หลังจากวันนั้นได้หลายวันและวันนี้เป็นเช้าวันที่บรรยากาศก็ยังคงไม่เป็นใจมากนัก เมื่อท้องฟ้าในยามเช้านี้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับพายุที่เข้ามาอย่างโหมกระหนำซัมเมอร์เซล
สายลมที่พัดผ่านเข้ามายังภายในห้องนอนผ่านผ้าม่านสีกรมที่ปลิวสะบัดไปมา ก่อนที่จะค่อยๆ ไล่มายังเตียงนอนที่ชายหนุ่มทั้งสองนอนขดอยู่บนเตียงนิ่ม แสงแดดที่แทรกผ่านหมอกฝนยังไม่สามารถเจาะทะลุความหนาของเมฆฝนได้ ทำให้บรรยากาศรอบๆห้องเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นอีกวันที่ไม่มีความสดใส
ผมขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มีอยู่ข้างๆแม้สายฝนจะโปรยลงมาภายนอก แต่เขากลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในช่วงเวลานี้ เขาหันไปมองข้างๆ และเห็นเกมยังคงนอนหลับอยู่ ขดตัวในท่าที่ดูเหมือนจะหลับสนิท ใบหน้าของเกมที่ยังคงมีรอยยิ้มจางๆอยู่บนมุมปาก ทำให้ผมรู้สึกถึงความอุ่นใจอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เสียงฝนกระทบกระจกหน้าต่างเบาๆผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านทำให้ห้องนอนนั้นเงียบสงบ ราวกับว่าเวลาในตอนนี้กำลังหยุดนิ่งเพียงแค่ให้ทั้งสองได้อยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพียงแค่ได้ใกล้ชิดกัน
เกมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ทำให้ผ้าห่มที่คลุมตัวหลุดออกไปเล็กน้อย เพิร์ทมองไปที่ร่างของเกมที่ยังคงหลับสนิท ก่อนที่เขาจะหลับตาลงอีกครั้ง พยายามซึมซับบรรยากาศนี้เอาไว้ให้นานที่สุด
แต่ในใจของเขาความคิดบางอย่างยังคงวนเวียนไปมา แม้ว่าเขาจะพยายามห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงมัน แต่บางอย่างก็เหมือนจะไม่สามารถหลุดพ้นจากความรู้สึกที่ยังค้างคาในใจ เขาไม่สามารถหลีกหนีความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเขากับเกมได้ ไม่ว่าจะเป็นความสับสนหรือแม้แต่ความกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
//อื้อ~~~
เสียงเบียดขี้เกียจดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มร่างบางนั้นลุกขึ้นมาเพราะความหนาวเหน็บจากลมพายุ เขาค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นและนั่งพิงกับหัวเตียงก่อนที่จะเหลือบไปเห็นชายหนุ่มที่นอนข้างๆของเขาที่ขดอยู่ในผ้าห่ม
ร่างสูงตัดสินใจเดินไปปิดประตูและม่านก่อนที่จะเดินกลับมานอนที่เตียงนอนต่อ แต่ระหว่างที่เขานั้นจะกลับมานอนอีกครั้ง คนที่ขี้เซานอนหลับอยู่นั้นก็ค่อยๆหันตัวมาหาเขาและใช้แขนของเขาเข้ามาโอบกอดทันทีพร้อมกับเสียงครางเบียดขี้เกียจทำเอาเขาที่ตื่นขึ้นมาแล้วขนลุกซู่ พร้อมกับเสียงกลั้นขำของเขา
มือหนาเรียวยาวยื่นไปขยี้หัวชายหนุ่มขี้เซาที่นอนอยู่ข้างๆ เสียงของการขยี้หัวนั้นดังเบาๆ ราวกับแสดงถึงความเอ็นดูและคุ้นเคย ก่อนที่เขาจะค่อยๆ จับแขนของชายหนุ่มออกจากตัวอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เขาตื่นขึ้นมากะทันหัน แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ปล่อยให้ชายหนุ่มยังคงหลับอยู่ในโลกแห่งความฝัน
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก พร้อมกับเสียงน้ำไหลดังเบาๆ เมื่อเขาเดินไปหยิบเสื้อผ้าเตรียมตัวไปทำอาหารให้ชายหนุ่ม ซึ่งเป็นการกระทำที่สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกๆรายละเอียด แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการตื่นเช้ามาทำอาหารให้ ไม่ทันไรก็มีเสียงดังขึ้นจากชายหนุ่มที่ตื่นขึ้นมาแล้วนั่งงัวเงียอยู่บนเตียง
“อ้าวเพิร์ท ตื่นแล้วหรอ รีบไปอาบน้ำได้แล้ว สายแล้วนะ”เสียงนั้นมาพร้อมกับการยืดตัวออกจากการนอนหลับทำให้ความง่วงยังคงค้างอยู่ในแววตาของเขา
“โอ้ยยมึงฝนตกขนาดเนี่ยจะออกไปหารถยังไง”เขาบ่นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย เหมือนกำลังหงุดหงิดกับสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ
“กูมีรถ พอดีท่านเค้าส่งมาให้กูด้วย”เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาแต่ยังคงแฝงไปด้วยความอารมณ์ดี ที่เอ่ยออกมาแบบไม่มีความลังเล
“แล้วทำไมมึงพึ่งบอกปล่อยให้ไปแท็กซี่ตั้งหลายวัน แต่ก็ดีจู่ๆ ก็ได้คนขับรถไปรับไปส่งไม่ต้องเสียเงิน”คำพูดที่แฝงไปด้วยความรู้สึกขำขันที่ยังไม่ลืมความเหนื่อยล้า และเป็นการหยอกล้อที่แสดงให้เห็นถึงความคุ้นเคยระหว่างกัน ทั้งสองคนรู้สึกสบายๆ และไม่ต้องคิดอะไรมากจากคำพูดที่ผ่านไป
หลังจากทานข้าวอะไรกันเสร็จทั้งสองก็มุ่งตรงไปยังที่ร้านคาเฟ่ เพิร์ทวิ่งเข้ามาในร้านทันทีพร้อมกับท่าสะบัดผมของเขาทำเอาเหนือที่เดินตามมานั้นยืนมองอย่างไม่ละสายตาทั้งสองจะเดินไปประจำการทำงานที่ใครที่มันและตอนนั้นเองก็เกือบจะถึงเวลาที่จะต้องเปิดร้านแล้วเขาจึงเดินไปหลังร้านเพื่อเดินไปเอาของ
ร่างบางเดินไปหยิบผงกาแกและผงนมเพื่อที่จะนำมาทำกาแฟแต่ระหว่างทางนั้นเอง จู่ๆเขาก็ดันเดินชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งจนล้ม แต่เพิร์ทก็ไม่ได้คิดอะไรรีบวางกาแฟและก้มลงไปช่วยเธอเพื่อที่จะนำตัวเธอนั้นลุกขึ้น
"อ๊ะ!!"
"เป็นอะไรไหมครับ"
แต่พอหญิงสาวเหงยหน้าขึ้นมามองทำเอาหนุ่มหล่ออย่างเพิร์ทนั้นถึงกับอึ้งและตาค้างเลยทีเดียว เพราะเธอคนนั้นแทบจะตรงสเป๊กเขาเลย ก่อนที่จะค่อยๆพยุงกันลุกขึ้นและถึงเวลาที่เสืออย่างเพิร์ทจะต้องนำเสน่ห์ขงเขาออกมาใช้บ้างแล้ว
“ขอโทษนะครับ เจ็บตรงไหนรึป่าวครับคุณ”เสียงของเขาดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง มือหนาและอบอุ่นยื่นไปใกล้ๆ ราวกับอยากจะช่วย แต่ท่าทางของเขากลับดูลังเล เหมือนว่ากลัวว่าจะทำให้เธอรู้สึกไม่ดี หรืออาจจะเป็นเพราะความเคอะเขินในสถานการณ์นี้ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เธอหันไปมองเขาแล้วยิ้มเล็กน้อย ปฏิกิริยาของเธอดูสงบแต่ในแววตากลับแฝงไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย รอยยิ้มที่ค่อยๆปรากฏบนใบหน้าเป็นการแสดงออกถึงความขอบคุณและความมั่นใจ
“มายด์ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ”เสียงของเธอนุ่มนวลและแผ่วเบา ความอบอุ่นแฝงในคำพูดเหมือนจะบอกให้เขาผ่อนคลายลง หลังจากการแสดงออกของเขาที่ดูเหมือนจะเป็นการแสดงความกังวลมากเกินไป เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงคงไว้ซึ่งมารยาทและความสุภาพในการกล่าวลาหมดทุกคำ
ตอนนั้นเองเพิร์ทถึงกับจะทรุดลงกับพื้นเพราะเขาคิดว่าเสน่ห์ที่เขาโปรยออกมานั้นไม่ได้ผลหรือเป็นเพราะอะไร แต่พอระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินผ่านเขาไปเพิร์ทจึงรีบจับแขนของเธอไว้ทันทีอย่างนุ่นนวล
“เดี๋ยวก่อนสิครับ รีบจังเลยนะ ว่าแต่…มีแฟนรึยังครับ”คำถามนั้นหลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ท่าทางของเธอดูอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความสนใจ สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอแต่ไม่กล้าแน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ริมฝีปากยิ้มออกมาเล็กน้อยเหมือนว่ากำลังตั้งใจถามจริงๆหรืออาจจะเพียงแค่ลองหยอกล้อเล่นกันไปก่อน
เธอหันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความขบขันและสงสัยในคำถามนั้น รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก ท่าทางเธอผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะทำ แต่ก็ไม่ยอมให้ความรู้สึกตรงนั้นมากล้ำกราย
“นี่อ่อยใช่ไหมคะเนี่ย อือ… แลกไลน์กันไหมคะ”เธอตอบกลับอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม ริมฝีปากขยับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และแฝงไปด้วยความสนุกสนาน คำพูดนั้นฟังดูเหมือนจะท้าทาย แต่แฝงไปด้วยความน่ารักที่ทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยการเล่นสนุก
“ก็เอาสิครับ”เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ยืนยันถึงความเต็มใจที่จะเล่นตามน้ำไป คำตอบที่ออกจากปากของผมดูเหมือนจะไม่มีข้อกังขาอะไร ผมตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา แต่ในแววตาของเขาก็มีแสงของความตื่นเต้นเล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกว่ามันอาจจะเริ่มเป็นจุดเริ่มต้นของการทำความรู้จักกันมากขึ้น
แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเสือ แต่เสือตัวนี้ทั้งหล่อและมีเสน่ห์เอามากๆเลยว่าได้ แถมใครมองก็ไม่ได้เพราะจะต้องตกอยู่ในมนต์ของภวังค์เสือหนุ่มอย่างเขานั้นเอง
หลังจากที่แลกไลน์กันนั้นทั้งสองก็ต่างแยกย้ายกันไป ผมที่เดินเข้าไปในร้านและสีหน้าท่าทางที่ดีใจเอาเป็นอย่างมากแต่ก็ต้องเก็บอาการ ทุกคนต่างมองผมที่เดินเข้ามานั้นอย่างแปลกประหลาดโดยเฉพาะไอ้ที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่นั้น ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปที่หน้าเคาร์เตอร์และจ้องมองผมอย่างมึนงง
“เป็นอะไรรึป่าวเพิร์ท มีอะไรปะ”ไทม์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย สายตาของเขาจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตา ดูเหมือนจะมองเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างในท่าทางของผม ทั้งที่ผมพยายามจะทำตัวปกติแต่เขาก็ยังคงไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ
“ป๊าววว ไปทำงานเหอะเดี๋ยวไอ้พี่ตี๋ก็ตัดเงินเดือนหรอก”ผมตอบไปอย่างพยายามทำให้มันดูธรรมดา ทั้งที่ในใจจริงๆแล้วรู้สึกถึงความยุ่งเหยิงและวุ่นวายที่กวนใจ ไม่อยากให้เขาตั้งคำถามมากไป
“ไม่เป็นอะไรแน่นะ”ไทม์ยังคงไม่ยอมแพ้คำถามนี้เหมือนเป็นคำพูดที่แฝงไปด้วยความกังวลและเขายังยืนอยู่ข้างๆไม่ยอมไปไหน ดูเหมือนจะรอคำตอบที่ชัดเจนจากผม
“เอ่อ กูไม่ได้เป็นอะไร ไปทำงานของมึงไป”ผมตอบกลับไปแบบรีบร้อน พยายามผลักดันให้เขาไปจากตรงนี้ แต่ในน้ำเสียงนั้นมันกลับแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าและไม่อยากให้ใครมารบกวน การที่ไทม์ยังไม่ยอมไปทำงาน ทำให้ผมรู้สึกกดดันขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็รู้ดีว่าเขาทำแบบนี้เพราะห่วง
ผมตอบกลับเกมเองด้วยน้ำเสียงที่เริ่มดูโกรธเคืองขึ้นทุกที ก่อนที่เหนือเองจะเดินกลับไปทำงานเพราะไม่อยากเห็นผมนั้นจะต้องมาโกรธหรือโวยวายอะไรมาก คนรอบข้างของเขาก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่ซุบซิบกันไปโดยเฉพาะตี๋ที่เดินบ่ายเบี่ยงไปหาเหนือและพยายามผลักดันให้ไอ้เกมนั้นเข้าไปหาผมอีกครั้ง
“เห้ยย ไอ้ไทม์ ไอ้เพิร์ทเป็นอะไรวะ”เสียงของพี่ตี๋ดังขึ้นด้วยความตกใจและสงสัย เขาก้าวเข้ามาใกล้ไทม์ ริมฝีปากขมวดเข้าหากันเหมือนจะรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติในท่าทางของผมแววตาของเขาจับจ้องไปที่ไทม์รอคำตอบอย่างคาดหวัง
“ไม่รู้สิครับพี่ ผมเข้าไปถามมันก็โมโหผมอ่ะ”ไทม์ตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่แน่ใจ รู้สึกถึงความลังเลในคำพูดเขาเคยพยายามถามไปแล้ว แต่การตอบกลับจากผมทำให้เขารู้สึกไม่อยากเข้าไปยุ่งอีก
“มึงลองเข้าไปถามมันอีกครั้งดิ”พี่ตี๋ยังคงไม่ยอมแพ้ เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกดดัน เหมือนอยากให้ไทม์เข้าไปทำอะไรสักอย่างดูเหมือนเขาจะไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆและอยากได้คำตอบจากผมให้ชัดเจน
“ไม่เอาพี่ตี๋ เดี๋ยวมันก็ดุผมอีกหรอก”ไทม์ตอบกลับทันทีพร้อมกับทำท่าทีลังเล รอยยิ้มที่ปากไม่เต็มที่แสดงออกมาอย่างไม่อยากเข้าไปยุ่งกับผมอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะรู้ดีว่าผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว
“มึงอยากรู้อะไรมาถามกูเองไหมพี่ตี๋ อย่าไปยุ่งกับมัน เห็นไหมว่ามันทำงานอยู่นะ”คำพูดของไทม์ทำให้พี่ตี๋นิ่งเงียบไปชั่วขณะ แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย มองไปที่ผมที่กำลังทำงานอย่างจริงจัง รู้สึกถึงความไม่ควรไปกวน แต่ในใจลึกๆเขาก็ยังค้างคาอยากรู้ว่าผมเป็นอะไร
และจู่ๆก็ได้มีเสียงที่ดุดันและน่ากลัวที่ดังขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่ทุกคนจะเดินกลับไปทำงานของใครของมัน พอเวลาผ่านมาได้ไม่นานเกมก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเพราะผมได้เป็นคนเดินมาเสิร์ฟของหวานให้ลูกค้าเองและลูกค้าคนนั้นทั้งสาว สวย และน่ารักมาก จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากมายด์คนที่เพิร์ทนั้นได้เดินชนเมื่อกี้นี้เอง เกมได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆและไม่ได้จะพูดอะไรเพราะเกรงว่าเพิร์ทจะดุเขาอีกครั้ง
หลังจากนั้นเองในช่วงเวลาบ่าย ก็ได้มีลูกค้าเริ่มทะยอยเข้ามาในร้านกันอย่างแน่นแฟ้นและในระหว่างนั้นที่เกมกำลังจะมารับออเดอร์ของโต๊ะกลุ่มหนึ่ง ท่าทีของชายหนุ่มรูปร่างกำยำ สูง หล่อ เข้ม ก็ได้แต่มองเหนือตั้งแต่เข้ามาในร้านแล้ว
สามีอย่างผมที่เริ่มสับสนแบบนั้นก็ได้แต่จับจ้องมองไปแต่ก็ไม่ได้จะพูดอะไรมากและยังคงยืนชงกาแฟของเขาไป
“อ่านี่ไอ้เกม เอาไปเสิร์ฟ”
"มึง..."ผมพยายามพูดอะไรบางอย่างแต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาที่แนบชิดกับผมทำให้สมองของผมเหมือนถูกปิดการทำงาน เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เอาแต่ซบไหล่ผมอย่างเงียบๆลมหายใจของเขาสม่ำเสมอและสงบ แต่หัวใจของผมกลับเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาช่วงเวลานั้นเหมือนเป็นทั้งคำตอบและคำถามในตัวของมันเอง ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไร ควรจะผลักเขาออกไปหรือจะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความอ่อนโยนนี้แต่มือของเขาที่จับผมไว้แน่น กับหัวของเขาที่ซบอยู่บนไหล่ มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้อย่างน้อยในตอนนี้ เขาอยู่ตรงนี้อยู่กับผม"วันนั้นอ่ะหลังจากที่กูกลับไปที่นู้น กูก็ได้แต่ร้องไห้ฟูมฟาย เพราะคิดถึงคนอย่างมึงนี่แหละ"น้ำเสียงของมันเริ่มต้นด้วยความหนักแน่น แต่พอพูดไปความรู้สึกในใจที่อัดอั้นมานานก็เริ่มแทรกออกมาผ่านน้ำเสียงที่สั่นเครือ ดวงตาของมันมองตรงมาที่ผมลึกเข้าไปในดวงตาของผม เหมือนพยายามจะส่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเก็บไว้ในใจ"
ณ ร้านกาแฟ coffee brownie“อยู่ไหนวะ”ผมถามด้วยเสียงเร่งร้อน น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดใจผมเต้นกระหน่ำอยู่ในอกจนแทบจะหลุดออกมา ความกังวล ความหวังและความตื่นเต้นผสมปนเปจนรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองกำลังถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ“มันเพิ่งออกไป ก่อนหน้าที่มึงจะเข้ามานี้เอง”คำพูดของเพื่อนที่ดังลอดปลายสายเหมือนเสียงระฆังที่บอกถึงความพ่ายแพ้“เชี่ยเอ้ย!”ผมสบถออกมาอย่างลืมตัวเสียงของผมดังขึ้นจนคนในร้านหันมามอง ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนข้อนิ้วขาว ดวงตากวาดมองรอบๆอย่างสิ้นหวัง ความหงุดหงิดทำให้ร่างกายของผมรู้สึกหนักอึ้งเหมือนถูกพันธนาการผมยืนกลางร้านมือข้างหนึ่งกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ส่วนอีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงคล้ายหาทางระบายความหงุดหงิด ลิ้นดันแก้มซ้ายแรงๆขณะที่คิ้วขมวดเข้าหากันจนรู้สึกถึงแรงตึงตรงหน้าผาก“พี่เพิร์ท!”เสียงใสๆดังมาจากโต๊ะข้างๆผม
หลังจากวันนั้นผมเองก็พยายามตามหาไอ้เกมทุกช่องทาง ทุกที่ที่ผมคิดว่าจะมีโอกาสเจอมันไม่ว่าจะเป็นในร้านหรือที่ไหนๆผมสอดส่องไปตามทุกมุมมอง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงใครเรียก ผมก็คิดว่ามันอาจจะเป็นไอ้เกม แต่ทุกครั้งที่ผมหันไปกลับไม่มีใครเลยนอกจากคนอื่นๆกริ่งกร่อง "ไอ้เกม ขอโทษครับ รับอะไรดีครับ"เสียงของผมหลุดออกไปเองด้วยความหวังในใจ แต่พอมองไปที่ลูกค้ากลับไม่ใช่มันใจของผมห่อเหี่ยวลงทันที เกมมึงอยู่ที่ไหนวะ ไหนมึงบอกว่ามึงจะมาหากูไงมึงบอกว่าจะกลับมา แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเลย"เพิร์ท ลูกค้าสั่งอเมริกาโน่เย็นหนึ่งที่ มึงเป็นไรเนี่ย"พี่ตี๋เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับถาดเครื่องดื่มในมือ แต่เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความกังวลและน้ำเสียงที่แฝงความเป็นห่วงไว้"นี่มึงยังไม่เลิกคิดที่จะตามหามันอยู่หรอ"เขาถามเสียงเบา แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเขาคงเห็นความเหนื่อยล้าในดวงตาผมแล้ว
คิดถึงตอนนั้นผมคิดว่าผมน่าจะต้องตายไปแล้วความเย็นเยือกของสายน้ำที่โอบรัดร่างกายและแรงตะคริวที่เล่นงานขาทำให้ผมหมดเรี่ยวแรงต่อต้าน หัวใจของผมเต้นช้าลง ความหวังที่จะรอดชีวิตหายไปพร้อมกับลมหายใจที่รวยริน ผมจึงปล่อยตัวเองให้จมลงไป ปล่อยให้ทุกอย่างจบลงตรงนั้นแต่จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนมีมือของใครบางคนคว้าตัวผมไว้ ความรู้สึกนั้นเหมือนเป็นจุดประกายความหวังสุดท้ายผมพยายามฝืนลืมตาขึ้น แต่ภาพตรงหน้ากลับพร่ามัว ร่างของคนที่ช่วยผมดูคล้ายเงาในม่านหมอก ผมรับรู้ถึงแรงที่ดึงตัวผมขึ้นเหนือผิวน้ำ เสียงน้ำแตกกระจายดังสะท้อนในความเงียบงันรอบตัวจากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่าถูกพาไปวางบนพื้นดินที่แข็งและเย็นลมหายใจผมยังติดขัด ผมไอออกมาอย่างรุนแรง น้ำในปอดทะลักออกมาทำให้ผมหายใจได้โล่งขึ้นเล็กน้อย ร่างของคนที่ช่วยผมโน้มตัวมาหา เขากระซิบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและมั่นคงผมพยายามมองหน้าเขา สายตาเบลอๆ ของผมพยายามจับจ้องไปที่ใบห
สุพรรณ14.20น."พ่อ พ่อ พ่อ เด็กๆ มาแล้วววว!"เสียงแม่ดังลั่นมาตั้งแต่หน้าบ้านน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเหมือนทุกครั้งที่ผมกลับมาหา พ่อกับแม่ยืนรออยู่ตรงประตู ใบหน้าของแม่เปื้อนยิ้ม ส่วนพ่อก็ยืนมองอย่างใจดีเหมือนเคย"เพิร์ทลูก เป็นไงบ้างลูก เรากับเกมเลิกกันแล้วเหรอ"คำถามของแม่ทำเอาผมชะงักไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของแม่เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะกดดัน แต่กลับทำให้หัวใจของผมเหมือนถูกดึงลงไปลึกในความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึง"ใช่ครับแม่ พอดี"ผมพยายามตอบด้วยเสียงเรียบที่สุด แม้ในใจจะรู้สึกหนักอึ้งแววตาของแม่ดูเหมือนจะสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรเพิ่ม"แต่เกมก็ยังดีนะลูก ขนาดเลิกกับเรายังมาหาแม่เลย พึ่งกลับไปก่อนที่เราจะมาเนี่ย สองปีก่อนเกมก็มาที่บ้านเรานะแถมยังฝากอันนี้ให้เราด้วย""อะไรนะแม่ ไอ้เกมมาที่นี่เหรอ
"โอ๊ยย เชี้ยเอ๊ย"เสียงร้องของเพิร์ทที่ไม่อาจห้ามได้เมื่อมันเจ็บมากกว่าที่คิด เขาแทบจะไม่ทันตั้งตัว ไอ้เกมเข้ามาจับมือเขาเบาๆอย่างระมัดระวัง ราวกับไม่อยากทำให้เขาเจ็บมากไปกว่าเดิม"เป็นไงบ้างเนี่ย โหมือพองหมดแล้ว ปะเดี๋ยวไปทายา"ไอ้เกมพูดออกมาอย่างห่วงใย แววตาของมันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้แค่พูดอย่างไร้ความหมายมันดูจริงจังเหมือนกับว่ามือของเพิร์ทคือสิ่งที่ต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ไอ้เกมรีบพาเพิร์ทไปที่มุมร้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แผลจะลุกลามมากกว่านี้"อือ"เพิร์ทพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับที่ไม่สามารถแสดงออกไปมากกว่านี้ได้ในขณะนั้น ความเจ็บปวดจากมือที่ลวกทำให้เขารู้สึกเหมือนทุกอย่างที่เคยสงบมันหายไป จนเขาไม่สามารถโฟกัสกับอะไรได้มากไปกว่าความรู้สึกที่อยู่ภายในใจเมื่อถึงที่ทำแผลไอ้เกมก็จัดการทายายาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ระมัดระวังให้มากที่สุด มันทายาแล้วพันผ้าก๊อซรอบมือที่บวมขึ้น สีหน้าไอ่เกมไม่ได้เต็มไปด้วยความเครี