เมื่อคนใจร้ายคนนั้นเขาออกไปจากห้องแล้ว ฉันก็ปล่อยน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ให้มันไหลออกมาทันที
ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ ฉันเคยไปทำอะไรให้เขา เพียงเพราะฉันแต่งงานกับพ่อของเขา ถึงขั้นที่เขาจะต้องทำกับฉันเหมือนฉันไม่ใช่คนขนาดนี้เลยรึไง ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ฉันก็คงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ เพราะฉันคงจะตกเป็นตัวระบายตัณหาของเขาไปตลอด เพราะดูแล้วเขาคงจะไม่หยุดแค่นี้ ฉันเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกไปไหน จนตอนเย็นมีแม่บ้านมาตามไปกินข้าว ฉันถึงออกจากห้อง จริงๆ ฉันก็ไม่อยากจะออกไปสักเท่าไหร่หรอก เพราะไม่อยากเห็นหน้าเขา ไอ้คนใจร้ายคนนั้น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนนี้มันชั่งน่าอึดอัดมากจริงๆ และก็เป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ไม่มีผิด ว่าต้องเจอเขา เฮ้อ ก็นี่มันบ้านของเขาจะเจอมันคงไม่ใช่เรื่องแปลก ฉันถึงไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วไง “อ่ะ !!” ฉันกำลังนั่งก้มหน้าทานข้าวอยู่ จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตัวโหยงด้วยความตกใจ เพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างมาแตะโดนต้นขาของฉัน “เป็นอะไรหรือเปล่า” คุณท่านหันมาถามฉันด้วยความสงสัย “ปะ เปล่าค่ะ พอดีมดมันกัด” เมื่อตอบคุณท่านที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วฉันก็หันไปมองคนตรงหน้าเขากระตุกยิ้มมุมปากให้ฉัน ทุเรศที่สุดเลยจริงๆผู้ชายคนนี้ ตอนนี้ปลายเท้าของเขาก็ยังเขี่ยขาของฉันอยู่ จนฉันทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นยืน “หนูอิ่มแล้ว หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันบอกคุณท่านเสร็จฉันก็รีบเดินขึ้นมาบนห้องฉันนั่งคิดนานนับชั่วโมงว่าฉันจะขอคุณท่านไปอยู่ข้างนอกยังไงดี คุณท่านเคยบอกว่าอยากให้ฉันอยู่ในสายตาของคุณท่านตลอด คุณท่านกลัวว่าจะมีคนมาทำร้ายฉันอีก เพราะเจ้าหนี้คนนั้นก็เป็นคนที่มีอิทธิพลมากเหมือนกัน
หรือฉันต้องเรียนต่อดี แล้วขอคุณท่านไปอยู่ที่หอแบบนี้มันจะเป็นการรบกวนเงินของคุณอีก เฮ้อ กลางดึกของคืนนี้ฉันออกจากห้องแล้วเดินไปเคาะประตูห้องคุณท่าน เพราะฉันมีเรื่องที่จะขอ ฉันคิดทบทวนดูแล้ว ฉันคงต้องเรียนต่อ นี่คือข้ออ้างเพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องมาอยู่ที่นี่ทุกวัน ไม่ต้องเห็นหน้าคนใจร้ายคนนั้นทุกวัน แกร่ก! (ประตูห้องนอนของคุณท่านเปิดออก) “หนูมารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณท่านหรือเปล่าคะ” ฉันเอ่ยถามออกไปด้วยความเกรงใจ เพราะนี่มันก็ดึกแล้ว “ไม่หรอกปกติฉันนอนดึกอยู่แล้ว หนูเข้ามาก่อนสิ” ฉันเดินเข้าไปในห้องของคุณท่าน คุณท่านนั่งลงตรงปลายเตียง ส่วนฉันก็นั่งลงที่พื้นใกล้ๆกับคุณท่าน “หนูมีอะไรหรือเปล่าถึงได้มาเคาะห้องดึกดื่นแบบนี้” ฉันถอนหายใจออกมา เบาๆ อย่างเหนื่อยใจ “หนูตัดสินใจแล้วค่ะ หนูจะเรียนต่อ” “ทำไม จู่ๆ ถึงเปลี่ยนใจ เป็นเพราะลูกชายฉันหรือเปล่า มันทำอะไรให้หนูไม่สบายใจหรือเปล่า มันแกล้งอะไรหนู” คุณท่านถามออกมาเหมือนรู้ว่าคนใจร้ายคนนั้นเขาข่มเหงฉัน “เปล่าหรอกค่ะ หนูอยากเรียนต่อจบมาจะได้มีงานทำ ถึงเวลาที่หนูต้องไปจากที่นี่หนูจะได้ไม่ต้องลำบาก” “ถ้าหนูอยากจะเรียนฉันก็จะจัดการให้” “หนูขอไปอยู่หอนะคะ คือหนู...” “ลูกชายของฉันคงทำให้หนูลำบากใจ จริงๆ สินะ” พูดจบคุณท่านก็ถอนหายใจออกมา เบาๆ สีหน้าของคุณดูจะหนักใจมาก หวังว่าคุณท่านจะไม่รู้เรื่องที่ลูกชายของคุณท่านล่วงเกินฉัน “ลูกชายฉันคนนี้มันหัวรั้นมาตั้งแต่เด็ก บอกอะไรก็ไม่ฟัง แต่มันก็คงจะผิดเพราะฉันเองฉันทำแต่งานเลี้ยงลูกด้วยเงิน ตั้งแต่แม่ของตาโชนเสีย...” คุณท่านไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับถอนหายใจออกมาเบาๆ ฉันก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อเช่นกัน ผู้ชายคนนั้นชื่อโชน งั้นหรอ ชื่อกับนิสัยและรอยสักบนตัวของเขามันชั่งดูไม่เข้ากันเลยสักนิด “ฉันอยากจะช่วยหนู แท้ๆ แต่หนูต้องมาเดือดร้อนเพราะลูกชายของฉัน” คุณท่านเอ่ยออกมาอย่างหนักใจ ทำเอาฉันรู้สึกผิดเลยที่เอาปัญหามาให้คุณท่านคิดมาก “เดี๋ยวฉันจะบอกเรื่องที่หนูแต่งงานกับฉันเพราะอะไรให้ลูกชายตัวดีของฉันรู้ มันจะได้เลิกแกล้งหนู” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ให้เขาคิดแบบนี้ไปเถอะถึงบอกไปยังไงเขาก็คงไม่ชอบหน้าหนูอยู่ดี” ฉันว่าต่อให้คุณท่านจะบอกหรือไม่บอก คนใจร้ายแบบนั้นก็คงอคติกับฉัน เพราะเขาตั้งแหง่เกลียดฉันมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว “ถ้าหนูต้องการแบบนั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันจะเตือนลูกชายของฉันว่าอย่าให้มันมายุ่งกับหนู” “เขาไม่ชอบหน้าหนูมันก็ไม่แปลกหรอกค่ะ เขาเป็นห่วงคุณท่านคงจะกลัวว่าคุณท่านจะโดนผู้หญิงหลอก” “มันห่วงฉันหรือมันห่วงสมบัติของฉันกันแน่” ฉันเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะนี่มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของคุณท่าน ฉันเป็นแค่คนนอก “หนูเล่าเรื่องหนูกับแม่ให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ย ฉันอยากฟัง” ฉันมองคุณท่านด้วยความสงสัย คุณท่านชอบให้ฉันเล่าเรื่องของฉันกับแม่ให้ฟัง บ่อยๆ จนตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะเล่าอะไรแล้วหลังจากที่คุยเรื่องเรียนกับคุณท่านเสร็จ เล่าเรื่องตอนฉันเด็กๆให้คุณท่านฟัง ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วฉันเลยขอตัวกลับมานอน พรุ่งนี้คุณท่านจะฉันไปดูคอนโดที่อยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยที่คุณฉันจะส่งให้ฉันไปเรียน แล้วคุณท่านก็บอกว่าคุณฉันจะไม่บอกเรื่องที่ฉันพักอยู่ที่ไหนไหนลูกชายของคุณท่านรับรู้
ชาตินี้ทั้งชาติฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะตอบแทนบุญคุณของคุณท่านยังไงหมด คุณท่านดีกับฉันมากเหลือเกิน“ทำไมไม่นอนกับพ่อฉันล่ะ ออกมาทำไม”
ในขณะที่ฉันกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยท้วงฉัน ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าเสียงนี้คือเสียงของใคร คนใจร้าย คือเขาคนนั้น คุณโชน ฉันหันไปมองเจ้าของเสียง ข้างกายเขามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ ข้างๆ หน้าตาราวกับนางแบบเธอสวยมากจนฉันตะลึง “เสี่ยคะแม่นี่เป็นใคร คงไม่ใช่เมียเสี่ยใช่มั้ยคะ” “เธอเป็นเมียพ่อฉัน” เขาพูดบอกผู้หญิงคนนั้น แต่สายตายังคงจับจ้องมองใบหน้าของฉันอย่างไม่ละสายตา “อุ๊ยตาย ยังเด็กอยู่เลยนะ นี่หล่อนร้อนเงินมากขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย” ผู้หญิงคนนั้นถึกแม้ว่าหน้าตาเธอจะสวยรรวกับนางฟ้า แต่กริยาท่าทางทำพูดของเธอมันทำรายความสวยของเธอไปหมดสิ้น เธอต่ำตมมากจริงๆ “ไปรอฉันในห้อง” เขาหันไปบอกผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายเขา เธอแสดงสีหน้าเหมือนจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ยอมไปรอเขาที่ห้องตามที่เขาสั่ง ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลย จริงๆ ว่าจะมายืนอยู่ทำไม ทำไมฉันไม่เข้าไปในห้อง บ้าจริง!! “ได้กับพ่อฉันมาเท่าไหร่ล่ะรอบนี้” “ขอตัวก่อนนะคะ” หมับ! ยังไม่ทันที่ฉันจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู มือหนาของเขาก็คว้ามือกระชากแขนฉันอย่างแรง ฉันจะร้องประท้วงก็ไม่ได้เพราะกลัวว่าคุณท่านจะตื่น ฉันไม่อยากให้คุณท่านคิดมาก “พึ่งแต่งงานทำไมถึงรีบแยกห้องนอนจังล่ะ หึ!! ขายตัวแลกกับเงินแบบเธอนี่มันสบายดีจริงๆ วันนี้ได้กับฉันไปตั้งเท่าไหร่ กับพ่อฉันอีก” “.....” “เกิดเป็นเธอนี่ชีวิตดี จริงๆ เลยนะ ไม่ต้องทำอะไรแค่อ้าขาให้ฉันกับพ่อฉันเอาก็ได้เงิน” “ฉันเสนอให้แค่กับพ่อคุณ แต่คุณอยากได้ฉันเองไม่ใช่หรือไง ฉันไม่เคยขอร้องให้คุณมาทำเรื่องนั้นกับฉัน เกลียดฉันไม่ใช่รึไง นี่ขนาดเกลียดฉันคุณยังทำเรื่องอย่างว่ากับฉันตั้งสองครั้ง” ฉันพูดออกไปอย่างเหลืออด และไม่สนใจว่าเขาจะมองฉันยังไง คำพูดของเขามันเหยียดฉันมากเกินไป จริงๆ ถ้าจะให้ฉันยืนฟังอยู่ นิ่งๆ คงไม่ได้ ฉันมีความรู้สึกเหมือนกัน คำพูดของฉันมันคงจะทำให้เขาไม่พอใจมากพอสมควร เพราะตอนนี้เขาออกแรงบีบแขนฉันแรงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ฉันเจ็บแต่ฉันเลือกที่จะเงียบไม่แสดงออก “ผู้หญิงอย่างเธอมันก็เป็นได้แค่ของเล่นคนรวยเท่านั้นแหละแสนดี เธอไม่มีทางมาแทนที่แม่ฉันได้ จำเอาไว้ซะ !!” ปัก! ตุบ! ร่างฉันถูกเขาผลักออกอย่างแรงจนฉันไปชนกับประตูห้องของตัวเองก่อนจะล้มลงฟุบที่พื้น เขาไม่พูดอะไรต่อ และไม่แม้แต่จะเอ่ยขอโทษฉัน เขาเดินผ่านฉันไปโดยที่ไม่สนใจจะหันกลับมามอง ฉันไม่หวังให้เขามาพูดขอโทษอะไรทั้งนั้นหรอก เพราะรู้ว่าเขาไม่มีทางมาขอโทษฉัน อีกไม่นานฉันก็จะไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้แล้ว ทนอีกนิดแสนดี เดี๋ยวก็จะหลุดพ้นจากคนอย่างเขาแล้ว@โรงพยาบาลฉันปวดท้องตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วยังไม่คลอดเลย อาการปวดท้องมันเริ่มปวดหนักขึ้น เรื่อยๆ มันแน่นไปหมดเลยตอนนี้ “ปวดมากท้องมากเลยใช่มั้ย” คุณโชนจับมือฉันเอาไว้ตลอด เขาไม่ปล่อยมือฉันเลยถ้าไม่จำเป็น “ปะ ปวดค่ะ ปะ ปวดมาก” เขาเฝ้าถามฉันตลอดว่าเจ็บท้องมากมั้ย หมอก็มาเช็คปากมดลูกเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาคลอด คุณพ่อกับคุณณอณจะที่โรงพยาบาลช่วงบ่าย แต่ฉันยังไม่คลอดทั้งสองคนเลยกลับไปก่อน เอิงเอยก็มาด้วยนะ เธอตัดใจจากคุณโชนได้แล้ว และบอกว่าจะมาใหม่ตอนฉันคลอดแล้ว “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็คลอด” คุณโชนบีบมือของฉันแน่น แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” “เมียกำลังจะคลอดเธอจะให้ฉันมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ลงคอรึไง” คุณโชนพูดค้อนฉัน ตอนนี้รู้สึกว่าลูกเริ่มถีบแรงขึ้น เรื่อยๆ และมันทำให้ฉันเจ็บจนตัวเกร็ง มันใกล้แล้วใล่มั้ย อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันก็จะได้เจอหน้าลูกชายของฉันแล้ว... @ห้องคลอด “เบ่งค่ะคุณแม่ อื๊ดดดดดด ~” “อื๊ดดดดดดด ~” “หายใจเข้าออก ลึกๆ แล้วเบ่งอีกนะคะคุณแม่” “คุณพ่อช่วยคุณแม่เบ่งด้วยนะคะ” “หนึ่ง สอง อื๊ดดดดดดด
-ณ ดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ฉันกำลังนั่งกินมื้อค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคุณโชนสามีของฉัน “อาหารไม่อร่อยหรอคะ ?” ฉันเห็นคุณโชนเอาช้อน เขี่ยๆ จานข้าวสักพักแล้วแหละแต่ก็ไม่ยอมกินสักที “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกอยากจะอ้วก” “ฉันอุตส่าห์เป็นคนท้อง แท้ๆ ทำไมคุณถึงมาแพ้ท้องแทนฉันได้นะ” “เธอไม่แพ้ก็ดีแล้ว ถ้าท้องอยู่แล้วต้อบมาแพ้ท้องหนักอีกฉันจะได้ไปทำงานรึไง” “ทำไมละคะ ?”“เมียทั้งคนฉันจะไม่ห่วงได้ไง” ดินเนอร์ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราคุยกันปกติเหมือนที่คุยกันทุกวัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้หรอก เพราะยังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่จำเป็นหวานใส่กันตลอดเวลา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะหวานกับฉันเท่าไหร่หรอกนะคุณโชนน่ะ เพราะเขาเขินจนทำตัวไม่ถูก“อย่าลืมนะคะว่าพรุ่งนี้ต้องซักผ้าล้างจานที่ตัวเองกินเอาไว้เมื่อวานด้วย” ฉันบอกคุณโชนในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน “รู้แล้วครับคุณเมีย พูดกรอกหูตั้งแต่ขาไปยันขากลับ กลัวได้ทำเองรึไง” ฉันฝึกเขาเอาไว้น่ะ ให้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเพราะเวลาฉันคลอดลูกคุณโชนจะได้ทำเป็น อีกอย่างพวกเสื้อผ้าลูกฉันไม่อยากให้คนอื่นซักเพราะเป็นเสื้อผ้าเด็กยิ่งต้อ
เช้า...วันนี้ฉันกับคุณโชนตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมของรอใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเริ่มใช้ชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาของเรา หลังจากใส่บาตรเสร็จคุณโชนก็เตรียมตัวออกไปบริษัท แต่เขานะสิจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย งอแงเหมือนเด็กนั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาเพราะฉันไม่ยอมไปบริษัทกับเขาด้วย “คุณโชน คุณจะมางอนเหมือนเด็กแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ก็ไปด้วยกันสิ แค่นั้นก็จบ” เขาพูดทั้งที่ยังนั่งหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่านี่คะ ไปที่บริษัทมันน่าเบื่อ...” “ฉันน่าเบื่อใช่มั้ย” ฉันถึงกับถอนหายใจออกมา ยาวๆ ดูเขาสิ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเชียว “เราพึ่งแต่งงานกันเมื่อวานเองนะ คุณอยากจะเซ็นใบหย่าแล้วหรอคะ” ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง พอคุณโชนได้ยืนคำพูดของฉันเมื่อกี้เขาก็หันควับมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ดทันที “แค่นี้ถึงกับขู่จะหย่าเลยหรอวะแสนดี !!” “ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง” “คิดว่าฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอหรือไง ไม่มีทาง” “ไปทำงานได้แล้วค่ะ” ฉันขี้เกียจจะทะเลาะแล้ว อยากจะพักผ่อนช่วงนี้เหนื่อยง่ายอยากจะนอนตลอดเวลาเลย “
— งานมงคลสมรส “พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากเลยนะคะ ^_^” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมฉันเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ฉันยิ้มตอบกลับไปด้วยความเขินอาย ฉันมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ น้ำตามันก็พลอยจะไหลออกมาให้ได้ ฉันไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวราคา แพงๆ ไม่เคยวาดฝันว่าจะมีงานแต่งที่ใหญ่โตอลังการ ค่าสินสอดหลายสิบล้าน ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉันในตอนนี้ด้วยจัง อยากให้แม่ได้มาเห็นลูกสาวคนนี้ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้แม่คงจะกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ หลังจากที่คุณโชนขอฉันแต่งงาน เราก็ไปบอกคุณท่าน คุณท่านเป็นคนจัดการหาฤกษ์แต่งให้และก็ได้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์ ทำเอาพวกเราหัวหมุนกันทุกคนแทบไม่ได้พักผ่อนฉันแอบหวั่นใจอยู่นะว่าคนที่มาในงานเขาจะไม่แปลกใจหรอที่ก่อนหน้านี้ฉันแต่งงานกับคุณท่าน พอมาวันนี้ฉันกลับแต่งงานกับลูกของคุณท่านซะงั้น แต่คุณท่านก็บอกฉันว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าคุณท่านแก้ข่าวให้แล้ว พิธีกรแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนในงานต่างพากันยิ้มมีความสุข พิธีจัดขึ้นแค่ช่วงเช้า หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานแล้วฉันกับคุณโชนก็ถูกส่งตัวเข้าหอ — ภายในห้อง “เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้าง
ร่างของฉันถูกคุณโชนอุ้มเข้าไปในห้องนอน เขาวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือจากนั้นก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน “อื้ม...” เสียงทุ้มนุ่มของคุณโชนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นเอาแต่หลับตารับรสจูบสัมผัสที่หอมหวานนั้นของคุณโชน ไม่บ่อยหนักที่เขาจะนุ่มนวลแบบครั้งนี้ เหมือนเขากำลังเอาใจฉันอยู่ เราทั้งคู่ดูดดื่มกับรสจูบได้สักพัก เป็นคุณโชนที่ถอนจูบออกแล้วก็จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน “เธอกำลังทำให้ฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นนะแสนดีรู้ตัวมั้ย หื้ม...” คุณโชนพูดพรางเอานิ้วเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากของฉัน เบาๆ “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” “นั่นสิ ทำไมฉันถึงหลงเธอขนาดนี้กัน” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกซอกคอของฉัน ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวกับคำหวานที่คุณโชนพูดออกมาบอกฉัน มันไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง คงจะเป็นเพราะฉันชินกับคุณโชนคนที่ ดิบ เถื่อน ชอบทำร้ายจิตใจฉัน พอเขาเปลี่ยนไปฉันถึงกับใจเต้นรัวทุกครั้งที่เขาพูดคำหวานแบบนี้ “อื้อ อย่าทำให้มันเป็นรอยสิ” ฉันท้วงคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังดูดเม้มทำรอยไว้หลายจุดเลย “อยากแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันผิด
“ถ้าฉันเป็นโรคอะไรร้ายแรง จริงๆ เธอให้อภัยฉันได้มั้ย ?” เขามองหน้าฉันแววตามีความหวัง เอายังไงดีล่ะฉันจะตอบไปว่ายังไงดี “เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยรึไงถึงเอาแต่เงียบ” “แล้วฉันสมควรที่จะเกลียดคุณมั้ยละคะ” ฉันย้อนถามเขา และครั้งนี้เป็นคุณโชนที่เป็นฝ่ายเงียบซะเอง “ขอโทษ....” “....” “ฉันรู้ว่าคำว่าขอโทษพูดไปมันก็เป็นแค่เพียงลมปาก มันลบสิ่งที่ฉันเคยทำไว้กับเธอไม่ได้” “....” “แต่ฉันพร้อมที่จะดูแลเธอ ชดใช้ในสิ่งที่ฉันเคยทำพลาดไป มันไม่น่าให้อภัยฉันรู้ ฉันก็แค่อยากให้เธอเปิดใจ อึก อึก....” “คะ คุณโชน...!!” ฉันรีบประคองตัวเขาเอาไว้ เขาจะอ้วกอีกแล้ว นี่มันอะไรกันฉันจะร้องไห้แล้วนะ “แสนดี...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดแล้วไปหาหมอก่อน” “ให้อภัยฉันได้มั้ย....” “....” ฉันเม้มปากแน่น ฉันไม่เคยใจแข็งกับเขาได้เลย จริงๆ “อึก ตะ ตอบหน่อย อึก อ้วก...” “คะ คุณโชน ค่ะโอเคฉันให้อภัยคุณแล้วไปโรงพยาบาลกันนะ” สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนให้เขา ฉันคิดดูแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันตัดสินใจพลาด มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก “พูดจริงๆนะ เธอให้อภัยฉันแล้ว” คุณโชนยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนคนไม่มีเลือดฝาดบนใบหน้าเลย “ค่ะ