมหนึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มและกลิ่นฝนจางๆที่ยังหลงเหลือจากเช้าวันก่อน
เกมนั่งอยู่ตรงขอบกำแพงเล็กๆก้มมองพื้นดินราวกับกำลังค้นหาบางอย่างในความทรงจำ สายลมพัดผ่านเส้นผมของเขาเบาๆแต่ก็ไม่ได้ดึงความสนใจจากสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขา เกมเงยหน้าขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันไปมองผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งเหนื่อยล้า ทั้งสับสน และเศร้าหมอง
“ป่าวว่ะ กูแค่คิดถึงเมื่อก่อน…”เกมพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆแต่เป็นเสียงหัวเราะที่ฟังดูขื่นขม ราวกับเขากำลังเสียดายอะไรบางอย่าง
“หึ เมื่อก่อนนะ ได้แต่จับคู่ให้คนนู้นที คนนั้นที คอยช่วยคนอื่นให้สมหวัง แต่พอกูมาติดแหงกกับมึงเนี่ย เห็นเค้าไม่สมหวังในเรื่องความรักเอาซะ กูเครียดเลยเนี่ย”เขาพูดจบก็ถอนหายใจยาวดวงตาของเขามองออกไปไกล ราวกับกำลังนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ไม่อาจหวนคืนมาได้ผมยืนอยู่ตรงนั้นจ้องมองเกมที่แสดงความอ่อนแอออกมาเป็นครั้งแรก ดวงตาเขาไหววูบเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เกม
“มึงอยากกลับไปหรอวะ”ผมเอ่ยถามเสียงเบาน้ำเสียงของเขาฟังดูจริงจังและเป็นห่วงมากกว่าที่เกมเคยได้ยิน
เกมนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้เสียงหัวเราะของเขาสั่นเครือราวกับกำลังฝืนความรู้สึกบางอย่าง
“กูกลับไป มึงคงจะมีความสุขมากนะ อย่างเมื่อก่อนอ่ะ”เขาพูดพร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มเหมือนใจของเขาผมที่เห็นว่าเกมเองเริ่มมีท่าทีตัดพ้ออะไรบางอย่างแล้วจึงรีบเดินไปคว้าแขนของเกมที่นั่งคุกเข่าอยู่นั้นและรีบพาเขาออกไปทันที
หลังจากที่กลับไปที่ห้องทั้งสองก็ไม่ได้จะพูดหรือคุยอะไรกันเลยก่อนที่ผมจะลงครัวทำอาหารเองเลยแต่เสียงข้อความจากมายด์ก็เข้ามาไม่ยอมหยุดเขาจึงปิดการแจ้งเตือนทันทีและหันมาทำอาหารต่อ
“มึงทำอะไรวะเพิร์ท หอมเชียว”เกมเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับสูดลมหายใจลึก กลิ่นหอมละมุนของกุหลาบลอยฟุ้งไปทั่วห้อง ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นผมที่กำลังยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ครัว หันมามองเกมด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาเต็มไปด้วยความพอใจ
“กูกำลังหัดทำเยลลี่ชากุหลาบอ่ะ ลองชิมดิ”เขาพูดพลางหยิบช้อนเล็กๆ ตักเยลลี่สีชมพูอ่อนที่พึ่งเซ็ตตัวดี ยื่นไปตรงหน้าเกมเกมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เปิดปากรับเยลลี่คำเล็กๆก่อนจะหลับตาพริ้ม ขณะที่รสชาติหวานละมุนและกลิ่นหอมของกุหลาบค่อยๆ กระจายอยู่ในปาก
“อื้มมม อร่อยว่ะมึง"เสียงเขาลากยาว แสดงถึงความประทับใจอย่างไม่ปิดบัง ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อย ขณะจัดจานเยลลี่อีกชุดวางเรียงอย่างตั้งใจ
“คิดไงถึงทำหรอ”เกมถามพลางนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเคาน์เตอร์ ดวงตายังไม่ละจากผม
“อยากทำ มึงอยากกินอะไรอีกปะ ครั้งหน้ากูจะได้หัดทำ”ผมนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบเสียงเรียบ เขาพูดสั้นๆ แต่น้ำเสียงมีความมั่นใจ
"ไม่อ่ะ อยากกินเมื่อไหร่กูจะบอกละกัน”มันพูดพลางมองผมที่ยังคงจดจ่ออยู่กับเยลลี่บนโต๊ะ แม้คำพูดของเกมจะฟังดูเหมือนไม่คิดอะไรมาก แต่ในใจเขากลับอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด การที่เพิร์ทพูดและลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อเขา มันทำให้เกมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ไร้ค่าอย่างที่เคยคิด ขณะที่ผมเองก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมามากนัก แต่ลึกๆในใจ เขารู้สึกดีที่เห็นเกมยิ้มและดูมีความสุข แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม
ผมเงียบไปสักครู่ใหญ่ก่อนที่จะหันมานั่งกินต่อพร้อมกับเกมที่นั่งกินด้วยอยู่ตรงข้ามและเล่นโทรศัพท์ในเวลาเดียวกันโดยที่ไม่สนใจอะไรในตัวเขาเลย ผมนั่งเศร้าไประยะหนึ่งก่อนที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปโดยที่ผมเองเดินไปอาบน้ำก่อนที่จะเดินออกไปที่เตียง
(…………)
หลังจากนั้นเองทั้งสองก็ไม่แม้แต่จะพูดคุยอะไรกันเลยมีแต่เพียงผมที่นอนเล่นโทรศัพท์ของผมไปพร้อมกับสายตาที่ชำเลืองมองเกมเป็นครั้งคราวแต่เกมก็ไม่มีปฎิกิริยาอะไรเลย
“มึง……มองกูทำไมวะเพิร์ท”
"ป่าว ไม่ได้มอง แล้วมึงทำไรอยู่อ่ะเห็นจ้องมองโทรศัพท์นานละ"
"กูดูรีวิวนี้อ่ะดูดิ น่าเล่นว่ะ"
“ไม่เห็นน่าเล่นเลย”
“กูนอนแล้วนะ ง่วงว่ะ ฝันดี”
และตอนนั้นเองที่ผมเริ่มฉุดคิดอะไรขึ้นได้บ้างว่าเขานั้นควรจะจัดการความรู้สึกที่สับสนและมึนงงได้อย่างไร เขาจึงทำเนียนๆและขึ้นไปนั่งตัวพิงกับหัวเตียงพร้อมกับการเอียงสายตาเล็กน้อยเพื่อที่จะค้นหาดูว่ามันคือที่ไหน และเริ่มที่จะจัดการหาข้อมูลอะไรไปจนเช้าพร้อมกับสายตาที่จ้องมองเหนือเป็นบางคราว
//ไอ้เกม ความรู้สึกแบบนี้คืออะไรวะ คนเราจะใจเต้นกับใครได้เร็วขนาดนี้เลยหรอวะ มึงพึ่งมาอยู่กับกูแค่2อาทิตย์เองนะ ทำไมใจกูเต้นกับมึงแบบนี้แล้วล่ะ
“อื้อ~~~”
และตอนนั้นเองเสียงครางจากคนที่นอนข้างๆเขาก็ดังขึ้นทำเอาเขาหันหน้ากลับไปมองดูโทรศัพท์แทบไม่ทันและทำเป็นเล่นเกมไปก่อนที่เกมนั้นจะขยี้ตาและลุกออกไปจากเตียงและเดินไปที่ห้องน้ำทันที
ณ วันนี้วันที่แสงอรุณทอแสงผ่านเข้ามายังผ้าม่านพร้อมกับอากาศที่เย็นสบายตัวกับในห้องที่แอร์อุณหภูมิพอดีสบายตัวอีกด้วยสองหนุ่มค่อยๆตื่นจากฝันอันมีความสุข ทั้งสองขยี้เปลือกตาทั้งสองข้างก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวและรีบเดินทางไปที่ร้านทันทีตาม“เพิร์ท กูทำแซนวิชไว้ให้นะเว้ย กูทานแล้วมึงอ่ะก็รีบๆแต่งตัวเร็วๆด้วย มันสายแล้วนะเว้ยเดี๋ยวรถก็ติดเอาหรอก เข้าใจนะ”“เอ่อๆๆ บ่นอยู่นั่นแหละมึงอ่ะ รีบไปอาบน้ำเลย”พวกผมสองคนเองต่างก็พากันเร่งรีบกันแต่งตัวอย่างว้าวุ่นเมื่อตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องเข้างานแล้ว แตทว่าพวกเราเองยังคงอยู่ที่ห้องกันอยู่“เอ่อๆๆ เร็วๆนะมึง”ทั้งสองเมื่อทำอะไรเสร็จหมดแล้วนั้นก็คนตัวสูงเองก็รีบขับรถออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยที่ทางผมเองก็เปิดกล่องอาหารเพื่อนั่งกินแซนวิชที่คนข้างกายนั้นได้ทำให้อย่างเอร็ดอร่อย"อร่อยปะ ครั้งหน้าจะได้ทำอีก"
หลังจากเมื่อคืนจนเช้าวันต่อมาในฤดูฝนและอากาศที่หนาวเหน็บพร้อมกับชายหนุ่มอย่างผมที่ตามหาบัตรและข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสวนสนุกจนเพลิดเพลินและทำเอาไข้ผมขึ้นนอนโทรมเลยทีเดียวเขาไม่แม้แต่จะลุก ลืมตา หรือพูดอะไรออกมาเลยผมจึงไม่ได้สนใจและนอนต่อส่วนทางเกมนั้นที่ไม่รู้ว่าผมป่วยอยู่จึงเดินไปเข้าห้องนํ้าทำธุระส่วนตัวและออกไปทำอาหารตามปกติของเขา แต่เขารู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับผมเขาจึงเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ขาเรียวยาวสาวเท้าเดินไปหยิบรีโมทแอร์ขึ้นมาปรับอุณหภูมิของห้องและมาที่เตียงนอนเพื่อเปิดผ้าห่มที่ผมเองได้คลุมโปล่งไว้ก่อนที่จะส่งมือหนาของเขาไปแตะตัวผม“เพิร์ท ตื่นได้แล้วมึง สายแล้วนะเดี๋ยวไปร้านสายหรอก เชี้ย!!ทำไมมึงตัวร้อนขนาดนี้วะ”“อะไรวะเกม กูไม่ได้เป็นอะไรเว้ย”“ไม่เป็นเชี้ยไรตัวร้อนขนาดนี้วะเพิร์ท ปะไปหาหมอ”“อื้อ~~~ กูไม่ไปอ่ะ กูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ มึงไปทำงานเหอะ”
แต่ทันใดนั้นเองที่เกมเดินเข้ามาทางผมและทำสีหน้าท่าทางดูยิ้มแย้มแจ่มใสมากเข้า ผมรีบคว้าเเขนของเกมทันทีอย่างแน่นก่อนที่จะทำหน้าเข้มใส่เขาส่วนเกมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั้นก็ไม่ได้จะทำอะไรตอบเพราะคงคิดว่าผมคงจะยังโกรธที่เขาไปถามเขาเรื่องเมื่อเช้า“มีอะไรรึป่าวเพิร์ท กูเจ็บนะ”เกมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แฝงความเจ็บปวดขณะพยายามดึงมือกลับจากการจับแน่นของผม สายตาของเกมจ้องมาที่ผมด้วยความสงสัยปนไม่พอใจเล็กน้อย ใบหน้าของมันนิ่วเล็กน้อยเหมือนอยากจะถามให้แน่ชัดว่าผมเป็นอะไรไปผมหันไปสบตากับเกมแต่สายตาผมกลับตวัดไปที่โต๊ะนั้น โต๊ะที่ผมเห็นพวกมันมองมาที่เกมตั้งแต่ก้าวแรกที่เกมออกมาเสิร์ฟ รอยยิ้มบางๆที่ไม่จริงใจของลูกค้าพวกนั้นทำให้ใจผมกระตุกอย่างบอกไม่ถูก ความห่วงกังวลฉายชัดบนใบหน้าของผมขณะที่เอ่ยเสียงเครียด“มึงอย่าไปยุ่งกับโต๊ะนั้นมากนะเว้ย กูเห็นมันมองมึงตั้งแต่เข้าร้านละ”เกมเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับถอนหายใจแรงๆเหมือนกำลังหงุดหงิดที่ผมเข้ามาแทรกการทำงานของมัน“จะอะไรนักหนาวะ ลูกค้านะเว้ย!”มันพูดออกมาพร้อมกับสะบัดมือออกแรงจนผมปล่อยมือโดยไม่ตั้งใจผมมองตามมันที่เดินกลับไปอย่างหัวเสียแผ่นหลังเ
หลังจากวันนั้นได้หลายวันและวันนี้เป็นเช้าวันที่บรรยากาศก็ยังคงไม่เป็นใจมากนัก เมื่อท้องฟ้าในยามเช้านี้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับพายุที่เข้ามาอย่างโหมกระหนำซัมเมอร์เซลสายลมที่พัดผ่านเข้ามายังภายในห้องนอนผ่านผ้าม่านสีกรมที่ปลิวสะบัดไปมา ก่อนที่จะค่อยๆ ไล่มายังเตียงนอนที่ชายหนุ่มทั้งสองนอนขดอยู่บนเตียงนิ่ม แสงแดดที่แทรกผ่านหมอกฝนยังไม่สามารถเจาะทะลุความหนาของเมฆฝนได้ ทำให้บรรยากาศรอบๆห้องเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นอีกวันที่ไม่มีความสดใสผมขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มีอยู่ข้างๆแม้สายฝนจะโปรยลงมาภายนอก แต่เขากลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในช่วงเวลานี้ เขาหันไปมองข้างๆ และเห็นเกมยังคงนอนหลับอยู่ ขดตัวในท่าที่ดูเหมือนจะหลับสนิท ใบหน้าของเกมที่ยังคงมีรอยยิ้มจางๆอยู่บนมุมปาก ทำให้ผมรู้สึกถึงความอุ่นใจอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเสียงฝนกระทบกระจกหน้าต่างเบาๆผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านทำให้ห้องนอนนั้นเงียบสงบ ราวกับว่าเวลาในตอนนี้กำลังหยุดนิ่งเพียงแค่ให้ทั้งสองได้อยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพียงแค่ได้ใกล้ชิดกันเกมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย
ผมถึงกับลั่นคำอุทานออกมาทันทีก่อนที่จะวิ่งไปคว้าตัวไอ้เกมขึ้นมาและลากเขาออกไปเพราะนั่นคือตุ๊กแกนั่นเองที่เกาะอยู่ตู้เย็น ผมทั้งโวยวายและกระโดดไปมาเพราะความกลัวของผมเองก่อนที่จะคุมสติและเรียกยามขึ้นมาจับตุ๊กแกให้ ไอ้เกมที่ดูเหมือนจะไม่เคยกลัวอะไรเลยก็ยืนนิ่งๆพร้อมกับขำไปเพราะกิริยาของผมนั้นดูไม่เหมาะกับคนนิ่งๆแบบผมเอาซะเลย“โหคุณเพิร์ทครับ นี้ตัวใหญ่มากๆเลย”เสียงของพนักงานในร้านดังขึ้นพร้อมกับการมองอย่างตื่นตาตื่นใจไปที่เพิร์ท ซึ่งทำให้เขาเกือบจะหัวเราะออกมา แต่มันกลับมีความรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง เมื่อต้องรู้สึกเหมือนเป็นจุดสนใจอยู่ตลอดเวลา“โหยพี่รีบเอาลงไปเลย ผมกลัวจะแย่ละ ดีนะมันไม่โดดเกาะผมอ่ะ”เพิร์ทพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขาพยายามหลบหลีกสถานการณ์ที่ทำให้เขาเป็นจุดสนใจในขณะที่บรรยากาศรอบตัวเริ่มรู้สึกตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกไม่ชอบที่ต้องอยู่ในสายตาของทุกคน“อะไรโดดเกาะอะไรไม่รู้อ่ะ แต่ที่รู้ๆนี่คุณเพิร์ทเกาะแฟนแน่นเลยขอตัวนะครับ”พนักงานพูดจบพร้อมยิ้มกว้าง และแอบหยอกล้อเพิร์ทด้วยท่าทางสนุกสนาน แต่มันก็ทำให้เพิร์ทรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเขามองตามพนักงานที่เดินจากไป รู้สึกถึงความสน
"ห๊ะ! กูเนี่ยนะ ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยวะ"จากนั้นผมก็มองหน้าไอ้เกมไป คิดไป มองไป แต่ก็คิดไปออกสักทีคือที่ผมจำได้แน่ๆคือเมื่อคืนผมมาที่ร้านแล้วพวกมันก็กระทืบผมอย่างจัง จนสภาพของผมนั้นเละเป็นอย่างมากจะให้มีอารมณ์ไปดื่มก็แปลกไปเพราะมันไม่อยู่ในความทรงจำผมเลยแล้วพวกมันก็พาผมไปขอไอ้หุ่นตัวนั้นหลังจากนั้นพวกผมก็ก็คุยกันหลังจากนั้นไอ้หุ่นตัวนั้นก็บอกให้หลับตาแล้วผมก็หลับตาจู่ๆมันก็มาโผล่มาอยู่ที่ที่นอนแล้วไอ้เนี่ยก็นอนกอดผม ผมจำได้แค่นี้จริงๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ"เกมพูดเสียงเรียบๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นและเตรียมเดินออกไป ผมหันมามองเขาและรู้สึกถึงความทุลักทุเลในใจ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป ก็มีคำพูดของคนอื่นที่ดังขึ้น"เชี้ย! มึง เกิดอะไรขึ้นวะ"เสียงของเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เพิร์ทรีบหันไปมอง ทันทีที่เห็นท่าทางสงสัยของเพื่อน เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างหลุดจากปากไปแล้ว"มึงก็ทนๆ หน่อยละกัน ไอ้เกมมันก็ดีนะเว้ย"เพื่อนของเพิร์ทพูดเสียงหัวเราะคล้ายจะเข้าใจสถานการณ์ แต่เพิร์ทยังคงรู้สึกอึดอัดกับคำพูดนั้น"ใช่พี่ ถือว่าลองประสบการณ์"อีกคนที่อยู่ในกลุ