หลังจากเมื่อคืนจนเช้าวันต่อมาในฤดูฝนและอากาศที่หนาวเหน็บพร้อมกับชายหนุ่มอย่างผมที่ตามหาบัตรและข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสวนสนุกจนเพลิดเพลินและทำเอาไข้ผมขึ้นนอนโทรมเลยทีเดียวเขาไม่แม้แต่จะลุก ลืมตา หรือพูดอะไรออกมาเลยผมจึงไม่ได้สนใจและนอนต่อ
ส่วนทางเกมนั้นที่ไม่รู้ว่าผมป่วยอยู่จึงเดินไปเข้าห้องนํ้าทำธุระส่วนตัวและออกไปทำอาหารตามปกติของเขา แต่เขารู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับผมเขาจึงเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ขาเรียวยาวสาวเท้าเดินไปหยิบรีโมทแอร์ขึ้นมาปรับอุณหภูมิของห้องและมาที่เตียงนอนเพื่อเปิดผ้าห่มที่ผมเองได้คลุมโปล่งไว้ก่อนที่จะส่งมือหนาของเขาไปแตะตัวผม
“เพิร์ท ตื่นได้แล้วมึง สายแล้วนะเดี๋ยวไปร้านสายหรอก เชี้ย!! ทำไมมึงตัวร้อนขนาดนี้วะ”
“อะไรวะเกม กูไม่ได้เป็นอะไรเว้ย”
“ไม่เป็นเชี้ยไรตัวร้อนขนาดนี้วะเพิร์ท ปะไปหาหมอ”
“อื้อ~~~ กูไม่ไปอ่ะ กูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ มึงไปทำงานเหอะ”
“มึงนี่มัน….. ดื้อจริงๆไอ้เพิร์ท”หลังจากนั้นเองเกมก็เดินออกไปที่ระเบียงเพื่อจะคุยโทรศัพท์ใครบางคน แต่เขาก็ไม่ได้จะสนใจเพียงเพราะคิดว่าเกมเองคงโทรบอกพวกตี๋ ก่อนที่ผมจะค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นพิงกับเตียงแต่ยังไม่ทันไรเขาก็ต้องตกใจกับเสียงของเกมที่โวยวายอยู่ข้างนอกทำเอาไข้ของผมเองกระโดดเต้นหายไปแล้วมั้ง
“ห๊ะ!! อะไรนะพี่ มันจะชักหรอ แล้วผมต้องทำไงอ่าพี่พาไปส่งโรงพยาบาลเลยปะ”ตอนนั้นเองที่จู่ๆผมก็เกิดมีอาการชักขึ้นมา ร่างกายของเขาเริ่มแข็งมาก แขนขาเริ่มเกร็งพร้อมกับการกระตุก ร่างบางเองพยายามควบคุมและบังคับตัวเองแต่ก็ต้องพ่ายแพ้จนกระทั่งเกมเองที่วางสายจากตี๋และรีบวิ่งเข้ามาหาผมก่อนที่จะใช้มือของเขาเองนำเข้ามาในปากของผมเพื่อที่จะให้กัด แต่ซึ่งวิธีนี้ผิดมาก
“เพิร์ท เป็นไรวะ โอ้ยยยยยยย”หลังจากที่ชักเกรงไปได้ไม่นานร่างกายก็ได้หยุดลงและสลบไสลไปในที่สุด คนตัวสูงที่กห็นว่าน่างบางของเขานั้นสลบไปแล้วจึงอุ้มผมขึ้นไปในท่าเจ้าสาวเพื่อที่จะนำตัวเขาเองไปให้คุณหมอรักษาและมีทั้งตี๋ เนม ไทม์ที่มาดูแลผมด้วยเช่นกัน
แต่ไม่นานทั้งสามก็ต้องกลับไปเฝ้าร้านต่อมีเพียงเกมที่ยังคงนั่งเฝ้าผมไปจนกระทั่งฟุงหลับไปที่ข้างๆเตียงของผมพร้อมกับมือหนาที่จับมือบางอย่างผมไว้ไม่ยอมปล่อย
จนเวลาผ่านไปได้ประมาณ20นาที ผมนั้นที่พึ่งได้สติขึ้นมาผมส่งสายตามองไปรอบๆห้องและพบว่าตัวเองได้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยก่อนที่จะค่อยๆหันไปมองไอ้ขี้เซาที่นอนเฝ้าผมเอง
ผมนำมืออีกข้างของเขาไปจับที่หัวของไอ้เกมอย่างเบาๆและนุ่มนวลแต่ดูเหมือนว่าเขานั้นจะเริ่มรู้สึกและรีบลุกขึ้นมาทันที
“อ้าววเพิร์ทฟื้นแล้วหรอ เป็นไงบ้าง”
“กูไม่เป็นไรแล้ว แต่ปวดหัวนิดหน่อยว่ะมึง”
“หมอครับคนไข้ห้อง402ฟื้นแล้วครับ"ผมที่พึ่งตื่นด้วยความงัวเงียพอสายตาที่สะดุดเข้ากับมืออีกข้างของคนข้างกายจึงรีบจับขึ้นมาดูทันทีอย่างนุ่มนวล ผมรู้ได้เลยว่าแผลนี้คงเป็นเหตุการณ์ของเขาแน่นอน ส่วนทางเกมนั้นที่ตกใจมากกับการกระทำของผมที่แสดงออกมาอย่างนี้จึงยิ้มออกมาเบาๆก่อนจะทำหน้าตึงของมันหนาเดิม
“มือมึงไปโดนอะไรมา เจ็บไหมวะ”
“แค่นี้เอง กูไม่เจ็บหรอก”
//ก๊อกๆๆๆ
หลังจากสิ้นประโยคของเขาจู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาก่อนที่หมอและพยาบาลจะเดินเข้ามาตรวจร่างกายของเขาตามปกติและเดินออกไปตรวจร่างกาย ดูแลคนไข้คนอื่นต่อ
คนตัวสูงค่อยๆเดินเข้ามาหาผมก่อนที่จะใช้มือของเขาแตะที่หน้าผากของผมทำเอากวางน้อยนั้นกระโดดโลดเต้นไปมาอยู่ในอกพร้อมกับสีหน้าที่เริ่มแดงระเรือขึ้นเรื่อยๆเพราะเสียอาการจากการกระทำของเกมเอง
สองสายตามาประจบกันก่อนที่เขานั้นจะส่งรอยยิ้มมาให้คนใต้ล่าง เขาจึงหันไปทางอื่นแทนพร้อมกับลิ้นที่ดันกระพุงแก้มแก้เขิน
“ตัวก็ไม่ร้อน แต่หน้าแดงมากเลย หึ ไอ้ดื้อ :)”
“ก็กูเป็นไข้ไงมึง”
“หิวยังเดี๋ยวกูลงไปหาอะไรมาให้ทานมึงไม่ชอบข้าวต้มนิ”ผมตอบกลับด้วยการพยักหน้าพร้อมกับมือที่วางไว้บนหน้าท้องเพื่อแสดงอาการบอกว่าหิวมากๆแล้วก่อนที่ไอ้เกมจะเดินออกไปซื้อของให้เขาเอง ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนที่จะพรึมพรำกับตัวเองไปแต่ก็ทำให้คิดถึงเรื่องเมื่อกี้ไม่ได้ เขาเองที่ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มานานแล้วสาวๆที่ควงก็ไม่ได้จะใจเต้นเหมือนกับเหนือเลยแม้แต่น้อย
“นี่…..กูชอบไอ้เกมหรอวะ แต่มันเป็นผู้ชายนะเว้ย แต่…..ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่หว่าเดี๋ยวนี้ชายรักชายก็เยอะจะตายกูควงมันเป็นแฟนคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เอาไงดีวะกู”หลังจากที่พรึมพรำกับตัวเองจบผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและแชทคุยกับมายด์อย่างปกติและหวานแหววแต่ก็มีบางคราวที่ทำให้เขาคิดถึงเรื่องเขาและเกมเองเมื่อกี้จากที่สับสนอยู่แล้วยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ ก่อนที่เกมเองจะเดินหอบข้าวของเข้ามาในห้องผมจึงวางมือถือลงและกันมาสนใจอาหารแทน
“โหไอ้เกมมึงซื้ออะไรมาเยอะแยะวะ”
“มึงไม่ชอบข้าวต้มกูเลยซื้ออย่างอื่นมาแทนนี้ หมูผัดขิงบรรเทาอาการหวัด นี่น้ำขิง และนี่ขนมเค้กนี้ไม่หวานและดีต่อสุขภาพมากๆกูซื้อมาเอาใจมึงเลยนะ”
“ขอบใจมึงนะเกมที่ทำเพื่อกูขนาดเนี่ย”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็เราเป็นผัวเมียกันไง”ทุกครั้งผมจะต้องขัดมันตลอดแต่ทำไมตอนนี้ผมทำได้แค่หัวเราะอยู่ในคอพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งไปให้มัน ไอ้เกมเองป้อนข้าวป้อนนํ้าและขนมให้ผมเสร็จก่อนที่ทั้งสองนั้นจะเดินทางพากันกลับคอนโดเพราะอาการของเขาไม่ค่อยน่าเป็นห่วงสักเท่าไหร่
พอถึงห้องก็เย็นพอดีเกมจึงเดินไปที่ครัวเพื่อจะทำอาหารให้ผมกิน ส่วนผมก็เดินที่โซฟานอนมองไอ้ที่ทำกับข้าวให้เขาอยู่จึงทำได้แค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเพื่ออำพลางอาการเขิลของเขา
“มามึงทานข้าวเดี๋ยวกูป้อนเอง”
“ไม่เป็นไร มึงก็ทานของมึงเหอะ ไม่หิวไง”
“ป้อนให้มึงเสร็จให้มึงทานยาแล้วค่อยๆทาน อ่าอ้าปาก”ตอนนั้นเองคำพูดของไอ้เกมที่ทำเอาผมนั้นต้องสะดุด ผมใช้มือบางของเขาจับมือหนาไว้ก่อนที่จะพยายามพูดอะไรออกมา แต่ทางเกมเองไม่ยอมพยายามจะป้อนข้าวให้เขา ผมเลยต้องจำยอมทานก่อนที่จะพูดอะไรออกมา
“มึงไม่ต้องดีกับกูขนาดนี้ก็ได้นะเว้ย ดูแลตัวเองบ้าง เดี่ยวมึงก็ล้มป่วยหรอก”
“ถ้ากูล้มป่วยมึงต้องดูแลกูนะ”
“ก็ต้องดูแลดิวะ มึงคือคนของกูเลยนะเว้ย”
“ตอนมึงชัก มึงหัวฟาดมารึไง”เกมที่พูดกำกวมและเริ่มทำสีหน้านอยๆคงเพราะก่อนหน้านี้ผมแสดงการกระทำก้าวร้าวใส่เขาไปมากจนเกินไป แต่จู่ๆเขาเองก็กลับกลายมาพูดดี เหมือนอย่างกับคนละคนเลยทีเดียวจึงทำให้ผมเองรู้สึกผิดมาก จึงแสยะยิ้มไปที่หนึ่งพร้อมกับมือบางๆของเขาขยี้หัวไอ้เกมไปพลางๆ
“กูไม่ได้ล้มหัวฟาดหรอก แต่มึงคือเด็กกูไง กามเทพส่งมึงมาให้กู ฉะนั้นมึงก็คือคนของกูเข้าใจไหม”
“เอ่อเข้าใจแล้ว มึงนั่นแหละเด็กกู ทานข้าวเลย แล้วจะได้ทานยา ไอ้เด็กดื้อของกู”
และตอนนั้นแหละคำพูดของมันทำเอาผมหุบยิ้มไม่ได้เลยทีเดียวผม หลังจากที่ทั้งสองนั้นทานข้าวกันจนอิ่มท้องป่องพวกเขาก็ต่างช่วยกันทำความสะอาดก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
ผมที่เดินไปอาบน้ำก่อนที่จะเดินมานั่งเล่นโทรศัพท์ที่เตียงอันกว้างใหญ่และแสนนุ่มหนาของเขาพร้อมกับลมเย็นของแอร์บวกกับบรรยากาศภายนอกที่เล็ดลอดเข้ามาภายในห้องและผ่านยังร่างบางที่นอนอยู่
แต่หลังจากนั้นได้ไม่นานเกมก็เดินออกมาพร้อมกับกางเกงขายาวของเขาและผ้าเช็ดผมของเขาเอง ก่อนที่จะเดินมาที่เตียงและมุดผ้าห่มเข้าไปนอนอยู่เคียงข้างผม
ร่างบางที่เริ่มสับสนกับความรู้สึกของตัวเองว่าตัวเขานั้นได้ชอบพอกับเกมรึป่าวพอโดนแบบนี้มันก็ทำให้เขาเองแน่ชัดได้เลยว่าตัวเขาเองได้หวั่นไหวกับเกมแล้ว แก้มนุ่มทั้งสองข้างค่อยๆแดงขึ้นทีละน้อยก่อนที่คนตัวสูงจะเหลียวมองร่างบาง และทำท่ามึนงง
“เป็นเชี้ยไร”
“ตัวมึงร้อนอีกแล้วหรอวะ กูว่ามึงรีบนอนเหอะนี่ดึกละนะ หน้าแดงหมดแล้ว”
//เชี้ยไรวะเนี้ย ไม่ได้ๆ น้องมายด์พี่ขอโทษ
“หรอวะ สงสัย…..ยาคงเริ่มออกฤทธิ์อ่ะมึง ไม่มีอะไรหรอก มึงอ่ะทำไมไม่ใส่เสื้อ นี่อากาศก็เย็นนะเว้ยเดี๋ยวก็เป็นไข้หรอกนอนกับกูอีก”
“กูไม่เป็นอะไรหรอก กูแค่ร้อนว่ะ”จากนั้นเองที่เขินกันไปกันมาทั้งสองก็ต่างก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไป แต่ก็แอบมีมองกันบ้างอย่างเป็นห่วงโดยเฉพาะผมเองที่แอบมองพร้อมกับอาการเขินของเขาเองจึงทำให้เกมนั้นตกใจมาเป็นบางคราวก่อนที่จะเริ่มแยกย้ายกันปิดไปนอนหลับไหลไปในค่ำคืนราตรีอันแสนหวาน
ณ วันนี้วันที่แสงอรุณทอแสงผ่านเข้ามายังผ้าม่านพร้อมกับอากาศที่เย็นสบายตัวกับในห้องที่แอร์อุณหภูมิพอดีสบายตัวอีกด้วยสองหนุ่มค่อยๆตื่นจากฝันอันมีความสุข ทั้งสองขยี้เปลือกตาทั้งสองข้างก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวและรีบเดินทางไปที่ร้านทันทีตาม“เพิร์ท กูทำแซนวิชไว้ให้นะเว้ย กูทานแล้วมึงอ่ะก็รีบๆแต่งตัวเร็วๆด้วย มันสายแล้วนะเว้ยเดี๋ยวรถก็ติดเอาหรอก เข้าใจนะ”“เอ่อๆๆ บ่นอยู่นั่นแหละมึงอ่ะ รีบไปอาบน้ำเลย”พวกผมสองคนเองต่างก็พากันเร่งรีบกันแต่งตัวอย่างว้าวุ่นเมื่อตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องเข้างานแล้ว แตทว่าพวกเราเองยังคงอยู่ที่ห้องกันอยู่“เอ่อๆๆ เร็วๆนะมึง”ทั้งสองเมื่อทำอะไรเสร็จหมดแล้วนั้นก็คนตัวสูงเองก็รีบขับรถออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยที่ทางผมเองก็เปิดกล่องอาหารเพื่อนั่งกินแซนวิชที่คนข้างกายนั้นได้ทำให้อย่างเอร็ดอร่อย"อร่อยปะ ครั้งหน้าจะได้ทำอีก"
หลังจากเมื่อคืนจนเช้าวันต่อมาในฤดูฝนและอากาศที่หนาวเหน็บพร้อมกับชายหนุ่มอย่างผมที่ตามหาบัตรและข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสวนสนุกจนเพลิดเพลินและทำเอาไข้ผมขึ้นนอนโทรมเลยทีเดียวเขาไม่แม้แต่จะลุก ลืมตา หรือพูดอะไรออกมาเลยผมจึงไม่ได้สนใจและนอนต่อส่วนทางเกมนั้นที่ไม่รู้ว่าผมป่วยอยู่จึงเดินไปเข้าห้องนํ้าทำธุระส่วนตัวและออกไปทำอาหารตามปกติของเขา แต่เขารู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับผมเขาจึงเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ขาเรียวยาวสาวเท้าเดินไปหยิบรีโมทแอร์ขึ้นมาปรับอุณหภูมิของห้องและมาที่เตียงนอนเพื่อเปิดผ้าห่มที่ผมเองได้คลุมโปล่งไว้ก่อนที่จะส่งมือหนาของเขาไปแตะตัวผม“เพิร์ท ตื่นได้แล้วมึง สายแล้วนะเดี๋ยวไปร้านสายหรอก เชี้ย!!ทำไมมึงตัวร้อนขนาดนี้วะ”“อะไรวะเกม กูไม่ได้เป็นอะไรเว้ย”“ไม่เป็นเชี้ยไรตัวร้อนขนาดนี้วะเพิร์ท ปะไปหาหมอ”“อื้อ~~~ กูไม่ไปอ่ะ กูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ มึงไปทำงานเหอะ”
แต่ทันใดนั้นเองที่เกมเดินเข้ามาทางผมและทำสีหน้าท่าทางดูยิ้มแย้มแจ่มใสมากเข้า ผมรีบคว้าเเขนของเกมทันทีอย่างแน่นก่อนที่จะทำหน้าเข้มใส่เขาส่วนเกมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั้นก็ไม่ได้จะทำอะไรตอบเพราะคงคิดว่าผมคงจะยังโกรธที่เขาไปถามเขาเรื่องเมื่อเช้า“มีอะไรรึป่าวเพิร์ท กูเจ็บนะ”เกมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แฝงความเจ็บปวดขณะพยายามดึงมือกลับจากการจับแน่นของผม สายตาของเกมจ้องมาที่ผมด้วยความสงสัยปนไม่พอใจเล็กน้อย ใบหน้าของมันนิ่วเล็กน้อยเหมือนอยากจะถามให้แน่ชัดว่าผมเป็นอะไรไปผมหันไปสบตากับเกมแต่สายตาผมกลับตวัดไปที่โต๊ะนั้น โต๊ะที่ผมเห็นพวกมันมองมาที่เกมตั้งแต่ก้าวแรกที่เกมออกมาเสิร์ฟ รอยยิ้มบางๆที่ไม่จริงใจของลูกค้าพวกนั้นทำให้ใจผมกระตุกอย่างบอกไม่ถูก ความห่วงกังวลฉายชัดบนใบหน้าของผมขณะที่เอ่ยเสียงเครียด“มึงอย่าไปยุ่งกับโต๊ะนั้นมากนะเว้ย กูเห็นมันมองมึงตั้งแต่เข้าร้านละ”เกมเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับถอนหายใจแรงๆเหมือนกำลังหงุดหงิดที่ผมเข้ามาแทรกการทำงานของมัน“จะอะไรนักหนาวะ ลูกค้านะเว้ย!”มันพูดออกมาพร้อมกับสะบัดมือออกแรงจนผมปล่อยมือโดยไม่ตั้งใจผมมองตามมันที่เดินกลับไปอย่างหัวเสียแผ่นหลังเ
หลังจากวันนั้นได้หลายวันและวันนี้เป็นเช้าวันที่บรรยากาศก็ยังคงไม่เป็นใจมากนัก เมื่อท้องฟ้าในยามเช้านี้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับพายุที่เข้ามาอย่างโหมกระหนำซัมเมอร์เซลสายลมที่พัดผ่านเข้ามายังภายในห้องนอนผ่านผ้าม่านสีกรมที่ปลิวสะบัดไปมา ก่อนที่จะค่อยๆ ไล่มายังเตียงนอนที่ชายหนุ่มทั้งสองนอนขดอยู่บนเตียงนิ่ม แสงแดดที่แทรกผ่านหมอกฝนยังไม่สามารถเจาะทะลุความหนาของเมฆฝนได้ ทำให้บรรยากาศรอบๆห้องเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นอีกวันที่ไม่มีความสดใสผมขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มีอยู่ข้างๆแม้สายฝนจะโปรยลงมาภายนอก แต่เขากลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในช่วงเวลานี้ เขาหันไปมองข้างๆ และเห็นเกมยังคงนอนหลับอยู่ ขดตัวในท่าที่ดูเหมือนจะหลับสนิท ใบหน้าของเกมที่ยังคงมีรอยยิ้มจางๆอยู่บนมุมปาก ทำให้ผมรู้สึกถึงความอุ่นใจอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเสียงฝนกระทบกระจกหน้าต่างเบาๆผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านทำให้ห้องนอนนั้นเงียบสงบ ราวกับว่าเวลาในตอนนี้กำลังหยุดนิ่งเพียงแค่ให้ทั้งสองได้อยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพียงแค่ได้ใกล้ชิดกันเกมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย
ผมถึงกับลั่นคำอุทานออกมาทันทีก่อนที่จะวิ่งไปคว้าตัวไอ้เกมขึ้นมาและลากเขาออกไปเพราะนั่นคือตุ๊กแกนั่นเองที่เกาะอยู่ตู้เย็น ผมทั้งโวยวายและกระโดดไปมาเพราะความกลัวของผมเองก่อนที่จะคุมสติและเรียกยามขึ้นมาจับตุ๊กแกให้ ไอ้เกมที่ดูเหมือนจะไม่เคยกลัวอะไรเลยก็ยืนนิ่งๆพร้อมกับขำไปเพราะกิริยาของผมนั้นดูไม่เหมาะกับคนนิ่งๆแบบผมเอาซะเลย“โหคุณเพิร์ทครับ นี้ตัวใหญ่มากๆเลย”เสียงของพนักงานในร้านดังขึ้นพร้อมกับการมองอย่างตื่นตาตื่นใจไปที่เพิร์ท ซึ่งทำให้เขาเกือบจะหัวเราะออกมา แต่มันกลับมีความรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง เมื่อต้องรู้สึกเหมือนเป็นจุดสนใจอยู่ตลอดเวลา“โหยพี่รีบเอาลงไปเลย ผมกลัวจะแย่ละ ดีนะมันไม่โดดเกาะผมอ่ะ”เพิร์ทพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขาพยายามหลบหลีกสถานการณ์ที่ทำให้เขาเป็นจุดสนใจในขณะที่บรรยากาศรอบตัวเริ่มรู้สึกตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกไม่ชอบที่ต้องอยู่ในสายตาของทุกคน“อะไรโดดเกาะอะไรไม่รู้อ่ะ แต่ที่รู้ๆนี่คุณเพิร์ทเกาะแฟนแน่นเลยขอตัวนะครับ”พนักงานพูดจบพร้อมยิ้มกว้าง และแอบหยอกล้อเพิร์ทด้วยท่าทางสนุกสนาน แต่มันก็ทำให้เพิร์ทรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเขามองตามพนักงานที่เดินจากไป รู้สึกถึงความสน
"ห๊ะ! กูเนี่ยนะ ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยวะ"จากนั้นผมก็มองหน้าไอ้เกมไป คิดไป มองไป แต่ก็คิดไปออกสักทีคือที่ผมจำได้แน่ๆคือเมื่อคืนผมมาที่ร้านแล้วพวกมันก็กระทืบผมอย่างจัง จนสภาพของผมนั้นเละเป็นอย่างมากจะให้มีอารมณ์ไปดื่มก็แปลกไปเพราะมันไม่อยู่ในความทรงจำผมเลยแล้วพวกมันก็พาผมไปขอไอ้หุ่นตัวนั้นหลังจากนั้นพวกผมก็ก็คุยกันหลังจากนั้นไอ้หุ่นตัวนั้นก็บอกให้หลับตาแล้วผมก็หลับตาจู่ๆมันก็มาโผล่มาอยู่ที่ที่นอนแล้วไอ้เนี่ยก็นอนกอดผม ผมจำได้แค่นี้จริงๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ"เกมพูดเสียงเรียบๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นและเตรียมเดินออกไป ผมหันมามองเขาและรู้สึกถึงความทุลักทุเลในใจ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป ก็มีคำพูดของคนอื่นที่ดังขึ้น"เชี้ย! มึง เกิดอะไรขึ้นวะ"เสียงของเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เพิร์ทรีบหันไปมอง ทันทีที่เห็นท่าทางสงสัยของเพื่อน เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างหลุดจากปากไปแล้ว"มึงก็ทนๆ หน่อยละกัน ไอ้เกมมันก็ดีนะเว้ย"เพื่อนของเพิร์ทพูดเสียงหัวเราะคล้ายจะเข้าใจสถานการณ์ แต่เพิร์ทยังคงรู้สึกอึดอัดกับคำพูดนั้น"ใช่พี่ ถือว่าลองประสบการณ์"อีกคนที่อยู่ในกลุ