หลังจากวันนั้นได้หลายวันและวันนี้เป็นเช้าวันที่บรรยากาศก็ยังคงไม่เป็นใจมากนัก เมื่อท้องฟ้าในยามเช้านี้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับพายุที่เข้ามาอย่างโหมกระหนำซัมเมอร์เซล
สายลมที่พัดผ่านเข้ามายังภายในห้องนอนผ่านผ้าม่านสีกรมที่ปลิวสะบัดไปมา ก่อนที่จะค่อยๆ ไล่มายังเตียงนอนที่ชายหนุ่มทั้งสองนอนขดอยู่บนเตียงนิ่ม แสงแดดที่แทรกผ่านหมอกฝนยังไม่สามารถเจาะทะลุความหนาของเมฆฝนได้ ทำให้บรรยากาศรอบๆห้องเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นอีกวันที่ไม่มีความสดใส
ผมขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มีอยู่ข้างๆแม้สายฝนจะโปรยลงมาภายนอก แต่เขากลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในช่วงเวลานี้ เขาหันไปมองข้างๆ และเห็นเกมยังคงนอนหลับอยู่ ขดตัวในท่าที่ดูเหมือนจะหลับสนิท ใบหน้าของเกมที่ยังคงมีรอยยิ้มจางๆอยู่บนมุมปาก ทำให้ผมรู้สึกถึงความอุ่นใจอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เสียงฝนกระทบกระจกหน้าต่างเบาๆผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านทำให้ห้องนอนนั้นเงียบสงบ ราวกับว่าเวลาในตอนนี้กำลังหยุดนิ่งเพียงแค่ให้ทั้งสองได้อยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพียงแค่ได้ใกล้ชิดกัน
เกมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ทำให้ผ้าห่มที่คลุมตัวหลุดออกไปเล็กน้อย เพิร์ทมองไปที่ร่างของเกมที่ยังคงหลับสนิท ก่อนที่เขาจะหลับตาลงอีกครั้ง พยายามซึมซับบรรยากาศนี้เอาไว้ให้นานที่สุด
แต่ในใจของเขาความคิดบางอย่างยังคงวนเวียนไปมา แม้ว่าเขาจะพยายามห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงมัน แต่บางอย่างก็เหมือนจะไม่สามารถหลุดพ้นจากความรู้สึกที่ยังค้างคาในใจ เขาไม่สามารถหลีกหนีความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเขากับเกมได้ ไม่ว่าจะเป็นความสับสนหรือแม้แต่ความกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
//อื้อ~~~
เสียงเบียดขี้เกียจดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มร่างบางนั้นลุกขึ้นมาเพราะความหนาวเหน็บจากลมพายุ เขาค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นและนั่งพิงกับหัวเตียงก่อนที่จะเหลือบไปเห็นชายหนุ่มที่นอนข้างๆของเขาที่ขดอยู่ในผ้าห่ม
ร่างสูงตัดสินใจเดินไปปิดประตูและม่านก่อนที่จะเดินกลับมานอนที่เตียงนอนต่อ แต่ระหว่างที่เขานั้นจะกลับมานอนอีกครั้ง คนที่ขี้เซานอนหลับอยู่นั้นก็ค่อยๆหันตัวมาหาเขาและใช้แขนของเขาเข้ามาโอบกอดทันทีพร้อมกับเสียงครางเบียดขี้เกียจทำเอาเขาที่ตื่นขึ้นมาแล้วขนลุกซู่ พร้อมกับเสียงกลั้นขำของเขา
มือหนาเรียวยาวยื่นไปขยี้หัวชายหนุ่มขี้เซาที่นอนอยู่ข้างๆ เสียงของการขยี้หัวนั้นดังเบาๆ ราวกับแสดงถึงความเอ็นดูและคุ้นเคย ก่อนที่เขาจะค่อยๆ จับแขนของชายหนุ่มออกจากตัวอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เขาตื่นขึ้นมากะทันหัน แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ปล่อยให้ชายหนุ่มยังคงหลับอยู่ในโลกแห่งความฝัน
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก พร้อมกับเสียงน้ำไหลดังเบาๆ เมื่อเขาเดินไปหยิบเสื้อผ้าเตรียมตัวไปทำอาหารให้ชายหนุ่ม ซึ่งเป็นการกระทำที่สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกๆรายละเอียด แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการตื่นเช้ามาทำอาหารให้ ไม่ทันไรก็มีเสียงดังขึ้นจากชายหนุ่มที่ตื่นขึ้นมาแล้วนั่งงัวเงียอยู่บนเตียง
“อ้าวเพิร์ท ตื่นแล้วหรอ รีบไปอาบน้ำได้แล้ว สายแล้วนะ”เสียงนั้นมาพร้อมกับการยืดตัวออกจากการนอนหลับทำให้ความง่วงยังคงค้างอยู่ในแววตาของเขา
“โอ้ยยมึงฝนตกขนาดเนี่ยจะออกไปหารถยังไง”เขาบ่นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย เหมือนกำลังหงุดหงิดกับสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ
“กูมีรถ พอดีท่านเค้าส่งมาให้กูด้วย”เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาแต่ยังคงแฝงไปด้วยความอารมณ์ดี ที่เอ่ยออกมาแบบไม่มีความลังเล
“แล้วทำไมมึงพึ่งบอกปล่อยให้ไปแท็กซี่ตั้งหลายวัน แต่ก็ดีจู่ๆ ก็ได้คนขับรถไปรับไปส่งไม่ต้องเสียเงิน”คำพูดที่แฝงไปด้วยความรู้สึกขำขันที่ยังไม่ลืมความเหนื่อยล้า และเป็นการหยอกล้อที่แสดงให้เห็นถึงความคุ้นเคยระหว่างกัน ทั้งสองคนรู้สึกสบายๆ และไม่ต้องคิดอะไรมากจากคำพูดที่ผ่านไป
หลังจากทานข้าวอะไรกันเสร็จทั้งสองก็มุ่งตรงไปยังที่ร้านคาเฟ่ เพิร์ทวิ่งเข้ามาในร้านทันทีพร้อมกับท่าสะบัดผมของเขาทำเอาเหนือที่เดินตามมานั้นยืนมองอย่างไม่ละสายตาทั้งสองจะเดินไปประจำการทำงานที่ใครที่มันและตอนนั้นเองก็เกือบจะถึงเวลาที่จะต้องเปิดร้านแล้วเขาจึงเดินไปหลังร้านเพื่อเดินไปเอาของ
ร่างบางเดินไปหยิบผงกาแกและผงนมเพื่อที่จะนำมาทำกาแฟแต่ระหว่างทางนั้นเอง จู่ๆเขาก็ดันเดินชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งจนล้ม แต่เพิร์ทก็ไม่ได้คิดอะไรรีบวางกาแฟและก้มลงไปช่วยเธอเพื่อที่จะนำตัวเธอนั้นลุกขึ้น
"อ๊ะ!!"
"เป็นอะไรไหมครับ"
แต่พอหญิงสาวเหงยหน้าขึ้นมามองทำเอาหนุ่มหล่ออย่างเพิร์ทนั้นถึงกับอึ้งและตาค้างเลยทีเดียว เพราะเธอคนนั้นแทบจะตรงสเป๊กเขาเลย ก่อนที่จะค่อยๆพยุงกันลุกขึ้นและถึงเวลาที่เสืออย่างเพิร์ทจะต้องนำเสน่ห์ขงเขาออกมาใช้บ้างแล้ว
“ขอโทษนะครับ เจ็บตรงไหนรึป่าวครับคุณ”เสียงของเขาดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง มือหนาและอบอุ่นยื่นไปใกล้ๆ ราวกับอยากจะช่วย แต่ท่าทางของเขากลับดูลังเล เหมือนว่ากลัวว่าจะทำให้เธอรู้สึกไม่ดี หรืออาจจะเป็นเพราะความเคอะเขินในสถานการณ์นี้ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เธอหันไปมองเขาแล้วยิ้มเล็กน้อย ปฏิกิริยาของเธอดูสงบแต่ในแววตากลับแฝงไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย รอยยิ้มที่ค่อยๆปรากฏบนใบหน้าเป็นการแสดงออกถึงความขอบคุณและความมั่นใจ
“มายด์ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ”เสียงของเธอนุ่มนวลและแผ่วเบา ความอบอุ่นแฝงในคำพูดเหมือนจะบอกให้เขาผ่อนคลายลง หลังจากการแสดงออกของเขาที่ดูเหมือนจะเป็นการแสดงความกังวลมากเกินไป เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงคงไว้ซึ่งมารยาทและความสุภาพในการกล่าวลาหมดทุกคำ
ตอนนั้นเองเพิร์ทถึงกับจะทรุดลงกับพื้นเพราะเขาคิดว่าเสน่ห์ที่เขาโปรยออกมานั้นไม่ได้ผลหรือเป็นเพราะอะไร แต่พอระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินผ่านเขาไปเพิร์ทจึงรีบจับแขนของเธอไว้ทันทีอย่างนุ่นนวล
“เดี๋ยวก่อนสิครับ รีบจังเลยนะ ว่าแต่…มีแฟนรึยังครับ”คำถามนั้นหลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ท่าทางของเธอดูอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความสนใจ สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอแต่ไม่กล้าแน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ริมฝีปากยิ้มออกมาเล็กน้อยเหมือนว่ากำลังตั้งใจถามจริงๆหรืออาจจะเพียงแค่ลองหยอกล้อเล่นกันไปก่อน
เธอหันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความขบขันและสงสัยในคำถามนั้น รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก ท่าทางเธอผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะทำ แต่ก็ไม่ยอมให้ความรู้สึกตรงนั้นมากล้ำกราย
“นี่อ่อยใช่ไหมคะเนี่ย อือ… แลกไลน์กันไหมคะ”เธอตอบกลับอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม ริมฝีปากขยับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และแฝงไปด้วยความสนุกสนาน คำพูดนั้นฟังดูเหมือนจะท้าทาย แต่แฝงไปด้วยความน่ารักที่ทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยการเล่นสนุก
“ก็เอาสิครับ”เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ยืนยันถึงความเต็มใจที่จะเล่นตามน้ำไป คำตอบที่ออกจากปากของผมดูเหมือนจะไม่มีข้อกังขาอะไร ผมตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา แต่ในแววตาของเขาก็มีแสงของความตื่นเต้นเล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกว่ามันอาจจะเริ่มเป็นจุดเริ่มต้นของการทำความรู้จักกันมากขึ้น
แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเสือ แต่เสือตัวนี้ทั้งหล่อและมีเสน่ห์เอามากๆเลยว่าได้ แถมใครมองก็ไม่ได้เพราะจะต้องตกอยู่ในมนต์ของภวังค์เสือหนุ่มอย่างเขานั้นเอง
หลังจากที่แลกไลน์กันนั้นทั้งสองก็ต่างแยกย้ายกันไป ผมที่เดินเข้าไปในร้านและสีหน้าท่าทางที่ดีใจเอาเป็นอย่างมากแต่ก็ต้องเก็บอาการ ทุกคนต่างมองผมที่เดินเข้ามานั้นอย่างแปลกประหลาดโดยเฉพาะไอ้ที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่นั้น ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปที่หน้าเคาร์เตอร์และจ้องมองผมอย่างมึนงง
“เป็นอะไรรึป่าวเพิร์ท มีอะไรปะ”ไทม์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย สายตาของเขาจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตา ดูเหมือนจะมองเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างในท่าทางของผม ทั้งที่ผมพยายามจะทำตัวปกติแต่เขาก็ยังคงไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ
“ป๊าววว ไปทำงานเหอะเดี๋ยวไอ้พี่ตี๋ก็ตัดเงินเดือนหรอก”ผมตอบไปอย่างพยายามทำให้มันดูธรรมดา ทั้งที่ในใจจริงๆแล้วรู้สึกถึงความยุ่งเหยิงและวุ่นวายที่กวนใจ ไม่อยากให้เขาตั้งคำถามมากไป
“ไม่เป็นอะไรแน่นะ”ไทม์ยังคงไม่ยอมแพ้คำถามนี้เหมือนเป็นคำพูดที่แฝงไปด้วยความกังวลและเขายังยืนอยู่ข้างๆไม่ยอมไปไหน ดูเหมือนจะรอคำตอบที่ชัดเจนจากผม
“เอ่อ กูไม่ได้เป็นอะไร ไปทำงานของมึงไป”ผมตอบกลับไปแบบรีบร้อน พยายามผลักดันให้เขาไปจากตรงนี้ แต่ในน้ำเสียงนั้นมันกลับแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าและไม่อยากให้ใครมารบกวน การที่ไทม์ยังไม่ยอมไปทำงาน ทำให้ผมรู้สึกกดดันขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็รู้ดีว่าเขาทำแบบนี้เพราะห่วง
ผมตอบกลับเกมเองด้วยน้ำเสียงที่เริ่มดูโกรธเคืองขึ้นทุกที ก่อนที่เหนือเองจะเดินกลับไปทำงานเพราะไม่อยากเห็นผมนั้นจะต้องมาโกรธหรือโวยวายอะไรมาก คนรอบข้างของเขาก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่ซุบซิบกันไปโดยเฉพาะตี๋ที่เดินบ่ายเบี่ยงไปหาเหนือและพยายามผลักดันให้ไอ้เกมนั้นเข้าไปหาผมอีกครั้ง
“เห้ยย ไอ้ไทม์ ไอ้เพิร์ทเป็นอะไรวะ”เสียงของพี่ตี๋ดังขึ้นด้วยความตกใจและสงสัย เขาก้าวเข้ามาใกล้ไทม์ ริมฝีปากขมวดเข้าหากันเหมือนจะรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติในท่าทางของผมแววตาของเขาจับจ้องไปที่ไทม์รอคำตอบอย่างคาดหวัง
“ไม่รู้สิครับพี่ ผมเข้าไปถามมันก็โมโหผมอ่ะ”ไทม์ตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่แน่ใจ รู้สึกถึงความลังเลในคำพูดเขาเคยพยายามถามไปแล้ว แต่การตอบกลับจากผมทำให้เขารู้สึกไม่อยากเข้าไปยุ่งอีก
“มึงลองเข้าไปถามมันอีกครั้งดิ”พี่ตี๋ยังคงไม่ยอมแพ้ เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกดดัน เหมือนอยากให้ไทม์เข้าไปทำอะไรสักอย่างดูเหมือนเขาจะไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆและอยากได้คำตอบจากผมให้ชัดเจน
“ไม่เอาพี่ตี๋ เดี๋ยวมันก็ดุผมอีกหรอก”ไทม์ตอบกลับทันทีพร้อมกับทำท่าทีลังเล รอยยิ้มที่ปากไม่เต็มที่แสดงออกมาอย่างไม่อยากเข้าไปยุ่งกับผมอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะรู้ดีว่าผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว
“มึงอยากรู้อะไรมาถามกูเองไหมพี่ตี๋ อย่าไปยุ่งกับมัน เห็นไหมว่ามันทำงานอยู่นะ”คำพูดของไทม์ทำให้พี่ตี๋นิ่งเงียบไปชั่วขณะ แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย มองไปที่ผมที่กำลังทำงานอย่างจริงจัง รู้สึกถึงความไม่ควรไปกวน แต่ในใจลึกๆเขาก็ยังค้างคาอยากรู้ว่าผมเป็นอะไร
และจู่ๆก็ได้มีเสียงที่ดุดันและน่ากลัวที่ดังขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่ทุกคนจะเดินกลับไปทำงานของใครของมัน พอเวลาผ่านมาได้ไม่นานเกมก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเพราะผมได้เป็นคนเดินมาเสิร์ฟของหวานให้ลูกค้าเองและลูกค้าคนนั้นทั้งสาว สวย และน่ารักมาก จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากมายด์คนที่เพิร์ทนั้นได้เดินชนเมื่อกี้นี้เอง เกมได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆและไม่ได้จะพูดอะไรเพราะเกรงว่าเพิร์ทจะดุเขาอีกครั้ง
หลังจากนั้นเองในช่วงเวลาบ่าย ก็ได้มีลูกค้าเริ่มทะยอยเข้ามาในร้านกันอย่างแน่นแฟ้นและในระหว่างนั้นที่เกมกำลังจะมารับออเดอร์ของโต๊ะกลุ่มหนึ่ง ท่าทีของชายหนุ่มรูปร่างกำยำ สูง หล่อ เข้ม ก็ได้แต่มองเหนือตั้งแต่เข้ามาในร้านแล้ว
สามีอย่างผมที่เริ่มสับสนแบบนั้นก็ได้แต่จับจ้องมองไปแต่ก็ไม่ได้จะพูดอะไรมากและยังคงยืนชงกาแฟของเขาไป
“อ่านี่ไอ้เกม เอาไปเสิร์ฟ”
ณ วันนี้วันที่แสงอรุณทอแสงผ่านเข้ามายังผ้าม่านพร้อมกับอากาศที่เย็นสบายตัวกับในห้องที่แอร์อุณหภูมิพอดีสบายตัวอีกด้วยสองหนุ่มค่อยๆตื่นจากฝันอันมีความสุข ทั้งสองขยี้เปลือกตาทั้งสองข้างก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวและรีบเดินทางไปที่ร้านทันทีตาม“เพิร์ท กูทำแซนวิชไว้ให้นะเว้ย กูทานแล้วมึงอ่ะก็รีบๆแต่งตัวเร็วๆด้วย มันสายแล้วนะเว้ยเดี๋ยวรถก็ติดเอาหรอก เข้าใจนะ”“เอ่อๆๆ บ่นอยู่นั่นแหละมึงอ่ะ รีบไปอาบน้ำเลย”พวกผมสองคนเองต่างก็พากันเร่งรีบกันแต่งตัวอย่างว้าวุ่นเมื่อตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องเข้างานแล้ว แตทว่าพวกเราเองยังคงอยู่ที่ห้องกันอยู่“เอ่อๆๆ เร็วๆนะมึง”ทั้งสองเมื่อทำอะไรเสร็จหมดแล้วนั้นก็คนตัวสูงเองก็รีบขับรถออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยที่ทางผมเองก็เปิดกล่องอาหารเพื่อนั่งกินแซนวิชที่คนข้างกายนั้นได้ทำให้อย่างเอร็ดอร่อย"อร่อยปะ ครั้งหน้าจะได้ทำอีก"
หลังจากเมื่อคืนจนเช้าวันต่อมาในฤดูฝนและอากาศที่หนาวเหน็บพร้อมกับชายหนุ่มอย่างผมที่ตามหาบัตรและข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสวนสนุกจนเพลิดเพลินและทำเอาไข้ผมขึ้นนอนโทรมเลยทีเดียวเขาไม่แม้แต่จะลุก ลืมตา หรือพูดอะไรออกมาเลยผมจึงไม่ได้สนใจและนอนต่อส่วนทางเกมนั้นที่ไม่รู้ว่าผมป่วยอยู่จึงเดินไปเข้าห้องนํ้าทำธุระส่วนตัวและออกไปทำอาหารตามปกติของเขา แต่เขารู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับผมเขาจึงเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ขาเรียวยาวสาวเท้าเดินไปหยิบรีโมทแอร์ขึ้นมาปรับอุณหภูมิของห้องและมาที่เตียงนอนเพื่อเปิดผ้าห่มที่ผมเองได้คลุมโปล่งไว้ก่อนที่จะส่งมือหนาของเขาไปแตะตัวผม“เพิร์ท ตื่นได้แล้วมึง สายแล้วนะเดี๋ยวไปร้านสายหรอก เชี้ย!!ทำไมมึงตัวร้อนขนาดนี้วะ”“อะไรวะเกม กูไม่ได้เป็นอะไรเว้ย”“ไม่เป็นเชี้ยไรตัวร้อนขนาดนี้วะเพิร์ท ปะไปหาหมอ”“อื้อ~~~ กูไม่ไปอ่ะ กูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ มึงไปทำงานเหอะ”
แต่ทันใดนั้นเองที่เกมเดินเข้ามาทางผมและทำสีหน้าท่าทางดูยิ้มแย้มแจ่มใสมากเข้า ผมรีบคว้าเเขนของเกมทันทีอย่างแน่นก่อนที่จะทำหน้าเข้มใส่เขาส่วนเกมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั้นก็ไม่ได้จะทำอะไรตอบเพราะคงคิดว่าผมคงจะยังโกรธที่เขาไปถามเขาเรื่องเมื่อเช้า“มีอะไรรึป่าวเพิร์ท กูเจ็บนะ”เกมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แฝงความเจ็บปวดขณะพยายามดึงมือกลับจากการจับแน่นของผม สายตาของเกมจ้องมาที่ผมด้วยความสงสัยปนไม่พอใจเล็กน้อย ใบหน้าของมันนิ่วเล็กน้อยเหมือนอยากจะถามให้แน่ชัดว่าผมเป็นอะไรไปผมหันไปสบตากับเกมแต่สายตาผมกลับตวัดไปที่โต๊ะนั้น โต๊ะที่ผมเห็นพวกมันมองมาที่เกมตั้งแต่ก้าวแรกที่เกมออกมาเสิร์ฟ รอยยิ้มบางๆที่ไม่จริงใจของลูกค้าพวกนั้นทำให้ใจผมกระตุกอย่างบอกไม่ถูก ความห่วงกังวลฉายชัดบนใบหน้าของผมขณะที่เอ่ยเสียงเครียด“มึงอย่าไปยุ่งกับโต๊ะนั้นมากนะเว้ย กูเห็นมันมองมึงตั้งแต่เข้าร้านละ”เกมเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับถอนหายใจแรงๆเหมือนกำลังหงุดหงิดที่ผมเข้ามาแทรกการทำงานของมัน“จะอะไรนักหนาวะ ลูกค้านะเว้ย!”มันพูดออกมาพร้อมกับสะบัดมือออกแรงจนผมปล่อยมือโดยไม่ตั้งใจผมมองตามมันที่เดินกลับไปอย่างหัวเสียแผ่นหลังเ
หลังจากวันนั้นได้หลายวันและวันนี้เป็นเช้าวันที่บรรยากาศก็ยังคงไม่เป็นใจมากนัก เมื่อท้องฟ้าในยามเช้านี้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับพายุที่เข้ามาอย่างโหมกระหนำซัมเมอร์เซลสายลมที่พัดผ่านเข้ามายังภายในห้องนอนผ่านผ้าม่านสีกรมที่ปลิวสะบัดไปมา ก่อนที่จะค่อยๆ ไล่มายังเตียงนอนที่ชายหนุ่มทั้งสองนอนขดอยู่บนเตียงนิ่ม แสงแดดที่แทรกผ่านหมอกฝนยังไม่สามารถเจาะทะลุความหนาของเมฆฝนได้ ทำให้บรรยากาศรอบๆห้องเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นอีกวันที่ไม่มีความสดใสผมขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มีอยู่ข้างๆแม้สายฝนจะโปรยลงมาภายนอก แต่เขากลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในช่วงเวลานี้ เขาหันไปมองข้างๆ และเห็นเกมยังคงนอนหลับอยู่ ขดตัวในท่าที่ดูเหมือนจะหลับสนิท ใบหน้าของเกมที่ยังคงมีรอยยิ้มจางๆอยู่บนมุมปาก ทำให้ผมรู้สึกถึงความอุ่นใจอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเสียงฝนกระทบกระจกหน้าต่างเบาๆผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านทำให้ห้องนอนนั้นเงียบสงบ ราวกับว่าเวลาในตอนนี้กำลังหยุดนิ่งเพียงแค่ให้ทั้งสองได้อยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพียงแค่ได้ใกล้ชิดกันเกมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย
ผมถึงกับลั่นคำอุทานออกมาทันทีก่อนที่จะวิ่งไปคว้าตัวไอ้เกมขึ้นมาและลากเขาออกไปเพราะนั่นคือตุ๊กแกนั่นเองที่เกาะอยู่ตู้เย็น ผมทั้งโวยวายและกระโดดไปมาเพราะความกลัวของผมเองก่อนที่จะคุมสติและเรียกยามขึ้นมาจับตุ๊กแกให้ ไอ้เกมที่ดูเหมือนจะไม่เคยกลัวอะไรเลยก็ยืนนิ่งๆพร้อมกับขำไปเพราะกิริยาของผมนั้นดูไม่เหมาะกับคนนิ่งๆแบบผมเอาซะเลย“โหคุณเพิร์ทครับ นี้ตัวใหญ่มากๆเลย”เสียงของพนักงานในร้านดังขึ้นพร้อมกับการมองอย่างตื่นตาตื่นใจไปที่เพิร์ท ซึ่งทำให้เขาเกือบจะหัวเราะออกมา แต่มันกลับมีความรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง เมื่อต้องรู้สึกเหมือนเป็นจุดสนใจอยู่ตลอดเวลา“โหยพี่รีบเอาลงไปเลย ผมกลัวจะแย่ละ ดีนะมันไม่โดดเกาะผมอ่ะ”เพิร์ทพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขาพยายามหลบหลีกสถานการณ์ที่ทำให้เขาเป็นจุดสนใจในขณะที่บรรยากาศรอบตัวเริ่มรู้สึกตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกไม่ชอบที่ต้องอยู่ในสายตาของทุกคน“อะไรโดดเกาะอะไรไม่รู้อ่ะ แต่ที่รู้ๆนี่คุณเพิร์ทเกาะแฟนแน่นเลยขอตัวนะครับ”พนักงานพูดจบพร้อมยิ้มกว้าง และแอบหยอกล้อเพิร์ทด้วยท่าทางสนุกสนาน แต่มันก็ทำให้เพิร์ทรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเขามองตามพนักงานที่เดินจากไป รู้สึกถึงความสน
"ห๊ะ! กูเนี่ยนะ ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยวะ"จากนั้นผมก็มองหน้าไอ้เกมไป คิดไป มองไป แต่ก็คิดไปออกสักทีคือที่ผมจำได้แน่ๆคือเมื่อคืนผมมาที่ร้านแล้วพวกมันก็กระทืบผมอย่างจัง จนสภาพของผมนั้นเละเป็นอย่างมากจะให้มีอารมณ์ไปดื่มก็แปลกไปเพราะมันไม่อยู่ในความทรงจำผมเลยแล้วพวกมันก็พาผมไปขอไอ้หุ่นตัวนั้นหลังจากนั้นพวกผมก็ก็คุยกันหลังจากนั้นไอ้หุ่นตัวนั้นก็บอกให้หลับตาแล้วผมก็หลับตาจู่ๆมันก็มาโผล่มาอยู่ที่ที่นอนแล้วไอ้เนี่ยก็นอนกอดผม ผมจำได้แค่นี้จริงๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ"เกมพูดเสียงเรียบๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นและเตรียมเดินออกไป ผมหันมามองเขาและรู้สึกถึงความทุลักทุเลในใจ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป ก็มีคำพูดของคนอื่นที่ดังขึ้น"เชี้ย! มึง เกิดอะไรขึ้นวะ"เสียงของเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เพิร์ทรีบหันไปมอง ทันทีที่เห็นท่าทางสงสัยของเพื่อน เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างหลุดจากปากไปแล้ว"มึงก็ทนๆ หน่อยละกัน ไอ้เกมมันก็ดีนะเว้ย"เพื่อนของเพิร์ทพูดเสียงหัวเราะคล้ายจะเข้าใจสถานการณ์ แต่เพิร์ทยังคงรู้สึกอึดอัดกับคำพูดนั้น"ใช่พี่ ถือว่าลองประสบการณ์"อีกคนที่อยู่ในกลุ