วันนี้คือวันหยุด มะลิจึงตื่นมาแต่เช้าเพื่อมาช่วยป้าผ่องและเผือกทำอาหารเช้าให้กับทุกคน ในขณะที่กำลังเด็ดผักอยู่นั้น ลินดาก็เดินลงมาหาถึงในห้องครัว
“นี่มะลิ เรียกแท็กซี่ให้มารับฉันหน่อยสิ”
“ทำไมไม่ให้คุณหมอไปส่งล่ะคะ วันนี้คุณหมอไม่ได้เข้าโรงพยาบาลค่ะ”
“ไม่ล่ะ ตอนนี้เขาอาบน้ำอยู่ เขาไม่ค่อยได้นอน เลยไม่อยากจะรบกวน”
“เอ่อ ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
เมื่อส่งลินดาขึ้นรถแท็กซี่ออกไปแล้ว ก็ได้เวลาความสะอาดห้องของเขาพอดี ในเมื่อเจ้าของห้องกำลังอาบน้ำ เธอจึงรีบฉวยโอกาสขึ้นไปเก็บกวาดเสียก่อนที่เขาจะออกมา
เสียงน้ำที่ไหลฝักบัวในห้องน้ำดังเล็ดลอดออกมาอย่างแผ่วเบา สาวน้อยจึงเปิดผ้าม่านให้มีแสงสว่างผ่านเข้ามาในห้อง เธอรีบถอดผ้าปูที่นอนที่ยับย่นพร้อมทั้งเปลี่ยนชุดเครื่องนอนให้กับเขาใหม่ยกชุด ก่อนจะปัดฝุ่นตามโต๊ะและชั้นต่างๆ แล้วรีบดูดฝุ่นทำความสะอาดที่พื้นอย่างรวดเร็ว
เธอเตรียมรวบชุดเครื่องนอนและอุปกรณ์ทำความสะอาดลงไปข้างล่าง ตาก็เหลือบไปเห็นถังขยะข้างเตียงที่ภายในมีถุงยางอนามัยใช้แล้วนอนแอ้งแม้งอยู่หลายชิ้น
สาวน้อยที่ไม่เคยเห็นเจ้าสิ่งนั้นในสภาพใช้แล้วแบบนี้มาก่อน ยืนจ้องสะกดจิตเศษซากขยะใช้แล้วนั่นอยู่นาน กำลังจะยื่นมืออันสั่นเทาไปมัดปากถุง ก็พอดีกับเจ้าของห้องที่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่ ตามลำตัวมีหยดน้ำเกาะพราว
“ทำอะไร มะลิ”
“อุ๊ย หมอน่าน”
สาวน้อยสะดุ้งโหยง ยืดตัวยืนขึ้นแล้วหดมือกลับมาแทบไม่ทัน แม้ว่าเธอจะรู้ว่าผู้ปกครองของเธอมีคู่ขามากมายทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ก็ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะพาใครกลับมาทำอะไรที่บ้านแล้วทิ้งหลักฐานให้เธอเก็บแบบนี้ จึงยังไม่เคยชินนัก
“อ้อ จะเก็บขยะหรอ แล้วทำไมไปยืนจดๆ จ้องๆ มันอย่างนั้นล่ะ”
แปลก ทุกทีก็เห็นว่าเธอมัดปากถุงแล้วยกออกมาจากถังอย่างปกติ วันนี้เป็นอะไร ทำตัวจดๆ จ้องๆ ยื่นๆ หดๆ มืออยู่อย่างนั้นเอง
ด้วยความสงสัย หมอหนุ่มจึงยื่นหน้าไปมองภายในถังนั้นก็ต้องตกใจ เขาลืมไปเสียสนิทว่าได้ทิ้งเศษซากอารยธรรมเอาไว้ในนี้หลายชิ้นทีเดียว เด็กสาวที่ยังไม่เคยมีแฟนอย่างเธอคงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่ผิดแน่
“เห้ยย ขอโทษ เดี๋ยวฉันเก็บเอง”
“ค่ะ”
เขามัดปากถุงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกวาดสายตาหาเพื่อนรักที่นอนด้วยกันมาทั้งคืนก็พบเพียงความว่างเปล่า กระเป๋าสะพายใบสวยของเธอก็หายไปด้วย
“ลินล่ะ เข้ามาเจอไหม”
“คุณลินให้เรียกแท็กซี่ให้ กลับไปได้สักพักแล้วค่ะ”
“หรอ อืม ขอบใจมาก”
สาวน้อยมะลิที่ไม่ค่อยกล้าจะเงยหน้ามองผู้มีพระคุณเพราะสภาพล่อแหลมนั้น กำลังจะหมุนตัวกลับออกจากห้อง แต่ก็โดนรั้งเอาไว้
“จะไปไหน”
“หนูทำความสะอาดเสร็จแล้วค่ะ จะลงไปข้างล่างแล้ว”
“เธอยังทำหน้าที่ไม่เสร็จเลย ลืมแล้วหรอ”
“อะไรคะ”
คนตัวโตไม่พูด แต่เดินต้อนจนคนตัวบางค่อยๆ เดินร่นถอยหลังหนีจนสิ้นสุดที่แผ่นหลังบอบบางชนกับตู้เสื้อผ้าแบบบิลต์อินขนาดใหญ่เต็มผนัง
“คุณหมอ..”
“เสื้อผ้าของฉันล่ะ ไม่เห็นเตรียมเอามาแขวนให้อย่างทุกที”
“เอ่อ ที่จริงหมอก็เลือกเสื้อผ้าใส่เองได้ ไม่เห็นจะต้องให้หนูมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวเลยค่ะ”
“หัดเป็นเด็กขี้เกียจแล้วหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ หนูแค่..”
“ไม่ต้องเถียง สั่งอะไรก็ทำเถอะน่า เปิดตู้สิ แล้วเลือกชุดมาให้ฉัน”
เธอหมุนตัวกลับแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าทันที
“หมอจะไปไหนคะ”
“อยู่บ้าน”
เธอไล่มือไปตามเสื้อยืดสีขาวของเขาแล้วหยิบออกมาตัวหนึ่ง แต่มือใหญ่ก็แตะที่หลังมือเธอแล้วดันให้เธอเอากลับไปแขวนคืนไว้ที่เดิม
คนตัวบางกะพริบตาปริบๆ เขาไม่ถูกใจหรือ เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แล้วหยิบเสื้ออีกตัวออกมา แต่เขาก็ทำแบบเดิมอีก คราวนี้จากที่แตะเบาๆ ที่หลังมือ กลับกลายเป็นจับมือของเธอไว้แน่น แล้วบังคับพามือน้อยๆ ของเธอลากไปตามแนวไม้แขวนเสื้อจนได้ตัวที่เขาถูกใจ ก็บังคับให้เธอจับไม้แขวนเสื้อชิ้นนั้นออกมา
“กางเกงล่ะ”
เธอทำแบบเดิม คือเลือกตัวที่เขาชอบใส่ในวันหยุด แต่ดันไม่ถูกใจพ่อเจ้าประคุณเสียนี่ และเขาก็บังคับจับมือเธอให้ลากไปเลือกกางเกงแบบเดิมๆ จนได้
“เอ่อ เสร็จแล้วค่ะ หนูลงไปทำกับข้าวต่อนะคะ”
“ป่านนี้ทำเสร็จกันหมดแล้ว ค่อยลงไปพร้อมฉัน”
“แต่หนู..”
“จะยืนดูฉันแก้ผ้าตรงนี้หรอ”
“มะ ไม่ค่ะ”
“อืม งั้นก็ขยับออกมายืนข้างๆ สิ เลือกนาฬิกามาให้ฉันเรือนนึง”
“เดี๋ยวหมอก็ไม่ถูกใจอีก เลือกเองสิคะ”
“เห็นไหมว่าฉันไม่ว่าง กำลังจะแต่งตัว”
พูดจบก็ดึงผ้าเช็ดตัวลงทิ้งกองที่พื้นในทันที สาวน้อยสะดุ้งโหยง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดตาแน่น แล้วส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ
“ว้ายยย หมอน่าน”
“หึหึ อะไร จะปิดตาทำไม”
“ก็ใครใช้ให้หมอมาแก้ผ้าต่อหน้าหนูล่ะคะ หน้าไม่อายจริงๆ หนูไม่ใช่เมียหมอนะ”
“หึหึ แล้วอยากเป็นป่ะล่ะ”
“หมอ...”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่แกล้งแล้ว ลืมตามาก่อนสิ ฉันใส่กางเกงตั้งนานแล้ว หลับหูหลับตากรี๊ดไม่เข้าท่า ถ้ามีคนเข้ามาเจอเธอกับฉันในสภาพนี้ โดยที่เธอหลับหูหลับตากรี๊ดๆ อยู่แบบนี้ แม่จับเธอแต่งงานกับฉันแน่”
“ไม่เอานะคะ”
สาวน้อยลดมือลงแล้วโพล่งออกไปด้วยความตกใจ จะให้เธอแต่งงานกับเขาหรอ นรกกินกบาลกันพอดี เขาคือผู้มีพระคุณสูงสุดของเธอรองจากพ่อกับแม่เลยนะ จะบ้าหรือเปล่า
“ทำไม ทำไมไม่เอา”
หมอหนุ่มฉุนจัดที่เด็กในปกครองโพล่งปฏิเสธออกมาโดยไม่ทันได้ผ่านสมองด้วยซ้ำ มันน่าหงุดหงิดนัก หมอน่านฟ้าที่ทั้งหล่อเหลาและร่ำรวย มีอะไรน่ารังเกียจจนเธอต้องโพล่งออกมาแบบนั้น
“ก็หมอเป็นผู้มีพระคุณของหนู แล้วหมอก็แก่กว่าหนูตั้ง 12 ปี หมอเปรียบเสมือนพ่อของหนูเลยนะคะ”
“แค่ก แค่ก ยัยมะลิ ฉันแก่ขนาดเป็นพ่อเธอได้เชียวหรือ ฮะ ยัยเด็กร้ายกาจ”
“หนะ หนูไม่ได้หมายความว่าหมอแก่เท่าพ่อของหนูค่ะ แต่หมอคือผู้มีบุญคุณ ให้หนูคิดอะไรกับหมอ นรกได้กินหัวหนูสิคะ ฟ้าผ่าตายเลย”
“เห้อ พอๆ ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกแย่ ไป ลงไปกินข้าวกันได้ละ ไหน ต้องเอาอะไรลงไปบ้าง เดี๋ยวช่วยถือ”
เขามองกองผ้าห่มและผ้าปูที่นอน แถมยังมีเครื่องทำความสะอาดและถุงขยะอีกหนึ่งใบ จึงหอบชุดเครื่องนอนและถุงขยะที่เขาทิ้งเรี่ยราดเอาไว้ลงไปข้างล่างทันที
“อ๊ะ อ๊ะ หมอน่าน อ๊า”
สาวสวยในชุดเดรสสีดำแหวกหน้าแหวกหลังที่หลุดลุ่ยลงมากองอยู่ที่เอวคอด กำลังโยกขย่มหมอหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตายบนโซฟาตัวยาวของห้องทำงานบนชั้นสองของผับชื่อดังใจกลางเมือง
ในตอนกลางวัน เขาเป็นผู้อำนวยการและหมอหนุ่มอนาคตไกล ส่วนตอนกลางคืนเขากลับกลายเป็นผู้บริหารผับชื่อดังและเป็นนักล่าที่สาวๆ ค่อนประเทศหมายปอง
แม้ว่าภายในโรงพยาบาลและผับแห่งนี้จะมีพนักงานสาวสวยเซ็กซี่เล่นหูเล่นตากับเขาแค่ไหน และถึงแม้ว่าเขาจะชอบนอนกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาเป็นชีวิตจิตใจ แต่คนอย่างหมอน่านฟ้า ไม่ชอบที่จะกินไก่วัด เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าไร้ศีลธรรมเกินไป แถมหลังจากที่เขากินไก่วัดตัวขาวอวบพวกนั้น การปกครองของเขาจะเสียทันที นำมาซึ่งความวุ่นวายและอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจนับหมื่นล้านของเขาได้
ส่วนแม่สาวคนที่กำลังโยกขย่มเขาอย่างเอาเป็นเอาตายนี่หรือ ก็คือดาราดาวรุ่งที่กำลังมีผลงานเรื่องแรกที่โด่งดังเป็นพลุแตกไปทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในตอนนี้ไง
เขากับเธอรู้จักกันในงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนรักอีกคนในกลุ่ม ที่ถึงแม้ว่าตอนนี้ พีท พิรัชย์ เพื่อนรักของเขามันจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปกับเด็กในปกครองของมันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีเพื่อนในกลุ่มอีกหลายคนที่ยังคงโสดและรักสนุกเหมือนกันกับเขา
“ซี๊ดดด ขย่มแรงๆ”
“อื้อออ หมอ”
ร่างบางขยับโยกตอกกระแทกสุดแรงเกิด ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินทางมาถึงเส้นชัย หมอหนุ่มแตกกระจายความใคร่ออกมาจนเต็มปลอกป้องกันพร้อมๆ กับสาวสวยที่เกร็งกระตุกเสร็จสมถึงสวรรค์ตามไปติดๆ
“อืออ หมอคะ คืนนี้ไปนอนที่คอนโดของนีน่านะคะ”
“ผมไม่สะดวก”
หมอหนุ่มยกร่างบางของดาราสาวขึ้นให้ท่อนร้อนของเขาหลุดออกมาจากร่องรักที่ไม่ได้ฟิตกระชับเท่าไหร่นัก กำลังจะรูดปลอกป้องกันทิ้ง อยู่ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดพรวดพราดเข้ามา
น่านฟ้า : “มะลิคบกับใครเป็นแฟนหรอครับ ทั้งผม ทั้งกวิน มีใครได้เป็นแฟนของมะลิ ถึงบอกว่ามะลิคบซ้อนได้”นักข่าวที่อยู่ข้างมะลิแต่แรกพยักหน้าเห็นด้วย เพราะตลอดเวลาที่กวินแสดงออกว่าจีบมะลิ เขาก็บอกเสมอว่ามะลิให้โอกาส และมะลิเองก็ยังมีโอกาสพิจารณาผู้ชายคนอื่นด้วยนักข่าว : “แปลว่า คุณหมอรู้มาตลอดว่ากวินจีบมะลิ และกวินก็รู้มาตลอดว่าคุณหมอก็ชอบมะลิ งั้นหรอคะ”น่านฟ้า : “ครับ ผมรู้มาตลอด และผมก็แน่ใจว่ากวินก็รู้ เราแข่งขันกัน ใครสามารถทำให้มะลิรู้สึกรักได้ ก็เป็นฝ่ายได้เป็นตัวจริงของมะลิ แค่นั้นเอง และกวินเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดีครับ”นักข่าว : “คุณหมอคิดว่าอะไรทำให้คุณหมอชนะใจมะลิคะ”น่านฟ้า : “ไม่รู้สิครับ มะลิเองก็ไม่เคยมีแฟน ไม่รู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายแบบไหน แต่ผมเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ ผมดูแลมะลิ เข้มงวดเรื่องเรียน เรื่องการวางตัว การเข้าสังคม รวมไปถึงการสังสรรค์ตามประสาวัยรุ่น ถึงผมจะเคยมีข่าวเสียหายเรื่องผู้หญิงมามาก แต่พอผมแน่ใจว่าผมชอบมะลิ ผมก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครอีก อีกอย่างอาจเป็นเพราะอายุผมห่างจากเธอมากก็ได้ เลยให้ความรู้สึกอบอุ่นมั้งครับ”นักข่าว : “น่ารักจังเลยค่ะ แต่ขออนุญาตถามแท
“พี่กับลิน ไม่ได้มีอะไรกันแบบที่มะลิเข้าใจ วันนั้นพี่เป็นไข้ ตื่นสาย ยุเข้ามาปลุกที่ห้องนอน เอายาเอาข้าวมาป้อนให้พี่นอนพัก พี่บอกให้ยุโทรตามมะลิให้มาหาพี่ที แล้วพี่ก็หลับไป พี่ตื่นมาอีกทีจะค่ำแล้ว คนที่นอนกอดพี่อยู่ไม่ใช่มะลิ แต่เป็นลิน พี่ตกใจมาก คิดว่าถ้ามะลิมาหาพี่ต้องเจอลินแน่ๆ พี่เลยรีบกลับบ้าน แต่กลับไปถึง มะลิหนีพี่ไปแล้ว พี่ช็อกเพราะไข้ก็ยังไม่ลด หลับไปอีกคืนนึง ตื่นมาถึงหาย พี่เรียกกวินมาหา ถามจากเพื่อนๆ ทุกคนไม่มีใครรู้ว่ามะลิไปไหน ทุกคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นมะลิถึงหนีพี่ไป แต่ลินยืนยันว่าไม่รูว่ามะลิเข้ามาหาหรือเปล่า เพราะลินเองก็หลับ”“หนูเข้าไปค่ะ เข้าไปเจอคุณลินด้วย เธอบอกว่าพี่ตั้งใจเรียกหนูมาเจอภาพนี้ เพราะไม่กล้าจะบอกให้หนูออกไปจากชีวิต เธอบอกว่าพี่เลือกเธอและกำลังจะแต่งงานกัน ขอให้หนูไปให้พ้นจากชีวิตพี่ หนูเลยไป”“หนูไป ทั้งๆ ที่หนูรู้ตัวว่าท้องลูกของพี่อยู่งั้นหรอ”“พี่น่าน รู้ได้ไงคะ”คนตัวบางร้องออกมาด้วยความตกใจ เรื่องนี้เธอไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้ เพราะตรวจเจอเช้าวันนั้น ก็มีเรื่องให้หอบผ้าหอบผ่อนหนีในเช้าวันนั้นเลย“เผือกเจอที่ตรวจท้องตกอยู่ใต้เตียงหนู”คนตัวบางก
“คุณพูดอะไรกับมะลิ”ดวงตาวาววับแดงก่ำเอาเรื่อง ไม่หลงเหลือแม้เศษเสี้ยวของความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กันอีกต่อไป“ทำไมคะ คุณแคร์เด็กนั่นขนาดนี้เลยหรอน่าน”“ผมบอกคุณไปกี่ครั้งแล้ว ว่าผมรักมะลิ เรื่องของเรามันจบแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณอีก”“แต่ลินไม่ยอมไง”“ไม่ยอมแล้วคุณจะทำอะไรได้ คนอย่างคุณมันหมดศักดิ์ศรีจนถึงขั้นต้องสร้างเรื่องโกหกแบบนี้เลยหรอ น่าสมเพชว่ะลิน”“ลินทำได้ทุกอย่าง ที่จะให้น่านกลับมาเป็นของลินอีกครั้ง เด็กนั่นมันหนีไปแล้ว คุณจะไปอาลัยอาวรณ์มันอีกทำไม คุณเคยรักลินมาก ทำไมจะกลับมารักอีกไม่ได้”“ฟังนะ ต่อให้มะลิหนีผมไปจนผมตามหาไม่เจอ ตลอดชีวิตนี้ผมก็ไม่คิดจะกลับไปยุ่งเกี่ยวกับคุณอีก กลับไปซะ แล้วอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก เพราะคราวต่อไป ผมคงไม่พูดจากับคุณดีๆ แบบนี้แล้ว และคุณจะได้เห็น ว่าคนอย่างผม มันทำอะไรคุณได้บ้าง”“น่าน”เด็กเผือกวิ่งตึงตังเข้ามาในห้องรับแขก มือหนึ่งถือไม้กวาด อีกมือหนึ่งกำแท่งสีขาวแน่นๆ หอบหายใจกระชั้น แต่ก็ละล่ำละลักพูดเรื่องสำคัญออกมาจนได้“คุณหมอคะ หนู หนูเจออันนี้ ตกอยู่ใต้เตียงคุณมะลิค่ะ”หมอหนุ่มรับแท่งสีขาวนั้นมาดูทันที แค่เพียงเห็นแวบแรก ก็รู้ได้ท
น่านฟ้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยขบเพราะพิษไข้ในเวลาบ่ายคล้อย หลายวันที่ผ่านมาเขาหักโหมทำงานจนแทบไม่ได้พักผ่อน แถมยังอยู่กับเชื้อโรคทุกวัน ร่างกายที่อ่อนแอทำให้เขาเป็นไข้จนได้สำนึกสุดท้ายที่เขาจำได้คือสั่งให้ยุวดีโทรตามมะลิให้มาหา ถ้าอย่างนั้น น้ำหนักของร่างกายที่นอนกอดก่ายซุกซบอกแกร่งของเขา คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากสุดยอดดวงใจของเขาเท่านั้นแม้จะยังมึนงงเพราะพิษไข้ แต่คนตัวโตกลับอิ่มเอมในหัวใจ เขากดจูบหน้าผากโหนกนูนอย่างแสนรัก แม้จะอดแปลกใจไม่ได้ว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวของเธอเปลี่ยนไป“อืมม หนูมานานแล้วหรอครับ”คนที่เพิ่งตื่น เงยหน้ามองเขาทันทีที่เขาทักทายเธอเป็นคนอื่น คนที่ยังไม่ทันหายป่วยตกใจจนขยับตัวหนีอัตโนมัติ ความรีบลุกขึ้นมานั่งทำให้เขาเวียนหัวจนต้องกุมขมับและนั่งพิงหัวเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงร่างกายที่เย็นวาบหลังจากผ้าห่มผืนหนาตกลงไปที่เอว ทำให้เขาได้สติ ยกผ้าห่มขึ้นสำรวจร่างกายก็พบว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว“เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมอยู่ในสภาพนี้”“ลินมาหาคุณ เห็นว่าคุณป่วยเลยเช็ดตัวและอยู่ดูแลคุณค่ะ”“มะลิล่ะ มะลิไปไหน”“ไม่รู้สิคะ ตั้งแต่ลินมาก็ไม่เห็นใคร
ยุวดี เลขาสาวสวยของหมอหนุ่มผู้อำนวยการโรงพยาบาล หอบหิ้วแฟ้มเอกสารเข้ามาวางในห้องทำงาน ก่อนจะช่วยแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดจัดข้าวของในห้องของเจ้านายหนุ่มให้เป็นระเบียบเรียบร้อย“คุณยุ คุณหมอยังไม่ตื่นเลยค่ะ ขนาดป้าดูดฝุ่นเสียงดังขนาดนี้ ป้าว่าแปลกๆ นะคะ”“อ้าว คุณหมอยังอยู่ในห้องหรอคะ ยุคิดว่าท่านไปตรวจคนไข้แล้วซะอีก”ยุวดียืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจเคาะประตูห้องนอนของเจ้านายหนุ่มแล้วเปิดเข้าไป เป็นอย่างที่ป้าแม่บ้านบอกจริงๆ สายป่านนี้แล้วแต่เจ้านายของเธอยังนอนนิ่งๆ ผิดวิสัยของเขาเป็นอย่างมาก เลยตรงดิ่งเข้าไปยกมือขึ้นมาอังหน้าผากแล้วก็ต้องหดมือกลับอย่างรวดเร็ว“อุ๊ย ตัวร้อนจี๋เลย คุณหมอคะ คุณหมอ ผอ. รู้สึกตัวไหมคะ”ยุวดีตกใจ ละล่ำละลักเรียกเขาแบบที่เคยเรียกทุกอย่าง ก่อนจะเขย่าตัวเพื่อปลุกให้คนป่วยรู้สึกตัว“อืม ยุ”“ค่ะ ยุเอง คุณหมอป่วยค่ะ ตัวร้อนจี๋เลย ให้ยุตามหมอมาดูอาการไหมคะ”“ไม่ต้อง ขอยาแก้ไข้ให้ผม แล้วโทรเรียกมะลิให้ผมที”ยุวดีเบิกตาโตด้วยความแปลกใจ เป็นไข้ทำไมไม่ให้ตามหมอ ทั้งๆ ที่เดินกันวุ่นอยู่เต็มโรงพยาบาล แต่กลับให้โทรตามน้องสาวนอกไส้ที่ครอบครัวของเขารับมาอุปการะเสี
“งั้นหนูนอนพักเถอะนะ เดี๋ยวพี่ต้องดูเคสต่อ จะเข้าไปประชุมกับอาจารย์หมอด้วย ช่วงนี้พี่คงไม่ได้กลับบ้านหลายวันเลย หนูมานอนกับพี่ที่นี่ไหม”“ไม่ได้หรอกค่ะ ช่วงนี้หนูไม่ได้ไปกองถ่าย ถ้าหายไปทั้งคืน คุณป้าสงสัยแน่ๆ แล้วคุณป้าก็มีโปรแกรมให้หนูพาไปหลายที่เลย ไม่รู้จะว่างไปหาพี่ได้หรือเปล่า”“อืม ไม่เป็นไรครับ ไปทำหน้าที่ลูกสะใภ้ที่ดีก่อนนะ พี่ทนคิดถึงหนูได้ งานพี่ก็หนัก คงไม่ค่อยได้พักเท่าไหร่ ถ้าหนูมาพี่ก็คงอดใจไม่ไหว สงสัยจะไม่มีแรงจับมีดผ่าตัด”“บ้า พี่น่าน ลูกสะใภ้อะไรกันคะ”“อ้าว หนูเป็นเมียพี่ไม่ใช่หรอครับ”“ก็แค่ทางพฤตินัย ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นอะไรกัน”“พี่ว่ามีคนรู้นะ”“ใครคะ ก็ไอ้เหนือกับไอ้พีทไง”“พี่สองคนเขารู้ได้ไงคะ พี่บอกหรอ”“กับไอ้เหนือ พี่ไม่ต้องบอกหรอก มันรู้เอง มันเห็นพี่แอบย่องเข้าบ้านหนู ส่วนไอ้พีท พี่ปรับทุกข์กับมันน่ะ เมียเด็กของพี่ไม่รัก”“หนูอยากจะตีพี่จริงๆ เลย เห็นไหม บอกแล้วว่าจะต้องมีคนเห็น บอกว่าไม่ต้องมาทุกวันก็ไม่ยอม หื่นจนได้เรื่อง ดีที่พี่เหนือเป็นคนเห็น ถ้าเป็นคนอื่นหนูซวยแน่ๆ แบบนี้หนูไม่กล้ามองหน้าพี่เหนือแล้ว”“ฮ่าฮ่าฮ่า อะไรกัน ไม่เห็นต้องอายเลย